ตอนที่ 248 เส้นทางชีวิต
“จ้าวเหวินเทาของเธอเป็นอะไรเหรอ เมื่อคืนไม่ได้กลับมาบ้านใช่ไหม? แถมยังโทรมาบอกว่าเกิดเรื่องกับการค้าขายของเขาด้วย?” เฮ่อซงจือถามติด ๆ กัน
เย่ฉูฉู่พยักหน้า “ใช่ เธอรู้ได้ไงเนี่ย?”
“ทั้งหมู่บ้านเขารู้กันหมดแล้ว แถมยังพูดด้วยนะ บอกว่าจ้าวเหวินเทาไปทะเลาะกับคนอื่น เลยถูกตำรวจจับตัวไปแล้ว” เฮ่อซงจือกล่าว “บอกว่าเธอกำลังนั่งร้องไห้อยู่ในบ้าน กำลังเก็บเสื้อผ้าเตรียมตัวไปหาเขาแล้ว แถมยังพูดอีกว่าเธอจะใช้ชีวิตรอคอยต่อไป หรือว่าจะไปแต่งงานกับคนอื่น”
เย่ฉูฉู่ถึงกับอ้าปากค้าง นี่มัน…พูดไปถึงไหนกันแล้วเนี่ย!
เฮ่อซงจือหายใจเข้าลึก ๆ “ฉันเองก็เพิ่งได้ยินแม่สามีของฉันพูดว่านี่เป็นข่าวที่มาจากทีมใหญ่ ต้องไม่ผิดพลาดแน่นอน ฉันก็เลยมาดูเธอนี่แหละ สรุปมันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?”
เย่ฉูฉู่กะพริบตาปริบ ๆ เกิดอะไรขึ้น เธอยังจะพูดอะไรได้อีก?
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เขาบอกว่ามีธุระ วันนี้ถึงจะกลับมา” เย่ฉูฉู่นึกโมโห “คนในหมู่บ้านนี้กินอิ่มจนจุกแล้วสินะถึงได้พูดเรื่องไร้สาระแบบนี้ ทำไมพวกเขาถึงไม่ดูเวลาพวกเรามีเรื่องดี ๆ บ้าง!”
“ใครจะไปรู้ล่ะ คนพวกนี้ไม่เป็นที่ชื่นชอบก็ยังจะไปยุ่งเรื่องชาวบ้านกันจริง ๆ ชีวิตของตัวเองยังไม่เป็นชิ้นเป็นอันเลย ยังไปยุ่งเรื่องของชาวบ้านอีก!” เฮ่อซงจือก็แอบโมโหเช่นกัน จากนั้นจึงพูดอีก “งั้นก็ดีแล้วล่ะ ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ฉันกลับก่อนนะ ยังไม่ได้ให้นมลูกเลย ฉันแค่มาถามเธอแค่นั้นแหละ”
“ได้ เธอกลับไปเถอะ ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ” เย่ฉูฉู่เดินไปส่งหล่อน ครั้นกลับมาทำนู่นทำนี่ได้เพียงไม่นานคุณแม่จ้าวก็มาหาอีกคน
“ทำไมเมื่อวานเหวินเทาไม่กลับบ้าน?” คุณแม่จ้าวถามอย่างตรงไปตรงมา
“เมื่อคืนเขาบอกว่ามีธุระ วันนี้ถึงจะกลับค่ะ” เย่ฉูฉู่รีบปลอบใจ “แม่คะ อย่าไปฟังคำพูดเหลวไหลของคนในหมู่บ้านเลยค่ะ เหวินเทาไม่ได้มีปัญหาอะไรทั้งนั้น”
คุณแม่จ้าวย่อมทราบดีว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับลูกชาย แต่สิ่งที่คนในหมู่บ้านพูดคุยกันทำให้จิตใจของนางยุ่งเหยิง ยิ่งเป็นคนแก่คนเฒ่าแบบนี้คงห้ามตัวเองไม่ให้คิดอะไรไปต่าง ๆ นานาได้
“แม่รู้ว่าไม่มีอะไร แต่นี่ก็ใกล้จะข้ามปีแล้วนะ ยังมีธุระอะไรต้องไปอยู่ค้างแรมข้างนอกอีก ไม่รู้จักเป็นห่วงคนในบ้านบ้างเลยหรือไง!” คุณแม่จ้าวแอบตำหนิลูกชายที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว
เย่ฉูฉู่นั่งลงข้าง ๆ คุณแม่จ้าว “แม่คะ คงมีธุระจริง ๆ นั่นแหละค่ะ ไม่งั้นเหวินเทาจะไม่กลับบ้านได้ยังไงกัน ฉันเดาว่าน่าจะเป็นเรื่องที่ไปซื้อฟาร์มกระต่ายมั้งคะ”
คุณแม่จ้าวรีบพูด “อะไรนะ ซื้อฟาร์มกระต่าย ฟาร์มกระต่ายอะไร?”
เย่ฉูฉู่จึงเล่าเรื่องที่จ้าวเหวินเทาจะซื้อฟาร์มกระต่ายให้ฟังหนึ่งรอบ “เมื่อสองวันก่อนเขาบอกว่าเรื่องนี้เริ่มมีวี่แววแล้ว คาดว่าคงไปคุยเรื่องนี้ค่ะ”
คุณแม่จ้าวถึงกับชะงักอยู่นาน “เธอว่าอะไรนะ เขาคิดจะซื้อฟาร์มกระต่ายในเมืองเหรอ?”
“แม่คะ เหวินเทาชอบที่ดินผืนนั้น” เย่ฉูฉู่อธิบาย “ไม่ได้จะไปซื้อกระต่ายพวกนั้นมาเลี้ยง เขาบอกว่า เลี้ยงกระต่ายไว้ที่หมู่บ้านของเราดีกว่า”
คุณแม่จ้าวกล่าว “แต่ก็ต้องใช้เงินไม่น้อยเลยไม่ใช่เหรอ?”
“คิดว่าคงต้องใช้เงินเยอะค่ะ” เย่ฉูฉู่กล่าว
“เท่าไรล่ะ?” คุณแม่จ้าวอดไม่ได้ที่จะถามต่อไป
“ก็น่าจะหลายหมื่นค่ะ” เย่ฉูฉู่กะประมาณราคาพลางกล่าว
“หลายหมื่น?” คุณแม่จ้าวสูดลมเย็นเข้าปาก “เยอะขนาดนั้นเลย!”
เย่ฉูฉู่รีบพูด “แม่คะ เหวินเทาบอกว่า เขาจะคิดหาวิธี ถ้าไม่มีวิธีก็จะใช้เงินในบ้านค่ะ”
คุณแม่จ้าวจับประเด็นสำคัญ “เธอพูดอะไรนะ ใช้เงินในบ้าน? พวกเธอมีเงินหลายหมื่นเหรอ?”
เย่ฉูฉู่พยักหน้าเบา ๆ โจวหมิ่นโอนเงินมาให้เธอหลายหมื่นหยวนแล้ว นี่เป็นเงินปันผลของเธอ
คุณแม่จ้าวคิดว่านี่คงเป็นเรื่องโกหก ลูกชายของนางได้เงินมาหลายหมื่น ไปทำอะไรมาถึงได้เงินเยอะขนาดนี้เนี่ย!
“ฉูฉู่ เหวินเทาไปค้าขายอะไรถึงได้เงินมาตั้งหลายหมื่น ลูกอย่ามาหลอกแม่นะ!” คุณแม่จ้าวรีบพูด “พวกเราไม่มีทางที่จะทำเรื่องผิดกฎหมายพวกนั้น และไม่ให้ทำเรื่องผิดศีลธรรมด้วย!”
เย่ฉูฉู่เห็นว่าแม่สามีเข้าใจผิด จึงพูดเคล้ารอยยิ้มว่า “แม่คะ แม่คิดไปไกลแล้วนะ เหวินเทาจะทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไงกันล่ะคะ เงินส่วนนี้ อันที่จริงเป็นรายได้ของฉันเองค่ะ”
“หา?” คุณแม่จ้าวตกตะลึงอีกครั้ง มันเป็นเงินที่ลูกสะใภ้หามาอีกด้วย ลูกสะใภ้ของนางทำอะไรถึงได้เงินเยอะขนาดนี้!
เย่ฉูฉู่จึงเล่าเรื่องที่นางร่วมออกแบบเสื้อผ้ากับโจวหมิ่นให้คุณแม่จ้าวฟังหนึ่งรอบอย่างใจเย็น จากนั้นก็หยิบนิตยสารออกมาให้คุณแม่จ้าวดู
“คุณแม่ดูสิคะ นี่คือผลงานการออกแบบของฉันเอง มีเสื้อตัวนี้ แล้วก็ตัวนี้ เป็นผลงานออกแบบของฉันทั้งหมดเลยค่ะ” เย่ฉูฉู่ชี้เสื้อผ้าเหล่านั้น
คุณแม่จ้าวเคยเห็นของพวกนี้ที่ไหนกัน นางมองดูจนตาลายไปหมด แต่เสื้อผ้าที่เย่ฉูฉู่ออกแบบเป็นเสื้อผ้าสไตล์จีนทั้งหมด ค่อนข้างอนุรักษนิยม ประกอบกับเป็นชุดงานรื่นเริงด้วย หญิงสูงวัยจึงชอบมาก และแสดงความคิดเห็น “ตัวนี้ดูดีนะ ตัวนี้ก็ดูดี ตัวนี้ก็สวย ฉูฉู่ ลูกทำชุดแบบนี้ดีจริง ๆ เลย น่าเสียดายที่แม่ใส่ไม่ได้!”
เย่ฉูฉู่แอบชะงักไปเล็กน้อย นี่กำลังพูดคุยเรื่องเงินไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงมาโผล่เรื่องเสื้อผ้าได้ล่ะ? ดูเหมือนว่าผู้หญิงทุกคน ไม่ว่าจะสาววัยกลางคน หญิงชราหรือวัยรุ่นสาว ต่างก็ไม่อาจต้านทานสิ่งล่อตาล่อใจอย่างเสื้อผ้าสวย ๆ ได้สินะ
“คุณแม่คะ ทำไมจะใส่ไม่ได้ เปลี่ยนสีก็ใช้ได้แล้วค่ะ” เย่ฉูฉู่กล่าว
“จริงเหรอ?” คุณแม่จ้าวดวงตาเป็นประกาย ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ แอบพูดด้วยความรู้สึกผิดว่า “เธอดูแม่สิ ทำไมถึงมาพูดเรื่องเสื้อผ้าได้ล่ะเนี่ย? คนแก่ ๆ อย่างฉันนี่ไม่ได้เรื่องเลย”
เย่ฉูฉู่พูดด้วยรอยยิ้ม “คุณแม่ยังไม่แก่สักหน่อยค่ะ ถ้าคุณแม่แก่แล้ว ยังจะมองว่าเสื้อพวกนี้สวยอีกเหรอคะ?”
คุณแม่จ้าวนึกถึงความเก่งกาจเช่นนี้ของลูกสะใภ้ ทั้งยังหาเงินได้มากกว่าลูกชายโดยที่ไม่ต้องออกจากบ้านด้วยซ้ำ อีกอย่างลูกสะใภ้ก็เป็นคนกตัญญูขนาดนั้น จึงพูดไปว่า “เฮ้อ คนแก่ ๆ พออายุมากก็ชอบบ่นพร่ำเพรื่อ กังวลเรื่องนี้ เป็นห่วงเรื่องนั้น อันที่จริงก็กลุ้มใจไปเปล่า ๆ นั่นแหละ พวกลูกใช้ชีวิตกันเป็นอย่างดี ดีกว่าพ่อกับแม่สมัยก่อนอีกนะ!”
“คุณแม่ อย่าพูดแบบนี้สิคะ พ่อกับแม่ก็ผ่านประสบการณ์มาหมดแล้ว เป็นเพราะมีพ่อกับแม่ช่วยดูแล พวกเราถึงผ่านไปได้ด้วยดี นี่ไม่ได้บ่นพร่ำเพรื่อเลยค่ะ หลังจากนี้ คงต้องให้พ่อกับแม่ดูแลต่อไปนะคะ” เย่ฉูฉู่พูดอย่างจริงใจ
ลูกสะใภ้คนนี้พูดจาทำให้คนรู้สึกสบายใจ คุณแม่จ้าวตบหลังมือเย่ฉูฉู่พลางกล่าว “ฉูฉู่ ลูกเป็นเด็กดีนะ ทำอะไรก็มั่นคง เหวินเทาคล่องแคล่วเกินไป ความกล้าหาญก็มากโข เหมือนกับเรื่องซื้อฟาร์มกระต่ายที่ลูกบอกนั่นแหละ นี่ต้องไปในเมืองเลยนะ เรื่องใหญ่ขนาดไหน เขาบอกว่าจะซื้อก็ซื้อเลย ไม่มาปรึกษากับคนในบ้านสักคำ แม้ว่าพวกเราจะช่วยเหลืออะไรไม่ได้ แต่ไม่ว่ายังไงก็ต้องบอกให้ฟังสักคำสิ หลังจากนี้อย่าให้เขาทำแบบนี้อีกนะ”
เย่ฉูฉู่พูดด้วยรอยยิ้ม “คุณแม่ นี่เป็นแค่การคาดเดาของฉันน่ะค่ะ เขาเองก็ไม่ได้พูดอะไร บางทีฉันอาจจะเดาผิดก็ได้ รอให้เขากลับมาเดี๋ยวก็รู้แล้วล่ะค่ะ”
“เรื่องที่ลูกเดายังจะพลาดอีกเหรอ ไม่พลาดแน่นอน!” คุณแม่จ้าวยินดีที่จะเชื่อการคาดเดาของลูกสะใภ้
เย่ฉูฉู่รู้สึกไม่ดีอย่างมาก แอบรำพึงในใจว่าหวังว่าเธอจะเดาไม่พลาด
คุณแม่จ้าวพูดอีกว่า “ฉูฉู่ ลูกไม่ต้องห่วงนะ แม่ไม่เอาเรื่องที่พวกลูกได้เงินเยอะขนาดนี้ไปบอกใครหรอก ลูกกับเหวินเทาก็ไม่ต้องไปบอกใครนะ เหตุผลที่ว่าไม่ควรเอาเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ไปบอกคนข้างนอกพวกลูกก็น่าจะเข้าใจดี คนเราก็เป็นแบบนี้แหละ อิจฉาคนที่ประสบความสำเร็จมากกว่า และดูถูกคนที่สู้ตัวเองไม่ได้ ถ้ารู้ว่าพวกลูกมีเงิน บางทีอาจจะมีคนเกิดความคิดไม่ดีก็ได้นะ!”
เย่ฉูฉู่พยักหน้า เธอเห็นด้วยกับคำพูดของคุณแม่จ้าวอย่างมาก คำพูดของคนสูงวัยต่างก็มาจากประสบการณ์ แม้ว่าจะมีบางอย่างที่เลยยุคสมัยไปแล้ว แต่บางอย่างกลับยังคงอยู่ตลอดไปไม่ได้ล้าหลังอะไร ยกตัวอย่างเช่นเส้นทางของชีวิต
“ลูกเองก็ต้องบอกเหวินเทาด้วยนะ เขาออกไปข้างนอกบ่อย ๆ ไปดื่มกับคนอื่น ก็อย่าดื่มเยอะจนพูดจาเหลวไหลล่ะ” คุณแม่จ้าวได้ยินว่าเย่ฉูฉู่ได้เงินมากขนาดนี้ จึงเป็นกังวลลูกชายขึ้นมา
…………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ที่นินทากันสนุกปากได้เพราะยังไม่รู้เบื้องหลังของบ้านหกน่ะสิ เกิดวันใดวันหนึ่งบ้านหกประสบความสำเร็จแบบยิ่งใหญ่ขึ้นมาอย่าให้เห็นเชียวนะว่ามีสุนัขตัวไหนมาเลียแข้งเลียขา
ไหหม่า(海馬)