บทที่ 432 ท็อป 16
บทที่ 432 ท็อป 16
สิ้นเสียงประกาศจากอีเวนต์ลง ทั่วทั้งสนามประลองก็เต็มไปด้วยเสียงฮือฮาของเหล่าผู้ที่กำลังตื่นเต้นกับของรางวัลทันที ไม่เว้นแม้แต่เหล่ายอดฝีมือกว่า 100 คน ปฏิกิริยาเช่นนี้ไม่ต้องอธิบายก็รู้ว่ามันเลอค่าขนาดไหน เลอค่าชนิดที่ว่าไม่มีใครคาดคิดมาก่อน!
อาร์ติแฟกต์สามชิ้นเลยนะ! ไหนจะเป็นทั้งอาวุธและเครื่องประดับอีก! อย่าว่าแต่คนอื่นตกใจเลย ขนาดเซียวเฟิงเองยังแทบคุมตัวเองไม่อยู่เหมือนกัน!
เครื่องประดับอาร์ติแฟกต์! สิ่งนี้ถือเป็นสิ่งที่เซียวเฟิงใฝ่หามานานมาก ๆ แม้ว่าตัวเขาจะมีชุดอาร์ติแฟกต์กับอาวุธอาร์ติแฟกต์อย่างคทาแห่งปราชญ์ที่เรียกได้ว่าทรงประสิทธิภาพอยู่แล้วก็จริง แต่เซียวเฟิงก็ยังไม่มีเครื่องประดับอาร์ติแฟกต์แม้แต่ชิ้นเดียว ดังนั้นเมื่อมันกลายมาเป็นของรางวัล หัวใจที่เคยสงบนิ่งของเขาจึงไม่สามารถสงบนิ่งได้อีกต่อไป ต่อให้เขาต้องเอาชนะทุกคนเพื่อเป็นที่หนึ่งและทำให้เขตฮันกุลได้รับแต้มเกียรติยศเป็นจำนวนมาก เขาก็ไม่สนอะไรแล้ว เครื่องประดับอาร์ติแฟกต์นี้ต้องเป็นของเขา!
[ประกาศจากอีเวนต์! ผู้เข้าแข่งขัน 64 อันดับแรกของอีเวนต์เซิร์ฟเวอร์ ชิงชัย กรุณาเตรียมตัวให้พร้อม! ระบบจะเริ่มทำการสุ่มคู่ต่อสู้และส่งพวกท่านไปยังสนามประลองในเร็ว ๆ นี้!]
หลังจากประกาศจบลง ภายในเขตพักผ่อนก็เปล่งแสงสว่างขึ้นมา โดยเฉพาะผู้เล่นแปดคนที่มีแสงสว่างสีขาวปรากฏขึ้นที่ใต้เท้า พวกเขาถูกเทเลพอร์ตไปยังสนามประลองขนาดใหญ่ที่มีเพียงสี่แห่งในทันที
ผู้เล่นที่ถูกเลือกทั้งแปดคนตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว ทันทีที่พวกเขาเข้าสู่สนามประลอง ทุกคนก็ตั้งท่าพร้อมต่อสู้ทันที สิ่งที่ทำให้การต่อสู้ยังไม่เริ่มขึ้น คือเวลานับถอยหลังที่ยังคงดำเนินอยู่เท่านั้น
การประลองในรอบสุดท้ายนี้ เนื่องจากเป็นการพบเจอกันของเหล่ายอดฝีมือที่รอดมาจากสองแมทช์แรกได้ ดังนั้นในทุก ๆ การประลองจึงมีค่าเท่ากับการต่อสู้ที่น่าติดตามและเต็มไปด้วยการประชันศักยภาพระดับสุดยอดของแต่ละคน ด้วยเหตุนี้ระยะเวลาของมันจึงไม่ใช่สั้น ๆ เลย
ถึงคู่แรกของการประลองที่ 4 สนามจะเริ่มพร้อมกัน แต่พวกเขาก็จบไม่พร้อมกัน เพราะงั้นกว่าการประลองของเหล่ายอดฝีมือทั้ง 64 อันดับจะจบลง มันก็เป็นเวลาตี 4 ไปแล้ว เรียกได้ว่าเป็นการสู้กันที่ยาวนานมากเลยทีเดียว
เซียวเฟิงให้ความสนใจกับการประลองของเหล่ายอดฝีมือทุกคู่ แล้วนั่นจึงทำให้ชายหนุ่มเห็นว่า นอกจากเหล่าศัตรูเก่าที่เคยเจอเมื่ออีเวนต์เซิร์ฟเวอร์ล่าสมบัติคราวก่อนแล้ว อีเวนต์รอบนี้ยังมีเหล่ายอดฝีมือใหม่ ๆ อีกมากมาย รวมไปถึงไทแรนนี่เองก็ด้วย คลาสของเขาค่อนข้างจะพิเศษกว่าใคร อาวุธที่เหมือนกับนวมชกมวยเองก็ด้วย สิ่งนี้ไม่ใช่อาวุธที่จะหาเจอกันได้ง่าย ๆ เลย ระหว่างนั้นเซียวเฟิงก็คอยไล่ตามอ่านข่าวในฟอรั่มเขตฮัวเซียไปด้วยจนได้ข้อมูลของนวมนั้นมาในที่สุด มันเป็นหนึ่งในอาวุธที่ค่อนข้างจะพิเศษและมีค่าสถานะที่ค่อนข้างสูง มันสามารถอัปเกรดเพิ่มได้แทบจะไม่มีที่สิ้นสุดหากยังมีวัตถุดิบให้ใช้ เรียกได้ว่าลิมิตการอัปเกรดของอาวุธชิ้นนี้เองก็จัดว่าสูงมาก ๆ ด้วย
นอกจากอาวุธแล้ว สไตล์การต่อสู้ของไทแรนนี่เองก็น่าสนใจ อวัยวะทุกอย่างบนร่างกายของเขาดูเหมือนจะเป็นอาวุธได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นศอก ไหล่รวมถึงเข่า อะไรก็ตามที่อยู่บนร่างกายคนคนนี้สามารถใช้มันในการป้องกันได้หมดเลย
ในส่วนของเทพเจ้าสายฟ้าและศัตรูเก่าของเซียวเฟิงหลาย ๆ คนก็ดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นกันหมด พวกเขาสามารถล้มคู่ต่อสู้ได้ในเวลาไม่กี่วินาที เรียกเสียงโห่ร้องด้วยความตื่นเต้นของเหล่าผู้ชมข้างสนามได้เป็นอย่างดี
เช่นเดียวกับซีเหมินชุยเสวีย คู่ต่อสู้ของเขาถูกกำจัดลงหลังจากที่เริ่มการประลองไปได้ไม่ถึง 5 วินาที คลื่นดาบของเขาตอนนี้มันกว้างขึ้นมาก ดังนั้นไม่มีใครสามารถหลบมันได้อีกต่อไป มันจึงเป็นเหตุให้คู่ต่อสู้ของเขาถูกฆ่าตายด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ทางด้านซือเยี่ยจิ๋งเองก็ไม่แพ้คนอื่น เธอเฉิดฉายกว่าเดิมอีกหลายเท่าจนเป็นที่น่าพึงพอใจ ด้วยสถานะต่าง ๆ ที่ได้รับชุดเกราะมังกรเสริมให้ เพียงแค่ร่ายสัตตบรรณอับเฉาเสร็จ ดอกบัวแห่งความตายทั้งเจ็ดดอกนั้นก็สามารถระเบิดคู่ต่อสู้ให้ตายได้ในพริบตาเช่นกัน
ครั้นเมื่อถึงคราวที่เซียวเฟิงต้องประลอง เขาก็พบว่ามีสายตาหลายคู่ที่จับจ้องมายังเขา ด้วยชื่อที่ไม่สามารถเปิดเผยได้อันเป็นจุดเด่นเหนือหัว มันทำให้เหล่ายอดฝีมือจากเขตอื่น ๆ ที่เคยถูกเขาฆ่าตายเมื่อครั้งอีเวนต์ล่าสมบัติสามารถจดจำเขาได้ไม่ยากนัก
กระนั้นแล้วเซียวเฟิงก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เขายังคงใช้ค้อนแห่งการพิพากษานั้นเปิดฉากและปิดฉากคู่ต่อสู้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวเช่นเดิม และด้วยความเสียหายมหาศาลที่ทำได้จากการโจมตีนั้น มันก็สะกดทุกสายตาของเหล่าผู้ที่กำลังรับชมให้ต้องอ้าปากค้างไปตาม ๆ กัน
มีเพียงผู้ชนะในการประลองของ 64 อันดับแรกเท่านั้นที่ถูกเทเลพอร์ตกลับไปยังเขตพักผ่อน ซึ่งหลังจากที่เหล่า 64 อันดับแรกประลองกันเสร็จไปแล้ว ก็ถึงคราวของ 64 อันดับหลังที่ถูกส่งออกไปจากเขตพักผ่อนแทน
[ประกาศจากอีเวนต์! การประลองเพื่อเฟ้นหา 32 อันดับแรกของอีเวนต์เซิร์ฟเวอร์ชิงชัยกำลังจะเริ่มในไม่ช้า! ขอให้ผู้เข้าแข่งขันทุกท่านเตรียมตัวให้พร้อม เมื่อการสุ่มคู่ต่อสู้เสร็จแล้ว พวกท่านจะถูกส่งตัวไปยังสนามประลองในทันที!]
ระบบไม่ปล่อยโอกาสให้ผู้ที่ประลองจบแล้วได้พักนานนัก หลังจากที่รอบเฟ้นหา 64 อันดับหลังประลองกันเสร็จ รอบ 32 อันดับก็ถูกประกาศให้เริ่มทันที เช่นเดิม แสงสว่างสีขาวปรากฏขึ้นที่ใต้เท้าของผู้เล่นแปดคนก่อนที่พวกเขาจะถูกส่งตัวไปยังสนามประลอง ซึ่งในครั้งนี้ก็มีเซียวเฟิงรวมอยู่ด้วย
“หือ? นายเองก็โชคดีเหมือนกันนี่ ยังอุตส่าห์รอดมาจากรอบ 64 อันดับด้วย”
เซียวเฟิงอยู่บนสนามประลองของตน แต่เมื่อเขามองไปยังคู่ต่อสู้ ภายในใจเขาก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมา นั่นเพราะคู่ต่อสู้ของเขาคือ หานชิวเฟิง
ความแข็งแกร่งของหานชิวเฟิงนั้นไม่น่าจะเทียบเท่ากับเหล่ายอดฝีมือได้เลยแท้ ๆ เพราะงั้นเซียวเฟิงจึงค่อนข้างประหลาดใจที่เห็นเขามาได้ถึงขนาดนี้ สิ่งเดียวที่จะอธิบายเรื่องนี้ได้คงมีเพียง คนคนนี้โชคดีมาก ๆ เท่านั้น
“เป็นแกเองเรอะ!?”
หานชิวเฟิงเองก็มองไปยังคู่ต่อสู้ของตนเหมือนกัน และเมื่อเห็นว่าฝั่งตรงข้ามเป็นเซียวเฟิง สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที นั่นเพราะเขาน่ะใช้ดวงเพื่อขึ้นมา ณ จุดนี้ได้จริง ๆ ยกตัวอย่างคู่ต่อสู้ของเขาเมื่อเกมสุดท้ายก็ได้ หากไม่ติดว่าอีกฝ่ายถูกเรียกโดนคนนอกเกมให้ออฟไลน์ก่อนที่การประลองจะเริ่ม เขาคงจะไม่ได้มายืนอยู่จุดนี้
ทว่าเมื่อเห็นว่าเซียวเฟิงเป็นคู่ต่อสู้ในรอบนี้ เขาก็รับรู้ได้ทันทีว่าความโชคดีของตัวเองนั้นจบลงแล้ว
“เออ รู้แล้วก็เลิกพูดไร้สาระสักที มันเสียเวลาฉัน รีบ ๆ เข้ามาตายด้วยตัวเองได้แล้ว”
เซียวเฟิงไม่ได้สนใจอยากจะยื้อการประลองครั้งนี้นัก เพราะงั้นเขาจึงโบกไม้โบกมือให้อีกฝ่ายเลิกพูดมากไป
“ฮึ่ม! เอาเซ่! ฉันเองก็อยากจะแสดงพลังที่แท้จริงของฉันให้แกเห็นเหมือนกัน! คอยดู ฉันจะเข้าไปสู่รอบท็อป 4 ของการประลองให้ได้! ในเมื่อแกอยากตายนัก…” หานชิวเฟิงไม่หยุดโอ้อวดตนเลยเมื่อรู้ว่าจะต้องสู้กับเซียวเฟิง เขาพยายามเหยียดหยามอีกฝ่าย
หอกแห่งแสง!
ค้อนแห่งการพิพากษา!
-142!
-3,748! คริติคอล!
ท่ามกลางถ้อยคำขี้โม้ของหานชิวเฟิง ผสมความขี้เกียจเสียเวลาของเซียวเฟิงซึ่งถือเป็นอย่างเดียวที่ไม่ใช่คำโกหก ชายหนุ่มไม่รอช้าที่จะร่ายหอกแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาเพื่อตรึงร่างของอีกฝ่ายไว้ ก่อนจะใช้ค้อนแห่งการพิพากษาทุบลงไปเป็นการจบการประลองอย่างรวดเร็ว ตัวเลขแสดงความเสียหายที่น่าสยดสยองนั้นทำเอาทั่วทั้งเกาะชิงชัยเงียบสงัดไปหลักนาทีเลย ทางเหล่ายอดฝีมือในแต่ละเขตที่เห็นเองก็หนักใจพร้อม ๆ กันด้วย
“นั่นใช่อันดับ 1 ของฮัวเซียที่เคยมีข่าวลือเมื่อนานมาแล้วหรือเปล่าน่ะ? ทำไมเขาทำดาเมจได้ขนาดนั้นเลยล่ะ!!”
“เขาเป็นคลาสนักบวช เพราะงั้นก็เลยสามารถร่ายบัฟให้ตัวเองได้ พลังโจมตีเลยสูง แต่จุดอ่อนของนักบวชเองก็อยู่ที่เรื่องสกิลโจมตีกับหลบหนีมีน้อยเนี่ยแหละ”
สกิลโจมตีที่มีวงกว้างเช่นนี้ สามารถโจมตีทุกคนที่อยู่ในระยะได้ภายในเสี้ยววินาที ดังนั้นเซียวเฟิงไม่จำเป็นต้องมีสกิลหลบหนีอะไรนั่นด้วยซ้ำ ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นใคร เขาก็ไม่เกรงกลัวทั้งนั้น
“นี่นายถูกนักบวชโจมตีเหรอ? น่าอับอายจริง ๆ ”
“ฉันว่าอันดับ 1 ของเขตฮัวเซียนั่นไม่เห็นจะสมคำร่ำลืออะไรเลย มีดีแค่พลังโจมตีสูงแค่นั้น ถ้าต้องไปเจอกับยอดฝีมือจริง ๆ เขาไม่มีโอกาสทำอะไรแบบนี้แน่ หรือต่อให้สามารถเรียกค้อนยักษ์นั่นออกมาได้ ก็ใช่ว่าจะทุบโดนเสมอไปนะ”
“ไว้นายเจอเขาซึ่ง ๆ หน้า นายถึงจะรู้ว่าความน่ากลัวของคนคนนั้นเป็นยังไง”
“เห? เทพดาบกลายมาเป็นพวกขี้ขลาดตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย? จะว่าไป ฉันได้ยินมาว่าเมื่อครั้งตอนอีเวนต์ล่าสมบัตินายก็ถูกอันดับ 1 ของฮัวเซียคนนั้นฆ่าเอานี่เนอะ ใช่ไหม?”
“ฉันไม่ใช่คนเดียวที่ถูกฆ่า ขนาดเทพเจ้าสายฟ้าเองก็ยังไม่รอด ทุก ๆ คนในกิลด์ของพวกเราไม่มีใครรอด ยกเว้นอันดับ 1 ของเขตฮัวเซีย”
“นั่นมันเพราะพวกนายมันโง่ต่างหากเล่า แต่ไหนแต่ไรพวกนายก็เป็นยอดฝีมืออยู่แล้วไม่ใช่หรือไง? แต่จู่ ๆ คิดจะร่วมมือกันเนี่ยนะ? รู้จักวิธีการร่วมมือกันหรือไง? นายคิดว่าแค่รวมตัวกันแล้วจะแข็งแกร่งขึ้น ทั้ง ๆ ที่พวกนายถนัดการสู้คนเดียวมาตลอดเนี่ยนะ? ไม่แปลกใจเลยที่พอไปรวมกันเป็นกลุ่มก้อนแล้วถึงทำอะไรไม่ได้แบบนั้นน่ะ!”
“ฉันก็คิดงั้นเหมือนกัน ยอดฝีมือที่แท้จริงน่ะ เค้าไม่รวมกลุ่มกันหรอกนะ เพราะมันจะทำให้ตัวเองแสดงศักยภาพออกมาได้ไม่เต็มที่ ดังนั้นอีเวนต์ชิงชัยครั้งนี้น่ะ คือโอกาสอันดีที่จะได้ไล่ล่าไอ้อันดับ 1 แห่งฮัวเซียนั่น แล้วแสดงให้เห็นว่าพวกแกมันโง่ขนาดไหน”
“พอมาคิด ๆ ดูแล้ว ฉันเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเทพเจ้าสายฟ้ามาแพ้ให้กับคนแบบนี้ บางทีอาจจะเป็นเพราะนายก็ได้ที่ทำให้เขาทำตัวโง่ ๆ อย่างเช่นมัวแต่กลัวจนไม่ยอมเข้าไปจัดการเจ้านั่นพร้อมมัน”
“เดี๋ยวสิ นั่นมันอันดับ 1 ของเขตฮัวเซียไม่ใช่เหรอ? ถ้าใช่ทำไมเขาถึงไปโผล่ที่เขตฮันกุลได้ล่ะ? นายจำคนผิดหรือเปล่า?”
“นั่นแหละเขา ฉันเข้าไปสืบหาข่าวจากในฟอรั่มเขตฮัวเซียมาแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะทำภารกิจลับอะไรบางอย่างและเผลอหลุดผ่านเส้นแบ่งเขตแดนไปโผล่ที่เขตฮันกุลได้ เพราะงั้นถึงได้ต้องเข้าร่วมอีเวนต์นี้ในฐานะตัวแทนของเขตฮันกุลไง ระบบตีว่าเขาเป็นผู้เล่นเขตนั้นไปแล้ว”
“แบบนี้นี่เอง”
ยอดฝีมือทั้ง 32 อันดับใช้เวลาร่วม ๆ 1 ชั่วโมงครึ่งกว่าจะจบการต่อสู้ทั้งหมด นอกจากเซียวเฟิงและเทพเจ้าสายฟ้าแล้ว ไม่ว่าพวกเขาทุกคนจะพยายามรีบจบการต่อสู้ขนาดไหนก็ไม่สามารถทำเวลาได้ดีเท่าทั้งสองคนเลย ซึ่งด้วยเวลาที่ยาวนานนั้น ตอนนี้โลกจริงก็ตี 5 ครึ่งเข้าไปแล้ว
ยามที่การประลองรอบนี้จบลง ผู้เข้าแข่งขันที่เหลือรอดทั้ง 32 คนก็ถูกส่งกลับไปยังเขตพักผ่อนดังเดิม เซียวเฟิงเหลียวมองไปยังคนอื่น ๆ แล้วก็พบว่าทุกคน ณ ที่แห่งนี้คือยอดฝีมือจริง ๆ สิ่งที่ทำให้พวกเขาแตกต่างกับคนทั่วไปก็คือบรรยากาศรอบตัวที่ไม่ซ้ำกันเลย
ท่ามกลางยอดฝีมือเหล่านี้ ผู้เข้าแข่งขันจากเขตฮัวเซียดูจะมีจำนวนมากที่สุด เพราะนอกจากเซียวเฟิงแล้ว ยอดฝีมือระดับท็อปทั้งหมดต่างก็อยู่กันครบ ไม่ว่าจะเป็นไทแรนนี่ นักธนูอายุ 17 ซีเหมินชุยเสวีย ซือเยี่ยจิ๋ง ซางกวน อาโอเชิน และผู้เล่นจากกิลด์แอนติควิตี้อีกหนึ่งคน รวม ๆ แล้วมีมากถึงหกคนเลยทีเดียว มันถือเป็นจำนวนที่ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ
นอกจากเขตฮัวเซียแล้ว เขตอเมริกาเหนือเองก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเขตที่มีผู้เข้าแข่งขันเหลือรอดมาเยอะมากถึงสามคน การที่เขตฮัวเซียมีผู้เข้าแข่งขันมากถึงหกคนเช่นนี้ มันถือว่าเป็นจำนวนที่ค่อนข้างจะมากเกินไปอยู่ ดังนั้นเซียวเฟิงจึงคาดว่า ระบบเองคงไม่นิ่งนอนใจแน่ ๆ พวกเขาจะต้องได้เจอกันเองอย่างแน่นอน…
ประกาศจากอีเวนต์! การประลองเพื่อเฟ้นหา 16 อันดับของอีเวนต์เซิร์ฟเวอร์ชิงชัย กำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว! ขอให้ผู้เข้าแข่งขันทุกท่านโปรดเตรียมตัวให้พร้อม หลังจากการสุ่มคู่ต่อสู้เสร็จสิ้น พวกท่านจะถูกส่งตัวไปยังสนามประลองทันที!
การแข่งขันรอบเฟ้นหา 16 อันดับนั้น ระบบจงใจที่จะคัดเอาคนจากเขตที่ยังเหลือผู้เล่นหลายคนออก
ซีเหมินชุยเสวียเจอกับซางกวน อาโอเชิน ไทแรนนี่เจอกับผู้ที่มาจากกิลด์แอนติควิตี้คนสุดท้าย และเซียวเฟิงเจอกับนักธนูอายุ 17
“ฉันยอมแพ้”
เซียวเฟิงและนักธนูอายุ 17 เป็นคู่แรกที่จะเริ่มทำการประลอง ทว่ายังไม่ทันได้ทำอะไร นักธนูอายุ 17 ก็เป็นฝ่ายขอยอมแพ้ไปก่อนอย่างไม่ลังเล
ท่าทีเช่นนี้ทำให้เซียวเฟิงประหลาดใจนิดหน่อย กระนั้นแล้วเขาก็พยักหน้ารับการตัดสินใจนั้นโดยไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน ถึงแม้ว่านักธนูอายุ 17 คนนี้จะยังหนุ่มและไฟแรง แต่เขาก็ไม่ได้หยิ่งผยองเหมือนพาลาดินแห่งการรักษา
ถัดจากคู่เซียวเฟิง ก็เป็นคราวของซีเหมินชุยเสวียและซางกวน อาโอเชินที่ถูกส่งขึ้นไปบนสนามประลอง แต่คู่นี้ไม่ได้ประนีประนอมกันเหมือนเซียวเฟิงกับนักธนูอายุ 17 แต่อย่างใด พวกเขาเข้าต่อสู้กันอย่างดุเดือดตั้งแต่เริ่มการประลอง
ประกายแสงจากดาบที่ตวัดเข้าห้ำหั่นกันดูเหมือนกำลังเกิดพลุขึ้นบนสนามประลอง ทั้งสองเป็นคลาสนักดาบเหมือนกันทั้งคู่ นอกจากนี้ซางกวน อาโอเชินก็เกลียดซีเหมินชุยเสวียเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดังนั้นครั้งนี้เขาจึงไม่คิดจะยอมอ่อนข้อหรือยอมแพ้แต่อย่างใด ทุกเพลงดาบที่ถูกร่ายรำ มันแฝงไปด้วยจิตสังหารอยู่เต็มเปี่ยมเสมอ
ซีเหมินชุยเสวียยังคงใช้ดาบเล่มเดียวเหมือนที่เขาใช้มาตลอด พลังปราณดาบของเขาเปล่งแสงสว่างประดุจสายรุ้ง คลื่นออร่าที่ออกมาจากดาบนั้นทำให้คู่ต่อสู้สามารถรับมือได้ลำบาก
ทว่ามันก็ไม่ใช่ว่าจะรับมือไม่ได้ ซางกวน อาโอเชินและดาบสองมือคู่ใจของเขานั้น แทบจะเป็นหนึ่งเดียวกันหลังจากผ่านการฝึกฝนมาอย่างช่ำชอง ทุกกระบวนท่าที่บรรจงฟาดฟันจึงกลายเป็นการประสานพลังที่สมบูรณ์แบบ
การประลองของนักดาบทั้งสองคนนั้นกินเวลานานถึง 13 นาที กว่าจะรู้ผลแพ้ชนะ ซึ่งแม้ว่ามันจะพอเห็นผลลัพธ์มาตั้งแต่ต้นแล้วก็จริง แต่ผู้แพ้อย่างซางกวน อาโอเชิน ซึ่งก็ยังไม่อยากจะยอมรับผลการประลองนี้อยู่ดี
อันที่จริง ก่อนหน้าที่ซางกวน อาโอเชินจะประลอง ซือเยี่ยจิ๋งได้ส่งข้อความหาเซียวเฟิงไปแล้ว ว่าจืออี้ติดต่อมายังเธอเพื่อหวังให้เธอยอมให้ซางกวน อาโอเชินยืมชุดเกราะมังกรไปใช้ในการต่อสู้กับซีเหมินชุยเสวียก่อน