ตอนที่ 299: ยุทธภัณผู้คุมกฎ
หญิงในชุดเหลือคนนี้เป็นเป็นหญิงคนเดียวกับที่เจี้ยนเฉินบังเอิญไปพบเข้าในตอนที่เจี้ยนเฉินกำลังอาบน้ำอยู่ที่แม่น้ำเดียวกันด้านนอกเมืองเวค
เมื่อเห็นว่าเจี้ยนเฉินจำนางได้ ความทรงจำของหญิงสาวก็กลับเข้ามาในหัว หญิงสาวรู้สึกอายมาก และความเกลียดชังมากมายก็ระเบิดอยู่ในใจของนาง นางตะโกนออกมาอย่างโกรธจัดและพุ่งไปที่เจี้ยนเฉิน
จนถึงตอนนั้น หญิงสาวคนนี้ไม่เคยถูกผู้ชายแอบดูตอนอาบน้ำมาก่อน ดังนั้น นั่นจึงเป็นเหตุการณ์ที่ขมขื่นที่เกิดขึ้นในชีวิตของนาง นางคิดมาตลอดที่จะตามหาชายที่กล้ามองเรือนร่างของนางและลงโทษเขา อย่างไรก็ตม หลังจากที่ออกไปจากเมืองเวค นางก็ไม่พบร่องรอยของเจี้ยนเฉินเลย ซึ่งทำให้ความรู้สึกเกลียดของนางค่อย ๆ หายไป อย่างไรก็ตาม ในวันนี้เมื่อนางได้พบเจี้ยนเฉินอีกครั้ง หัวใจของนางก็ระเบิดความโกรธออกมาทันที
เจี้ยนเฉินมองไปที่นางด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด การโจมตีแรกของหญิงคนนั้นทำให้เขาทึ่ง แต่เขาก็ไม่ได้ขลาด กลับกัน จิตวิญญาณในการต่อสู้ของเขากลับลุกโชนขึ้นมาสูงสุด
ในขณะที่ทั้งสองปะทะกัน หญิงคนนี้ก็ตระหนักได้ถึงบางอย่าง ในตอนนี้ ความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินแตกต่างอย่างมากจากแต่ก่อน
“เซียนปฐพี เจ้าพัฒนาการมาจนถึงขอบเขตนี้แล้วหรือ? เป็นไปได้อย่างไรกัน? ในตอนนั้น ความแข็งแกร่งของเจ้ายังไม่ยังห่างไกลจากข้าและเทียบข้าไม่ได้เลย แค่ไม่กี่ปีผ่านไปเท่านั้น ความแข็งแกร่งของเจ้ามันพุ่งพรวดจนสามารถเป็นคู่มือของข้าได้อย่างไรกัน ? ” หญิงคนนี้ร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ นางมองไปที่ใบหน้าที่หล่อเหลาของเจี้ยนเฉินและไม่อยากจะเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง แม้ว่านางจะประหลาดใจ แต่นางก็สู้กับเจี้ยนเฉินต่อด้วยกระบี่สีฟ้าของนางที่ส่งพลังเซียนธาตุน้ำออกมาในขณะที่นางต่อสู้
“แม่นาง อุบัติเหตุตอนนั้นเป็นความเข้าใจผิด แม้ว่าพวกเราจะยังสู้กันต่อ ผลลัพธ์ก็ไม่เกิดอะไร ทำไมพวกเราไม่หยุดสู้กันก่อนล่ะ ? ” แม้ว่ามันจะเกิดขึ้นนานแล้ว เจี้ยนเฉินก็ยังคงรู้สึกผิด ยังไงคนผู้นี้ก็คือผู้หญิง และเขาก็บังเอิญไปเห็นของสงวนของนางเข้า นี่ทำให้เขารู้สึกผิดอย่างมาก
“เจ้าชั่ว อย่าบังอาจคิดถึงเรื่องนั้นนะ! ข้าจะสั่งสอนบทเรียนให้กับเจ้าเอง!” เมื่อยินเจี้ยนเฉินพูดถึงเรื่องต้องห้ามในตอนนั้น หญิงสาวก็คำรามออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว นางกระโจนถอยหลังแล้วเอาธนูสีทองยาวออกมาจากหลังของนางแล้วเล็งไปที่เจี้ยนเฉินทันที
หลังจากที่ธนูถูกดึงสายไปด้านหลัง ลูกธนูที่เป็นพลังงานบริสุทธิ์ก็เริ่มปรากฏออกมา ธนูทั้งคันเริ่มเปล่งคลื่นพลังงานมากมายออกมาทันทีที่ลูกธนูปรากฎขึ้นมาทั้งดอก
เจี้ยนเฉินตะลึงตอนที่มองไป จิตใจของเขาเชื่อมโยงว่า ธนูยาวนี้ต้องเกี่ยวกับการโจมตีในครั้งแรกแน่ เขาไม่ลังเลแม้แต่น้อยแล้วกระโจนไปด้านหลังยอดเขาด้านหลังทันที
ในตอนนี้เอง หญิงสาวก็ปล่อยสายธนูและส่งลูกธนูพลังงานออกไป ลูกธนูบินไปด้วยความเร็วสูงไปยังยอดเขาที่เจี้ยนเฉินหลบอยู่ด้านหลัง
“ปัง ! “
เสียงดังเสียดหูตามมา ยอดเขาสูง 300 เมตรก็ถล่มและก้อนหินมากมายก็ลงมาทันที
ร่างของเจี้ยนเฉินที่ปกคุลมไปด้วยเถ้าก็บินออกมาจากเศษหินด้วยความทึ่ง ธนูยาวที่หญิงสาวคนนี้ครอบครองนั้นแข็งแกร่งเกินไป ! เขาไม่รู้ว่าอาวุธประเภทนี้คืออะไร แต่มันก็สามารถปล่อยพลังงานออกมาเท่ากันกับที่ปืนใหญ่ผลึกแกนอสูรสามารถปล่อยออกมาได้
ในตอนที่เจี้ยนเฉินลงมาบนพื้น หญิงสาวก็ยิงลูกธนูตรงมาที่เขาอีกครั้ง
เจี้ยนเฉินตะลึงแล้วฉากหลบออกไปข้าง ๆ ทันที ในขณะที่ลูกธนูสีทองก็บินมาตรงที่ที่เจี้ยนเฉินเคยอยู่
“ปัง!”
ยอดเขาอีกยอดพังทลายจากการโจมตีจากความยิ่งใหญ่ของธนูยาวสีทอง ลูกธนูทุกดอกมีความสามารถในการทำลายยอดเขาและสามารถทำให้แม้แต่เซียนปฐพีแน่นิ่งไปได้ ธนูยาวนี้อาจจะสามารถสู้กับเซียนสวรรค์ได้ด้วยซ้ำ !
ร่างของเจี้ยนเฉินกระพริบหายไปจากสายตาในตอนที่เขาหลบลูกธนูของหญิงสาว แม้ว่าลูกธนูจะพุ่งมาอย่างเร็วมาก แต่เจี้ยนเฉินก็ไม่ได้ช้าไปกว่ามันเลย เขาสามารถหลบลูกธนูได้เสมอในตอนท้าย
หลังจากนั้นสักพัก เจี้ยนเฉินก็เริ่มสูญเสียกำลังไป เขาไม่กล้าที่จะรับลูกธนูเพราะธนูแต่ละดอกนั้นสามารถสร้างความเสียหายได้อย่างมากมาย
“เจ้าชั่ว ถ้าเจ้ายังเป็นลูกผู้ชายอยู่ อย่าคิดจะหนีนะ!” นางปล่อยห่าธนูออกมากว่ายี่สิบดอกและร้องออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว
“ข้าไม่อยากจะยืนอยู่ตรงนี้เพื่อเป็นเป้ามีชีวิตให้เจ้ายิงหรอกนะ ข้าไม่ได้โง่ขนาดนั้น” เจี้ยนเฉินพูดออกมา
“เจ้า…” หญิงสาวหน้าแดงไปด้วยความโกรธ แม้ว่านางจะยังรู้สึกโกรธเจี้ยนเฉิน แต่นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึสึกสับสน ในอดีต อยากที่จะทำให้คนที่เห็นร่างเปลือยของนางกลายเป็นเศษเนื้อไป แต่ในตอนนี้ นางก็ตระหนักได้ว่าเจ้าคนร้ายที่เคยเห็นและสัมผัสนางนั้นเติมโตมาอยู่ในระดับเดียวกันกับนางอย่างอธิบายไม่ได้ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเป็นการก้าวกระโดดขนาดนั้น แต่นางก็ยังยอมรับให้เขาเป็นคนที่น่านับถือไม่ได้
“ฮ่าฮ่าฮ่า หลวนเอ๋อ ดีจริงที่เจ้ามาสร้างความวุ่นวายที่นี่ ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่มีทางหาเจ้าเจอแล้ว เจ้าสร้างปัญหาให้ข้าจริง ๆ ” ทันใดนั้นเอง ชายห้าคนก็ปรากฏขึ้นจากที่ไหนไม่รู้มาอยู่ใกล้ ๆ
เมื่อได้ยินพวกเขา ใบหน้าของหญิงสาวก็มืดมนไป นางหยุดโจมตีไปที่เจี้ยนเฉินทันที และนางก็กระโจนถอยหลังไปแล้วเริ่มยิงธนูยาวของนางไปที่ชายห้าคนที่เพิ่งมาถึงอย่างไม่ลังเล
“วูซซซ!” ลูกธนูสีทองบินผ่านอากาศพร้อมส่งเสียงบาดลมออกมาในขณที่พวกมันพุ่งไปที่ชายพวกนั้น
ชายหลุ่มนั้นลดตัวลงมาจากยอดเขาที่พวกเขากำลังยืนอยู่ในขณะที่ลูกธนูสีทองพุ่งมาที่พวกเขา ในตอนที่ลูกธนูกำลังจะปะทะพวกเขา ม่านพลังโปร่งแสงก็ปรากฏขึ้นมาและปกคลุมพวกเขาเอาไว้
ลูกธนูสีทองปะทะกับม่านพลังแล้วมันก็สั่นไหวไปสักครู่ แต่มันก็ป้องกันลูกธนูสำเร็จและปกป้องกลุ่มชายที่อยู่ด้านในเอาไว้ได้
“หลวนเอ๋อ อย่าเปลืองพลังงานไปเลย ยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎของเจ้าทำอะไรข้าไม่ได้หรอก” หนึ่งในชายหนุ่มในกลุ่มหัวเราะออกมา อายุของเขาไม่ได้เยอะมากและดูมีอายุประมาณ 27-28 เท่าหมิงตง
“ยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎ ? เป็นไปได้หรือไม่ว่าธนูยาวนั้นคือยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎ ? ” เจี้ยนเฉินเต็มไปด้วยความสับสน ยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎเป็นสิ่งที่เขาไม่คุ้นเคยเพราะว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเกี่ยวกับมัน
“แม่นางหลวนเอ๋อ เจ้าควรจะส่งยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎของเจ้ามาซะ ไม่มีใครอยู่ที่นี่เพื่อที่จะปกป้องเจ้าได้ และข้าก็ไม่เห็นทางที่เจ้าจะหนีจากการล้อมของพวกเราได้” ชายหนุ่มหัวเราะออกมาพร้อมรอยยิ้มสุภาพ
ใบหน้าของหญิงสาวแข็งทื่อไปในขณะที่นางมองไปที่ชายทั้งห้าอย่างเคร่งเครียด “การที่ต้องการยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎของข้าเป็นความคิดเพ้อฝัน ! รอให้พวกเราออกไปจากที่นี่ได้ก่อน ลุงเฟิงและลุงหยุนต้องมาแก้แค้นเรื่องนี้แน่ ! “
“ฮ่าฮ่า หลวนเอ๋อ อย่าแม้แต่คิดถึงเจ้าเฒ่าสองคนนั้นเลย พวกมันก็ต้องโดนจัดการเหมือนกัน” ชายทั้งห้าเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วพร้อมทั้งชายหนุ่มที่ยังคงหัวเราะ
เมื่อได้ยินดังนั้น หญิงสาวในชุดเหลืองก็จ้องออกไปในขณะที่นางยิงธนูออกไป 3 ดอก “ถ้างั้นตระกูลชิก็คิดที่จะเอายุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎของตระกูลหวงไปซินะ”
“ยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎเป็นอะไรที่ตระกูลชิต้องการ ส่งมันมาโดยดีและอย่าขัดขืนให้เปลืองแรงเลย”
ระยะทางของทั้งสองห่างกันน้อยกว่า 1 กิโลเมตรแล้ว
ในระหว่างที่พวกเขาเข้ามา หญิงสาวก็ยิงธนูออกไปเรื่อย ๆ ไปที่กลุ่มชายนั้น ม่านพลังของพวกเขาสั่นไหวจากการถูกยิง คลื่นพลังงานจากแรงระเบิดกระทบไปที่พื้นรอบ ๆ และสั่นไหวแก้วหูของทุกคน
เจี้ยนเฉินมองไปที่ธนูยาวอย่างเงียบ ๆ หญิงสาวกำลังยิงลูกธนูออกไปด้วยความเร็วสูงพร้อมทั้งปริมาณกำลังที่แข็งแกร่งเท่ากัน แต่โชคร้ายที่พวกลูกธนูก็ยังไม่สามารถทำลายม่านพลังได้
ไม่มีลูกธนูแม้แต่ดอกเดียวที่ทำอันตรายให้กับคนทั้งห้าได้ แต่ในตอนนี้ พวกเขาไม่สามารถเคลื่อนไปที่ข้างหน้าได้เช่นกันเนื่องจากปริมาณของลูกธนูที่พุ่งมาที่พวกเขา
“หลวนเอ๋อ อย่าทำให้ตัวเองยุ่งยากเลย การใช้ยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎนั้นสิ้นเปลืองพลังเซียนไปไม่น้อย เจ้าไม่สามารถทนได้นานหรอก ในตอนที่พลังเซียนของเจ้าหมด ชะตาของเจ้าก็จะตกอยู่ในมือของพวกเรา” คนหนุ่มที่คงม่านพลังเอาไว้หัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย ในขณะที่เขาจ้องไปที่หญิงสาวด้วยสายตาที่ลวนลาม
หญิงสาวยิงธนูออกไปที่พวกเขาดอกต่อดอก แต่ละดอกที่ยิงออกไปก็ทำให้เกิดเสียงดังก้องไปทั่วทั้งเทือกเขา
เสียงธนูดังมากและทำให้หลายคนสนใจ แต่ละคนเข้ามาซุ่มดูเหตุการณ์อยู่ไกลไกล
ภายในม่านพลัง ชาย 4 คนที่ด้านหลังม่านพลังก็แยกออกไปข้าง ๆ ทันใดนั้นเอง พวกเขาก็พุ่งออกไปจากม่านพลังไปที่หญิงสาวจากทุกทิศทาง
ทันทีที่นางปรับเป้าหมายแล้ว หญิงสาวก็ยิงธนู 1 ดอกซึ่งพุ่งไปที่ชายคนหนึ่งเหมือนแสงสีทอง เสียงระเบิดดังตามมา และชายคนนั้นก็ลอยกระเด็นไปพร้อมกับกระอักเลือดออกมา
เสียงสายธนูดังออกมา และลูกธนูอีกดอกก็ถูกยิงออกไปข้างหน้าและทะลุอกของชายอีกคน รูขนาดเท่ากำปั้นปรากฎขึ้นหลังจากที่ลูกธนูผ่านไปและมันก็ทำลายอวัยวะภายในร่างของชายคนนั้นไป
แม้ว่าหญิงคนนี้จะฆ่าชายสองคนจากสี่คนไปในเวลาอันสั้น แต่ชายอีกสองคนก็มาถึงที่ข้าง ๆ นางแล้ว ทันใดนั้นเอง อาวุธเซียนของพวกเขาก็ปรากฏขึ้นมาในมือแล้วฟันไปที่นาง
ธนูยาวนั้นไม่มีประโยชน์ในการต่อสู้ระยะประชิด ดังนั้นหญิงสาวจึงเก็บธนูไว้ที่หลังของนางแล้วเอากระบี่สีฟ้าของนางออกมาอีกครั้งเพื่อสู้กับชายทั้งสองคน
“หลวนเอ๋อ ใครจะปกป้องเจ้าในตอนนี้กัน ? ” ในตอนนี้เอง ชายหนุ่มที่กำลังกางม่านพลังอยู่ก็พุ่งไปด้านหน้าพร้อมกับหอกสีแดงที่หร้อมจะจู่โจมทันที
ชายคนนี้ยังหนุ่ม เขาและชายอีกสองคนเป็นเซียนปฐพี ด้วยการที่ต้องสู้หนึ่งต่อสาม นางจึงสูญเสียความได้เปรียบที่นางมีก่อนหน้านี้ไป นอกจากนี้อีกฝ่ายยังมีประสบการณ์ในการต่อสู้ นางจึงทำอะไรไม่ได้และถูกกดดันไปอย่างช้า ๆ