เล่ม 10 เล่มที่ 10 ตอนที่ 272 เส้นทางลับตำหนักบูรพา

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

“ทางจวนหลี่มีความเคลื่อนไหวอันใดบ้าง? ”

“ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ! ” องครักษ์เงาพูด “หลี่ซื่อไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลย ได้ยินว่าวันนี้จะไปควบคุมการประหารหลวงจีนทุศีล เมื่อคืนจึงเข้านอนแต่หัวค่ำพ่ะย่ะค่ะ”

ควบคุมการประหารหลวงจีนทุศีล?

เยี่ยโยวเหยาหรี่ตาทั้งสองข้าง ครุ่นคิดเรื่องนี้ด้วยความสนใจ

“ท่านอ๋อง ยังมีอีกเรื่องพ่ะย่ะค่ะ… ” องครักษ์เงาพูดถึงตรงนี้ก็เงียบเสียงลง ราวกับกำลังลังเล

“พูดออกมา! ” เยี่ยโยวเหยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“เมื่อคืนวาน ที่คุกหลวงมีคนชุดดำผู้หนึ่ง เขาพูดว่าเป็นคนสนิทของพระชายา ในมือยังมีป้ายคำสั่งประจำตัวเชื้อพระวงศ์อีกด้วย เขาบอกว่ารับพระบัญชามาจากพระชายาให้มารับตัวเจิ้งซื่อกับจูซื่อ สายของพวกเราที่คุกหลวงบอกว่า ลักษณะรูปร่างของคนชุดดำผู้นั้นดูคล้ายพระชายาอย่างมากพ่ะย่ะค่ะ”

คล้ายกันหรือ?

ลูกน้องของเยี่ยโยวเหยาทุกคนต่างรู้ดี โดยทั่วไปหากมีเรื่องใดที่ไม่มั่นใจ จะไม่มีทางเข้ามารายงานเขาแน่นอน

“ได้ติดตามไปหรือไม่? สืบได้ความว่าอย่างไรบ้าง? ”

“พ่ะย่ะค่ะ! หลังจากที่พระชายารับตัวเจิ้งซื่อกับจูซื่อไปแล้ว ก็มุ่งหน้าไปทางคฤหาสน์สกุลซูแห่งหนึ่งทางทิศใต้ของเมือง จากนั้นก็แปลงโฉมเจิ้งซื่อกับจูซื่อ และให้ทั้งสองคนแอบเข้ามาในวังช่วงยามห้า พร้อมกับรถม้าที่กลับมาจากการตักน้ำที่ลำธารบนภูเขานอกเมืองพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆ เข้าด้วยกัน ก็เข้าใจเรื่องทั้งหมดอย่างชัดเจน หากเยี่ยโยวเหยามองไม่ออก เขาคงไม่ใช่โยวอ๋อง

ซูจิ่นซี เจ้าต้องการทำอันใดกันแน่?

มือของเยี่ยโยวเหยาที่ถือกำไลอยู่ค่อยๆ บีบแน่น จนทำให้กำไลที่มีความแข็งแรงสลายกลายเป็นผุยผง

ทุกคนที่อยู่รอบๆ ต่างก้มหน้า ไม่กล้าเงยหน้าสบสายตาเย็นชาของเยี่ยโยวเหยาแม้แต่น้อย

เรื่องนี้พัวพันถึงพระชายา องครักษ์และองครักษ์เงาทุกคนต่างไม่กล้าพูดอันใดสักคำ รอให้เยี่ยโยวเหยาเป็นคนตัดสินใจ

ท่ามกลางความมืด ดวงตาดำขลับของเยี่ยโยวเหยาดูลึกลับน่าหวาดกลัวยิ่งนัก

ผ่านไปครู่หนึ่ง เยี่ยโยวเหยาก็พูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชาว่า “ไปที่กรมขุนนาง สืบภูมิหลังของฮองเฮา วันนี้ต้องสืบออกมาให้กระจ่าง”

“พ่ะย่ะค่ะ! ”

องครักษ์เงารับรู้ได้ในทันที คำว่าภูมิหลังของเยี่ยโยวเหยานั้น ไม่ได้หมายถึงเรื่องธรรมดาทั่วไป ทว่าหมายถึงสิ่งที่ปกปิดอยู่เบื้องหลัง ปกติแล้วเรื่องนี้กระทำได้ยากยิ่ง ทั้งยังเกี่ยวพันถึงฮองเฮาอีกด้วย เวลาเพียงวันเดียวกระชั้นชิดนัก องครักษ์เงาจึงรีบออกไปอย่างรวดเร็ว

แม่นมเจิ้งกับฮองเฮาประคองกันเดินออกไป หลังจากที่เดินลับสายตาคนของเยี่ยโยวเหยาแล้ว จิตใจของทั้งสองคนจึงสงบลงบ้าง พวกนางยืนหลังพิงผนังก่อนจะไถลตัวลงนั่งกับพื้น

แม่นมเจิ้งลูบคลำลำคอของตนเองไม่หยุดอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อครู่นางเดินทะลุผ่านประตูผีออกมาได้จริงๆ

แม้ก่อนหน้านี้นางเคยร้องขอชีวิตหลังจากที่พระชายาโยวอ๋องนำตัวนางออกมาจากคุกหลวง มิหนำซ้ำยังดื่มพิษยันต์เป็นตายของพระชายาโยวอ๋องเข้าไปอีก ทว่านางไม่รู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเท่ากับเรื่องที่เจอมาเมื่อครู่นี้เลย

นางทำเพื่อยืนยันให้แน่ใจว่า ศีรษะของตนยังคงอยู่บนคอ

ฮองเฮาเองก็ตกพระทัยจนเหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัว เวลานี้ทั่วตัวของนางเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อขนาดใหญ่ ทั้งผมเผ้าและเสื้อผ้าล้วนเปียกไปหมด

“ทุกคนต่างพูดกันว่า โยวอ๋องเป็นคนเย่อหยิ่งทะนงตน มีบุคลิกเคร่งขรึม เอาแน่เอานอนไม่ได้ และมักใช้วิธีการโหดเหี้ยม ทำให้ผู้ที่ได้ยินชื่อเสียงต่างขวัญหนีดีฝ่อ ก่อนหน้านี้ข้าเป็นถึงฮองเฮา อยู่ใต้อาณัติคนเพียงคนเดียว ทว่าอยู่เหนือผู้คนนับหมื่น แม้บางครั้งโยวอ๋องจะแสดงท่าทางวางอำนาจบาตรใหญ่ แต่ข้าไม่เคยคิดว่าเขาจะร้ายกาจถึงเพียงนี้ วันนี้ได้พบกับตัวเอง ถึงรู้ว่าทุกอย่างเป็นความจริง โยวอ๋องเป็นอย่างที่เขาร่ำลือกันจริงๆ ”

แม่นมเจิ้งใช้มือพิงผนัง นางลุกขึ้นยืนพูดว่า “ฮองเฮาเพคะ เรื่องราวผ่านไปได้ด้วยดี โชคดียิ่งนักที่พวกเราหลุดรอดจากเงื้อมมือของโยวอ๋อง ฟ้าใกล้สว่างแล้ว ควรรีบหาทางออกถึงจะถูกเพคะ”

“อืม! ” ฮองเฮาพยักหน้าเห็นด้วย พลางพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืน

“จะออกไปอย่างไรหรือ? ”

แม่นมเจิ้งกับฮองเฮายืนอยู่ข้างกำแพงวังที่สูงตระหง่าน พวกนางทอดสายตามองไปที่ประตูวัง

โดยปกติในเวลานี้ ประตูวังจะเปิดแล้ว เหล่าขุนนางทั้งหลายจะทยอยกันเข้ามาในวัง ทว่าเวลานี้ฮ่องเต้ทรงพระประชวรหนัก ทั้งยังต้องรีบจัดงานพระราชพิธีพระศพ การประชุมขุนนางในตอนเช้าจึงไม่ได้จัดมาสักระยะแล้ว ทว่านี่ไม่ใช่สาเหตุที่ประตูวังไม่เปิด!

ครั้งนี้มันไม่สมเหตุสมผล!

แม่นมเจิ้งกับฮองเฮารู้สึกวิตกกังวลเล็กน้อย

ทันใดนั้นก็มีคนผู้หนึ่งเดินเข้ามาตบบ่าแม่นมเจิ้งเบาๆ แม่นมเจิ้งหันหลังกลับไปอย่างระแวดระวัง ผู้ที่อยู่ด้านหลังคือแม่นมจูซึ่งแยกกับพวกนางที่ตำหนักจ้งหวาก่อนหน้านี้

“เป็นเจ้าเองหรือ? เจ้าว่องไวเหมือนกันนี่ ข้าบอกว่าให้แยกย้ายกันออกจากวังไม่ใช่หรือ? ” แม่นมเจิ้งถาม

“แยกย้ายกันออกจากวังค่อนข้างอันตราย ไม่สู้พวกเราออกไปพร้อมกัน อาจง่ายกว่า” แม่นมจูพูดพลางหยิบป้ายคาดเอวออกมาจากแขนเสื้อ

เมื่อแม่นมเจิ้งเห็นก็ดวงตาเปล่งประกาย “ป้ายคำสั่งกองอาภรณ์หรือ? เจ้านำมาได้อย่างไร? ”

“เจ้าลืมไปแล้วหรือ? ก่อนหน้านี้พวกเราทำงานให้ไทเฮา ที่ตำหนักว่านโซ่วก็มีสิ่งนี้ เมื่อครู่หลังออกมาจากตำหนักจ้งหวา ข้าจึงผ่านเข้าไปที่ตำหนักว่านโซ่ว ”

“เจ้าไปตำหนักว่านโซ่วมาหรือ? ” แม่นมเจิ้งบีบข้อมือแม่นมจูด้วยท่าทีร้อนใจ “เจ้าดูดีแล้วหรือ มีคนสะกดรอยตามเจ้ามาหรือไม่? ”

ไทเฮาสิ้นพระชนม์แล้ว หลังจากเหตุการณ์สยดสยองที่เกิดขึ้นภายในตำหนักว่านโซ่วก่อนหน้านี้ ตำหนักจึงถูกปิดตาย คนทั่วไปไม่กล้าเข้าไปข้างใน หากมีคนสะกดรอยตามแม่นมจูมา ผู้อื่นอาจสงสัยจนเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นมาได้

“เจ้าวางใจ ข้าไปทางลับ”

“เส้นทางลับหรือ? ”

แววตาของแม่นมเจิ้งเปล่งประกายขึ้นอีกครั้ง ภายในพระราชวังมีเส้นทางลับอยู่ไม่น้อย ยามที่ติดตามองค์ไทเฮาก่อนหน้านี้ พวกนางก็ใช้อยู่บ่อยครั้ง

จู่ๆ แม่นมเจิ้งก็เหมือนจะคิดสิ่งใดได้ แววตาของนางวาววับ

แม่นมเจิ้งกับแม่นมจูสบตากันอยู่ครู่หนึ่ง

“มีเรื่องอันใด? ” ฮองเฮามีท่าทีไม่เข้าใจ

แม่นมจูเก็บป้ายคำสั่งทั้งสามแผ่นไว้ในอกเสื้อตามเดิม นางจับข้อมือของฮองเฮา พลางพูดว่า “เดิมทีบ่าวคิดจะใช้ป้ายคำสั่งเพื่อหนีออกจากวัง ทว่าตอนนี้ไม่ต้องใช้แล้ว บ่าวจำได้ว่า ตอนที่พระบิดาของอดีตฮ่องเต้ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ และฝ่าบาทยังดำรงตำแหน่งเป็นรัชทายาท พระองค์ชอบเล่นสนุก มักหาโอกาสแอบหนีออกจากวัง ในตอนนั้นฝ่าบาทรักใคร่กับไหวหยางจวิ้นจู่ที่ยังไม่มีฐานันดรศักดิ์ จึงสั่งให้ขุดเส้นทางลับจากตำหนักบูรพาไปยังตำหนักของไหวหยางจวิ้นจู่ ต่อมาไทเฮาไปพบเข้า จึงมีพระบัญชาให้พวกเราทั้งสองไปปิดเส้นทางลับนั้น ตอนนั้นพวกเราไม่ได้ปิดตายเส้นทางลับเสียทีเดียว และเรื่องนี้ก็มีไม่กี่คนที่ล่วงรู้เพคะ”

เมื่อครั้งที่ฮ่องเต้ยังทรงพระเยาว์ พระองค์ชื่นชอบไหวหยางจวิ้นจู่ เรื่องนี้ฮองเฮาทรงทราบเป็นอย่างดี

“ตกลง! เช่นนั้นพวกเราก็ไปตำหนักบูรพา”

แม่นมเจิ้งกับแม่นมจูมองฮองเฮาด้วยสีหน้าแปลกประหลาด

พวกนางคิดว่า เมื่อพูดถึงเรื่องราวความหลังของฮ่องเต้ ฮองเฮาจะทรงกริ้วหรือทรงเสียพระทัย ไม่คิดว่าพระพักตร์ของฮองเฮาจะไม่แสดงปฏิกิริยาอันใดแม้แต่น้อย

พวกนางพบเห็นสตรีในวังหลวงมามาก ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่เห็นคนเช่นฮองเฮา นางเป็นพระชายาของฮ่องเต้ที่ไม่แยแสเรื่องความรักของพระองค์

ได้ยินผู้คนร่ำลือกันว่า ฮองเฮาทรงเย็นชากับฮ่องเต้อย่างมาก พวกนางเองล้วนไม่เชื่อ เพราะภายนอก สิ่งที่พวกนางเห็นคือทั้งสองพระองค์ต่างรักใคร่กันอย่างสุดซึ้ง ทั้งยังเคารพซึ่งกันและกัน

เมื่อเห็นฮองเฮาเป็นเช่นนี้ ทำให้พวกนางเข้าใจได้ในทันที เสียงครหาที่คิดว่าไร้เหตุผลนั้น กลับเป็นเรื่องจริง

ทว่าในช่วงเวลาเร่งรีบ พวกนางไม่มีเวลาครุ่นคิดถึงเรื่องเหล่านี้

แม่นมเจิ้งรีบแปลงโฉมแม่นมจู จากนั้นทั้งสามคนก็มุ่งหน้าไปยังตำหนักบูรพาอย่างคุ้นเคย