ตอนที่ 245 ตัวตนที่แท้จริงของนางคือ

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

ตอนที่ 245 ตัวตนที่แท้จริงของนางคือ…

เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ซูหวานหว่านก็รู้สึกตกใจ หัวใจของหญิงสาวพลันเต้นแรงขึ้น คิ้วเรียงตัวสวยขมวดเข้าหากันและพูดว่า “นายท่านเฉียว ท่านกำลังเอ่ยสิ่งใดออกมา ท่านควรพูดอะไรให้มันชัดเจนเสียหน่อยนะ! ท่านพ่อและท่านแม่ของข้าตายไปนานแล้ว!”

“สิ่งที่ข้าพูดออกมาไม่มีสิ่งใดผิด ถ้าต้องการให้ข้าบอกความจริงกับเจ้า… เจ้าควรไปรักษาอาการป่วยของแม่เจ้าก่อน!” นายท่านเฉียวเอ่ยพร้อมกับมองไปที่ซูหวานหว่านด้วยท่าทางที่ไม่ยอม ราวกับคิดบังคับให้ซูหวานหว่านยอมรับในข้อตกลงนี้!

ความร้อนรนพลันปรากฏขึ้นภายในใจของหญิงสาว “ท่านว่าอย่างไรนะ? หากฮูหยินเฉียวเป็นแม่ของข้า พ่อของข้าคงจะไม่ใช่ท่านหรอกนะ?”

“แน่นอนว่าจะต้องเป็นข้า” นายท่านเฉียวพยักหน้ามุมปากกระตุกขึ้นเล็กน้อย และถามออกมาว่า “เป็นอะไรไป? เจ้าไปอยู่ข้างนอกมาหลายปีดีดัก ไม่ได้รับการเลี้ยงดูมาหรืออย่างไร”

ถ้อยคำของเขามันช่าง…! ซูหวานหว่านอยากจะตบหน้านายท่านเฉียวเป็นการตอบแทนสักฉาด!

“หากท่านเป็นพ่อของข้าจริง ทำไมถึงทิ้งข้าไว้ข้างนอกอีกทั้งยังทำกิริยาเช่นนี้ใส่ข้า แล้วยังมาทำแบบนี้กับข้าอีก หรือว่าท่านจะเป็นพ่อเลี้ยงของข้า?” ซูหวานหว่านเอ่ยเยาะเย้ยก่อนจะพูดเสริมออกมาอีกว่า “หากข้าเป็นลูกสาวแท้ ๆ ท่านคงจะไม่เอาข้าไปทิ้งที่อื่นตั้งแต่เกิด ท่านคิดว่าข้าไม่เข้าใจอย่างงั้นหรือ แต่นี้ท่านกำลังเห็นว่าข้ามีประโยชน์จึงเอ่ยเช่นนี้ ท่านคิดว่าข้าโง่งั้นเหรอ?”

คำพูดของซูหวานหว่านช่างเชือดเฉือน แม้กระทั่งฮวงเหล่าก็ไม่สามารถทนดูได้อีกต่อไป จึงเอ่ยออกมาอย่างโกรธเคือง “ไม่ต้องพูดว่าเรื่องนี้จริงหรือไม่จริง การที่เจ้ามาพูดกับลูกศิษย์ข้าเช่นนี้มันสมควรแล้วหรือ ไม่กลัวโดนประณามอย่างงั้นหรือ”

นายท่านเฉียวเงียบไปครู่ใหญ่แล้วพูดขึ้นมาว่า “เจ้ามีปานแดงรูปใบเฟิงเย่บนหลังของเจ้าใช่หรือไม่? และยังมีปานดำบนแขนของเจ้าอีกด้วย ข้าและแม่ของเจ้าถูกคนไล่ตามทำร้าย นางเลยหอบเจ้าหนีไป หลังจากคลอดเจ้าออกมานางก็หมดสติ เพื่อให้เจ้ามีชีวิตรอดต่อไปพวกเราจึงห่อเจ้าเอาไว้แล้วก็พาเจ้าไปที่สันเขา ก่อนพวกเราจะจากมาก็ได้เห็นหญิงคนหนึ่งช่วยเจ้าชีวิตเจ้าเอาไว้”

“ว้าว! ช่างเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ของพ่อแม่จริง ๆ!” ซูหวานหว่านเค้นเสียงหัวเราะเยาะออกมาทั้งที่ในใจตระหนก ด้วยนางยังไม่ได้เคยเอ่ยเรื่องปานของตัวเองแต่นายท่านเฉียวกลับพูดออกมาเสียก่อน!

นายท่านเฉียวคิดว่าซูหวานหว่านยังคงไม่เชื่อ ดังนั้นเขาจึงพูดออกมาว่า “เจ้านั้นมีไฝสีแดงที่เท้าซ้าย”

เท้าของนางนอกจากฉีเฉิงเฟิงแล้วก็ไม่มีผู้ใดเคยเห็นมันมาก่อน! และเขาก็คงไม่เคยคุยเรื่องนี้กับนายท่านเฉียวอย่างแน่นอน เช่นนั้นแล้วจะเป็นอะไรไปได้เสียอีกซะนอกจากว่า…นายท่านเฉียวพูดเรื่องจริง?

เช่นนั้นนางจะเป็นคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเฉียว แล้วเฉียวหน่วนอวี้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับนาง แต่หญิงสาวได้ยินข่าวลือมาว่าตั้งแต่ฮูหยินเฉียวคลอดลูกออกมา นางก็ไม่เคยมีความสุข อีกทั้งสภาพร่างกายของนางยังกลายมาเป็นแบบนี้ แน่นอนว่านางไม่มีทางที่จะคลอดเด็กคนอื่นออกมาได้!

“ถ้าเช่นนี้แล้วเฉียวหน่วนอวี้มาจากที่ใด?” ซูหวานหว่านเอ่ยถามขึ้นมา เมื่อนางคิดถึงใบหน้าของเฉียวหน่วนอวี้ จึงรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ

เมื่อเปรียบเทียบหน้าตาของทั้งสองคนแล้ว แน่นอนว่าหน้าตาของพวกนางไม่ได้มีความคล้ายคลึงกันเลยแม้แต่น้อย!

“เจ้าไม่จำเป็นต้องถาม รู้แค่ว่าใครเป็นพ่อแม่ของเจ้าก็พอ!” นายท่านเฉียวพูดออกมาอย่างเย็นชา พร้อมจ้องมองไปที่ซูหวานหว่าน “ยังไม่รีบกลับไปช่วยแม่ของเจ้าอีก!”

เมื่อมองดูท่าทางของเขา ไม่เพียงแต่เขาไม่เหมือนพ่อนางแล้ว แต่ก็ยังดูไม่เหมือนพ่อเลี้ยงอีกด้วย! ซูหวานหว่านกลอกตาและมองสบตากับฮวงเหล่าพร้อมพูดออกมาว่า “ท่านอาจารย์ ท่านคิดว่าศิษย์คนนี้ควรช่วยนางดีหรือไม่ ตอนนี้มันเป็นเรื่องที่น่าลำบากใจ แล้วเขาก็มาบอกว่าเป็นพ่อของข้า ไม่เคยถามสิ่งใดกับข้า อีกทั้งยังกล้าทำหน้าเหมือนว่าข้าเป็นลูกสาวของเขา! ที่เขาพูดมามันคือเรื่องจริงหรือไม่?”

“เจ้าจะพูดแบบนั้นไม่ได้! อาจารย์คนนี้มองออกว่าเขาป่วย อย่าคิดมากไปเลย” ฮวงเหล่าพูดออกมาพลางมองไปที่นายท่านเฉียวอย่างไม่พอใจ และเอ่ยขึ้นมาเสียงดังกว่าเดิมว่า “ออกไปจากที่นี่ซะ! ถ้าเจ้าต้องการรับลูกศิษย์ของข้าเป็นลูกก็ฝันไปเถอะ ข้าจะไม่ให้นางยอมรับเจ้าในฐานะพ่อเด็ดขาด!”

“…”

เมื่อเห็นทั้งสองคนกลายเป็นแบบนี้ นายท่านเฉียวรู้สึกเสียใจและนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าของซูหวานหว่านทันทีพร้อมกับพูดออกมาว่า “ซูหวานหว่าน! เจ้ารีบกลับบ้านเร็ว! รีบไปช่วยรักษาแม่ของเจ้า จากนั้นข้าจะไปศาลาว่าการเพื่อทำการรับรองว่าเจ้าเป็นลูกสาวตระกูลเฉียว!”

“ข้ารับปากว่าจะไปช่วยรักษาฮูหยินเฉียวก็ได้” ซูหวานหว่านตอบตกลง ด้วยนางรู้สึกไม่สบายใจ “ทว่าที่ข้าตอบตกลงไม่ใช่เพราะว่าท่านเป็นพ่อของข้า และก็ไม่ใช่เพราะว่าฮูหยินเฉียวเป็นแม่ของข้า สิ่งที่ข้าอยากจะบอกกับท่านก็คือข้าเคยชินกับการที่ไม่มีพ่อแม่แล้ว ถ้าท่านจำข้าได้ตั้งวันแรกที่พบกัน ข้านั้นอาจจะตอบตกลงยอมรับ แต่ตอนนี้ท่านกลับเดินมาพูดกับข้าด้วยสายตาที่ห่างเหิน มาบอกว่าข้าเป็นลูกสาวของท่าน ข้าต้องขอโทษด้วยที่ไม่อาจยอมรับได้!”

เขาเป็นถึงพ่อค้าเกลือ! มีทรัพย์สินมากมาย! ดูเหมือนว่าซูหวานหว่านจะไม่ชอบมัน! นายท่านเฉียวรู้สึกเหลือเชื่อและโกรธมาก “ดังนั้นเจ้าเลยวางแผนที่จะช่วยแม่ของเจ้าก็เพราะว่าอยากจะแสดงถึงความกตัญญูเพียงเท่านั้น?”

“ท่านก็ไม่ได้โง่” ซูหวานหว่านกล่าวพร้อมเดินออกไป แต่นายท่านเฉียวยังคงยืนอยู่ที่เดิม และพยายามขอร้องอ้อนวอนฮวงเหลา “ฮูหหยินของข้าอาการสาหัสมาก ข้าหวังว่าฮวงอวี๋อีจะไปช่วยดูอาการของนางด้วย”

“ฮึ่ม!” ฮวงเหล่าพ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชา “ข้าไม่ว่าง! ข้าไม่ไป! ข้ามั่นใจถึงความสามารถของลูกศิษย์ของข้าดี ถึงแม้ว่ายมบาลจะต้องการให้ฮูหยินของเจ้าตาย ลูกศิษย์ของข้าก็สามารถช่วยยื้อชีวิตของนางได้!”

“…”

ในช่วงเวลาเป็นตายแบบนี้ เหตุใดเขาถึงยังพูดถ้อยคำหยาบคายเช่นนี้ออกมาได้! มันจะมากเกินไปแล้ว! นายท่านเฉียวยิ่งโมโหมากขึ้นเรื่อย ๆ สายตาดุร้ายปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าซูหวานหว่านเดินออกไปไกลแล้ว จึงเดินตามออกไปในทันที

เมื่อเดินมาถึงบ้านตระกูลเฉียว ซูหวานหว่านผลักประตูห้องนอนของเฉียวฮูหยิน ก็พบว่านางนอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าซีดเซียว เหงื่อไหลซึมออกมามาก ซูหวานหว่านรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย แต่เมื่อนางนึกถึงเรื่องที่ฮูหยินเฉียวทำในตอนนั้น หัวใจของนางก็กลับมาเย็นชาอีกครั้ง

ซูหวานหว่านพยายามดึงสติตัวเองกลับมา และทำการตรวจและรักษาอาการของเฉียวฮูหยินทันที จากนั้นจึงเขียนใบสั่งยา เมื่อเห็นเฉียวฝู่ที่ยืนดูด้วยอาการประหม่า นางก็โยนใบสั่งยาทิ้งไปให้พร้อมกับกล่าวว่า “นายท่านเฉียว ในเมื่อท่านรักฮูหยินเฉียวมาก ท่านก็ไปต้มยาให้นางด้วยตนเอง เพื่อที่ป้องกันไม่ให้คนอื่นวางยาพิษได้!”

“เจ้าเป็นหมอ ทำไมถึงไม่ทำเอง นี่มันก็ดึกมากแล้วจะให้นายท่านไปต้มยา มันจะไปมากเกินไปหรอกเหรอ!” สาวใช้ที่อยู่ข้าง ๆ ร้องออกมาด้วยความตกใจ

“การมารักษาในครั้งนี้ข้าไม่ได้รับเงิน และข้าก็มาที่นี่ตอนกลางดึกเพื่อมารักษาฮูหยินของเจ้า ทำไมกัน? เจ้าจะให้ข้าไปต้มยาอยู่อีกเหรอ” ซูหวานหว่านพูดพร้อมกับจ้องมองไปที่คนใช้คนนั้นอย่างเย็นชา หญิงสาวหยิบเข็มเงินออกมาโดยไม่พูดอะไร

หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ นายท่านเฉียวก็ออกไปต้มยาและคนใช้ต่างก็พูดยกย่องนายท่านเฉียวที่รักและดูแลฮูหยินเฉียวอย่างดี

เมื่อซูหวานหว่านได้ฟังนางก็มักจะรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่แปลกประหลาด ความรู้สึกรังเกียจผุดขึ้นในใจของนาง หากนายท่านเฉียวดีต่อฮูหยินเฉียวจริง ๆ ทำไมเขาไม่รักษานางให้หายตั้งแต่นางเริ่มป่วยตั้งแต่แรก เหตุใดถึงปล่อยให้นางปวดหนักถึงขนาดนี้

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ของตระกูลที่ร่ำรวย ซูหวานหว่านก็สั่นสะท้าน นางควรจะหวงแหนชีวิตของตัวเอง มันคงจะดีกว่านี้ถ้านางรู้เรื่องนี้น้อยลง

ซูหวานหว่านปลดเสื้อผ้าของฮูหยินเฉียว และลงมือฝั่งเข็มในทันที จนกระทั่งเวลาผ่านไปหนึ่งเค่อ ซูหวานหว่านก็รู้สึกเหนื่อยมาก หลังจากนั้นนางก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาและชุบน้ำแร่ในมิติฟาร์มนำมาเช็ดร่างกายของฮูหยินเฉียว ทันใดนั้นฮูหยินเฉียวลุกขึ้นนั่งและบีบคอของซูหวานหว่านอย่างแรง!

“ปล่อย!” ซูหวานหว่านรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะหายใจไม่ออก!