บทที่ 433 การต่อสู้ที่แท้จริง
บทที่ 433 การต่อสู้ที่แท้จริง
แต่เพราะชุดเกราะมังกรนั้นมีความสำคัญมาก ๆ ดังนั้นซือเยี่ยจิ๋งจึงไม่กล้าที่จะตัดสินใจด้วยตนเอง เธอจึงต้องขอความเห็นจากเซียวเฟิงก่อน
หลังจากที่ได้ยินคำตอบของซือเยี่ยจิ๋ง จืออี้ก็พยายามโน้มน้าว เพราะเธอก็ไม่อยากให้เซียวเฟิงรู้เรื่องนี้นัก เธอไม่อยากให้เขารู้สึกว่าการที่เธอมาอยู่กับเขานั้นมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงอยู่
ทว่าท้ายสุดซือเยี่ยจิ๋งก็บอกเรื่องนี้กับเซียวเฟิงอยู่ดี เขาไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองแต่อย่างใด และเลือกที่จะส่งข้อความไปหาซางกวน อาโอเชินแทนเพื่อถามเจ้าตัวว่าต้องการที่จะยืมชุดเกราะมังกรนี้ไปใช้หรือเปล่า
ตั้งแต่ที่เซียวเฟิงไม่ได้อยู่ในพื้นที่เขตฮันกึล เพื่อนในรายชื่อเพื่อนของเขาก็กลับมาอีกครั้ง ดังนั้นการส่งข้อความหรือโทรหากันก็สามารถทำได้ปกติด้วย
แม้ว่าซางกวน อาโอเชินจะตื่นเต้นไปกับคำถามนั้นในคราแรก แต่เขาก็เลือกที่จะปฏิเสธหลังจากคิดแล้วคิดอีก เขาอยากจะชนะซีเหมินชุยเสวียด้วยพลังของตัวเอง ไม่ใช่เพราะการช่วยเหลือจากคนอื่น เช่นนั้นแล้วเซียวเฟิงจึงไม่บังคับ
นักธนูอายุ 17 ถูกกำจัดออกไปแล้ว ซางกวน อาโอเชินถูกกำจัดไปแล้วรวมไปถึงสมาชิกกิลด์แอนติควิตี้เพียงคนเดียวก็ถูกกำจัดไปแล้วด้วยฝีมือของไทแรนนี่
หลังจากรอบ 16 อันดับจบลง มีผู้เล่นเขตฮัวเซียถูกกำจัดไปสามคน เหลือไว้เพียงไทแรนนี่ ซือเยี่ยจิ๋ง และซีเหมินชุยเสวียเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เข้ารอบ 16 อันดับมาได้นั้นล้วนแต่เป็นยอดฝีมือที่แท้จริง! ดังนั้นไม่มีอะไรไร้ค่าทั้งนั้น!
เขตที่มีผู้เล่นเหลือเยอะที่สุดก็ยังคงเป็นเขตฮัวเซียดังเดิม เมื่อไม่รวมเซียวเฟิงแล้ว พวกเขามีผู้เล่นเหลือมากถึงสามคน ในส่วนของเขตอเมริกาเหนือที่เคยมีมากถึงสามคนก็เหลือเพียงสองคนแล้ว
นอกจากผู้เล่นจากเขตฮัวเซียแล้ว ผู้เล่นจากเขตอื่นที่หลงเหลือก็แข็งแกร่งกันทั้งนั้น มีเขตระดับ 2 และ 3 ที่ถือเป็นเขตเล็ก ๆ ถูกกำจัดไปมากมาย เว้นเสียแต่เขตฮันกึลที่ยังคงเหลืออยู่ นั่นเพราะพวกเขามีเซียวเฟิงเป็นตัวแทนเขตคนสุดท้าย
[ประกาศจากอีเวนต์! การประลองรอบเฟ้นหา 8 อันดับของอีเวนต์เซิร์ฟเวอร์ ชิงชัย กำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว! ขอให้ผู้เข้าแข่งขันทุกท่านโปรดเตรียมตัวให้พร้อม หลังจากจับคู่เสร็จแล้ว ระบบจะทำการส่งพวกท่านไปยังสนามประลอง!
การแข่งขันรอบ 8 อันดับจะเริ่มตอน 6 โมงเช้า ทั้งสี่สนามนั้นเพียงพอต่อผู้เข้าแข่งขันทั้ง 16 คนอย่างสบาย ๆ และแต่ละสนามจะมีการประลองเพียงสองเกมเท่านั้น]
เซียวเฟิงไม่ได้ถูกสุ่มให้ไปสู้ในรอบแรกครั้งนี้ แต่ยังไงเสียเขาก็เชื่อว่ารอบที่ 2 ที่เขาต้องขึ้นไปประลองคงไม่นานเกินรอนักหรอก
ซือเยี่ยจิ๋งและซีเหมินชุยเสวียเป็นผู้ที่ถูกเลือกออกไปสู้ในรอบแรก โดยที่ซือเยี่ยจิ๋งต้องเผชิญหน้ากับราชันย์แห่งดาบจากเขตโทโย ซึ่งครั้งหนึ่งคน ๆ นี้ก็เคยสู้กับเซียวเฟิงในอีเวนต์ล่าสมบัติมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงถือว่าเป็นอีกคนหนึ่งที่แข็งแกร่งมาก ๆ
ความแข็งแกร่งนี้แผ่ซ่านไปทั่วเหมือนความเย็น มันกดดันให้ซือเยี่ยจิ๋งรู้สึกถึงความเหนือชั้นได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าเธอจะปราดเปรียวขนาดไหน ความรู้สึกบางอย่างมันก็บอกเธอว่า สิ่งนั้นไม่ได้ช่วยให้เธอได้เปรียบเลย เธอไม่มีทางเอาชนะยอดฝีมือคนนี้ได้แน่ ๆ ไม่ว่าจะด้วยด้านไหนก็ตาม!
ยอดฝีมือที่แท้จริงแต่ละคนนั้นมีพลังที่แตกต่างกันออกไป และแน่นอนว่าสกิลการล่องหนของเธอใช้ไม่ได้ผลกับคนเหล่านี้หากไม่ได้ชุดเกราะมังกรมาช่วยเพิ่มระดับให้มันกลายเป็นระดับสูง รวมไปถึงมีสกิลที่ช่วยให้เธอสามารถเอาตัวรอดได้จากค่าสถานะด้านลบต่าง ๆ บางทีหากไร้ซึ่งสิ่งเหล่านี้แล้ว ซือเยี่ยจิ๋งอาจจะไม่สามารถเทียบคนเหล่านี้ติดเลยก็ได้
ราชันย์แห่งดาบนั้นแข็งแกร่งมาก ๆ เขามีสัญชาตญาณการรับรู้ที่ฉับไวมาก เซียวเฟิงพอจะคาดเดาได้ราง ๆ ว่าคนคนนี้มีเจตจำนงแห่งดาบแฝงเร้นอยู่ในร่างกาย คล้าย ๆ กับเจตจำนงแห่งดาบที่ซีเหมินชุยเสวียมี ไม่ผิดแน่ ๆ ราชันย์แห่งดาบคนนี้ ถือเป็นยอดฝีมือท่ามกลางยอดฝีมือที่มาจากเขตโทโย!
เมื่อการประลองเริ่มต้นขึ้น ซือเยี่ยจิ๋งก็ยิ่งเริ่มมั่นใจว่าความห่างชั้นระหว่างเธอและคู่ต่อสู้นั้นมีมากเกินไป ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถหวังพึ่งการโจมตีแบบธรรมดาได้อีกต่อไป ไม่ต้องซ่อนไพ่ตายเอาไว้อีกแล้ว!
สกิลติดตัวของชุดเกราะมังกรถูกกระตุ้นขึ้นมา พลังของชุดเกราะอาร์ติแฟกต์ชิ้นนี้ยังคงร้ายกาจเหมือนเดิม ไม่แปลกใจที่แม้แต่เซียวเฟิงยังคงต้องเกือบพ่ายแพ้ให้มัน ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงราชันย์แห่งดาบเลย ร่างของมังกรกระดูกปรากฏขึ้นที่ด้านหลังซือเยี่ยจิ๋ง คู่ต่อสู้ของเธอรีบเปลี่ยนสีหน้าและพยายามถอยร่นไปจนสุดขอบสนามให้เร็วที่สุด
แต่มันช้าไปแล้ว เพราะซือเยี่ยจิ๋งได้ประสบการณ์เพิ่มมากมายจากการต่อสู้กับเซียวเฟิงก่อนหน้านี้ เธอใช้ร่างแยกเงาให้ไปปรากฏตัวด้านหลังราชันย์แห่งดาบก่อนจะใช้มังกรคำรามเพื่อทำให้อีกฝ่ายติดสถานะมึนงง ขณะเดียวกันนั้นเอง เธอก็ใช้สกิลแทงข้างหลังเพื่อโจมตีเข้าที่หัวใจและปาดคออีกฝ่ายไปพร้อม ๆ กันด้วย การโจมตีอย่างต่อเนื่องเช่นนี้แน่นอนว่าซือเยี่ยจิ๋งไม่ลืมที่จะใช้สกิลเขี้ยวมังกรผสานไปด้วยเพื่อให้การโจมตีของเธอเกิดประสิทธิภาพสูงที่สุด
ราชันย์แห่งดาบหลุดจากการมึนงงอย่างรวดเร็ว เขาติดสถานะนั้นอยู่เพียง 3 วินาทีเท่านั้น ร่างที่หลุดจากการมึนงงนั้นรีบโต้ตอบอย่างรวดเร็วด้วยการใช้สกิลเฉพาะตัวของคลาสของเขา เพื่อสร้างโอกาสที่จะกลับมาคุมเกมอีกครั้งในช่วงที่ซือเยี่ยจิ๋งเข้ามาใกล้ เพราะถ้าไม่ทำ เขาจะเสียเปรียบเธอที่โจมตีได้อย่างรวดเร็วมาก ๆ
สกิลเฉพาะคลาสของเขานั้น เป็นหนึ่งในสกิลประเภทเวทมนตร์ มันทำให้พื้นสนามประลองกว่าครึ่งสนามถูกปกคลุมไปด้วยเศษซากของดาบนับร้อยชิ้น พวกมันเปล่งแสงสว่าง และภายในเสี้ยววินาที เศษดาบเหล่านั้นก็พวยพุ่งขึ้นมาราวกับเข็มขนาดใหญ่ที่ถูกกระชากกลับไปหาตัวเจ้าของ เกิดเป็นการโจมตีต่อเนื่องกว่า 500 ครั้งภายในชั่วพริบตาเดียว!
มันเป็นไพ่ตายของราชันย์แห่งดาบเลยก็ว่าได้ แต่โชคร้ายที่มันใช้ไม่ได้ผลกับซือเยี่ยจิ๋ง เมื่อสกิลขุมพลังแห่งมังกรถูกสั่งใช้งาน เธอมีเวลา 10 วินาทีในการเป็นอมตะ ซึ่งนั่นมันก็มากพอที่จะทำให้ซือเยี่ยจิ๋งสามารถหลบออกจากสกิลไพ่ตายของอีกฝ่ายได้อย่างใจเย็นก่อนจะปิดฉากการประลองลงไปในที่สุด
พลังของชุดอาร์ติแฟกต์ชิ้นนี้สามารถใช้ได้ทุกครั้งเมื่อเริ่มการประลองรอบใหม่ ดังนั้นเธอจึงสามารถใช้มันได้ในทุก ๆ การประลองโดยไม่ต้องคำนวณถึงเวลาคูลดาวน์ หากแต่ก็ต้องแบกรับความอับอายหลังใช้มันไปด้วย
ทางด้านซีเหมินชุยเสวียที่เผชิญหน้ากับทรราชย์พายุเพลิง การเผชิญหน้ากันของทั้งสองนี้ดูเหมือนจะเป็นการจุดไฟให้การประลองครั้งนี้ร้อนแรงมากขึ้น ทรราชพายุเพลิงสาดศรใส่ซีเหมินชุยเสวียรัว ๆ ราวกับกระสุนปืนที่ทั้งเร็วและเฉียบคม
แต่โชคร้ายที่ซีเหมินชุยเสวียนั้นเก่งขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ภาพศรจำนวนมากที่พุ่งเข้ามาจากเบื้องหน้านั้น เพียงแค่ปราณดาบของเขาก็สามารถรับมือได้หมดแล้ว ไม่เว้นแม้แต่ห่าฝนธนูของอีกฝ่ายเองก็ไร้ค่า เพียงแค่ชั่วครู่เดียวซีเหมินชุยเสวียก็สามารถเข้าประชิดตัวอีกฝ่ายได้และพิชิตเขาลงอย่างง่ายดายด้วยคลื่นดาบที่แผ่ซ่านออกมา
“โย่ เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่าน่ะ? เมื่อตอนอีเวนต์ล่าสมบัตินั่นหนีเก่งเป็นลิงเลยนะ คราวนี้จะลองหนีดูหน่อยไหมล่ะ?”
เซียวเฟิงที่แข่งขันในรอบที่ 2 นั้นเผอิญเจอกับศัตรูที่เคยเจอมาก่อนอย่าง เซ็มบงซากุระ ที่มาจากฝั่งโทโย นินจาสาวร่างบางปกปิดตนไว้ด้วยชุดสีดำ ครั้งหนึ่งเธอกับราชันย์แห่งดาบเคยไล่ล่าเซียวเฟิงไปทั่วทั้งอีเวนต์ล่าสมบัติเลย
เพราะตอนนั้นนินจาสาวดันพลาดท่าให้เซียวเฟิง ดังนั้นความแค้นนั้นจึงค้างคามาอย่างเนิ่นนานจนถึงตอนนี้
เซ็มบงซากุระกระชับมีดสั้นในมือให้แน่นโดยไม่พูดไม่จา แววตาของเธอแสดงออกให้เห็นถึงจิตสังหารที่รุนแรงพร้อมตั้งปณิธานว่า เมื่อการนับถอยหลังเริ่มการประลองจบลง เธอจะฆ่าเซียวเฟิงให้ได้ในทันที
เมื่อปราศจากความแข็งแกร่งจากชุดเกราะมังกรแล้ว เซียวเฟิงจำเป็นต้องโฟกัสกับการสู้กับนินจาสาวคนนี้อย่างจริงจัง เพราะความเร็วของเธอนั้นถือว่าน่ากลัวมาก ๆ จัดเป็นศัตรูที่ไม่สามารถประมาทได้เลย ในขณะที่เธอสามารถโจมตีเขาได้ แต่เขากลับโจมตีเธอไม่โดน แม้แต่หอกแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์หรือค้อนแห่งพิพากษาก็ยากที่จะโดนเธอ
นักบวชหนุ่มสายหน้าเบา ๆ เพราะความตึงมือมันบีบบังคับให้เขาจริงจัง เซียวเฟิงเรียกเสี่ยวเสวียออกมา จากนั้นทั้งเขาและเซ็มบงซากุระก็พุ่งเข้าหากันด้วยความเร็วสูง แต่เป็นฝ่ายเซียวเฟิงที่ถือไพ่เหนือกว่า สายลมกระโชกที่เสี่ยวเสวียปลดปล่อยออกมาทำให้เธอต้องชะงักก่อนที่เซียวเฟิงจะกำจัดเธอด้วยลมพายุเป็นการสิ้นสุดการแข่งขันในรอบเฟ้นหา 8 อันดับ!
ตู้ม!
ภายในเขตพักผ่อนตอนนี้เหลือผู้เข้าแข่งขันเพียงแปดคนเท่านั้น อีกไม่นานก็จะเป็นรอบเฟ้นหา 4 อันดับสุดท้าย ซึ่งระหว่างนั้น สนามประลองก็กำลังเริ่มสั่นสะเทือนอีกครั้ง จากสี่แห่ง ลดเหลือเพียงหนึ่งแห่งและที่สำคัญ มันเป็นสนามประลองขนาดยักษ์! ดูท่าว่ารอบสุดท้ายของแมตช์ไฟนอลจะต้องมีอะไรให้น่าตื่นเต้นแน่ ๆ!
[ประกาศจากอีเวนต์! รอบเฟ้นหา 4 อันดับสุดท้ายประจำอีเวนต์เซิร์ฟเวอร์ชิงชัย กำลังจะเริ่มขึ้นในเร็ว ๆ นี้! ขอให้ผู้เข้าแข่งขันทุกท่านเตรียมตัวให้พร้อม หลังจากที่ระบบสุ่มคู่ต่อสู้ให้พวกท่านแล้ว พวกท่านจะถูกส่งตัวเข้าไปในสนามประลองทันที!]
จอขนาดยักษ์ที่เด่นไม่แพ้เวทีค่อย ๆ เคลื่อนขึ้นมาจากด้านล่างทั้งสองฝั่งสนาม บนจอนั้นกำลังแสดงข้อมูลต่าง ๆ ของผู้เข้ารอบสุดท้ายนี้จนครบทุกคน และรายการถัดไปก็คือการประกาศรายชื่อผู้ที่ถูกเลือกให้ประลองในรอบแรกนี้
ผู้ที่จะขึ้นมาประลองเป็นคู่แรกของการเฟ้นหา 4 อันดับของอีเวนต์เซิร์ฟเวอร์ชิงชัย ได้แก่ ไทแรนนี่ จากเขตฮัวเซีย! ปะทะ ซีเหมินชุยเสวีย จากเขตฮัวเซีย!
ตัวอักษรแปดตัวพลิกปรากฏขึ้นบนจอขนาดใหญ่นั้น มันหยุดลงเลยเรียงตัวกันเป็นชื่อของผู้เล่นสองคน ซึ่งหลังจากรู้แล้วว่าเจ้าของชื่อเป็นใคร เสียงก่นด่าจากผู้คนรอบสนามประลองก็ดังครืนขึ้นมาทันที!
นั่นเพราะผู้ที่จะขึ้นมาประลองกันในรอบแรกนั้น เป็นผู้เล่นที่มาจากเขตฮัวเซียเหมือนกันทั้งคู่! แถมยังเป็นถึงระดับท็อปทั้งคู่เลยด้วย!
อย่างไรก็ตาม เสียงก่นด่านั้นไม่ได้ทำให้ผลลัพธ์เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ตัวละครของไทแรนนี่และซีเหมินชุยเสวียถูกเทเลพอร์ตขึ้นไปบนสนามประลองขนาดยักษ์นั้นแล้วโดยไม่มีการสนใจว่าผู้ชมจะพูดอะไรทั้งนั้น
“สู้เขาราชาแห่งสนามรบไทแรนนี่!”
“จัดการอีกฝ่ายเลย ท่านเทพดาบซีเหมินชุยเสวีย!”
ผู้ชมหลักแสนคนที่อยู่ฝั่งฮัวเซียเริ่มเงียบลงแล้ว ไม่มีใครอยากเห็นภาพนี้ ภาพที่ยอดฝีมือจากเขตเดียวกันต้องเข้ามาสู้กันเองในรอบท้าย ๆ เช่นนี้ เพราะนั่นหมายถึงจะมีหนึ่งในพวกเขาต้องหยุดอยู่ที่อันดับ 5 – 8 เท่านั้น
ดังนั้นแล้วนอกจากเสียงเชียร์อันน้อยนิดนั้น ผู้เล่นส่วนใหญ่จึงได้แต่นั่งเงียบขณะรับชมเนื่องจากความอึดอัดที่ก่อตัวขึ้นในใจ
ในส่วนของไทแรนนี่และซีเหมินชุยเสวียนั้นค่อนข้างจะใจเย็นกันมาก ๆ พวกเขาไม่ได้แสดงความกดดันหรือตึงเครียดใด ๆ ออกมาเหมือนกับเหล่าผู้ชม หลังจากพยักหน้าทักทายกันอย่างง่าย ๆ แล้ว ทั้งสองคนก็กระโจนเข้าห้ำหั่นกันทันทีเมื่อเวลานับถอยหลังเริ่มการประลองจบลง
คิ้วของซีเหมินชุยเสวียกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย เขาน่ะเคยเห็นการต่อสู้ของไทแรนนี่มาบ่อยครั้ง และเคยวิเคราะห์ความแข็งแกร่งกับสไตล์การต่อสู้ของเจ้าตัวเอาไว้ก่อนหน้านี้ ทว่าดูเหมือนนั่นจะยังไม่ใช่ทั้งหมดของคนคนนี้ เขาดูถูกไทแรนนี่มาเกินไป!
แม้จะเปิดด้วยการใช้ปราณดาบพร้อมกับฟาดฟันคลื่นดาบแนวตรงเข้าใส่ไทแรนนี่ในระยะประชิด แต่มันก็ไม่ได้ทำให้อีกคนได้รับความเสียหายเลย
บล็อก!
บล็อก!
บล็อก!
ด้วยหมัดเดียวของไทแรนนี่ คลื่นดาบที่พุ่งเข้ามาก็แตกกระจายเหมือนแผ่นกระจกทันที! ในจังหวะเดียวกันก็เป็นฝ่ายไทแรนนี่ที่พุ่งกลับไปหาซีเหมินชุยเสวียด้วย!
ใบหน้าของซีเหมินชุยเสวียไม่ได้แสดงอาการตกใจออกมา แววตาเองก็เช่นกัน เขาเลือกที่จะไม่คาดหวังในคลื่นดาบที่ถือเป็นสกิลที่เลื่องชื่อของตนและพุ่งเข้าปะทะกับอีกฝ่ายด้วยการโจมตีจากดาบทั่ว ๆ ไปแทน!
เซียวเฟิงที่อยู่ข้างสนามสามารถเห็นได้ชัดเจนว่าทักษะในทางหมัดมวยของไทแรนนี่มันสูงมาก ๆ ไม่เพียงแค่ฝีมือเท่านั้นที่เฉียบคม แต่จิตสังหารที่แผ่ออกมาจากหมัดแต่ละหมัดนั้นก็รุนแรงด้วยเช่นกัน หมัดตรงที่ปล่อยออกไปถูกใช้ผสานคู่กับการพลิกตัวแล้วใช้ศอกตีเข้าใส่ซีเหมินชุยเสวีย
การกระทำนี้เกิดขึ้นในจังหวะที่รวดเร็วจนคนธรรมดาแทบจะมองไม่ทัน พวกเขาทั้งสองผลัดกันรุกและรับโดยที่ไม่มีใครยอมโดนโจมตีก่อนทั้งสิ้น หมัดที่แข็งแกร่งประดุจรูปปั้นหินนั้น ยามที่มันปะทะเข้ากับดาบของซีเหมินชุยเสวียที่ยกขึ้นมาป้องกันอย่างรุนแรง คลื่นสั่นสะเทือนก็ทำให้อีกฝ่ายจำเป็นต้องกระโดดถอยออกไปเพื่อลดแรงปะทะและเปิดช่องว่างด้วย
ซีเหมินชุยเสวียกลับเข้าโจมตีใหม่ด้วยการโจมตีที่ต่อเนื่องและพลิ้วไหว ดาบของเขาโบกสะบัดเหมือนสายรุ้งในขณะที่ตัวเขาก็เอี้ยวไปมาเหมือนมังกร การโจมตีที่รวดเร็วนี้ทำให้ผู้ชมสามารถเห็นประกายดาบของซีเหมินชุยเสวียปรากฏขึ้นรอบตัวของไทแรนนี่ แต่จะมีสักกี่คนที่รับรู้ได้ว่า ประกายดาบเหล่านั้นไม่ได้เกิดจากการที่มันโจมตีโดน แต่มันเกิดจากการที่ไทแรนนี่สามารถป้องกันมันไว้ได้ต่างหาก!
บล็อก!
บล็อก!
พลาด!
บล็อก!
พลาด!
พลาด!
…
ยอดฝีมือทั้งสองคนบนสนามประลองต่างผลัดกันสาดสกิลและกระบวนท่าใส่กันโดยไม่มีใครยอมใคร แม้ว่าจะมีถ้อยคำแสดงสถานะปรากฏขึ้นเหนือหัวพวกเขาถี่ขนาดไหน แต่มันกลับไม่มีตัวเลขแสดงความเสียหายปรากฏขึ้นมาด้วยเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ในตอนนี้ทั่วทั้งเกาะชิงชัยเงียบสงัดลงราวกับต้องมนต์สกดให้ผู้คนหลับใหล หากแต่ไม่ใช่ ที่แห่งนี้ไม่เคยหลับใหล เพียงแต่ว่าพวกเขากำลังจับจ้องกับการประลองที่น่าตื่นตานี้อยู่ ไม่ว่าจะเป็นผู้ชม หรือผู้เข้าแข่งขัน ไม่เว้นแม้แต่เทพเจ้าสายฟ้าเองก็ตาม
“นี่น่ะ…กังฟูงั้นเหรอ?”
มันอดไม่ได้ที่จะกล่าวเช่นนั้นออกมา ผู้ชมส่วนใหญ่ไม่เคยเห็นการต่อสู้เช่นนี้มาก่อน การเผชิญหน้ากันตรง ๆ ของสองนักสู้มันช่างมีเสน่ห์ยิ่งนัก การต่อสู้ที่ไร้ซึ่งสกิล ไร้ซึ่งประสิทธิภาพของอาวุธ เลเวลรวมถึงสิ่งอื่น ๆ ที่อาจจะเป็นข้อได้เปรียบ สิ่งนี้คือการต่อสู้ของเหล่ายอดฝีมือจริง ๆ พวกเขาวัดกันที่การตอบสนองและจังหวะจริง ๆ! ในเมื่อสิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีให้เห็นกันบ่อย ๆ จะให้พวกเขาเหล่านี้ไม่ตกตะลึงได้อย่างไร? การประลองในสนามตอนนี้ เป็นสิ่งที่การประลองรอบก่อน ๆ ที่ทุกคนต่างสาดสกิลใส่กันให้จบอย่างเร็วที่สุดนั้น ไม่สามารถเทียบได้เลยกับการต่อสู้ที่แท้จริงนี้!
อย่างไรก็ตาม ต่อให้การต่อสู้ในครั้งนี้จะน่าติดตามมากแค่ไหน งดงามขนาดไหน หรือจะกระชากหัวใจขนาดไหน ผู้ชมก็ต้องยอมรับว่าพวกเขาเองก็ได้รับผลกระทบจากมันเหมือนกัน ฝ่ายไทแรนนี่ที่ใช้การต่อสู้แบบหมัดมวยนั้นสามารถสร้างคลื่นเสียงให้กระจายตัวออกมาได้ทุกครั้งที่กำปั้นของเขาเข้าปะทะ ในขณะที่ดาบของซีเหมินชุยเสวียเองก็เปล่งแสงทุกครั้งเวลาฟัน ผู้ชมที่กำลังเคลิบเคลิ้มจำเป็นต้องคอยระวังตัวจากคลื่นเสียงและแสงวิบวับนี้กันเองก่อนที่จะกลายเป็นคนพิการไปก่อนการต่อสู้จะจบ
การต่อสู้ที่เข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ นี้แม้แต่เทพเจ้าสายฟ้าเองยังมองด้วยความชื่นชมและตื่นเต้นไปด้วย ในขณะที่ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ก็ตกอยู่ภายใต้มนต์เสน่ห์ของการต่อสู้ไปเรียบร้อยแล้ว