บทที่ 55 การสมรู้ร่วมคิด

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

“สองวันผ่านไป ยาที่กลั่นจากเตากลั่นสำเร็จสักที!”

ในวิลล่าเล็กๆ เย่เทียนที่เหงื่อเต็มหน้าและใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาก็แสดงสีหน้าความสุขออกมา

ด้วยกลิ่นหอมจางๆ ของยาที่แผ่ซ่าน เม็ดยาสีเขียวเข้มขนาดเท่าไข่นกกระทาห้าเม็ดที่วางอยู่ข้างในเตาทองแดงก็เปล่งประกายแสงสีเขียวออกมา

“เสียดายนะ ถ้ามีเตาปรุงยาที่ดีกว่านี้ เตาหนึ่งคงกลั่นยายาได้อย่างน้อยแปดเม็ดแน่!”

เย่เทียนส่ายหัวเบาๆ แต่เขารู้ดีว่าจะเอาอะไรมากกับสภาพที่ย่ำแย่ในตอนนี้ไม่ได้

จากนั้น เขาหยิบยาออกมาสองเม็ดแล้วแพ็คใส่กล่องไม้ที่เตรียมไว้ล่วงหน้า

และสามเม็ดที่เหลือเขากินเข้าไปทันที จากนั้นเขาเปิดตำราคัมภีร์หวงและเริ่มฝึกวิชา

เพราะการมีอยู่ของยายา จึงเป็นประโยชน์อย่างมากต่อระดับฝีมือของเขาในตอนนี้ นอกจากนี้มันยังอุดมไปด้วยสรรพคุณของยา ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้เขาก้าวข้ามไปถึงการฝึกพลังชั้นสามได้

ทันทีที่คัมภีร์หวงเริ่มทำงาน รอบตัวเขาก็มีไอหมอกแผ่ขึ้น ทำให้ร่างกายของเขาค่อยๆ เกิดการเปลี่ยนแปลง

ภายในครึ่งชั่วโมงนั้น เสียงกระดูกของเขาดังกรอกแกรกอย่างไม่หยุด!

พลังการรักษาที่มีอยู่ในยานั้น ไม่เพียงแต่มีผลต่อระดับฝีมือเท่านั้น แต่ยังสามารถเปลี่ยนโครงสร้างของร่างกายได้ โดยเฉพาะการจัดระเบียบกล้ามเนื้อและการปลูกกระดูกใหม่ ซึ่งจะทำให้แข็งแกร่งขึ้นโดยไม่ต้องกระตุ้นมัน!

หลังจากนั้นไม่นาน เสียงดังกรอกแกรกของกระดูกก็ค่อยๆ หายไป เย่เทียนลืมตาอย่างกะทันหันและในดวงตาก็มีแสงรังสีส่องผ่าน!

“ฝึกพลังชั้นสาม สำเร็จแล้ว!”

เขาอุทานออกมา จากนั้นลุกขึ้นยืน และในขณะนั้น เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาเหนอะหนะมาก

มันเป็นสิ่งเจือปนที่ขับออกจากร่างกาย ซึ่งเป็นเหมือนนิยายกำลังภายในที่พูดถึงการเปิดเส้นลมปราณเญิ่น มันจะบังคับทำให้ร่างกายคนสามารถปรับให้เข้ากับการฝึกวิชาคัมภีร์หวงได้!

แต่เย่เทียนไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น เขาจึงเข้าไปอาบน้ำและเปลี่ยนชุดใหม่

เมื่อยืนอยู่หน้ากระจก เย่เทียนก็พบว่ารูปร่างหน้าตาของเขาดูดีขึ้นมาก ผิวพรรณก็กระชับขึ้น ซึ่งหล่อกว่าเหล่าไอดอลชายบางกลุ่มเสียอีก

ร่างกายของเขาในตอนนี้ เป็นธาตุทองที่กระจัดกระจายไปทั่ว แม้จะดูผอมบางไปหน่อย แต่กล้ามเนื้อของเขาเต็มไปด้วยพละกำลัง ซึ่งเป็นกำลังที่สามารถต่อยช้างให้ตายในหมัดเดียวได้!

“พละกำลัง!”

เย่เทียนพึมพำกับตัวเองแล้วกำหมัดแน่นๆ

ก่อนที่เขาจะคิดอะไรมากไปกว่านี้ โทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น เมื่อหยิบโทรศัพท์ออกมาเขาก็เห็นว่าเป็นสายโทรเข้าจากหลิวชิง

“คุณเย่ ศัตรูที่ว่าของผมนัดผมแล้วครับ คุณสะดวก……”

เสียงที่เคารพนับถือของหลิวชิงดังขึ้น

เย่เทียนหรี่ตาลงแล้วพูดเบาๆ “งั้นผมไปหาคุณเลยครับ ตอนนี้คุณอยู่ไหน?”

“ผมอยู่ในสโมสรจุนเหาครับ!” หลิวชิงตอบทันที

หลังจากวางสาย เย่เทียนไม่ได้เสียเวลาอีก จากนั้นเขาหยิบยาอีกสองเม็ดแล้วออกไปทันที

ยาสองเม็ดนี้แทบจะไม่มีประโยชน์สำหรับเขาในตอนนี้แล้ว

ยาสามารถเพิ่มพลังได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น สำหรับระดับความสามารถแล้ว เขาเพิ่งก้าวข้ามสู่การฝึกพลังชั้นสามเมื่อกี้นี้เอง และถ้าจะให้เพิ่มความแข็งแกร่งไปมากกว่านี้ เกรงว่ามันจะยังไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่

ส่วนอีกสองเม็ดที่เหลือนั้น เขาวางแผนจะให้คุณปู่เฉินชังไห่เม็ดหนึ่ง ส่วนอีกเม็ดเขาอยากให้เฉินหวั่นชิง แต่ด้วยนิสัยของเฉินหวั่นชิงแล้ว เกรงว่าจะ……

เย่เทียนส่ายหัวด้วยรอยยิ้มขมขื่น เขาไม่อยากคิดอะไรมากไปกว่านี้ ได้แต่เก็บกล่องยาไว้

ครึ่งชั่วโมงต่อมา เย่เทียนได้เดินทางไปถึงสโมสรจุนเหา

หลิวชิงได้รออยู่ที่หน้าประตูก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อเห็นเย่เทียนลงจากรถ เขาก็รีบเข้าไปต้อนรับ ซึ่งเขาดูกระตือรือร้นมากกว่าการที่ได้พบพ่อของเขาเสียอีก

“คุณเย่ครับ ในที่สุดคุณก็มาถึงแล้ว!”

เย่เทียนมองไปที่เขาแล้วพูดอย่างเฉยเมยว่า “อย่าเสียเวลาเลย ศัตรูคุณอยู่ไหน?”

“เขาให้ผมไปเจอกันที่เกาะเล็กๆ ในทะเลสาบเยี่ยนกุยครับ ที่นั่นมีเกาะเล็กๆ แค่เกาะเดียวเท่านั้น ต้องนั่งเรือข้ามฟาก แต่ผมกลัวพวกเขาจะวางกับดักไว้เพื่อให้ผมไปติดกับครับ”

หลิวชิงยิ้มพูดอย่างขมขื่น

แม้แก๊งไผ่เขียวของเขาจะครอบครองพื้นที่หนึ่งในสามของเจียงหนัน แต่ภายในช่วงเวลาสองสามวันที่ผ่านนี้ ศัตรูของเขาผีเข้าผีออก และได้ฆ่าลูกน้องของเขาไปหลายคน ดังนั้นจึงส่งผลให้กับคนทั้งแก๊งรู้สึกผวาและรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในภัยอันตรายกันหมด

“แล้วจะรออะไรล่ะ? ลุยกันเลยสิ”

เย่เทียนไม่ได้สนใจสิ่งอื่น เป้าหมายของเขาคือเงินสิบล้านของหลิวชิงเท่านั้น

“คุณเย่ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ ผมขอรอเพื่อนก่อนครับ” หลิวชิงยิ้มพูดอย่างสุภาพ

เย่เทียนที่ได้ยินเช่นนี้ก็เหลือบมองไปที่หลิวชิง โดยรู้สึกว่าหลิวชิงไม่ได้ตั้งใจรอเขาเลย

แต่หลังจากคิดดูแล้ว เย่เทียนก็เข้าใจได้ในทันที

แม้เขาจะแสดงความแข็งแกร่งออกมาแล้ว แต่นั่นยังเป็นเรื่องธรรมดาเกินไป มันไม่เท่าไหร่หรอก

การที่หลิวชิงคนนี้มาติดต่อเขา อาจเป็นเพราะความสัมพันธ์ของตระกูลฉินก็ได้

และการขอความช่วยเหลือจากเขานั้นเป็นแค่เรื่องรองลงมา ส่วนสิ่งสำคัญที่สุดนั้น ก็คือการตีสนิทกับเขามากกว่า

แต่เย่เทียนก็ไม่ได้สนใจมากนัก เขาแค่ยืนรออยู่ข้างๆ และสักพักหลังจากนั้น ในที่สุดก็มีรถคันหนึ่งขับเข้ามาอย่างช้าๆ

เมื่อประตูรถเปิดออก คนกลุ่มหนึ่งได้ก้าวออกมาจากรถ ซึ่งผู้นำของพวกเขาคือชายร่างกำยำคนหนึ่งที่ตัดทรงลานบินและมีใบหน้าทรงเหลี่ยม จากนั้นเดินเข้ามาอย่างน่าเกรงขาม

เมื่อเดินมาถึงตรงหน้า เขากวาดมองไปที่เย่เทียน จากนั้นหันกลับไปหาหลิวชิงแล้วพูดว่า “พี่ใหญ่หลิว เตรียมถึงไหนแล้ว?”

“ยังมีอะไรที่ต้องเตรียมล่ะครับ ทุกอย่างก็ต้องพึ่งปรมาจารย์จ้างอยู่แล้ว!”

หลิวชิงถอนหายใจแล้วตอบเขา จากนั้นหันมองไปที่เย่เทียนแล้วแนะนำว่า “คุณเย่ครับ ท่านนี้คืออาจารย์จ้างตง หัวหน้าของยิมมวยซิงยี่ในเจียงหนันครับ ปรมาจารย์จ้างครับ ท่านนี้คือเย่เทียน หรือเรียกท่านว่าคุณเย่ก็ได้ครับ!”

“เย่เทียน?”

ชายร่างกำยำที่ชื่อจ้างตงเหลือบมองไปที่เย่เทียนและขมวดคิ้วพูดว่า “พี่ใหญ่หลิว ได้ข่าวว่าคนร้ายเป็นถึงนักบู๊ยอดฝีมือเลยนะ คุณพาเด็กอ่อนหัดแบบนี้ไปด้วย เกิดอะไรขึ้นผมรับผิดชอบไม่ได้นะ”

เย่เทียนเลิกคิ้วขึ้น เขารู้ว่าคนคนนี้ต้องดูถูกเขาอยู่แล้ว แต่เขาไม่อยากสนใจมากนัก เพราะผ่านคืนนี้ไปพวกเขาไม่ได้เจอกันอยู่แล้ว

หลิวชิงได้แต่กระแอมเบาๆ แล้วพูดอย่างลำบากใจว่า “ปรมาจารย์จ้างครับ ถึงแม้คุณเย่จะดูหนุ่ม แต่ฝีมือไม่ธรรมดาเลยนะครับ เพราะเขาคนเดียวสามารถจัดการคนหลายสิบคนได้นะครับ!”

“แต่ผมว่านะ ลูกน้องของคุณเป็นแค่พวกอ่อนหัดทั้งนั้น ต่อให้สามสี่สิบคนผมก็จัดการได้สบายอยู่แล้ว”

จ้างตงพูดอย่างเย่อหยิ่ง

“แน่นอนอยู่แล้วครับ ปรมาจารย์จ้างแข็งแกร่งขนาดนี้ ลูกน้องของผมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณอยู่แล้วครับ”

หลิวชิงยิ้มอย่างสุภาพและไม่ได้ต่อประโยคของเขาอีก จากนั้นพูดขึ้นอีกครั้งว่า “ปรมาจารย์จ้างครับ คุณเย่ครับ ก่อนที่จะสายเกินไป เราออกเดินทางเลยนะครับ!”

ด้วยคำพูดของหลิวชิง จ้างตงก็ไม่พูดอะไรอีก และหลังจากนั้น พวกเขาแบ่งเป็นสองกลุ่มเพื่อขึ้นรถคนละคันและตรงไปยังทิศทางของทะเลสาบเยี่ยนกุย

ในเวลาเดียวกัน ภายในสำนักงานของบริษัทแซ่หลิว

“ท่านประธานครับ เย่เทียนออกไปกับแก๊งไผ่เขียวแล้วครับ!”

หลิวเหวินซวุ่ที่นั่งอยู่บนโซฟายิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วหันมองไปที่หวางลี่ที่นั่งอยู่ตรงข้าม

“พี่หวาง เรื่องต่อจากนี้ต้องรบกวนคุณแล้วนะครับ!”

“ไม่มีปัญหา คุณแจ้งทางแก๊งเสือดำด้วยสิ จัดการทั้งแก๊งเสือดำด้วยเลย!”

ผู้อาวุโสที่ชื่อหวางลี่ลุกยืนขึ้น นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าที่รุนแรง

เมื่อเสียงพูดของเขาลดลง ความหนาวเย็นและความมืดมิดก็ปกคลุมไปทั่วทั้งสำนักงาน