บทที่ 625 ทำตามที่ฉันบอก / บทที่ 626 ความรักครั้งนี้ใช้สมองมากเกินไป

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 625 ทำตามที่ฉันบอก

“พี่…พี่คิดจะทำอะไร เยี่ยมู่ฝาน ฉันจะบอกพี่ไว้นะ ถ้าพี่กล้าทำอะไรฉันละก็ พี่ตายแน่!”

เสียง ‘ผัวะ’ ดังขึ้นกลางอากาศ

“อ๊าย” เฉินเมิ่งฉีกรีดร้อง

หมัดลมชกผ่านใบหน้าเธอไป ชกเข้าอย่างแรงที่กำแพงด้านหลังเธอ

กำปั้นเยี่ยมู่ฝานมีเลือดไหลออกมาทันที นัยน์ตาดำขลับไม่มีความอบอุ่นแม้แต่น้อยจ้องมองหญิงสาวตรงหน้า จนกระทั่งประกายในดวงตาหายไปหมด

สามวินาทีต่อมา เยี่ยมู่ฝานค่อยๆ ยืดตัวขึ้น เดินทีละก้าวออกจากห้องนี้ไป

เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองไปทางเฉินเมิ่งฉีและเหอจวิ้นเฉิง จากนั้นออกไป

หลังจากทั้งสองคนออกไปแล้ว เฉินเมิ่งฉีกรีดร้องด้วยความโมโห

“บ้าชิบ!”

เดิมทีเธอวางแผนไว้อย่างดิบดี ปรากฏว่าโดนทำลายยับแบบนี้

ยังดีที่ถึงแม้เยี่ยมู่ฝานกลับลำก็ไม่มีหลักฐานอะไร เรื่องนี้ไม่มีทางสาวไส้มาถึงเธอได้

เพียงแต่อยู่ดีๆ ก็เสียแรงไปฟรีๆ ทำให้เธออารมณ์ไม่ดีจริงๆ…

“เมิ่งฉี ตอนนี้จะทำยังไงกันดี เยี่ยมู่ฝานรู้เรื่องพวกเราแล้ว ต้องไม่ช่วยงานผมแล้วแน่เลย!” เหอจวิ้นเฉิงกลับร้อนรน

“หุบปาก ไม่มีเยี่ยมู่ฝาน คุณก็ทำเองสิ ตัวคุณเองก็เป็นสไตล์ลิสต์ ไม่มีเขา หรือว่าคุณทำไม่ได้” เฉินเมิ่งฉีพูดอย่างไม่สบอารมณ์

“ผม…” เหอจวิ้นเฉิงโดนสวนจนพูดไม่ออก แววตามืดทะมึน

บัดซบ ไม่ไหวจริงๆ เขาได้แต่ไปหาเจ้าขยะเยี่ยมู่ฝานนั่น แย่สุดก็ให้เงินมันมากสักหน่อย ยังต้องกลัวอีกฝ่ายไม่ตอบรับอีกเหรอ?

คิดถึงตรงนี้ เหอจวิ้นเฉิงก็กลับมามีท่าทีไม่ยี่หระใครเพราะมีคนหนุนหลังอีกครั้ง

ตอนกลางคืน บนถนนที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน

เยี่ยมู่ฝานเดินโซซัดโซเซอย่างหมดอาลัยตายอยากตามถนน ราวกับวิญญาณเร่ร่อน

เยี่ยหวันหวั่นเดินตามหลังเขาโดยไม่พูดอะไร

ไม่รู้ว่าเดินไปนานเท่าไร…

ตอนที่เดินผ่านจตุรัสหนึ่ง จู่ๆ ก็มีเสียงเชียร์ดังขึ้นมา

ที่แท้เป็นคู่รักคู่หนึ่ง ผู้ชายถือดอกไม้และแหวนคุกเข่าอยู่ตรงนั้น กำลังขอผู้หญิงแต่งงาน…

“ฉันตกลงค่ะ…” หลังสิ้นสุดเสียงผู้หญิง ผู้คนต่างร้องเฮด้วยความตื่นเต้น

เยี่ยมู่ฝานยืนนิ่งมองภาพนี้อยู่ตรงนั้น จนกระทั่งผู้คนในจตุรัสต่างแยกย้ายกันไปหมดแล้ว

ตอนนี้เอง เสียงมือถือดังขึ้นมา

เยี่ยมู่ฝานกดรับสายอย่างซังกะตาย มือถืออีกฝากนั้นมีเสียงเย็นชาดังมา “คุณเยี่ยฝาน ผมเป็นทนายที่ท่านประธานเยี่ยหงเวยแต่งตั้ง พรุ่งนี้แปดโมงเช้า รบกวนคุณมาที่บริษัทตามเวลาที่นัดด้วยครับ”

“หึ…หึๆ…ไม่ผิด…ผมมันโง่…ผมมันคนโง่…” เยี่ยมู่ฝานหัวเราะเสียงต่ำอย่างคลุ้มคลั่ง มือถือในมือลื่นตกลงไปที่พื้น

จากนั้นเขาค่อยๆ คุกเข่าลง ไหล่สั่นสะท้าน ในที่สุดก็ร้องไห้โฮอย่างห้ามไม่อยู่…

เยี่ยหวันหวั่นสูดหายใจลึก ทนไม่ไหวคว้าปกเสื้อของอีกฝ่าย ดึงเยี่ยมู่ฝานที่ร้องไห้นั่งเป็นอัมพาตอยู่ที่พื้นขึ้นมา “พี่จะร้องไห้หาไรอะไร! พี่ยังเป็นผู้ชายอยู่หรือเปล่า”

“ฮือ…ฮือๆ…จบแล้ว…หวันหวั่น…ฉันจบเห่แล้ว… จบแล้วจริงๆ…ทำเพื่อผู้หญิงแบบนี้ ฉันทำลายชีวิตตัวเอง ทำให้พ่อแม่ลำบาก…ฉันจะยังมีหน้าอยู่บนโลกนี้ได้ยังไง…”

เยี่ยเส่าอันไม่ยอมปล่อยให้เรื่องนี้หลุดรอดไปแน่

หวันหวั่นพูดไม่ผิด เขาจะรับผิดชอบยังไง เขาจะรับผิดชอบไหวได้ยังไง

ไม่ว่าใครจะเป็นคนรับผิดชอบ ใครเข้าคุก ครอบครัวพวกเขาก็พังแล้ว…

เยี่ยหวันหวั่นถลึงตาจ้องเขา “ใครบอกว่าพี่จบเห่แล้ว”

เยี่ยมู่ฝานได้ยิน ก็มองไปทางเยี่ยหวันหวั่นด้วยสีหน้าค่อนข้างอึ้ง

เยี่ยหวันหวั่นพูดสีหน้าเรียบเฉยว่า “พรุ่งนี้ไปบริษัทแล้วให้ทำตามที่ฉันบอก จะไม่มีใครตามเอาผิดพี่ได้”

………………………………………………………………

บทที่ 626 ความรักครั้งนี้ใช้สมองมากเกินไป

เยี่ยมู่ฝานมีสีหน้าสิ้นหวัง “เป็นไปได้ยังไง…พวกเขามีกล้องวงจรปิดเป็นหลักฐาน…”

เยี่ยหวันหวั่นมองผู้ชายตรงหน้าด้วยอารมณ์ทั้งเกลียดทั้งโมโห พร้อมยื่นทิชชูแผ่นหนึ่งให้ “พูดมาก ฉันบอกว่าได้ก็ได้สิ!”

เยี่ยมู่ฝานรับทิชชูมา ลุกขึ้นยืน ดวงตาของหญิงสาวที่เป็นประกายและมั่นใจด้วยสีหน้างุนงง

ตั้งแต่เมื่อไรกัน น้องสาวที่มีชีวิตอยู่ภายใต้ปีกการคุ้มครองของครอบครัวมาตลอดเติบโตขึ้นถึงเพียงนี้ แต่เขากลับไม่รู้เลยสักนิด…

กลางดึก เยี่ยหวันหวั่นไปส่งเยี่ยมู่ฝานที่ห้องพัก จากนั้นกำชับเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลายรอบว่าพรุ่งนี้ควรทำยังไง แล้วค่อยกลับไป

เมื่อกลับมาถึงจิ่นหยวน

“จัดการเรื่องเสร็จแล้ว?” บนโซฟา ซือเยี่ยหานมองไปทางหญิงสาว

เยี่ยหวันหวั่นยกน้ำผลไม้บนโต๊ะน้ำชาขึ้นมา ดื่มหมดในรวดเดียว จากนั้นตอบว่า “จัดการเสร็จแล้วค่ะ! ดูหนังสดไปเรื่องหนึ่ง ตาฉันจะบอดอยู่แล้ว! เฮ้อ พี่ชายที่โง่เง่าของฉัน บนหัวโดนสวมเขาจนงอกยาวแล้วยังไม่รู้ตัวอีก…”

ซือเยี่ยหานเหมือนจะพูดแต่ก็หยุดไป หลังจากไตร่ตรองอยู่นานจึงค่อยพูด “เรื่องขโมยความลับของบริษัท เธอคิดจะจัดการยังไง”

สวี่อี้ที่อยู่ข้างๆ เห็นสถานการณ์แล้วก็ถอนหายใจ เฮ้อ อยากจะช่วยคุณหนูหวันหวั่นก็พูดออกมาตรงๆ เลยสิ ยังอ้อมค้อมอยู่อีก

ตอนแรกใครให้คุณคนตั้งกฎอะไรก็ไม่รู้ขึ้นมาล่ะ ไม่อนุญาตให้คุณหนูหวันหวั่นมาขอความช่วยเหลือจากคุณ ตอนนี้เป็นยังไง อยากจะช่วยเธอก็ไม่ได้

แต่เขาพบว่าด้วยความสามารถของคุณหนูหวันหวั่น ดูเหมือนจะไม่จำเป็น…

เพียงแต่ เรื่องนี้ดูจะยากสักหน่อย

มีหลักฐานโจ่งแจ้งแล้ว เธอจะทำยังไงให้เยี่ยมู่ฝานพ้นผิดได้?

เยี่ยหวันหวั่นกะพริบตา “คุณลองเดาสิคะ?”

ซือเยี่ยหานขบคิด จากนั้นพูดขึ้นมา “ทำให้ตระกูลเยี่ยล้มละลาย”

สำหรับซือเยี่ยหานแล้ว ถ้าไม่มีตระกูลเยี่ยก็จัดการปัญหาได้ถึงราก

ได้ยินน้ำเสียงซือเยี่ยหานไม่ได้ล้อเล่นเลย สีหน้าเยี่ยหวันหวั่นดำเหมือนก้นหม้อทันใด “ไม่ใช่สักหน่อย!”

จะมีคนปกติที่ไหนอยู่ๆ ก็ทำให้บริษัทคนเขาล้มละลายล่ะพี่ชาย

อีกอย่างนี่ก็เป็นบริษัทของตระกูลเธอด้วย! เธอยังต้องกลับไปนะ! ความคิดบ้าอำนาจนี่มันอะไรกัน?

ช่างเถอะๆ ไม่ควรถามเขาเลย…

เยี่ยหวันหวั่นไม่ล้อเขาเล่นแล้ว กลอกลูกตาไปมา จากนั้นพยักหน้าพูด “ฉันไม่ต้องเสียเงินทองหรือใช้คอนเนคชั่นใครก็แก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ อีกอย่างยังสามารถทำให้คนตระกูลเยี่ยทุกคนขอโทษพี่ชายด้วย คุณเชื่อหรือเปล่า”

ซือเยี่ยหานได้ยินก็เลิกคิ้วเล็กน้อย ดูสีหน้าแล้วเห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อ

สวี่อี้ที่อยู่ข้างๆ ปาดเหงื่อ ถึงแม้ว่าเขาจะเชื่อในความสามารถของคุณหนูหวันหวั่น แต่คำพูดนี้…ฟังดูยิ่งใหญ่เกินไปไหม?

เยี่ยหวันหวั่นกะพริบตา พูดอย่างตื่นเต้นว่า “หึๆ รู้อยู่แล้วว่าคุณต้องไม่เชื่อ ไม่อย่างงั้นพวกเราพนันกันไหม!”

ซือเยี่ยหานมองนัยน์ตาที่ฉลาดเจ้าเล่ห์เหมือนจิ้งจอกน้อยของหญิงสาว “พนันอะไร”

เยี่ยหวันหวั่นพูด “คุณไม่เชื่อว่าฉันจะทำได้ไม่ใช่เหรอ ถ้าคุณชนะ แล้วแต่คุณเลยจะให้ฉันทำอะไรก็ได้ ถ้าคุณแพ้ จะต้องตอบตกลงฉันข้อหนึ่งอย่างไม่มีเงื่อนไข”

ซือเยี่ยหานเหลือบมองหญิงสาวแล้วตอบ “การพนันนี้ไม่น่าสนใจ”

เยี่ยหวันหวั่นไม่พอใจ “หา? ทำไมไม่น่าสนใจล่ะ”

ซือเยี่ยหานจิบชา “คิดเอาเอง”

เยี่ยหวันหวั่นคิดไปมาอยู่นาน สุดท้าย ในที่สุดก็เข้าใจแล้ว…

“อ้อ คุณหมายความว่า…ถึงแม้ไม่ต้องพนัน…คุณก็จะตอบตกลงฉันทุกเรื่องโดยไม่มีเงื่อนไขอยู่แล้ว…ใช่ไหมคะ?”

ซือเยี่ยหานกระแอม ไม่ได้พูดอะไร ถือว่าเงียบคือการยอมรับ

เยี่ยหวันหวั่นกุมหน้าพูดไม่ออก “ฉันว่านะเบบี๋ เวลาคุณจะแซวฉัน ช่วยพูดตรงๆ หน่อยได้ไหม?”

ความรักครั้งนี้ เธอต้องใช้สมองมากเกินไปแล้ว…

………………………………………………………………