ตอนที่ 28 ยืมมีดฆ่าคน

กระบี่สะบั้นเก้าสวรรค์

ซวีจือเฟิงเป็นคนสนิทที่มากความสามารถของผู้อาวุโสของตระกูลจี้  เขาได้รับความไว้วางใจและความนับถืออย่างสูงจากผู้อาวุโสสอง แม้กระทั่งมอบหมายให้ดูแลโรงหลอมตงเจียว

 

สำหรับจี้เทียนซิงแล้วซวีจือเฟิงไม่ใช่คนแปลกหน้า คนผู้นี้เป็นคนฉลาดและมีความสามารถมากในสายตาของเขา

 

แต่เขาก็คาดไม่ถึงซวีจือเฟิงจะมาปรากฏตัวในเมืองเล็กๆใกล้เทือกเขาเย่ นอกจากนี้ยังลักลอบติดต่อกับกลุ่มคนลึกลับเพื่อแลกเปลี่ยนสินค้าของตระกูลอีกด้วย !

 

“หรือว่าคนผู้นี้จะโลภมาก แอบขโมยสินค้าของตระกูลไปขายอย่างลับๆ ?”

กล่องที่บรรจุกระบี่ขั้นล้ำลึกนั้นมีมูลค่ามากกว่าหนึ่งล้าน…. ไม่ได้ ข้าต้องตรวจสอบให้แน่ชัด*!”*

จี้เทียนซิงกุมกระบี่มังกรโลหิตในมือ นัยน์ตากะพริบด้วยแสงเย็นเยียบ

 

ในเวลานี้เองซวีจือเฟิงและชายชุดดำอีกคนก็เดินออกจากวิหารเคียงข้างกันและกำลังจะลงจากภูเขา

 

จี้เทียนซิงกระโดดลงจากยอดไม้ ทันใดนั้นเสียง ‘ตุบ’ก็ตกลงบนพื้นดินและร่างของชายหนุ่มก็ปิดกั้นทางของซวีจือเฟิงและชายชุดดำ

 

ซวีจือเฟิงและชายชุดดำไม่ได้ป้องกันตัวเพราะไม่คิดว่าจู่ๆจะมีคนลงมาจากฟ้า ทั้งสองตกตะลึงในทันทีและจ้องมองไปที่จี้เทียนซิงอย่างระแวดระวัง

 

หลังจากได้เห็นใบหน้าของจี้เทียนซิง ซวีจือเฟิงก็หน้าเหวอและพูดติดอ่าง “คะ …. คุณชายใหญ่…… เป็นท่านได้อย่างไร ?”

 

จี้เทียนซิงจ้องมองไปที่อีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชาและถามว่า “ว่าไง ซวีจือเฟิง ! เจ้ากล้าขโมยกระบี่ของตระกูลไปลักลอบขายส่วนตัวงั้นหรือ !?”

 

ใบหน้าของซวีจือเฟิงกลายเป็นน่าเกลียดสุดๆ และมันก็โต้เถียงอย่างรวดเร็ว “คุณชายใหญ่ ท่านเข้าใจผิดแล้วขอรับ ข้าน้อยภักดีต่อตระกูลจี้และผู้อาวุโสจี้เจี่ย”

 

จี้เทียนซิงดูเย็นชาและเดินเข้าประชิดตัวอีกฝ่ายพลางตะโกนออกมาอย่างเย็นชาอีกครั้งว่า “เข้าใจผิด ? ดี ! งั้นเจ้าก็สำแดงรายการที่แลกเปลี่ยนกับคนพวกนั้นมาเสีย !”

 

ทุกๆการทำธุรกรรมของโรงหลอมในการดูแลของจี้เจี่ยนั้นจะต้องมีบัญชีแสดงรายการเสมอ

ธุรกรรมใดๆที่มีมูลค่ามากกว่า 10,000 เหรียญเงินจะต้องมีเอกสารที่เขียนด้วยลายมือ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกล่องที่บรรจุกระบี่ขั้นล้ำลึกกว่า 20 เล่มที่มีมูลค่ามากกว่าหนึ่งล้านเหรียญ

 

เมื่อซวีจือเฟิงได้ยินว่าอีกฝ่ายให้แสดงหลักฐาน ทันใดนั้นใบหน้าของมันก็กลายเป็นน่าเกลียดยิ่งขึ้น มันหลบสายตาและไม่กล้ามองตาจี้เทียนซิง

 

เมื่อเห็นท่าทางกระอักกระอ่วนของอีกฝ่าย จี้เทียนซิงยิ่งแน่ใจว่าการธุรกรรมครั้งนี้ย่อมผิดปกติ ชายหนุ่มตะโกนอีกครั้งว่า “ซวีจือเฟิง นายน้อยผู้นี้มั่นใจว่าเจ้าไม่กล้าทำเรื่องนี้ด้วยตัวเองแน่ พูด !  เจ้าทำงานให้ใคร ?!”

 

ดวงตาของซวีจือเฟิงส่องประกายด้วยความลังเลและหันไปมองชายชุดดำที่อยู่ข้างๆ  จากนั้นมันก็ถอนหายใจเมื่อตัดสินใจอะไรได้บางอย่าง

 

เมื่อมันเงยหน้าขึ้นมองจี้เทียนซิงอีกครั้ง ใบหน้าของมันก็ปกคลุมไปด้วยความเย้ยหยันราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน

 

“คุณชายใหญ่ ! ในเมื่อท่านรู้เรื่องแล้วก็จงอย่าโทษข้าต่อเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้เลย  นี่คือสิ่งที่ท่านบังคับให้ข้าต้องทำ !”

 

“เก็บมันซะ !”

ซวีจือเฟิงคำรามเสียงต่ำต่อชายชุดดำที่อยู่ข้างๆ จากนั้นชายชุดดำก็กระโจนเข้าหาจี้เทียนซิงด้วยมือที่เหมือนกรงเล็บ  พวกมันคว้าไปที่ศีรษะและลำคอของชายหนุ่ม

 

ชายชุดดำมีความแข็งแกร่งในเขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงขั้นที่ 2 ในสายตาของเขา ต่อให้ไม่มีอาวุธในมือ เขาก็ยังสามารถฆ่า ‘เด็กน้อย’อย่างจี้เทียนซิงได้

 

 

“รนหาที่ตาย !”

จี้เทียนซิงเผยแววตาที่เย็นชาและตั้งท่าเตรียมรับการโจมตีของอีกฝ่าย

ชายชุดดำพุ่งเข้ามาอย่างดุดัน แต่ชายหนุ่มก็เบนหลบไปด้านเพื่อหนีการโจมตีของมัน

เปรี้ยง !
จากนั้นจี้เทียนซิงก็ซัดฝ่ามือที่แฝงไว้ด้วยปราณกระบี่และยิงเข้าใส่กลางหลังของชายชุดดำ

ทันใดนั้นเองชายชุดดำก็เซถอยหลังไปหลายก้าวก่อนที่จะหยุด

 

ยามที่มันหันหลังกลับมาและเตรียมที่จะลงมืออีกครั้ง ปากของมันก็มีโลหิตสดๆฉีดพุ่ง ความแข็งแกร่งของมันหดวูบอย่างรวดเร็ว

 

“นี่มันอะไร… !  เจ้า…. เจ้าทำอะไร !?”

ชายชุดดำคำรามใส่จี้เทียนซิงด้วยความสงสัยในขณะที่ร่างกายสั่นสะท้านและเดินเซไปเซมา ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยการแสดงออกที่เหลือเชื่อ แต่มันก็ไม่อาจพูดอะไรได้อีกแล้ว ในที่สุดมันก็ทรุดลงกับพื้นหญ้าและล้มตัวลง

 

ซวีจือเฟิงรูม่านตาหดวูบ มันเห็นกับตาว่ายอดฝีมือของมันถูกสังหารด้วยน้ำมือจี้เทียนซิง และทันใดนั้น แม้จะเต็มไปด้วยความสงสัย แต่มันก็รีบลงมือต่อชายหนุ่มในทันที

 

จี้เทียนซิงเหวี่ยงกระบี่มังกรโลหิตออกไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า แทงกระบี่เข้าหาใบหน้า ลำคอและหน้าอกของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด

 

ซวีจือเฟิงถูกบีบให้ต้องถอยร่นและหลบอย่างต่อเนื่อง

 

หลังจาก 7 กระบวนท่าผ่านไป มันตื่นตระหนกต่อความไวของกระบี่ของชายหนุ่มจนเผยช่องโหว่และถูกแทงเข้าทันที

 

กระบี่มังกรเลือดที่ไร้เทียมทานเจาะเข้าที่ไหล่ของอีกฝ่ายโดยตรงจนเผยให้เห็นกระดูกขาวที่หัวไหล่

 

“อ้ากกกก !”
ซวีจือเฟิงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าของมันซีดเซียวและเหงื่อเย็นไหลโชกหน้าผาก

 

ถึงแม้ว่ามันจะไม่อยากเชื่อ แต่มันก็ต้องยอมรับความจริงว่าความแข็งแกร่งของจี้เทียนซิงไม่ได้อยู่ในระดับปรับแต่งกายา และเป็นไปได้สูงมากว่าจะกลับเข้าสู่เขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงแล้ว !

 

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ซวีจือเฟิงก็ไม่คิดสู้สืบไป มันทะยานด้วยสองเท้าและพยายามหนีสุดชีวิต

แต่มันก็ไปไหนได้ไม่ไกลกว่า 10 เมตรและถูกจี้เทียนซิงตามทัน

 

“จะหนีไปไหน!”

จี้เทียนซิงร่ำร้องออกมา และในทันทีที่ประชิดถึงด้านหลังของอีกฝ่าย ชายหนุ่มก็ซัดฝ่ามืออัดเข้าที่กลางหลังของมันจนล้มลงกับพื้น

 

ก่อนที่ซวี่จือเฟิงจะลุกขึ้นได้นั้น จี้เทียนซิงก็เหยียบที่ไหล่ของเขาเพื่อกดร่างมันให้นอนลงกับพื้น และชี้ปลายกระบี่มังกรโลหิตไปที่ลำคอของอีกฝ่าย

 

“ใครสั่งให้เจ้าทำเช่นนี้  พูด !”

ร่างของซวีจือเฟิงถูกกดลงไปบนพื้นหญ้าและขยับไม่ได้ มันรู้ตัวว่ากำลังอยู่ในเวลาคับขันเป็นตายและไม่มีทางหนีไปได้ แต่มันก็ยังกล้าแสดงสีหน้าเย้ยหยันออกมา

 

“เหอเหอ …. คุณชาย  ข้าไม่รู้เลยว่าท่านจะเก็บงำพลังฝีมือได้ลึกล้ำเช่นนี้”

“แต่หากท่านต้องการถามเบาะแสจากปากของข้า ไว้รอชาติหน้าเถิด !”

หลังจากพูดจบ ลมหายใจของมันก็เริ่มอ่อนลงทุกที จมูกและปากของมันมีโลหิตไหลทะลักออกมาอย่างไม่ขาดสาย

 

หลังจากนั้นไม่นานมันก็หลับตาลงและไม่อาจพูดอะไรได้อีกแล้ว

 

สีหน้าของจี้เทียนซิงเปลี่ยนไป เขารีบสำรวจชีพจรของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว แต่ช้าไปก้าวหนึ่ง ซวีจือเฟิงสะบั้นชีพจรตนเองตายไปเสียแล้ว

“บ้าชิบ ! เป็นใครกันนะที่ทำให้มันยอมตายแต่ไม่ยอมซัดทอดไปถึงตัวการใหญ่ ? “

จี้เทียนซิงมีสีหน้ามืดมนและสอดกระบี่คืนฝักในขณะที่กระซิบกับตัวเอง

 

ซวีจือเฟิงยอมตายไม่ยอมพูดจนชายหนุ่มรู้สึกว่าเรื่องนี้ใหญ่โตกว่าที่ตนเองคาดไว้

หากเรื่องนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับลุงสองของเขา เขากลัวว่ามันจะเป็นภัยรายแรงต่อตระกูลจี้

 

จี้เทียนซิงค้นศพของซวีจือเฟิงและชายชุดดำเพื่อต้องการดูว่าตนเองจะพบเบาะแสบางอย่างหรือไม่

 

น่าเสียดายที่ร่างของทั้งสองมีเพียงเงินและของกระจุกกระจิกเล็กน้อยเท่านั้นและไม่มีเงื่อนงำอะไรที่เป็นประโยชน์เลย

 

จี้เทียนซิงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้และออกจากบริเวณวิหารเพื่อลงจากเขาทันทีกลับไปในเมืองทันที

 

…..

 

 

หลังจากผ่านไปได้ครึ่งชั่วโมง ในวิหารเก่าทรุดโทรมก็มีเงาร่างสองร่างเดินออกมา

 

คนแรกคือชายหนุ่มวัยเยาว์ในชุดสีเขียว รูปร่างสูงโปร่งหลังเหยียดตรงและให้เห็นถึงความเป็นคนไม่ธรรมดา  คนผู้นี้ก็คือจี้ห่าว !

 

ส่วนชายอีกคนที่อยู่ข้างหลังใส่ชุดเกราะหนังสีดำ ท่าทางเหมือนผู้ติดตาม

 

ชายคนนั้นจ้องมองไปที่ร่างทั้งสองที่อยู่ไม่ไกลด้วยใบหน้าที่ดูหม่นหมอง “คุณชายครับ   คุณชายใหญ่พบเรื่องนี้แล้ว พวกเราทำอย่างไรดีครับ ?”

 

ในขณะที่ถามจี้ห่าว ชายผู้นั้นก็ทำท่าเชือดคอ

 

จี้ห่าวขมวดคิ้วและมีสีหน้ามืดครึ้ม “พวกเราต้องลงมือเลย แต่ไม่ว่าจะปกปิดอย่างไรย่อมมีร่องรอยให้สาวถึงตัวอยู่วันยังค่ำ  ทางที่ดีพวกเราควรจะยืมมีดฆ่าคน”

 

“นี่เป็นที่ตั้งของเมืองหยุนโจว  อืม…. ตระกูลกู่สินะ  แม้ว่าหยุนโจวจะห่างจากเมืองจักรวรรดิ แต่ข้าก็จำได้ว่าตระกูลกู่อาศัยอยู่ในเมืองชางอวิ๋นที่อยู่ห่างออกไป 100 ไมล์ ”

 

“เจ้าส่งสาสน์ไปยังตระกูลกู่ บอกพวกเขาว่าจี้เทียนซิงอยู่ในเมืองไต้ห่าวใกล้เทือกเขาเย่  มันมารอตามหาดอกไม้ดาราแดงที่กำลังจะบานในอีกไม่กี่วันข้างหน้า   ข้ามั่นใจว่ากู่อวี้ย่อมไม่พลาดโอกาสทองที่จะได้ล้างแค้นให้บุตรชายของนางเป็นแน่ !”

 

“นอกจากนี้อย่าลืมเตือนตระกูลกู่ไปด้วยว่า จี้เทียนซิงแข็งแกร่งคล้ายกับว่าจะฟื้นฟูไปยังเขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงได้แล้ว”