หลังการประชุมจบลง คู่รักตรงเข้าไปในห้องทำงานของโม่ถิง ทันทีที่บานประตูปิดลง ถังหนิงเข้าไปกอดโม่ถิงจากด้านหลัง
“อะไรกันครับ” โม่ถิงอยากจะหันกลับไปแต่ถังหนิงรั้งให้เขาอยู่นิ่งๆ
“อย่าขยับสิคะ ท่าทางของคุณก่อนหน้านี้มันมีเสน่ห์มากเลยล่ะค่ะ ทำเอาใจฉันสั่นมากจนอยากอยู่อย่างนี้ไปนานๆ เลยค่ะ”
ถังหนิงไม่ค่อยได้พูดคำพูดเช่นนี้บ่อยนัก แต่เมื่อเธอเอ่ยมันออกมามันกลับน่าตราตรึงใจที่สุด โม่ถิงเคยสัมผัสสิ่งเหล่านี้มาเมื่อนานมาแล้ว แม้ทั้งคู่จะเป็นพ่อแม่ลูกสามแล้วหากแต่ก็ยังคงยุ่งกับการทำงานของตัวเอง ดังนั้นนอกจากการให้กำลังใจกันในทุกๆ วัน ก็นับว่านานแล้วที่พวกเขาไม่ได้โอบกอดกันอย่างรักใคร่ขนาดนี้
“หือ”
“ฉันชอบตอนที่คุณเข้มงวดกับฉัน ชอบเวลาที่คุณออกคำสั่งฉัน มันทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัยแล้วก็รู้ว่าต้องไปทางไหนค่ะ” ถังหนิงอธิบายเสียงแผ่วเบา “ถิงคะ ตลอดไม่กี่ปีมานี้ฉันมีชีวิตที่มีความสุขจริงๆ นะคะ”
“ผมก็เหมือนกันครับ” โม่ถิงตอบก่อนหันกลับไปล็อกประตูและอุ้มถังหนิงไว้ในอ้อมแขน
“ถิง คุณจะทำอะไรน่ะคะ” ถังหนิงตกใจกับการกระทำของโม่ถิงเมื่อเขาวางเธอลงบนโซฟา
“คุณคิดว่าอะไรล่ะ ที่นี่ยังไม่มีร่องรอยของคุณเลยนะ” โม่ถิงเอ่ยก่อนจะโน้มตัวมาประกบจูบบนริมฝีปากของเธอ
หลังจากยั่วเย้าคนรักของเธอถึงขนาดนั้น เธอไม่ได้กำลังบอกใบ้บางอย่างอยู่หรือ
ในเมื่อถังหนิงรุกขนาดนี้ ประธานโม่จะปล่อยให้โอกาสดีๆ หลุดรอดไปได้อย่างไรกัน
“ที่เขาบอกว่าผู้ชายชอบฉวยโอกาสน่าจะจริงนะคะเนี่ย”
“เป็นเพราะผมรักคุณจนกลายเป็นหมาป่าได้ทุกเมื่อต่างหากล่ะครับ!”
ถึงประตูห้องทำงานจะถูกล็อกแล้วและไม่ต้องกังวลว่าใครจะเข้ามาได้… แต่ห้องทำงานของเขาก็ไม่ได้มิดชิดเสียทีเดียว ยังมีส่วนที่เห็นได้จากด้านนอกอยู่ ถังหนิงจึงนึกอายขึ้นมา เธอถึงกับมุดศีรษะของตัวเองเข้าในอ้อมแขนของเขา
ด้วยเหตุนี้โม่ถิงจึงอดไม่ได้ที่จะขำออกมา “คุณคิดว่าคนจะไม่รู้ว่าคุณอยู่ในห้องของผมถ้าหลบหัวลงไปเหรอครับ”
“พาฉันกลับบ้านทีค่ะ อีกเดี๋ยวเหยียนเอ๋อร์น่าจะตื่นแล้วนะคะ!” ใบหน้าของถังหนิงขึ้นสีแดงระเรื่อ
โม่ถิงลุกขึ้นและช่วยเธอจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย จากนั้นจึงพาเธอลงไปทางลิฟต์ส่วนตัวของเขา แต่ก่อนที่เธอจะจากไปเขาได้เอ่ยเตือนข้างหูเธอ “อย่าลืมไปเลือกชุดกับหลงเจี่ยนะครับ คุณไม่ได้ออกงานจริงๆ จังๆ มานานแล้ว เสื้อผ้าที่คุณมีอยู่ที่บ้านมันเก่าหมดแล้วล่ะครับ ซื้อใหม่สักชุดสิครับ”
“โอเคค่ะ” ถังหนิงพยักหน้ารับ
ไม่ว่าจะผ่านไปสักกี่ปีและตอนนี้เธอจะทำอะไร ต่อหน้าโม่ถิงแล้วเธอยังคงเป็นเช่นเดิมอย่างครั้งที่แต่งงานกันและอยู่ด้วยกันครั้งแรก เธอมักจะซบลงในอ้อมแขนของเขาอย่างเขินอาย นั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไป…
หลังจากกลับมาถึงบ้าน ถังหนิงทำอย่างที่เขาบอกและเรียกหลงเจี่ยมาเอาเสื้อผ้าเก่าๆ ทั้งหมดของเธอไปทำความสะอาด
ระหว่างนั้นเองที่หลังเจี่ยพลันนึกบางอย่างขึ้นได้ “หลังจากสืบเรื่องสมาคนแฟนๆ อย่างละเอียดแล้ว หัวหน้าสมาคมบอกฉันว่าเธอคิดว่ามีความคิดว่าจะดูว่ามีใครผิดปกติไปบ้างน่ะค่ะ”
“ในเมื่อเรารู้แล้วว่าหันซิวเช่อเป็นคนร้ายก็ไม่จำเป็นต้องรีบตามหาหนอนบ่อนไส้ในสมาคนแฟนๆ หรอก ค่อยๆ ก็ได้”
“แต่ว่าพี่ชายของหันซิวเช่อกำลังจะเข้าร่วมงานเทศกาลหนังปักกิ่งเหมือนกันนะคะ ถ้าเราเจอหน้าเขาเราน่าจะออกปากเตือนเขาไว้บ้างนะคะ!” หลงเจี่ยเอ่ย “ตอนนี้คุณกลับมาทั้งที เราก็ต้องจัดการให้คุณกลับมาอย่างยิ่งใหญ่สิคะ”
…
ในขณะเดียวกันพี่ชายของหันซิวเช่อ หันเจี๋ย กำลังเตรียมเสื้อผ้าสำหรับงานนี้เช่นกัน แต่เมื่อเห็นน้องชายของตัวเองยังคงดื้อดึง เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา “นายยังพยายามจะเล่นงานถังหนิงอีกเหรอ”
“พี่ครับ ผมเองก็อยากไปงานเทศกาลหนังเหมือนกันนี่”
“ตอนนี้สถานะของนายมันลำบากไม่น้อยเลยนะ ทำไมถึงอยากไปอีกล่ะ อยากจะถูกถังหนิงจับได้แล้วถูกบังคับให้คุกเข่าต่อหน้าเธอหรือยังไง” หันเจี๋ยถามขณะที่ปรายตามองน้องชายตัวเอง
“ผมจะไม่โผล่หน้าไปให้คนอื่นเห็นหรอกครับ แค่จะไปเดินรอบๆ งานเท่านั้นแหละ อย่างที่พี่รู้นั้นแหละว่าผมไม่ได้ออกไปข้างนอกมานานแล้ว”
“นายรนหาที่เองไม่ใช่เหรอ” หันเจี๋ยสวนเข้าให้ สุดท้ายเขาก็อดที่จะบ่นหันซิวเช่อออกมาไม่ได้ “นายจะมาขับรถให้ฉันก็ได้ แต่ห้ามให้ใครเห็นเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเราได้เป็นตัวตลกในสายตาทุกคนอีกแน่!”
“โอเคครับ” หันซิวเช่อพยักหน้ารับ
“อีกอย่างนายก็เห็นตัวอย่างหนังใหม่ของถังหนิงแล้วใช่ไหม”
“ครับ เห็นแล้ว” หันซิวเช่อตอบ “แต่จากฝีมือของบุคลากรในจีน ไม่มีทางที่จะทำได้ถึงมาตรฐานอย่างในตัวอย่างหนังของเธอหรอก เธอต้องจ้างคนจากฮอลลีวูดมาแน่ๆ เธอหลอกคนอื่นได้แต่หลอกผมไม่ได้หรอก!”
หลังจากได้ยินดังนั้น หันเจี๋ยถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย เขาจึงพยายามยืนกรานในสิ่งที่ได้ยินมา “นายจะบอกว่าถังหนิงได้รับความช่วยเหลือจากวงการฮอลลีวูด แต่เธอก็ยืนยันว่าเทคนิคพิเศษทั้งหมดถูกสร้างโดยทีมงานจากจีนนะ”
“พี่ไม่เชื่อผมเหรอ”
หันเจี๋ยหยิบเนกไทมาสวมขณะที่บอกกลับ “บางทีนายอาจจะพูดถูกก็ได้!”
หากเป็นอย่างนั้นพวกเขาก็สามารถเปิดเผยข้อมูลนี้กับผู้สร้างภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ที่กำลังจะออกฉายแล้วปั่นหัวพวกเขาได้
“ฉันจะหาทางขุดคุ้ยเรื่องนี้เอง ในระหว่างนี้นายต้องรับปากว่าจะไม่มีใครที่งานเทศกาลหนังจำนายได้”
“ผมขอสาบานเลย!” หันซิวเช่อเอ่ยพลางยกมือขึ้นมา
หันเจี๋ยไม่อาจปฏิเสธน้องชายตัวเองได้ จึงไม่มีทางเลือกนอกจากพยักหน้าตอบตกลง
อย่างไรก็ตามพี่น้องแสนร้ายกาจนี้จะสร้างเรื่องที่น่าระทึกใจอะไรให้กับถังหนิงที่งานเทศกาลภาพยนตร์กัน
ในขณะเดียวกันทีมงานฝ่ายตัดต่อของถังหนิงไม่รู้ว่าผลงานของตัวเองนั้นถูกกังขาและสงสัยว่าได้รับการช่วยเหลือจากวงการฮอลลีวูด พวกมันถือเป็นคำชมหรือคำต่อว่ากันล่ะ
…
ก่อนที่เทศกาลภาพยนตร์จะเริ่มขึ้น ไห่รุ่ยเร่งมือกับตัวอย่างที่สองของ มดราชินี
เทียบกับตัวอย่างภาพยนตร์ครั้งก่อน ตัวอย่างชิ้นนี้มีฉากที่น่าระทึกใจขึ้นมาก ครั้งนี้โม่ถิงตั้งใจว่าจะช่วยให้ถังหนิงเผยแพร่ผลงานให้เป็นที่รู้จักด้วยการร่วมมือกับการโฆษณาที่หลากหลาย เพื่อให้ผู้คนทั่วไปได้เห็นตัวอย่างหนังด้วยไม่ใช่เพียงแค่คอภาพยนตร์
ด้วยการมาถึงของมดราชินี ถังหนิงตกเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอีกครั้ง แม้ว่าตลอดช่วงที่เธอหายหน้าไปจะมีศิลปินหน้าใหม่มากมายปรากฏตัวขึ้น ทว่าเธอก็ไม่เคยถูกลืมไปจริงๆ แต่อย่างใด วงการบันเทิงนั้นเปิดกว้างอยู่เสมอ แต่มันก็เป็นเรื่องยากที่จะกลายเป็นคนที่สองที่จะทำได้อย่างถังหนิง
“ฉันช่วยคุณเตรียมชุดสำหรับงานเทศกาลหนังเอาไว้แล้ว คุณชอบไหมคะ” หลงเจี่ยตั้งใจเตรียมชุดที่ส่งตรงมาจากฝรั่งเศส เธอคิดว่าอย่างน้อยถังหนิงน่าจะหันมามองสักครั้งหนึ่ง แต่เธอกลับไม่ได้สนใจการเดินพรมแดงแม้แต่น้อย
“วางเอาไว้เลย เดี๋ยวฉันค่อยลอง”
“งานเทศกาลหนังมีวันพรุ่งนี้แล้ว รีบลองก่อนเถอะค่ะจะได้แก้ทันถ้ามีตรงไหนไม่พอดี
“การปรากฏตัวของคุณจะต้องเป็นเรื่องใหญ่โตแน่เลยค่ะ…” หลงเจี่ยลากถังหนิงเข้ามาในห้องแต่งตัว กระนั้นเธอก็คงนึกไม่ถึงว่าชุดที่เธอสั่งมาไม่ได้มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก
แน่นอนว่าอะไรคือสิ่งที่น่าอึดอัดใจที่สุดในหมู่คนดัง แต่งตัวชนกันอย่างไรล่ะ…