ตอนที่ 300: ผนึกสมบัติภูเขา
“หลวนเอ๋อ เจ้าทนได้อีกไม่นานหรอก ส่งยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎมาซะดี ๆ และอย่าขัดขืน” ชายหนุ่มหัวเราะออกมาอีกครั้งและยิ้มออกมาอย่างไร้กังวลเหมือนว่ายุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎเป็นของเขาไปแล้ว
“ชิเซียงกราน ฝันไปเถอะว่าเจ้าจะเอายุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎของข้าไปได้ ! ” หญิงสาวตะโกนออกไปอย่างโกรธเกรี้ยวในขณะที่นางหันไปหาเจี้ยนเฉิน “เจ้าคนชั่ว ! ถ้าเจ้าช่วยข้ารับมือกับพวกมัน ข้าจะลืมเรื่องความแค้นของเราไปซะ ! “
เมื่อได้ยินคำขอของหญิงสาวให้ช่วย ใบหน้าของชายหนุ่มก็มืดมนในขณะที่เขามองมาที่เจี้ยนเฉินอย่างอันตราย “นี่เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างตระกูลชิกับตระกูลหวง ถ้าเจ้าพยายามจะเข้ามาสอด เตรียมรับมือกับสิ่งที่จะเกิดต่อไปได้เลย”
“นี่เป็นเรื่องระหว่างสองตระกูล ถ้าคนนอกเข้ามาสอด เจ้ามีชีวิตรอดไม่เกิน 3 เดือนแน่ ! ” ชายอีกคนหนึ่งที่กำลังสู้กับหญิงสาวร้องออกมาอย่างโกรธเกรี้ยวในขณะที่เขาเคลื่อนไหวไปพร้อมกับชุดสีดำของเขา
“ใครก็ตามที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ ไม่อยากนั้นก็เตรียมรับความพิโรธของตระกูลชิได้เลย ใครก็ตามที่เป็นศัตรูกับพวกเราจะถูกไล่ล่าไปชั่วชีวิต ! ” ชายคนที่สองที่มีแผลเป็นบนหน้าคำรามออกมาในขณะที่เขาพยายามที่จะโน้มน้าวเจี้ยนเฉิน
แม้ว่าพวกเขาจะมีข้อได้เปรียบในด้านจำนวน แต่พวกเขาก็ยังอยากได้ยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎมาก ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ พวกเขาไม่ต้องการให้เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้น ถ้าพวกเขาได้ยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎมา ก็ไม่มีอะไรที่พวกเขาจะต้องกลัว ภายในการชุมนุมทหารรับจ้างนั้น ไม่มีใครที่ข่มขู่พวกเขาได้ถ้าพวกเขามียุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎ
เจี้ยนเฉินยืนอยู่ที่เดิมและไม่ได้สนใจคำข่มขู่ของชายพวกนั้นเลย เขามองไปที่หญิงสาวที่กำลังถูกกดดัน เจี้ยนเฉินลังเลไปชั่วครู่ว่าเขาควรจะช่วยเหลือหรือหลีกเลี่ยงหายนะเรื่องนี้
เมื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้จะทำให้เจี้ยนเฉินรู้สึกผิดอยู่บ้าง แต่เขาก็มาลืมสิ่งที่เขาโดนไปก่อนหน้านี้ ผู้เฒ่าทั้งสองคนสร้างความเสียหายให้กับเขาอย่างมากจนเขาเกือบไม่มีโอกาสที่จะรอดชีวิต นอกเหนือไปจากนั้น หญิงสาวคนนี้ยังพยายามที่จะโจมตีเขาแต่ไกลด้วยธนูที่มีความแข็งแกร่งที่เหลือเชื่อ จากนั้นนางก็ยิงมาที่เขามากกว่ายี่สิบครั้ง ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกโกรธมาก
เสียงร้องอย่างเวทนาดังออกมาจากหญิงสาวเพราะนางไม่สามารถหลบได้ทันเวลาและโดนฟันเข้าไปที่แขนของนาง ในตอนนี้ชายทั้งสามเข้ามาหานางจากทุกทิศทาง ทำให้เกือบเป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะหนี
ด้วยภาพที่เป็นอยู่ในตอนนี้ เจี้ยนเฉินรู้ว่า หญิงสาวคนนี้คงไม่สามารถทนได้อีกนาน เขาทิ้งความลังเลไปและกัดริมฝีปากของเขา เขาตัดสินใจแล้ว เขาถือกระบี่วายุโปรยแล้วบินเข้าไปในวงล้อมและป้องกันดาบจากชายชุดดำเอาไว้
“เจ้ากล้าขวางตระกูลชิของพวกเรางั้นหรือ เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือไง ! ” ชายคนนี้คำรามออกมา
“เจ้าหนุ่ม มันสายเกินไปที่จะหนีแล้วในตอนนี้” หอกยาวของชายหนุ่มแทงไปที่เจี้ยนเฉิน ในขณะที่เขาพุ่งออกมาจากหญิงสาวด้วยใบหน้าที่ดุร้ายและคำรามออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว
เจี้ยนเฉินไม่ฟัง เขาเริ่มปล่อยปราณกระบี่ปริมาณมหาศาลออกมาจากกระบี่ของเขาไปที่ชายชุดดำ
ชายชุดดำใช้ขวานของเขาและเหวี่ยงออกไปเพื่อจะป้องกันการโจมตีที่จะเข้ามา ในตอนท้าย ขวานของเขาก็ไม่เร็วพอเมื่อเทียบกับเจี้ยนเฉิน ในการเคลื่อนไหวเพียง 2 ครั้ง เขาก็โดนเจี้ยนเฉินไล่ต้อน ในตอนที่เขาพยายามจะเหวี่ยงขวานของเขาเอาไป เจี้ยนเฉินก็แทงออกไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่ชายคนนั้นไม่สามารถจะดึงขวานของเขากลับมาได้ทันเวลา กระบี่แทงทะลุคอของเขาจากปลายกระบี่ ทำให้เลือดหยดออกมาจากคอของเขา
ชายชุดดำมองไปที่เจียนเฉินอย่างเหลือเชื่อ เขาไม่เชื่อว่าเจี้ยนเฉินจะเร็วจนเขาไม่สามารถตอบโต้การโจมตีได้ทัน
“พี่สาม!”
เมื่อเห็นชายชุดดำตาย ชายคนอื่นที่กำลังสู้กับหญิงสาวก็บินมาพร้อมทั้งกัดฟันอย่างโกรธเกรี้ยวและสายตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารทันที
แม้แต่ชายหนุ่มที่อายุเกือบสามสิบปีก็ยังไม่ทันระวังตัว เขาไม่คิดว่าคนที่หนุ่มเหมือนเจี้ยนเฉินจะสามารถฆ่าเซียนปฐพีได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ จอมยุทธที่แข็งแกร่งขนาดนี้ทำให้เขายังรู้สึกกลัว
“สหาย ไม่จำเป็นที่เจ้าจะต้องรับมือกับความโกรธของตระกูลชิของพวกเราหรอก มันจะเป็นไปได้หรือไม่ที่เจ้าจะลืมเรื่องที่หญิงสาวนี้ทำกับเจ้าไป ? ถ้าเจ้าเข้าร่วมกับพวกเรา พวกเราก็จะสามารถจัดการกับหญิงสาวนี้ได้ ตระกูลชิของพวกเราจะตอบแทนเจ้าอย่างงาม” ชายหนุ่มพูดกับเจี้ยนเฉิน
“อย่าไปฟังคำโกหกของพวกมัน คนจากตระกูลชิทำตัวหน้าไม่อายอยู่เสมอ! คำพูดของเจ้ามันไม่มีค่าอะไร ถ้าเจ้าได้ฆ่าคนของตระกูลชิไปแล้ว พวกมันจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ ! ” หญิงสาวกลัวว่าเจี้ยนเฉินจะเปลี่ยนใจไปช่วยพวกเขาจึงรีบพูดออกมาอย่างรวดเร็ว
เจี้ยนเฉินตีสีหน้าที่เย็นชาในขณะที่เขาดึงกระบี่ออกมาจากคอของชายในชุดดำ เขาไม่สนใจคำพูดจากทั้งสองฝ่ายเพราะว่าเขาได้ตัดสินใจแล้ว เขาวิ่งไปไปทางที่ชายผู้ซึ่งสู้กับหญิงสาว กระบี่ของเขาเป็นประกายเหมือนสายฟ้าในขณะที่เขาพยายามที่จะโจมตีออกไป
“เจ้ามันรนหาที่ตาย ! ” เมื่อเห็นแบบนี้ ชายหนุ่มก็ตะโกนออกมาอย่างโกรธเกรี้ยวในขณะที่ใบหน้าของเขามืดครึ้ม เขาไม่คิดว่าจะถูกปฎิเสธจากการเชื้อเชิญอย่างดีของเขา นี่ทำให้เขาประหลาดใจมากและทำให้เขารู้สึกโกรธมากเช่นกัน ก่อนที่เขาจะรู้สึกว่าจิตสังหารท่วมท้นออกมาจากเขา
กระบี่วายุโปรยของเจี้ยนเฉินบินไปที่ชายคนนั้นพร้อมกับภาพติดตาของกระบี่ที่ปกคลุมไปทั่วทั้งท้องฟ้า มันยากที่จะบอกได้ว่าอันไหนคือกระบี่จริงหรือปลอม และแม้ว่าชายคนนั้นจะรู้ แต่มันก็หายไปอย่างเร็วในวินาทีต่อมา ในขณะที่กระบี่ก็เข้ามาใกล้เขามากขึ้นเรื่อย ๆ
ชายคนนี้มองอย่างเคร่งเครียด เขาหลับตาลงทันที เขาปล่อยให้จิตวิญญาณสัมผัสถึงทิศทางที่แท้จริงของกระบี่ ในขณะที่ดาบใหญ่ที่อยู่ในมือของเขาก็เริ่มเปล่งพลังเซียนออกมา
กระบี่วายุโปรยของเจี้ยนเฉินโจมตีต่อไปข้างหน้า การแทงไปแต่ละครั้งเร็วอย่างเหลือเชื่อและดูเหมือนภาพเบลอหนึ่งภาพใหญ่ใหญ่ ใครก็ตามที่มองอยู่ด้านนอก จะเห็นเหมือนว่า เจี้ยนเฉินโจมตีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่ในความจริงแล้ว เขาโจมตีออกไปหลายครั้งในกระบวนท่าเดียว
ด้วยความเร็วสูงขนาดนี้ ชายคนนั้นไม่สามารถที่จะป้องกันมันได้ทั้งหมดและป้องกันได้เพียงไม่กี่ครั้งก่อนที่การโจมตีของกระบี่จะเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมอีก
“คู่ต่อสู้แข็งแกร่งเกินไป นายท่านชิ ได้โปรดใช้ม่านพลังด้วย ! ” ชายผู้นั้นตะโกนออกมา ในขณะที่เขาถอยออกมาจากเจี้ยนเฉิน เสียงของเขาเริ่มสั่นไปด้วยความกลัว ในขณะที่เขารู้สึกว่าคอของเขาเริ่มมีเลือดไหลออกมาจากรอยเล็ก ๆ หลายรอย
เมื่อได้ยินเสียงร้องหวาดกลัวของชายคนนี้ ชายหนุ่มก็มองไปด้วยความตระหนก เขามองไปที่เจียนเฉินและชายที่กำลังสู้อยู่ และเห็นว่าชายคนนั้นกำลังถูกกดดันอย่างช้า ๆ จากเจี้ยนเฉิน ในขณะที่เขากำลังป้องกันตัวเองอยู่
ในเวลาเดียวกัน หญิงสาวที่กำลังต่อสู้อยู่ก็หันไปมองที่เจี้ยนเฉินด้วยสายตาที่สดใส นางมองไปอย่างเหลือเชื่อ นางก็รู้สึกตกใจจากภาพพวกนี้
“เป็นไปได้อย่างไร ? จู่ ๆ ความแข็งแกร่งของเขาเป็นอะไรที่น่าทึ่งขึ้นมา ! เขาไม่ได้เป็นแบบนี้ก่อนหน้านี้ และเขายังได้รับบาดเจ็บจากลูกธนูมากมายของข้าก่อนหน้านี้มาก่อนด้วย ! ” หญิงสาวตกใจ จากนั้นนางก็คิดขึ้นมา “เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาออมมือไว้ตอนที่กำลังต่อสู้กับข้า?”
“เจ้าหนุ่ม เจ้าวุ่นวายกับเรื่องใหญ่ของตระกูลชิ พวกเราจะไม่ยกโทษให้เจ้าในเรื่องนี้แน่ ! แม้ว่าเจ้าจะหนีไปสุดหล้า ตระกูลชิของพวกเราจะแยกร่างของเจ้าทีละชิ้น ๆ ! ” ชายหนุ่มคำรามออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว แต่ละคำถูกกัดฟันพูดเน้นออกมา ในตอนที่เขาพูด จู่ ๆ ม่านพลังก็ออกมาและปกป้องร่างของเขาไว้ทั้งหมด
ชายหนุ่มถอยออกไปจากการต่อสู้กับหญิงสาว และเข้ามาปกป้องชายวัยกลางคนจากการโจมตีของเจี้ยนเฉิน หอกยาวของเขาเหมือนงูพิษที่พุ่งไปที่หัวใจของเจี้ยนเฉินเหมือนภาพลาง ๆ
กระบี่วายุโปรยของเจี้ยนเฉินเริ่มที่จะปล่อยปราณกระบี่ที่แหลมคมมากออกมา ในขณะที่มันปะทะกับหอกยาว กระบี่ก็ไหลผ่านด้ามของหอกไปเพื่อที่จะแทงอย่างแรงไปที่ม่านพลัง
ม่านพลังสั่นไหวก่อนที่มันจะกลับสู่สภาพเดิมในเกือบจะทันที ถึงม่านพลังจะดูอ่อนแอ แต่การป้องกันของมันนั้นแข็งแกร่งมาก ดังนั้นแม้แต่กระบี่ของเจี้ยนเฉินก็ยังไม่สามารถทำให้มันพังทลายได้
ชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังม่านพลังมองไปที่กระบี่ด้วยความกลัวก่อนที่จะจ้องไปที่เจี้ยนเฉินอย่างเหยียดหยาม “เจ้าหนู เจ้ามีชีวิตอยู่ได้ไม่นานนักหรอก” หลังจากนั้น เขาก็ยกหอกไปข้างหน้าก่อนที่จะเหวี่ยงไปที่ด้านหน้าทำให้เกิดเสียงบาดลมออกมา
เจี้ยนเฉินไม่ได้พูดอะไรและหลบหอก ก่อนที่หันไปทางชายวัยกลางคน แสงสีเงินปรากฏขึ้นมา ในขณะที่กระบี่วายุโปรยก็แทงออกไปที่ชายหนุ่มนั้น
ชายวัยกลางคนยังรู้สึกกลัวกระบี่ของเจี้ยนเฉินอยู่ ดังนั้นเขาจึงพยายามที่จะป้องกันเพียงอย่างเดียว ในตอนที่เขาเห็นกระบี่ของเจี้ยนเฉินพุ่งมาที่เขา เขาก็ยกดาบขึ้นทำท่าป้องกันในขณะที่เขากระโดดถอยหลังไปเพื่อที่จะใช้ให้ม่านพลังปกป้องเขา แม้ว่าการถูกจู่โจมจากชายหนุ่มอายุยี่สิบปีจะเป็นอะไรที่น่าอับอายสำหรับเขามาก แต่เมื่อเทียบกับชีวิตของเขาแล้ว มันก็ไม่ได้สำคัญอะไร
ในตอนที่กระบี่วายุโปรยปะทะกับดาบของชายคนนั้น ปลายของดาบก็แตกหักออกทันทีและกระบี่ก็แทงเข้าไปที่หัวใจของเขา ปราณกระบี่ปริมาณมหาศาลในกระบี่ได้ระเบิดออกและทำลายหัวใจและอวัยวะอื่นของเขาไปจนหมด
ร่างของชายผู้นั้นแข็งทื่ออย่างไม่มีชีวิต ในขณะที่เลือดไหลออกมาจากบาดแผลของเขา แม้เขาจะตาย แต่สายตาของเขาก็จ้องไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความตกใจสุดขีด ก่อนที่เขาจะล้มตายไปบนพื้นอย่างช้า ๆ
“จะ เจ้า” ชายหนุ่มที่ซ่อนอยู่ในม่านพลังหน้าซีดเผือดในขณะที่เขาพยายามที่จะพูดบางอย่าง สายตาของเขาทั้งคู่ลุกโชนเหมือนไฟในขณะที่เขาจ้องไปที่เจี้ยนเฉินอย่างโกรธจัดแบบที่ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน
ก่อนหน้านี้ เขาไม่พบปัญหาใดใดใหญ่เลย เขาคิดว่าแผนของเขานั้นสมบูรณ์ และยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎนั้นได้อยู่ในมือของเขาแล้ว อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาที่สำคัญนี้ เจี้ยนเฉินได้ปรากฎตัวขึ้นมาและเปลี่ยนสถานการณ์ไป ภารกิจของเขาเละเทะและเขายังสูญเสียจอมยุทธเซียนปฐพีที่อยู่กับเขาไปถึง 2 คนด้วย
“ชิเซียงกราน ข้าไม่เห็นทางที่เจ้าจะเอายุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎของข้าไปได้แล้วในตอนนี้” หญิงสาวพูดออกมาอย่างโล่งอก ในขณะที่นางจ้องอย่างดุดันไปที่ชายหนุ่ม หลายวันที่ผ่านมา องครักษ์ของตระกูลหวงได้เสียสละชีวิตตัวเองอย่างกล้าหาญเพื่อจะปกป้องนางจากคนของตระกูลชิ
ในตอนที่นางคิดถึงเรื่องความตายนั้น นางก็เสียใจและปวดร้าวอย่างมาก นางเอาธนูออกมาจากหลังของนางช้า ๆ นางดึงสายธนูและเล็งไปที่ชิเซียงกราน แม้ว่านางจะรู้ว่าความแข็งแกร่งของนางไม่เพียงพอที่จะทำลายม่านพลังได้
ใบหน้าของชิเซียงกรานมืดครึ้มมาก “ดี ดี ดี ! ข้าไม่คิดจะใช้สมบัติลับของข้า แต่พวกเจ้ากดดันข้าเสียจริง ! ” หลังจากนั้น ชิเซียงกรานก็เอาชิ้นเหล็กออกมาจากแหวนมิติที่อยู่ที่นิ้วของเขาทันที ชิ้นเหล็กมีสีเขียวดำและมีการตกแต่งที่ธรรมดาบนนั้น
ในตอนที่หญิงสาวเห็นชิ้นเหล็กที่อยู่ในมือของเขา ใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยความตกใจ “นี่มันผนึกสมบัติภูเขา ! ข้าไม่คิดว่าตระกูลชิจะให้เจ้าเอาสมบัติที่ล้ำค่าแบบนี้มาได้!”