บทที่ 54 ผู้แข็งแกร่งระดับดำ

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

หลังจากที่หลิวชิงและคนอื่นๆ ออกไปแล้ว ซูเหมยยังคงสีหน้าประหม่า

เย่เทียนมองไปที่เธอแล้วยิ้มพูดว่า “ไม่ต้องห่วงหรอก ช่วงนี้แก๊งเสือดำคงไม่กล้าทำอะไรแล้วล่ะ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูเหมยก็พยักหน้า แต่เมื่อนึกถึงสถานการณ์ที่น่าตื่นเต้นก่อนหน้านี้ ถ้าไม่ใช่การมาถึงของหลิวชิง เกรงว่าพวกเขาคงต้องตายที่นี่แล้ว!

“ฉันแค่กังวลว่าผู้นำของแก๊งเสือดำเชิ่งหู่คนนั้นจะทำอะไรคุณ!”

เพราะพวกเขาเป็นแก๊งใหญ่ที่มีอำนาจมากมายในเจียงหนัน หากถูกอีกฝ่ายประสงค์ร้ายเข้า คนธรรมดาทั่วไปคงรับมือได้ยากอย่างแน่นอน

สำหรับเรื่องนี้ เย่เทียนแค่ยิ้มตอบเบาๆ ว่า “เว้นแต่พวกเขาจะมั่นใจจริงๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่กล้าทำอะไรหรอก เอาล่ะ เราไปกันเถอะ”

เมื่อพูดจบ เย่เทียนกับซูเหมยก็ออกจากที่นี่

ในช่วงบ่ายวันนั้น จี้เยียนหรันได้โทรหาเย่เทียน

“เย่เทียน ของที่คุณต้องการ ฉันเตรียมไว้แล้วนะ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ดวงตาของเย่เทียนก็เป็นประกายทันที “ได้สิ ผมจะไปเราตอนนี้เลย”

ครึ่งชั่วโมงต่อมา เย่เทียนก็ไปถึงวิลล่าเล็กๆ ที่ล้อมรอบด้วยน้ำและภูเขา

เตาทองแดงขนาด 30 เซนติเมตรและวัสดุทางการแพทย์ ทั้งหมดก็ได้วางไว้บนโต๊ะ

“นี่คือรายการ ทั้งหมดใช้ไปหนึ่งล้านเจ็ดแสน ส่วนที่เหลืออยู่ในการ์ดนะ”

จี้เยียนหรันมองเย่เทียนด้วยสีหน้าซับซ้อนและยื่นบัตรให้เขา

เย่เทียนรับมันมาแล้วขอบคุณอย่างจริงใจ “ขอบคุณมากนะ คุณช่วยผมได้มากจริงๆ!”

ด้วยวัสดุทางการแพทย์เหล่านี้ เขาสามารถปรุงยาเพื่อการฝึกฝนของเขาได้แล้ว!

อีกอย่าง เขารู้ดีว่าวัตถุดิบทางการแพทย์ในนี้ล้ำค่ามาก ซึ่งวัสดุทางการแพทย์เหล่านี้ไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงินเพียงเท่านั้น มันต้องแลกกับความพยายามของจี้เยียนหรันไม่น้อยอย่างแน่นอน

“ฮิฮิ อันที่จริงปู่ของฉันให้คนช่วยหาต่างหาก ส่วนฉันก็แค่ช่วยรับส่งเฉยๆ”

จี้เยียนหรันยิ้มพูด หลังจากที่เธอกลับไปเล่าให้ปู่ของเธอฟังในก่อนหน้านี้ แทนที่ปู่ของเธอจะปฏิเสธ แต่เขากลับดูตื่นเต้นมาก

และสิ่งนี้ก็ทำให้เธอรู้สึกแปลกใจมาก แต่ปู่ของเธอไม่ได้พูดอะไรและเธอก็ไม่ได้ถามอะไรมากเช่นกัน

แต่เธอรู้สึกโดยสัญชาตญาณว่า การที่เย่เทียนต้องการวัสดุทางการแพทย์เหล่านี้และเตาทองแดงนี้ วัตถุประสงค์ของเขาต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!

แต่ถึงอย่างนั้น จี้เยียนหรันก็เป็นเด็กผู้หญิงที่ฉลาด เธอรู้ว่าอะไรควรถามและอะไรที่ไม่ควรถาม

ถ้าเย่เทียนต้องการพูด เขาจะไม่ปิดบังเธออย่างแน่นอน

“อื้ม ฝากขอบคุณคุณปู่ด้วยนะ!”

เย่เทียนพยักหน้าพูด

จี้เยียนหรันหัวเราะคิกคักแล้วพูดว่า “รอคุณไปหาคุณปู่แล้วขอบคุณท่านเองดีกว่า คุณปู่บอกว่า หวังว่าจะได้เจอคุณสักครั้งหลังจากที่คุณเสร็จธุระ”

เย่เทียนเลิกคิ้วและความซับซ้อนก็ประกายในดวงตาของเขา

เขารู้ดีว่าเรื่องการหาวัสดุยาของเขาไม่สามารถปิดบังต่อนายท่านจี้ได้แน่ และด้วยประสบการณ์ของนายท่านจี้นั้น เขาต้องเดาได้ว่าเขากำลังจะทำอะไรแน่นอน

แต่เย่เทียนไม่ได้คิดมาก ได้แต่ยิ้มตอบว่า “ได้สิครับ ผมเสร็จงานแล้วไปจะเยี่ยมที่บ้านตระกูลจี้นะครับ”

จี้เยียนหรันเข้าใจความหมายของเย่เทียนจากคำพูดของเขา เธอจึงตอบว่า “โอเค งั้นคุณตามสบายเลยนะ ฉันต้องกลับไปที่สถานีตำรวจก่อน”

หลังจากนั้น จี้เยียนหรันไม่ได้รอช้าและหันหลังเดินจากไป

เย่เทียนก็ไม่ได้สนใจเธอมากนัก เพียงแต่หันกลับมาแล้วมองดูวัตถุดิบยาที่อยู่ตรงหน้าด้วยดวงตาที่เป็นประกายเจิดจ้า

เมื่อก่อน แม้เย่เทียนจะไม่สามารถเข้าใจอย่างกระจ่างสำหรับหน้าปกทองนี้ได้

แต่ด้วยหน้าปกทองนี้ เขาก็สามารถเรียนรู้ความรู้มากมายได้ และการปรุงยาก็เป็นหนึ่งในนั้น

ตอนนี้ฝีมือของเขายังต่ำเกินไป ดังนั้นยาที่กลั่นออกมาจึงเป็นได้แค่ยาคุณภาพต่ำเท่านั้น

แต่สำหรับเขาในตอนนี้ก็เพียงพอแล้ว!

“ขอเพียงแค่เรากลั่น ‘ยา’ ออกมาได้ ร่างกายของเราก็จะแข็งแกร่งขึ้น และยังสามารถเพิ่มระดับฝีมือไปอีกขั้นได้!”

เย่เทียนคิดในใจและเริ่มฝึกการปรุงยาทันที

……

ในเวลาเดียวกัน ณ สำนักงานของประธานบริษัทแซ่หลิว

“ประธานหลิวเชิญผมมามีเรื่องอะไรครับ?”

เสียงที่กระฉับกระเฉงดังขึ้น เขาก็คือเชิ่งหู่ผู้นำของแก๊งเสือดำที่เพิ่งไปเจอเย่เทียนเมื่อช่วงเช้านี้!

ในขณะนี้ เขากำลังนั่งอยู่บนโซฟานุ่ม และด้านข้างเขาคือลูกสมุนที่มีฝีมือหลายๆ คน

ส่วนคนที่อยู่ตรงข้ามเขาคือหลิวเหวินซวุ่

เขาถือแก้วไวน์ในมือแล้วเขย่าไวน์แดงในแก้วเบาๆ และรอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ของนักธุรกิจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

“พี่ใหญู่เชิ่ง ได้ข่าวว่าวันนี้คุณมีเรื่องกับไอ้เย่เทียนคนนั้นเหรอ?”

คำพูดนี้ทำให้เชิ่งหู่ขมวดคิ้วและดวงตาของเขาก็ฉายแววความดุร้ายออกมา “คุณตามสืบผมอยู่เหรอ?”

“ไม่ใช่แน่นอนครับ”

หลิวเหวินซวุ่ยังคงพูดอย่างใจเย็น “คนของผมกำลังตามสืบเด็กที่ชื่อเย่เทียนต่างหาก”

“หืม?”

เชิ่งหู่เกิดความสนใจขึ้นมาทันที “คุณกับเย่เทียนก็ไม่ถูกกันเหรอ?”

“ก็นิดหน่อย ผมเลยต้องเชิญพี่ใหญู่เชิ่งมา โดยหวังว่าเราทั้งคู่จะได้ร่วมมือกันไงครับ”

“ร่วมมือ?” เชิ่งหู่ถึงกับหัวเราะออกมา “คุณเป็นพ่อค้า แล้วมีอะไรที่จะร่วมมือกับผมได้ล่ะ?”

เชิ่งหู่ในฐานะหัวหน้าแก๊งใหญ่ แม้เขาจะไม่ใช่นักธุรกิจ แต่สำหรับคนอย่างหลิวเหวินซวุ่แล้วเขาก็พอรู้จักบ้าง คนประเภทนี้หน้าไหว้หลังหลอกเสมอ และเขาก็ไม่อยากยุ่งกับคนอย่างหลิวเหวินซวุ่เหมือนกัน

“ต้องมีสิครับ”

หลิวเหวินซวุ่หัวเราะและลุกขึ้นยืนทันที จากนั้นปรบมือแล้วพูดว่า “พี่หวาง ออกมาเลยครับ”

เมื่อเสียงพูดดับลง ประตูด้านในของสำนักงานก็ถูกผลักเปิดออก และผู้อาวุโสผมขาวรูปร่างผอมบางก็เดินออกมาจากห้องนั้น

และเมื่อเห็นภาพนี้ เชิ่งหู่ขมวดคิ้วและยิ้มเยาะเย้ยว่า “ประธานหลิว นี่คุณกำลังล้อเล่นกับผมอยู่เหรอ? คุณจะเอาอะไรกับตาแก่แบบนี้?”

“ตาแก่?”

ดวงตาของผู้อาวุโสหรี่ลงและความเย็นเยือกก็ประกายขึ้น

ในชั่วพริบตานั้น เขาขยับตัว เมื่อเสียงลมดังขึ้น ร่างของผู้อาวุโสคนนั้นกลายเป็นเหมือนภาพติดตา แทบจะในเสี่ยววินาที เขาได้มาถึงตัวของเชิ่งหู่ จากนั้นแขนที่เหยียดออกมาไม่รู้เมื่อไหร่ก็ล็อคคอของเชิ่งหู่ไว้!

“ถ้าไม่ใช่เพราะข้าไม่อยากแตะเลือดเพราะเพิ่งออกมาจากภูเขา แกตายแน่!”

ผู้อาวุโสพูดด้วยเสียงที่แหบแห้ง แต่น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเย็นเยือก ทำให้อุณหภูมิของทั้งสำนักงานลดลง

ส่วนเชิ่งหู่หน้าซีดเซียวทันที เขาสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าที่รุนแรงนั้นได้ ในตอนนี้เหมือนดาบอันแหลมคมแขวนอยู่บนหัวของเขา

เพียงแค่ไม่ทันระวัง เขาอาจตายได้ในทันที!

“พี่หวางครับ พี่ใหญ่เชิ่งคนนี้ไม่ได้มีเจตนาร้ายนะครับ เขาแค่ไม่รู้จักพี่หวางเท่านั้น โปรดไว้ชีวิตเขาเพราะเห็นแก่ผมเถอะครับ”

ในขณะที่หลิวเหวินซวุ่พูด น้ำเสียงของเขายังเต็มไปด้วยความได้ใจ

ผู้อาวุโสทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจ จากนั้นปล่อยเชิ่งหู่ไป

เชิ่งหู่ที่ถูกปล่อยก็รู้สึกโล่งใจมาก สายตาที่เขามองผู้อาวุโสคนนั้นก็เต็มไปด้วยความให้เกียรติ และเขาก็โค้งคำนับทันที

“ผมไม่ทราบว่าท่านเป็นใครจริงๆ ครับ ต้องขออภัยที่ล่วงเกินนะครับ!”

ผู้อาวุโสเหลือบมองเขาแล้วพูดเบาๆ ว่า “ช่างมันเถอะ คนไม่รู้ย่อมไม่ผิด”

เชิ่งหู่รู้ว่าผู้อาวุโสคนนี้มีความเย่อหยิ่งในตัว เขาจึงไม่กล้าแสดงอาการไม่พอใจและถามอย่างเคารพว่า “ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสท่านนี้มีนามว่าอะไรครับ?”

“หวางลี่!”

ผู้อาวุโสพูดเบาๆ สองคำ

ผู้อาวุโสคนนี้เป็นถึงรุ่นพี่ของหวางซาน และเป็นผู้แข็งแกร่งระดับดำในตำนานเชียวนะ!