ตอนที่ 248 บ้าไปแล้ว / ตอนที่ 249 ทั้งหมดเพื่อนาย

[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ

ตอนที่ 248 บ้าไปแล้ว

 

 

“ก็เข้าใจแบบนั้นแหละ รอดูต่อพรุ่งนี้แล้วกัน” ชุยหังเอ่ยตอบ

 

 

“ไม่ถูกเหรอ ไม่เข้าใจก็ต้องดูต่อ” โจวอิ๋นเย่ว์เอ่ยตอบ

 

 

“ใช่สิ เดี๋ยวกลับไปฉันจะไปร้านอินเทอร์เน็ตนะ” ชุยหังเอ่ยบอก

 

 

ซุนซิ่งไม่ได้ตอบอะไร แต่โจวอิ๋นเย่ว์เอ่ยถาม “ไปร้านอินเทอร์เน็ตทำอะไรเหรอ”

 

 

“ฉันไม่ได้ติดต่อเพื่อนร่วมห้องเลย เดี๋ยวพวกเขาจะคิดว่าฉันตายอยู่ข้างนอกไปแล้ว” ชุยหังเอ่ยตอบ

 

 

โจวอิ๋นเย่ว์เอ่ยถาม “นายก็มีมือถือไม่ใช่เหรอ”

 

 

“มือถืออยู่กับฉันเหรอ มีแบตหรือเปล่าล่ะ” ชุยหังเอ่ยถาม

 

 

ซุนซิ่งเอ่ยตอบ “กลับไปนายก็ไปชาร์จแบตเองแล้วกัน พอเปิดเครื่องก็ติดต่อพวกเขากลับไป”

 

 

ความจริงสิ่งที่ชุยหังต้องการก็คือผลลัพธ์นี้ ไม่มีมือถือจะทำอะไรก็ไม่สะดวก จะหนีก็หนีไม่ได้

 

 

พวกเขาน่าจะไม่กล้าปล่อยให้เขาไปที่ร้านอินเทอร์เน็ต ถ้าหากเขาเข้าเน็ตไปเจอเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับธุรกิจนี้คงจะไม่ใช่เรื่องดี

 

 

เมื่อกลับมาถึงบ้านเขาก็ได้มือถือตามที่เขาต้องการ จากนั้นเขาก็นำไปชาร์จแบต

 

 

ช่วงนี้ไม่ว่าใครมาคุยกับเขา เขาก็จะแกล้งทำเป็นว่าไม่มีไรเคยเกิดขึ้นและทำเป็นพูดคุยและหัวเราะกับพวกเขา

 

 

เนื่องจากเขาต้องการออกไปจึงไม่อยากทำให้ใครสังเกตได้ ไม่อย่างนั้นเขาก็ยังไม่เคยคิดว่าต้องจ่ายให้ซุนซิ่งในราคาเท่าใด

 

 

เรื่องนั้นไม่จำเป็น ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้ควบคุมตัวเอง ช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงกับห้องดำในตำนานที่ยังมีการฉีดยาให้เคลิบเคลิ้มและสติเลอะเลือนอีกด้วย

 

 

อย่างไรก็ตามปฏิเสธไม่ได้ว่ารูปแบบการดำเนินการของธุรกิจนี้เป็นการดำเนินการโดยใช้ทุนที่ผิดศีลธรรม

 

 

แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจกฎหมายที่เกี่ยวกับด้านนี้ แต่เขาก็ไม่อยากทำอยู่ดี

 

 

หลังจากที่ชาร์จมือถือจนแบตเต็มแล้วก็ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ตให้เขาเชื่อมต่อ เขาทำได้เพียงเปิดเน็ตจากมือถือของตัวเองเท่านั้น

 

 

ในวีแชทมีแต่คำถามของซ่งไข่ซึ่งเริ่มแรกถามว่าเขามาถึงหรือยังและทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือไม่

 

 

แต่เนื้อหาตอนท้ายในวีแชททำให้ชุยหังตกใจ

 

 

[ทำไมนายปิดมือถือ นายไปไหนกันแน่ นายรีบตอบกลับฉันเลยนะ ฉันมีเรื่องด่วน]

 

 

[อยู่ไหน รีบมาเลยนะ หลูจื้อจะเป็นบ้าแล้ว เบอร์นี้ของนายังใช้ได้อยู่หรือเปล่า]

 

 

[เฮ้ พูดมา ฉันรู้ว่านายอยากหลบหลูจื้อ แต่ตอนนี้นายอยากหลบก็หลบไม่ได้แล้ว]

 

 

ข้อความสุดท้ายที่ซ่งไข่พิมพ์ไว้มีเพียงสี่คำ

 

 

[โทรกลับมาด้วย]

 

 

เมื่อมองดูวันที่ ข้อความนี้เป็นของเมื่อวาน

 

 

ไม่เพียงแต่วีแชทเท่านั้น ยังมีข้อความอีกจำนวนมากซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นเนื้อหาเดียวกันกับเมื่อวานนี้

 

 

ชุยหังรีบปิดอินเทอร์เน็ต เนื่องจากเขาไม่ได้เปิดแพ็คเกจอินเทอร์เน็ตไว้ เมื่อสักครู่ที่เปิดไปกำลังเรียกเก็บค่าใช้จ่าย ถ้าหากมือถือถูกระงับไปจะไม่สามารถติดต่อใครได้

 

 

เขาส่งข้อความถึงซ่งไข่ [ฉันอยู่ที่ซานตงไท่อัน ลืมชาร์จมือถือมาสองสามวันแล้ว มีอะไรเหรอ]

 

 

“สุดหล่อ คุณส่งข้อความถึงใครเหรอ” โจวอิ๋นเย่ว์มองมาที่เขา เมื่อเล่นเขาใช้มือถือก็รีบถามขึ้นทันที

 

 

ชุยหังเอ่ยตอบ “เพื่อนคนหนึ่ง ติดต่อผมไม่ได้ เขาเป็นห่วง ผมก็เลยบอกว่าผมอยู่ที่ไหน”

 

 

ทันทีที่เขาพูดจบ ซ่งไข่ก็โทรเข้ามา

 

 

ชุยหังมองไปที่พวกเขา จากนั้นก็ลองถามหยั่งเชิง “ผมรับโทรศัพท์ได้ไหม”

 

 

ซุนซิ่งดูประหม่าเล็กน้อย โจวอิ๋นเย่ว์เอ่ยตอบ “ได้ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ แค่คุณรู้ว่าอะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูดก็พอแล้ว”

 

 

ชุยหังนึกขำในใจ ไม่ใช่ว่าพวกเขากลัวการเปิดเผยความลับในอาชีพของพวกเขาเหรอ น่าอายขนาดนี้ ยังจะทำอีก

 

 

เขารับสายพร้อมกับเอ่ยตอบ “ฮัลโหล ฉันเอง”

 

 

“นายทำอะไรที่ซานตง ทำไมไม่รู้จักเปิดมือถือ” ซ่งไข่รีบเอ่ยถาม

 

 

ในความประทับใจของชุยหัง ครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งแรกที่ซ่งไข่พูดกับเขาอย่างรีบร้อน

 

 

เขาเอ่ยถาม “มีอะไรเหรอ”

 

 

“ฉันไม่ได้ล้อนายเล่นนะ หลูจื้อบ้าไปแล้ว”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 249 ทั้งหมดเพื่อนาย

 

 

ชุยหังยังไม่ได้ตอบอะไร บ้าไปแล้ว? หมายความว่ายังไง

 

 

‘หลังจากที่เขาจากไป หลูจื้อยังไม่ได้สติ?’

 

 

“บ้าจริงหรือบ้าหลอก อย่ามาแกล้งผม เรื่องแบบนี้เอามาล้อเล่นไม่ได้นะ” ชุยหังถามอย่างขมขื่น

 

 

ซ่งไข่เอ่ยตอบด้วยความโมโหเล็กน้อย “ใครจะมาล้อเล่นเรื่องแบบนี้ล่ะ เขาแยกตัวออกจากครอบครัวเพื่อนาย บอกกับผู้หญิงคนนั้นแล้วว่าเรื่องของพวกเขาเป็นไปไม่ได้ ก่อนหน้านี้พวกเขากำลังจะหมั้นกันซึ่งสองบ้านดีใจมาก แต่ตอนนี้ทั้งสองครอบครัวเหมือนเป็นศัตรูกันไปแล้ว”

 

 

ชุยหังตกใจมาก ถ้าซ่งไข่ไม่บอกข่าวนี้กับเขา เขาต้องไม่มีทางรู้อย่างแน่นอน

 

 

“เป็นไปไม่ได้หรอก พวกเขาหมั้นกันไปแล้วไม่ใช่เหรอ เจอพ่อแม่มาแล้วตั้งหลายครั้ง ตรุษจีนก็อยู่ด้วยกันอีก จะมาพูดว่าแยกกันแล้วได้ยังไง”

 

 

“นายถามฉัน แล้วฉันจะไปถามใครล่ะ คนอื่นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นายก็ยังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นเหรอ” ซ่งไข่เอ่ยตอบ

 

 

ชุยหังเอ่ยบอก “ผมไปจากที่นั่นแล้ว ไม่ได้พูดอะไรกับเขาเลย แล้วก็ไม่ได้ให้เขาเลือกอะไรด้วย ไม่น่าจะเป็นเพราะผมนะ”

 

 

“ไม่ใช่เพราะนายเขาจะยอมรับกับครอบครัวว่าชอบนักศึกษาผู้ชายคนหนึ่งเหรอ แล้วยังวิ่งไปตามหานายที่โรงเรียนอีก” ซ่งไข่เอ่ยถาม

 

 

ชุยหังรู้สึกว่าถ้าตัวเองอยู่ต่อหน้าเขาตอนนี้ ซ่งไข่ต้องพาเขาไปหาหลูจื้อแน่นอน จากนั้นก็ปล่อยให้หลูจื้อทำโทษตัวเองอย่างหนัก

 

 

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาไม่เคยคิดมาก่อน หลังจากที่เขาลบรายชื่อของหลูจื้อในวีแชทและออกจากเมืองนั้นไป เขาก็รู้สึกว่าตัวเองคงไม่มีโอกาสเห็นหลูจื้ออีกแล้วในชีวิตนี้

 

 

ดังนั้นรูปถ่ายในมือถือจึงเป็นที่ระลึกสุดท้ายของพวกเขา

 

 

ไม่คิดว่าแค่ไม่กี่วันหลังจากที่เขาออกมาจะมีหลายสิ่งหลายเกิดขึ้นทำให้เขาไม่ได้เตรียมใจเลย

 

 

“เขาโง่หรือเปล่า เขาพูดไปหมดทุกอย่างแล้ว คุณย่าของเขารับได้เหรอ” ชุยหังเอ่ยถาม

 

 

ความจริงสิ่งที่เขากังวลเป็นหลักก่อนที่เขาจะไปคือหญิงชราคนนี้ที่ไม่เคยพบกันมาก่อน

 

 

ในระหว่างการสนทนาของหลูจื้อทำให้ชุยหังรู้ว่าเรื่องเขากังวลในบ้านก็หญิงชราคนนี้

 

 

เมื่อคนหนึ่งถึงวัยที่กำหนด ถึงแม้ว่าตัวเองจะไม่กลัวความตาย แต่คนใกล้ชิดจะกลัวการตายของเธอ

 

 

“เมื่อกี้ฉันไม่ได้บอกไปแล้วเหรอ เขาบ้าไปแล้ว ไม่รู้ว่านายให้เขากินอะไร เพื่อนายเขาถึงไม่สนใจอะไรทั้งนั้น โชคดีที่ครอบครัวของเขาไม่บอกให้คุณย่ารู้ ไม่อย่างนั้นคนแก่ต้องขาดใจตายแน่นอน” ซ่งไข่เอ่ยตอบ

 

 

ชุยหังรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย แต่กลับไม่สบายใจ

 

 

สุดท้ายแล้วเป็นเพราะตัวเขาเองที่ทำให้หลูจื้อเปลี่ยนจากความภูมิใจของครอบครัวเป็นโรคหัวใจแทน

 

 

ดังนั้นเขาควรจะมีดีใจกับความรักที่หลูจื้อมีต่อเขาหรือควรรู้สึกละอายใจที่ทำให้หลูจื้อเป็นคนแบบนี้

 

 

“ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน ถ้าเขาหานายไม่เจออีก ไม่ได้แล้วจริงๆ ” ซ่งไข่เอ่ยถาม

 

 

เสียงของชุยแห้งเล็กน้อยจนแทบจะไม่สามารพูดออกไปได้

 

 

“ซานตง…อะแฮ่ม…ซานตงไท่อันติดกับห้างโลตัส” ชุยหังพูดตามความทรงจำของเขาตอนที่เขามาที่นี่

 

 

“พูดอย่างกับว่านายไปทำอะไรที่นั่น” ซ่งไข่ยังคงถามต่อ

 

 

เขากลับไม่รู้โลตัสว่ามันคือที่ไหน

 

 

ชุยหังครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่ง เขาจำชื่อเขตของพวกเขาได้ เขาจำมันได้เพราะกลัวว่าจะลืมเวลาจะเล่าให้ใครฟัง

 

 

“แถวไหวซู่จวีเก่าในเขตจงชีหลี่”

 

 

เขาพูดที่อยู่ของพวกเขาออกมาตามตรง ทุกคนต่างก็หยุดทำธุระในมือของตัวเองและมองมาด้านนี้

 

 

แต่พี่จยาค่อนข้างมีประสบการณ์จึงพูดกับพวกเขาว่า “จะทำอะไรก็ทำไป คนคุยโทรศัพท์ พวกเธอก็ยังจะมองอีก”

 

 

ชุยหังยังคงคุยโทรศัพท์ต่ออย่างเป็นธรรมชาติโดยที่ไม่รู้สึกว่าตัวเองพูดอะไรผิด

 

 

เนื่องจากเขากำลังว้าวุ่นใจเรื่องของหลูจื้อ

 

 

‘ถ้าเขารู้ว่าตัวเองอยูที่นี่ เขาจะมาหาตัวเองเหรอ’