ตอนที่ 102 คุกเข่าแล้วจูบลงแทบเท้าของฉันซะ!

ระบบอัพเกรดเทพชาย

ตอนที่ 102 คุกเข่าแล้วจูบลงแทบเท้าของฉันซะ!

 

“ถ้าแกฉลาด ก็คืนผลไม้วิญญาณให้แก่พวกเรา จากนั้นก็มอบเสบียงทั้งหมดมาให้กับพวกเรา และถูกพวกเรากําจัดออกไปแต่โดยดี!”

 

“มิฉะนั้นแกจะต้องทรมาน!” หยางหยู่กล่าว

 

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งสองไม่เห็นหลิงเซียวอยู่ในสายตา ในสายตาของพวกเขา ผู้เข้าแข่งขันที่แอบซุ่มโจมตีจะแข็งแกร่งขนาดไหนกัน?

 

ยิ่งไปกว่านั้น พลังของทักษะต่อสจิตวิญญาณก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ดีนัก

 

ดังนั้นพวกเขาจึงมีความมั่นใจและรู้สึกว่าพวกเขาสามารถเอาชนะหลิงเซียวได้

 

พวกเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าหลิงเซียวได้ออมมือก่อนหน้านี้

 

ถ้าหลิงเซียวลงมือจริงๆ บางทีแม้แต่ฉิวซ่านและหยางหยู่ก็คงจะได้รับบาดเจ็บไม่น้อย

 

หลิงเซียวหัวเราะเบาๆ สีหน้าของเขาเย็นชายิ่งกว่าเดิม “แล้วถ้าฉันไม่อยากคืนล่ะ?”

 

“ฮี่ฮี่ ถ้าอย่างนั้นเมื่อเวลานั้นมาถึง ฉันเกรงว่าเรื่องมันจะไม่ง่ายดายเช่นนี้” ค่าพูดของฉิวซ่าน แฝงไว้ด้วยค่าขู่

 

หยางหยู่พูดอย่างหงุดหงิดว่า “ยังไม่จบอีกเหรอ? รีบส่งของมาซะ พวกเราแตกต่างจากนักวิ่งอย่างแก!

 

“เราไม่มีเวลามาเสียกับแก เวลาของเรามีค่ามาก!”

 

“อย่างนั้นเหรอ? แต่ฉันอยากจะทุบตีพวกแกทุกคนจนบาดเจ็บสาหัสจริงๆ! “หลิงเซียวกล่าวอย่างเฉยชา

 

ความเย็นชา ในน้ําเสียงของหลิงเซียวไม่ได้ซุกซ่อนเอาไว้เลยแม้แต่น้อย!

 

ฉิวซ่านได้ยินดังนั้นก็ตกใจก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง

 

เขาเหมือนได้ยินเรื่องที่ตลกสุดๆ สองมือกุมท้องไหล่สั่นไหวไม่หยุด

 

จากนั้นหยางหยู่และคนอื่นๆก็หัวเราะออกมาเช่นกัน

 

เพื่อนร่วมทีมของพวกเขาหัวเราะและพูดคุยกัน

 

“พวกแกได้ยินไหม เจ้าเด็กนี่บอกว่าจะทุบตีพวกเราจนบาดเจ็บสาหัส?”

 

“ฉันหัวเราะจนจะตายอยู่แล้ว อาศัยแค่มันคนเดียว? คนใดคนหนึ่งในพวกเราออกไป ก็ สามารถเอาชนะมันได้แล้ว!”

 

“ใช่แล้ว! มันไม่รู้อะไรเลยว่าท้องฟ้าสูงแค่ไหนและโลกลึกแค่ไหน!”

 

“ดูจากท่าทางของมันแล้ว เหมือนเป็นคนจากมณฑลฉวนโจวใช่ไหม? มันไม่เคยเห็นโลกภายนอกมาก่อนหรือไง”

 

“แม้แต่ความห่างชั้นกับพวกเรา มันก็ยังไม่รู้ ช่างน่าสงสารจริงๆ”

 

“………..”

 

“แค่แก? ล้อเล่นรึเปล่า? แกรู้ไหมว่าเราเป็นใคร?” ฉิวซ่านพูดหลังจากหัวเราะเสร็จ

 

หลิงเซียวกล่าว “ฉันจําเป็นต้องรู้ด้วยงั้นหรือ?”

 

“ดูเหมือนว่าฉันควรจะทําให้ความทรงจําของแกดีขึ้น!” ดวงตาของฉิวซ่านเปลี่ยนเป็นเย็นชา

 

หลิงเซียวหัวเราะเบาๆและกล่าวว่า “ความจําของฉันดีเสมอ!”

 

“เจ้าหนู ฉันจะให้โอกาสแกเป็นครั้งสุดท้าย มอบผลไม่วิญญาณมาซะ!”

 

“มิฉะนั้นฉันจะทําให้แกร่าไห้!” หยางหยู่ พูดอย่างเย็นชา

 

แววตาของหยางหยู่ฉายแววดูถูกไม่ปิดบังเลยแม้แต่น้อย

 

ราวกับว่าในสายตาของเขา หลิงเซียวไม่ต่างอะไรกับมดตัวเดียวที่เขาสามารถบดขยี้ให้มันตายได้ทุกเมื่อ

 

ซูเหยาเห็นดังนั้นก็อยากจะพุ่งออกไป แต่เธอก็ถูก หลิวรั่วเหยียน ที่อยู่ข้างๆรั้งเอาไว้

 

“อย่าเพิ่งรีบร้อน รอให้หลิงเซียวมาหรือไม่ก็รอโอกาส! มิฉะนั้นการพุ่งเข้าไปเช่นนี้ไม่เพียงแต่จะไม่ช่วยอะไร แต่จะเป็นตัวถ่วงของหลิงเซียวอีก” หลิว รั่วเหยียน พูดอย่างใจเย็น

 

ซูเหยาได้ยินดังนั้นก็กัดฟันแน่นระงับความโกรธในใจเอาไว้แล้วซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้อีกครั้ง

 

ชายหัวกลมและชายหัวสนามหญ้าความโกรธที่อยู่ในใจของพวกเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าซูเหยา

 

แม้ว่าพวกเขาจะเข้าร่วมทีมกับหลิงเซียวเพียงครึ่งควัน แต่พลังการต่อสู้ของหลิงเซียวก็น่านับถือ

 

แต่ตอนนี้อีกฝ่ายดูถูกหลิงเซียวแม้แต่พวกเขาก็ยังทนไม่ได้ พวกเขาต้องการที่จะพุ่งออกไปสั่งสอนพวกนั้น

 

หลิงเซียวมองไปที่ผู้เข้าแข่งขันทั้งสองทีมอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉันจะให้โอกาสพวกแกเช่นกัน คุกเข่าแล้วจบลงแทบเท้าของฉันซะ เรื่องก่อนหน้านี้ฉันจะถือว่าไม่เคยเกิดขึ้น!”

 

“เจ้าหนู แกกําลังรนหาที่ตาย!” หยางหยู่ โกรธมาก เขาพุ่งเข้าไปหาหลิงเซียวในพริบตา

 

ฉิวซ่านไม่ได้พูดอะไร แต่ความเร็วของเขาก็ไม่ได้ไปกว่าหยางหยู่มากนัก