ตอนที่ 244 โดนหลอกอีกครั้ง

เหตุใดเสียงของสตรีนางนั้นถึงดูคุ้นเคยเช่นนี้ ซูหวานหว่านพยายามตั้งใจฟังและพยายามสอดส่องดูว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร และก็พบว่าหญิงคนนั้นคือเฉียวหน่วนอวี้!

เหตุใดเฉียวหน่วนอวี้ถึงมาอยู่ที่เรือนของคุณชายถังได้ นางมีความสัมพันธ์อย่างไรกับคุณชายถัง ดูจากวิธีการคุยของพวกเขาแล้ว เห็นได้ชัดว่านางคุ้นเคยและรู้จักคุณชายถังเป็นอย่างดี!

ด้วยการปรากฏตัวของหญิงสาวอย่างเฉียวหน่วนอวี้ เป็นไปได้ไหมว่านางมีความสัมพันธ์กับคุณชายถังอีกคน พอเกิดความคิดแบบนี้ขึ้นมาซูหวานหว่านก็อดสงสัยไม่ได้ แต่นางก็ยังรู้สึกว่าคุณชายถังไม่น่าจะเป็นคนเช่นนั้น

ซูหวานหว่านกระโดดขึ้นไปซ่อนตัวในเงาบนกำแพงลานบ้าน แล้วเดินก้าวเข้าไปใกล้ ๆ ห้องรับรองอย่างช้า ๆ เพื่อที่จะได้ยินเสียงของทั้งสองคนให้ชัดเจนมากขึ้นกว่านี้

แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงคนตบโต๊ะดังขึ้น “คุณชายถัง! เหตุใดท่านถึงไม่ตอบข้า ไม่ใช่ว่าท่านตกหลุมรักซูหวานหว่านไปแล้วอย่างงั้นหรือ?”

เมื่อมองเข้าไปดี ๆ ก็พบว่าคนที่ตบโต๊ะคือเฉียวหน่วนอวี้ แรงกระทบโต๊ะทำให้น้ำชาสองถ้วยที่อยู่บนโต๊ะนั้นสั่นสะเทือน คุณชายถังนั่งหันหลังให้ซูหวานหว่าน ทำให้นางมองไม่เห็นสีหน้าของคุณชายถัง

“เป็นอะไรไป? เหตุใดถึงไม่พูด ท่านไม่รักข้าแล้วอย่างงั้นหรือ ท่านไม่ใช่เป็นคนพูดเองไม่ใช่เหรอว่าสามารถยอมทำทุกอย่างได้เพื่อข้า?” เฉียวหน่วนอวี้ถามคุณชายถังด้วยน้ำตาคลอเบ้า หญิงสาวสบตาอีกฝ่ายแล้วพูดออกมาว่า “คุณชายถัง ท่านเป็นคนไร้หัวใจจริงๆ!”

เมื่อซูหวานหว่านได้ยินแบบนี้นางก็ตกใจ เมื่อนึกถึงสิ่งที่คุณชายถังพูดมาก่อนหน้านี้หรือว่าหญิงที่หักอกคุณชายถังน่าจะเป็นเฉียวหน่วนอวี้?

แต่ตอนนี้เฉียวหน่วนอวี้ตกเป็นขององค์ชายรองแล้ว และนางจะแต่งงานเข้าไปในวังในฐานะนางชายาขององค์ชายสาม แล้วเหตุใดเฉียวหน่วนอวี้จะมาพูดจาเกลี้ยกล่อมคุณชายถังเพื่ออะไรกัน หรือว่าจะบอกว่านางจะแต่งงานเข้าบ้านคุณชายถังด้วยเช่นกัน ซูหวานหว่านยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ แต่นางยังอยากได้ยินว่าคุณชายถังจะตอบกลับไปว่าอะไร หากคุณชายถังหลงใหลในตัวของเฉียวหน่วนอวี้จริง ๆ นางจะออกจากบ้านของตระกูลถังทันที ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม!

ซูหวานหว่านแอบฟังบทสนทนาต่อไปด้วยลมหายใจที่แผ่วเบา ในที่สุดคุณชายถังก็พูดขึ้นมาว่า “แม่นางเฉียว ตอนนั้นข้ายังเด็กมาก อย่าได้คิดจริงจังไปเลย”

“เจ้าหมายความว่าอย่างไรที่บอกว่าอย่าคิดจริงจังไป?” เฉียวหน่วนอวี้พูดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินออกมา “คุณชายถัง วันนั้นท่านนัดเจอกับข้าที่ทะเลครั้งแรก ท่านบอกกับข้าว่าข้าเป็นรักแรกพบ คำพูดเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องจริงใช่หรือไม่ ท่านไม่จริงจัง แต่ข้าคิดจริงจัง!”

เมื่อมองเห็นเฉียวหน่วนอวี้ที่กำลังเศร้าสร้อย ซูหวานหว่านก็รู้สึกว่านางทนไม่ไหวแล้ว นางอดไม่ได้กับท่าทีของคุณชายถัง เขาจึงพูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “เฮอะ! แม่นางเฉียว ข้าเคยพูดกับเจ้าว่ารอให้ข้ากลับมาจากชนบทแล้วข้าจะมาสู่ขอเจ้า แต่เป็นเจ้าที่อยากจะปีนป่ายขึ้นไปหาของสูงอย่างองค์ชายสาม เจ้ามันก็เป็นได้แค่นางสนมขององค์ชายสามเท่านั้น! อีกทั้งยังมารื้อฟื้นความหลังด้วยคำพูดแบบนั้นกับข้าด้วยเหตุใด ข้าคิดว่าต่อให้เจ้าทาชาดหนาขนาดไหนมันก็ไม่สามารถปกปิดความหน้าด้านของเจ้าได้!”

พูดได้ดี! ซูหวานหว่านอดไม่ได้ที่จะปรบมือให้กับคุณชายถังภายในใจ

น้ำตาของเฉียวหน่วนอวี้ไหลลงมาอีกครั้ง “กล้าดีอย่างไรมาพูดแบบนี้กับข้า?! ถึงข้าจะอยู่กับองค์ชายสาม แต่ไม่ใช่เพราะท่านอยู่กับคนอื่นหรือ ข้าแต่งงานไปเป็นนางสนม! เมื่อท่านกลับมาถึงเมืองหลวง ข้าถึงได้รู้ว่าท่านยังคงเป็นท่านพี่ถังที่ข้ารู้จัก ถึงข้าจะรู้สึกเสียใจแต่มันก็สายไปแล้ว! แต่… หลังจากที่ข้าแต่งเข้าไปเป็นพระสนมขององค์ชายสามแล้ว ท่านยังสามารถมาหาข้าได้! ข้าสามารถอยู่กับท่านได้ คนที่ข้ารักอยู่ในใจเสมอมามันก็คือท่าน!”

“…”

คำพูดแบบนี้!

ไม่เห็นแก่ตัวเกินไปเหรอ!

ซูหวานหว่านรู้สึกปวดหัว เมื่อนึกถึงทัศนคติของคุณชายถังในตอนนี้ เขาน่าจะปฏิเสธคำขอของเฉียวหน่วนอวี้อย่างแน่นอน เมื่อคิดได้ดังนั้นนางจึงเดินออกไป

ซูหวานหว่านจึงไม่รู้ว่าหลังจากที่นางเดินออกไปแล้ว คุณชายถังก็ลุกขึ้นและสวมกอดเฉียวหน่วนอวี้ทันที!

“เจ้าคิดอย่างนั้นจริง ๆ เหรอ” คุณชายถังพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “หากเป็นเรื่องจริง ข้าจะตอบตกลง และข้าจะยกเลิกงานแต่งงานกับซูหวานหว่านทันที!”

“ท่านจะยกเลิกไปด้วยเหตุใด?” เฉียวหน่วนอวี้ก็หันไปกอดเอวของคุณชายถัง แล้วเงยหน้าขึ้นพูดออกมาอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ข้าต้องการให้เจ้าทำให้นางขายหน้าในวันแต่งงาน! แล้วหลังจากก็ค่อยเปลี่ยนให้นางมาเป็นคนรับใช้ พร้อมกับส่งนางเข้ามาในวังรับใช้ข้าที่วังขององค์ชายสาม! เมื่อนางเห็นข้ากับเจ้ารักกัน นางคงจะโกรธมากทีเดียว!”

“ตกลง” คุณชายถังตอบตกลงครั้งแล้วครั้งเล่า ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน “คำพูดของเจ้า ข้าจะทำตามทุกอย่าง”

หลังจากพูดอย่างนั้นออกมา คุณชายถังก็ประคองใบหน้าของเฉียวหน่วนอวี้เข้ามาประทับจูบ หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ใช้เวลาร่วมกันอยู่ในห้องตลอดทั้งคืน

ส่วนอีกด้านหนึ่ง ซูหวานหว่านได้เดินออกมาจากลานบ้านสกุลถัง เดินไปตามถนน หนทางในเมืองหลวงนั้นมีชีวิตชีวาและคึกคักเป็นอย่างมาก แต่ว่าซูหวานหว่านกลับรู้สึกหนาวที่หลังของนางแปลก ๆ นางมักจะรู้สึกเช่นนี้เมื่อมีคนกำลังจะมาปองร้ายฆ่านาง

ซูหวานหว่านมองดูกลุ่มฝูงชนที่อยู่บนท้องถนน จู่ ๆ นางก็รู้สึกเหงาขึ้นมา ร่องรอยของความเสียใจพลันปรากฏขึ้นมาภายในใจ เหตุใดนางถึงตอบตกลงคุณชายถัง?

มันคือความรักหรือความเห็นอกเห็นใจ หากแต่นางได้ตอบตกลงไปแล้ว และเสนอตัวพาตนเองเข้าไปอยู่ในบ้านของสกุลถัง ต้องใช้เวลาหนึ่งปีหรือสองปีอยู่ในตระกูลนั้นซึ่งมันน่าเบื่อเกินไปถ้าเป็นแบบนี้ มันน่าจะดีถ้านางได้อยู่กับฮวงเหล่า!

ซูหวานหว่านรู้สึกเสียใจอยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อนึกถึงฮวงเหล่า หูของนางก็ขยับขึ้นมาอย่างกะทันหัน ราวกับว่านางได้ยินเสียงของฮวงเหล่า!

หากตั้งใจฟังดี ๆ แน่นอนว่านางฟังไม่ผิด!

“ฮวงอวี๋อี! ท่านได้โปรดไปช่วยฮูหยินของเราด้วย! จู่ ๆ ฮูหยินของพวกเราก็ป่วยหนัก! หากท่านไม่ช่วยฮูหยินของพวกเรา ข้าจะทำลายป้ายร้านของท่านเอง!

ซูหวานหว่านหันกลับไปมอง ส่องสายตาเข้าไปตามรอยแตกของบ้านไม้ เมื่อมองเข้าไปก็ฮวงอวี๋อีกำลังยืนลูบเคราของตัวเอง พูดคุยอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนว่าน่าจะคนใช้ “บอกข้าทีว่าทำไมจะต้องมาทุบป้ายของข้า? อาการป่วยของฮูหยินพวกเจ้าข้าก็ไปดูไปตรวจมาแล้ว! และตระกูลของเจ้าก็เป็นคนขับไล่ลูกศิษย์ของข้าออกมาไม่ใช่หรือ? พวกเจ้าทำแบบนั้นเองก็คงจะรับกรรมไป จะมาขอร้องข้าไปเพื่ออะไร?”

ซูหวานหว่านก็เพิ่งรู้ว่าเรื่องนี้ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่อื่น แต่มันขึ้นอยู่กับตัวหมอ!

“ท่านอาจารย์” ซูหวานหว่านตะโกนและลุกขึ้นเดินเข้าไปทันที เมื่อเห็นฮวงเหล่านั่งลงกำลังตรวจโรคให้ชาวบ้านคนอื่นอยู่ นางก็รู้เลยว่าฮวงเหล่ามาตรวจโรคให้กับชาวบ้านโดยไม่คิดเงิน ซูหวานหว่านพูดแทนคนใช้ของตระกูลเฉียวว่า “ชีวิตของฮูหยินพวกเขาก็คือชีวิต ชีวิตของคนอื่นก็นับว่าเป็นชีวิตเหมือนกัน ท่านอย่ามัวเข้าใจผิดเรื่องของข้า ท่านอาจารย์ไปช่วยนางเถอะ!”

“ถูกต้อง! ลูกศิษย์ของข้าพูดถูก!” ฮวงเหล่าพูดขึ้นมาพร้อมกับลูบคางของตนเองแล้วลุกขึ้น พร้อมกับดึงซูหวานหว่านให้นั่งลงข้างเขา “ลูกศิษย์ของข้า! เจ้าคงทุกข์ทรมานอยู่ในตระกูลเฉียวมาก! เจ้าคอยอยู่ติดตามอาจารย์จะดีกว่า! ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าทุกข์ทรมานอีกต่อไป!”

พูดออกมาแบบนั้น ฮวงเหล่าก็ยังไม่มีท่าทางที่จะลุกไปไหน เขากดตัวของนางให้นั่งลงที่เดิม และพูดกับคนไข้ว่า “นี่คือลูกศิษย์ของข้า นางเก่งมาก! การตรวจและการรักษาของนางดีกว่าของชายชราแก่ ๆ อย่างข้าคนนี้มาก!”

ฮวงเหล่าก็ยังเป็นฮวงเหล่าไม่เปลี่ยน! ถ้ามีลูกศิษย์อยู่เขาก็ไม่อยากทำอะไรด้วยตนเอง! นางมาที่เมืองหลวงนี้เพื่อมาจัดการปัญหา! ซูหวานหว่านรู้สึกจนปัญญา ก่อนเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของตัวเอง ในที่สุดนางก็เพิ่งรู้ว่าเป่ยฉวนเฟิงหลิวยังไม่กลับมา!

คนรับใช้ที่ด้านข้างมองไปยังซูหวานหว่านและฮวงเหล่าด้วยความขมขื่น เพราะถึงพวกเขาจะนั่งลงคุกเข่า แต่ทั้งสองคนกลับไม่ได้สนใจแต่อย่างใด!

พวกเขากำลังคิดว่าจะทำอย่างไรดี พลันนายท่านเฉียวเดินเข้ามาพร้อมกับพูดว่า “ฮวงอวี๋อี! ช่วยด้วย! ฮูหยินของข้ากำลังเกิดเรื่องแล้ว!”

“ต่อให้ข้าต้องตายข้าก็จะไม่ทำ!” ฮวงเหล่ากล่าวออกมาพร้อมกับลูบเคราของตัวเอง นายท่านเฉียวสูดหายใจเข้าลึก ๆ และเห็นว่าคนไข้ที่เพิ่งรักษานั้นได้เดินออกไปแล้ว ตอนนี้ไม่มีผู้ใดอยู่ในห้อง ดังนั้นเขาจึงพูดกับซูหวานหว่านว่า “แม่นางซู เจ้าควรจะช่วยนาง แท้จริงแล้ว…ภรรยาของข้า… คือแม่ของเจ้า!”