นางหันกลับไปมอง พบว่าไม่มีใคร
ดวงตาของลี่หันอวี่สว่างวาบแล้ว ฉวยโอกาสกุมนิ้วของนางไว้ ลูบไล้เบาๆ ในฝ่ามือ “ยอมอยู่แล้ว เดี๋ยวจะถอดให้เจ้า…” จูงมือของนางเข้าใกล้คอเสื้อของตน
เขาก็สวมเสื้อคอตั้ง คอเสื้อกลัดแน่นร้อยไข่มุก น่าเสียดายว่าใช้ไข่มุกใหญ่สีทองอ่อนล้ำค่าชั้นหนึ่งเช่นนั้นไม่ไหว ได้แต่ใช้ไข่มุกขาวเลี่ยมทอง ไร้รสนิยมยิ่งนัก
จิ่งเหิงปัวเพิ่งสังเกตเห็นไข่มุกเม็ดนี้ พลันเลิกคิ้วขึ้น รู้สึกอยากอาเจียนใส่ไข่มุกนี้เหลือเกิน…นี่ก็เลียนแบบ! ขยะแขยง!
นางอมยิ้มยอมให้มือของตัวเองถูกจูงไปลูบบนไข่มุกเม็ดนั้น ออกแรงเพียงเล็กน้อย ไข่มุกก็แหลกละเอียดดัง กร๊อบ!
“อ๊ะขอโทษด้วย มือหนักไปหน่อย” นางขอโทษอย่างไม่ละอายใจ
“ไม่เป็นไร” ลี่หันอวี่กลับนึกว่านางรีบร้อน คิดว่าราชินีมีนิสัยเจ้าชู้จริงด้วย นิ้วมือแสร้งขยับคอเสื้อ หวังให้นางเห็นผิวพรรณที่เกลี้ยงเกลาของตน
จิ่งเหิงปัวยิ้มแย้มก่อนดีดนิ้วเพียงครั้ง โดนแก้มบวมเป่งของเขาพอดี ลี่หันอวี่ร้องโอ๊ย เอียงศีรษะหลบหลีก รู้สึกเจ็บแปลบบนใบหน้า เขาอยากโวยวายออกมา แต่พลันนึกถึงบทบาทที่ตนเองต้องแสดงขึ้นมา รีบนั่งตัวตรง กระแอมกระไอทันที
“ลักษณะท่าทางของเจ้าเช่นนี้ดูคล้ายสหายเก่าผู้นั้นของข้าเหลือเกิน…” จิ่งเหิงปัวมองเขาอย่าง ‘หลงใหล’
ลี่หันอวี่หันหน้าไป ก่อนยิ้มเฉื่อยเนือยให้นาง ตนนึกว่าสูงส่งอย่างเยือกเย็น ดั่งพระจันทร์เหนือยอดเขายามเหมันต์
จิ่งเหิงปัวกลับเกือบยอมแพ้ต่อหน้ารอยยิ้มที่บิดเบี้ยวนี้ หลังจากโน้มน้าวตัวเองครั้งที่สิบแปด นางก็ยิ้มพราวลูบหน้าของเขาแล้วกระซิบว่า “ข้ายังมีธุระ วันหน้าจะมาหาเจ้าใหม่ ไปก่อนนะ”
ลี่หันอวี่ฟังวาจานี้แล้วร้อนใจ รีบจูงมือของนางเอาไว้ “ข้ารักเจ้าตั้งแต่แรกพบ เจ้า…เจ้าจะอยู่ข้างกายข้าได้หรือไม่?”
“ผู้ที่อยู่ข้างกายเจ้า มีเจตนาร้ายต่อข้านะ” จิ่งเหิงปัวไม่ได้ชักมือและไม่ได้หันหลังกลับ กระซิบว่า “ข้าไม่เหมาะจะอยู่กับเจ้าหรอก”
“พวกเขาไม่ได้เป็นอะไรกับข้า!” ลี่หันอวี่โพล่งปากเอ่ยว่า “ข้าก็ถูกพวกเขาบังคับให้อยู่ที่นี่ พวกเราหนีไปด้วยกันเถิด”
“เช่นนี้ไม่ค่อยดีกระมัง” จิ่งเหิงปัวส่ายหน้า “ข้างกายข้าก็มีพรรคพวก ทุกคนก็มีเรื่องที่ต้องทำ คงไม่รับคนนอกที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า”
ลี่หันอวี่ยิ่งฮึกเหิม กุมมือของนางแน่น “ไม่เป็นไร! ข้าพิสูจน์ได้ว่าข้ามีประโยชน์ต่อเจ้ายิ่งนัก คนของเจ้าจะยอมรับข้า”
เขาคิดไว้แล้ว เหตุใดต้องลำบากทำแทนผู้อื่นด้วย? สำนักหลัวซาเลี้ยงเขาเป็นหมากตัวนี้ ใช้เสร็จแล้วเขาจะมีจุดจบอย่างไร? ไม่โดนฆ่าปิดปากก็นับว่าโชคดีแล้ว จุดจบที่ดีที่สุดคือกลับสู่สำนักหลัวซา เป็นหนึ่งในนายบำเรอนับร้อยของเจ้าสำนัก สู้เป็นพระสวามีของราชินีได้ที่ใด?
ต่อให้เป็นราชินีหุ่นเชิด อย่างน้อยก็เจริญรุ่งเรืองไปชั่วชีวิต
“พิสูจน์อย่างไรเล่า” จิ่งเหิงปัวยิ้มแย้มมองเขา
“เจ้าต้องการอะไร” เขาไม่อยากเปิดโปงฐานะของนาง อยากรอให้นางบอกเอง
“เจ้าช่วยข้าไม่ได้หรอก ขอบใจ วันหน้ามีโอกาสค่อยเจอกันใหม่นะ” นางหันหลังจากไป เสื้อผ้าถูกเขารั้งไว้อีกครั้ง
“ข้าทำได้!” ลี่หันอวี่รีบเอ่ยว่า “เจ้าเชื่อข้า! ข้ารู้สถานการณ์ทุกอย่างในไต้เม่าเป็นอย่างดี!”
จิ่งเหิงปัวยิ้มเยาะในใจ…เคยได้ยินเนื้อเพลงว่าวาดเนื้อวาดหนังแต่วาดกระดูกไม่ได้ นี่มันไอ้โง่ที่ไอ้โง่ที่ไหนหามาเลียนแบบกงอิ้น? เฮงซวยไปหน่อยมั้ย? นอกจากให้ความรู้สึกคล้ายกงอิ้นอยู่บ้างตอนที่ยืนนิ่งไม่ขยับ แต่พออ้าปาก ไม่ว่าอะไรก็พังพินาศไปหมด
“จริงหรือ?” ดวงตาของนางสว่างวาบ “เช่นนั้นเจ้ารู้สถานการณ์ของสามสำนักสี่พรรคเจ็ดกลุ่มใหญ่สิบสามองครักษ์โดยละเอียดหรือไม่? ข้าต้องการข้อมูลภายในของพวกเขา ยิ่งเยอะยิ่งดี!”
ลี่หันอวี่ลังเลเล็กน้อย ขณะนี้เขานึกถึงจุดจบจากการทำให้ความลับบางอย่างรั่วไหล
จิ่งเหิงปัวหันหลังจะจากไป “ข้าดีใจนักที่ได้เจอเจ้า เพียงแต่ข้ามีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ หากมีวาสนาคงได้เจอกันใหม่!”
“เดี๋ยวก่อน!” เขาคว้ามือของนางไว้แน่น คล้ายจะคว้าความฝันรุ่งเรืองไว้ “…ข้ารู้! ข้ารู้หมดเลย! ข้าจะบอกเจ้า!”
จิ่งเหิงปัวหันหลังให้เขา แบะปากออกเล็กน้อย คล้ายเห็นแมวที่ติดเบ็ดตัวหนึ่ง
…
เวลาหนึ่งเค่อต่อมาจิ่งเหิงปัวก็กลับสู่ห้องของตัวเอง ระหว่างทางนางพิงมุมกำแพงเช็ดปาก กลั้นความอยากอาเจียนบางอย่าง
ช่วยไม่ได้ เห็นใบหน้านั้นแล้วก็เกิดอาการอยากตบขึ้นมา ทว่าไม่เพียงแต่ตบไม่ได้ ซ้ำยังต้องแย้มยิ้มพริ้มพรายล้วงความลับจากเขา ทำท่าทางหลงเสน่ห์เขาบ่อยครั้ง น่าสงสารนางที่ต้องอดทนอย่างหนัก
นางบอกลี่หันอวี่ว่าหมู่นี้นางมีเรื่องให้ต้องทำนิดหน่อย ไม่สะดวกอยู่กับเขาตอนนี้ รอให้นางเสร็จเรื่องแล้วจะมารับเขา ให้เขาจดกิจการภายในของสามสำนักสี่พรรคเจ็ดกลุ่มกับความลับยุทธภพที่เขารู้ไว้ให้นางทั้งหมด หลังจากนั้นนางจะมาเอาไป แน่นอนว่าในอนาคต แบ่งความดีความชอบกันคนละครึ่ง เสร็จเรื่องแล้ว พวกเราร่วมเสวยสุขที่ไต้เม่าด้วยกันจุ๊บๆ
ลี่หันอวี่ย่อมถูกหลอกจนเคลิบเคลิ้ม กุมมือของนางไว้ด้วยความรู้สึกลึกซึ้งทันที แสดงความรักลึกซึ้งไม่ยอมเปลี่ยนแปลงได้ดียิ่ง สุดท้ายก็ปล่อยจิ่งเหิงปัวไปก่อนที่นางจะอดทนถึงขีดสุด นัดว่าถ้านางว่าง คืนพรุ่งนี้ค่อยเจอกัน
จิ่งเหิงปัวตัดสินใจว่ารอให้ได้ข้อมูลที่เขาให้มาแล้ว ก็จะขายเขาเข้าหอคณิกาชายที่ไหนสักแห่ง พวกรักร่วมเพศถึงเป็นอาชีพที่เหมาะกับเขาที่สุด
ในห้องเงียบสงัด กองผ้าห่มยังคลุมท่านมู่ยันศีรษะเหมือนตอนที่นางออกไป จิ่งเหิงปัวกลับตกใจ เขาคงไม่ถูกนางทำให้หายใจไม่ออกตายหรอกกระมัง?
นางเลิกผ้าห่มออก ก่อนจะตกใจอีกครั้ง…ท่านมู่ลืมตาอยู่
นัยน์ตาดำขลับของเขาจ้องนางเขม็ง แววตาสับสน
จิ่งเหิงปัวคิดว่าเขายังไม่ฟื้น จึงยื่นมือแกว่งไปมาตรงหน้าเขา แต่นัยน์ตาของเขากลับขยับตามการเคลื่อนไหวของนาง
จิ่งเหิงปัวถอนหายใจยาวออกมา โชคดี ไม่มีปัญหา นี่ถ้าช่วยเขามาได้แล้ว แต่ถูกนางทำให้หายใจไม่ออกตายโดยไม่เจตนา นี่ก็จะเฮงซวยเกินไป
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” นางถามเขา เฝ้ารอให้เขาเอ่ยว่า ‘หายแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว ขอบใจแม่นาง ข้าไปล่ะ ลาก่อน’
แต่ผลปรากฏว่าเขาส่ายหน้า ก่อนจะค่อยๆ ยกมือชี้หน้าอกของตน คล้ายมืออ่อนแอไร้เรี่ยวแรง ชี้ได้เพียงครึ่งเดียวก็ห้อยลง
จิ่งเหิงปัวจ้องมองหน้าอกของเขา…หมายความว่าอะไร? เก็บของไว้ตรงนั้นหรือ? หรือจะเป็นจดหมายสั่งเสีย? ฝากของล้ำค่า? ฝากดูแลลูก?
ในนัยน์ตาดำขลับบริสุทธิ์ของเขาคล้ายฉายแววขอร้อง ดูท่าทางจะให้นางลูบคลำ
จิ่งเหิงปัวคิดว่าลูบไปเลย อย่างไรเสียเมื่อครู่ก็เห็นเขาหมดแล้ว
นางยื่นมือไปในอ้อมแขนเขา สัมผัสได้ถึงความอบอุ่น ท่าทางไม่เหมือนใกล้ตาย กระเป๋าด้านในอ้อมแขนมีถุงผ้าน้อย นางหยิบออกมา
ขณะนี้รู้สึกถึงสายตาของเขา นางรู้สึกว่าสายตาเขาเหมือนจะแปลกๆ ไป
ท่าทางที่ทั้งพอใจทั้งจำใจทั้งตำหนิหน่อยๆ…
คิดมากไปแล้ว!
นางเบนสายตาออก คลึงถุงผ้า ข้างในเหมือนมีวัตถุเล็กละเอียดบางอย่าง นางกำลังคิดจะเทออกมา แต่เขากลับชี้ที่มือของนางแล้วทำท่าล้างมือ
ไอ้เวรเอ๊ย โรครักสะอาด!
เวลานี้ยังรักสะอาดอีก!
จิ่งเหิงปัวอยากโวยวายขึ้นมาอีกแล้ว มือของนางก็สะอาดมากเลยนะ เมื่อครู่ลูบคลำลี่หันอวี่อยู่นาน ตอนที่กลับมานางก็ล้างมือแล้ว
ช่วยไม่ได้เจ้าคนนั้นกลับชี้ที่นิ้วนางอย่างดื้อรั้น นางเพิ่งจะเคยโดนคนอื่นรังเกียจแบบนี้เป็นครั้งแรก อยากโยนเขาไปห้องส้วมข้างนอกเหลือเกิน ให้เขาเข้าใจว่าอะไรเรียกว่าความสกปรกที่แท้จริง แต่ถลึงตาใส่เขาครู่ใหญ่ ท้ายที่สุดก็ไม่อาจต้านทานความดื้อรั้นของคนเจ็บ ได้แต่สะบัดมืออย่างไม่พอใจ หาอ่างในห้อง แล้วเทน้ำในกาน้ำชามาล้างมือ คราวนี้ถึงได้รับอนุญาตให้เทสิ่งของในถุงออกมา
ในถุงมียาผงหลายห่อ กำจายกลิ่นยาที่ฉุนจมูกและแปลกประหลาด น่าจะเป็นยาที่เขากินบ่อย เจ้าคนนี้มีสีหน้าซีดเซียว ซ้ำยังพิการทางร่างกาย ดูท่าทางป่วยออดๆ แอดๆ
ยาผงต้องต้มน้ำเล็กน้อย ค่อนข้างยุ่งยาก นางถอนหายใจ ตัดสินใจว่าจะเป็นคนดีให้ถึงที่สุด คลุมผ้าห่มให้เขายันศีรษะอีกครั้ง เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าธรรมดาของตัวเอง เปิดประตูออก บอกสองคนที่เฝ้าอยู่ข้างนอกว่าปวดท้อง จะไปหาน้ำร้อนในห้องครัว อีกฝ่ายก็ปล่อยนางไปแล้ว
นางเพิ่งออกไป คนบนเตียงก็เลิกผ้าห่มขึ้น ลอยออกไปทางหน้าต่างประหนึ่งสายลม
…
ลี่หันอวี่ทอดสายตามองจิ่งเหิงปัวจากไป รู้สึกเพียงว่าดีอกดีใจ แล้วเอนหลังนอนหลับอย่างสุขสันต์ เพ้อฝันถึงวันหน้าที่ได้เป็นพระสวามี ก่อนนอนตั้งใจใช้ยาขี้ผึ้งทาหน้าอีกรอบ
เขานอนแล้ว รู้สึกหนาวขึ้นมาเล็กน้อย คิดว่าเมื่อครู่คงไม่ได้ปิดหน้าต่างให้สนิทใช่หรือไม่ เมื่อคิดจะลุกขึ้นไปปิดหน้าต่าง แต่เขารู้สึกว่าเขาลุกไม่ขึ้นแล้ว
เขาตกอยู่ในความรู้สึกประหลาดชนิดหนึ่ง นอนอยู่ จิตสำนึกกึ่งได้สติกึ่งสับสน รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงภายนอก ทว่าร่างกายขยับไม่ได้ คล้ายถูกนิ้วใหญ่ที่มองไม่เห็นทับไว้แน่นหนา
ความรู้สึกเช่นนี้คล้ายผีอำไม่น้อย ทว่าเขาเพิ่งจะเอนหลัง ยังไม่ได้หลับด้วยซ้ำ
หัวใจของเขาเริ่มเต้นดังตึกตัก ดิ้นไม่หลุด รู้สึกได้ว่าทางหน้าต่างนั้นคล้ายมีคนอีกครั้ง ยินดีอยู่ในใจ คิดว่าราชินีคิดถึงจนทนไม่ไหวจึงกลับมาหาเขาอีกครั้งใช่หรือไม่ ทว่าคนนั้นข้างหน้าต่างไม่ได้เคลื่อนไหว คล้ายเพียงจ้องเขาอย่างเย็นชาอยู่ตรงนั้น
เขารู้สึกได้กระทั่งว่าสายตานั้นเย็นชา เฉยเมย เต็มไปด้วยการมองเหยียด แต่ก็เจือด้วยการหยอกล้อกับการดูหมิ่น
ความรู้สึกนี้ทำให้เขาอึดอัดไปทั่วทั้งร่าง พร้อมทั้งรู้สึกถึงความไม่สบายใจหนักหน่วง ทว่าขณะนี้เขาทำอะไรไม่ได้
เขารู้สึกว่าตนเองคล้ายมดที่อ่อนแอตัวหนึ่ง กำลังถูกสัตว์ที่แข็งแกร่งตัวหนึ่งจ้องอย่างเยือกเย็น
ลมหอบหนึ่งพัดเข้ามา
เย็นวาบ ปกคลุมเหนือร่างเขา
เขารู้สึกได้ด้วยว่าแววตาเหยียดหยามนั้นทอดลงบนคอเสื้อกับมือของเขา
ชั่วพริบตานั้น เขากังวลว่าลำคอของตนแยกจากร่างกาย หรือว่ามือจะขาดหาย
ไกลออกไปนั้นพลันมีเสียงเล็กน้อย เสียงดังคล้ายผู้ใดทำสิ่งของจำพวกกาน้ำชาตกพื้น อะไรสักอย่างกลิ้งหลุนๆ อยู่บนพื้น
ลมหนาวหอบนั้นหยุดนิ่ง จากนั้นก็ลอยออกไป
เขาลืมตาขึ้นโดยพลัน กลับพบว่าตนเองขยับได้แล้ว ส่วนแผ่นหลังหนาวสะท้านด้วยเพราะเหงื่อเย็น
เมื่อครู่เป็นความฝัน หรือว่าความจริงกันแน่?
สายตาเขาทอดลงบนหน้าต่าง หน้าต่างปิดสนิทแน่น ยาขี้ผึ้งชั้นหนึ่งขวดนั้นยังอยู่ที่เดิม ขวดหยกสะท้อนแสงเยือกเย็นท่ามกลางความมืดมิด