[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]

บทที่ 455 : ฝึกวิชาพลังเย็น!

เพียงไม่นานหลิงหยุนก็กลับไปถึงที่บ้านเลขที่-1 แต่ก็พบว่าเหล่ากุ่ยยังคงไม่กลับมา เขาจึงได้แต่คิดเงียบๆในใจว่า

‘น่าแปลก.. เหล่ากุ่ยก็รู้ว่าวันนี้ข้ายังต้องฝังเข็มทำการรักษาให้กับเขา แล้วทำไมจู่ๆถึงได้หายตัวไปเงียบๆเช่นนี้?’

และนี่ก็ดึกมากแล้ว หลิงหยุนจึงหันไปพูดกับตู้กู่โม่ว่า “พรุ่งนี้ข้าจะกลับมาปลุกเสกยันต์ต่อ เจ้าอยู่ช่วยข้าด้วยล่ะ!”

หลังจากสั่งตู้กู่โม่แล้ว หลิงหยุนก็ขับรถกลับไปที่หมู่บ้านฝูฮัว หลิงหยุนต้องการรู้ว่าหลังจากที่ทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลินเมิ่งหานเริ่มฝึกวิชาพลังเย็นที่เขาสอนไปแล้วหรือยัง?!

เขาจึงจอดรถแลนด์โรเวอร์ไว้นอกบ้าน แล้วแอบเข้าไปในบ้านเงียบๆ

หลิงเมิ่งหานเองก็ใจกล้าพอควรเลยทีเดียว ทันทีที่สามารถท่องเคล็ดวิชาพลังเย็นได้ เธอก็เริ่มฝึกฝนเองโดยไม่คิดที่จะรอเขากลับมา เมื่อหลิงหยุนเห็นเธอกำลังฝึกอยู่ จึงไม่กล้าส่งเสียงรบกวนเพราะเกรงว่าหากเกิดลมปราณแตกซ่าน เธอจะต้องกลายเป็นมารไป

หลิงหยุนค่อยๆย่องขึ้นไปที่ห้องนอนชั้นสอง และภายในห้องนอนอุณหภูมิก็ลงลงต่ำกว่าอุณหภูมิภายนอกถึงเจ็ดหรือแปดองศา แต่อุณหภูมิที่แตกต่างกันนี้ก็ไม่ได้มีผลอะไรกับร่างกายของหลิงหยุนแม้แต่น้อย

ตอนนี้วิชาดารกะดายันของหลิงหยุนนั้นอยู่ในระดับย่อยที่สิบสองแล้ว แม้อากาศจะร้อน.. เหงื่อของเขาก็ไม่ออก และหากอากาศเย็น.. เขาก็ไม่จำเป็นต้องสวมเสื้อหนาว เรียกว่าอากาศจะเป็นอย่างไรก็ไม่มีอิทธิพลต่อหลิงหยุนทั้งสิ้น

หลินเมิ่งหานสวมเพียงชุดนอนสีดำ ร่างเซ็กซี่ของเธอนั่งอยู่บนเตียง และกำลังฝึกฝนวิชาพลังเย็นโดยไม่รู้ตัวว่าหลิงหยุนกลับมาถึงบ้านแล้ว

หลิงหยุนเองก็ไม่เข้าไปรบกวน เขาเพียงแค่ยืนมองยิ้มๆ และอยู่ใกล้ๆคอยคุ้มครองเธออยู่เงียบๆ จนกระทั่งพลังชี่ภายในร่างกายของหลินเม่งหานกลับสู่ภาวะปกติ เธอจึงลืมตาขึ้น

เมื่อหลินเมิ่งหานลืมตาขึ้นมาก็เห็นหลิงหยุนทันที เธอจึงร้องถามอย่างแปลกใจ “สามี.. นี่นายกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?!”

หลิงหยุนพยักหน้ายิ้มๆ พร้อมกับตำหนิหลินเมิ่งหานเล็กน้อย “ผมแค่ให้คุณท่องจำเคล็ดวิชา.. ไม่ได้บอกให้คุณฝึกไม่ใช่เหรอ? การฝึกครั้งแรกนั้น.. ต้องให้ผมอยู่ข้างๆด้วย แล้วนี่ถ้าเกิดผิดพลาดอะไรไปขึ้นมา จะให้ผมทำยังไง?”

เมื่อหลินเมิ่งหานเห็นหลิงหยุนเริ่มตำหนิ เธอจึงได้แต่ก้มหน้า และไม่กล้ามองหน้าเขาพร้อมกับพูดขึ้นด้วยใบหน้าเศร้าๆ

“ก็นายไม่อยู่.. ฉันรู้สึกเบื่อๆ ไม่รู้จะทำอะไร ก็เลยลองฝึกวิชานี่ดูเพราะไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไร?”

หลิงหยุนไม่กล้าตำหนิหลินเมิ่งหานต่อ เขาเดินเข้าไปโอบร่างเธอไว้ในอ้อมแขนและพูดอย่างอ่อนโยน

“ต่อไปอย่าทำแบบนี้อีกนะ.. โชคดีที่คุณทำทุกอย่างได้ถูกต้อง มันเสี่ยงเกินไป ต่อไปต้องเชื่อฟังสามีเข้าใจไม๊?!”

หลินเมิ่งหานยกมือขึ้นโอบคอหลิงหยุนไว้พร้อมกับโน้มใบหน้าหลิงหยุนลงมาหอมแก้ม “ค่ะ.. งั้นสามีก็สั่งมาได้เลยว่าจะให้ทำอะไร?!”

หลิงหยุนพูดอะไรไม่ออก หลินเมิ่งหานนับวันยิ่งติดเขามากขึ้นทุกวัน

“ก็ได้.. งั้นเรื่องอื่นเอาไว้ก่อน! ตอนนี้มาคุยเรื่องการฝึกฝนกันดีกว่า” หลิงหยุนโอบร่างบอบบางของหลินเมิ่งหาน แต่แววตาของเขากลับเป็นประกาย แต่ก็ยั้งใจที่จะไม่วุ่นวายกับเธอในตอนนี้

เข้าหอก็คือเข้าหอ ฝึกก็คือฝึก สองเรื่องนี้หลิงหยุนแยกแยะได้ชัดเจน!

จากนั้นหลิงหยุนก็สั่งให้หลินเมิ่งหานท่องเคล็ดวิชาพลังเย็นให้เขาฟังตั้งแต่ต้นจนจบ และพบว่าเธอท่องไม่ผิดเลยแม้แต่คำเดียว หลิงหยุนจึงรู้สึกสบายใจ

จากนั้นหลิงหยุนก็เริ่มอธิบายให้หลินเมิ่งหานฟังแบบคำต่อคำ และก็ได้เน้นย้ำในจุดสำคัญให้กับหลินเมิ่งหานฟัง ซึ่งเธอเองก็ได้แต่พยักหน้าหงึกๆ

หลิงหยุนจริงจังมาก แล้วก็ระมัดระวังอย่างมาก เขาพยายามอธิบายเรื่องที่ซับซ้อนให้ฟังดูเข้าใจได้ง่ายๆ และหลินเมิ่งหานก็ยังคงพยักหน้า

“เข้าใจไม๊? ใหนลองพูดซ้ำให้ผมฟังซิ..”

หลังจากนั้นหลิงหยุนก็ได้ให้หลินเมิ่งหานลงมือฝึกวิชาพลังเย็นอีกครั้ง การฝึกฝนเป็นไปอย่างง่ายดายและยาวนานจนกระทั่งลืมเวลา และเมื่อหลิงหยุนมั่นใจว่าหลินเมิ่งหานสามารถฝึกวิชาพลังเย็นได้อย่างคล่องแคล่วและถูกต้องแล้ว

การฝึกฝนยังคงดำเนินไปตลอดทั้งคืน และเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วจนกระทั่งเช้า..

“ตอนนี้ผมจะอยู่คุ้มครองคุณเอง คุณฝึกวิชาพพลังเย็นนี่อีกครั้ง ถ้าไม่มีปัญหาอะไร ต่อไปคุณก็สามารถฝึกเองได้แล้ว”

หากเป็นเรื่องของการฝึกกำลังภายในแล้วล่ะก็ หลิงหยุนนับว่าเป็นอาจารย์ที่ดีมากคนหนึ่งเลยทีเดียว

หลิงหยุนเคยฝึกบ่มเพาะไปจนถึงขั้นที่เป็นอมตะแล้ว ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นกฏสวรรค์ หรือความเข้าใจในขีดจำกัดของมนุษย์ หลิงหยุนจึงสามารถเข้าใจได้อย่างลึกซึ้ง และรู้จักความน่ากลัวของแต่ละขั้นเป็นอย่างดี!

“สามี.. ฉันรอนายมาตลอดทั้งวันแล้ว ตอนนี้ฉันอยากจะ..” หลินเมิ่งหานไม่อยากฝึกต่อแล้ว เรือนร่างที่เซ็กซี่เร่าร้อนของเธอพุ่งเข้าหาอ้อมแขนของหลิงหยุน

หลิงหยุนมองหน้าอกสีขาวใหญ่โตที่อยู่ภายใต้ชุดนอนบางเบาของหลินเมิ่งหานที่เผยให้เห็นผิวขาว แต่หลิงหยุนกลับพูดด้วยสีหน้าเฉยชา

“ไม่ได้.. สงบจิตสงบใจแล้วก็ฝึกวิชาพลังเย็นอีกรอบ!”

“อะไรกัน.. มีแต่ฝึกแล้วก็ฝึก!” หลินเมิ่งหานกระทืบเท้าอย่างขุ่นเคือง เธอถอดชุดนอนสีดำออกอย่างไม่ใส่ใจ แล้วนั่งลงขัดสมาธิและเริ่มฝึกต่อ

หลิงหยุนมองพร้อมท่าทางของหลินเมิ่งหานพร้อมกับขมวดคิด้วเข้าหากันแน่น จากนั้นก็ส่ายหน้าพร้อมกับร้องบอกว่า “สงบจิตสงบใจหน่อย!”

หลินเมิ่งหานนั้นมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมมาก หลังจากที่หลิงหยุนแนะนำอย่างใกล้ชิดได้เพียงไม่นาน เธอก็สามารถเข้าใจและฝึกฝนได้เอง จนสามารถเดินพลังหยินบริสุทธิ์ไปทั่วร่างกายได้ และตอนนี้อุณหภูมิรอบๆตัวเธอก็ลดลงราวสิบกว่าองศา บรรยากาศจึงคล้ายกับฤดูหนาว!

หลิงหยุนดีใจและพอใจมากที่หลินเมิ่งหานเริ่มฝึกวิชาพลังเย็น แต่หากอยู่ในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่ หลินเมิ่งหานจะต้องไปฝึกวิชานี้ที่วังน้ำแข็ง หลิงหยุนเคยเห็นเทพวังน้ำแข็งฝึกวิชาพลังเย็นเพียงแค่รอบเดียว ก็สามารถทำให้พื้นที่ในบริเวณโดยรอบกว่าพันไมล์กลายเป็นน้ำแข็งไปหมด

ร่างของหลินเมิ่งหานเป็นกายหยินบริสุทธิ์ที่บรรจุพลังหยินที่เยือกเย็นไว้ และได้พลังหยิน-หยางในตัวหลิงหยุนเข้าไปเสริม ทำให้เธอสามารถฝึกฝนวิชานี้ก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วแม้จะเป็นการฝึกเพียงแค่ครั้งแรก และในวันข้างหน้าหลินเมิ่งหานมีโอกาสที่จะสำเร็จจนถึงขั้นเทพวังน้ำแข็งเลยทีเดียว!

หลินเมิ่งหานปล่อยให้พลังหยินบริสุทธิ์หมุนเวียนไปทั่วร่างกาย แล้วจึงลืมตาขึ้นอีกครั้ง และครั้งนี้จิตใจของเธอก็สงบอย่างมาก เธอได้ค้นพบความสงบจากการฝึกบ่มเพาะอย่างน่าประหลาด เธอได้ค้นพบความรู้สึกที่แปลกประหลาดยิ่งกว่าความรู้สึกระหว่างชายหญิง

“สามี.. ขอบคุณมาก” หลินเมิ่งหานจ้องมองหลิงหยุนที่คอยคุ้มครองเธออยู่เงียบๆ พร้อมกับเอ่ยขอบคุณอย่างจริงใจ

“ตอนนี้ขอบคุณผมได้แล้วสินะ! คุณฝึกไปอีกสักหนึ่งอาทิตย์ หลังจากนั้นผมจะสอนวิชาฝ่ามือน้ำแข็งให้กับคุณ”

“ก็ได้.. แล้วตอนนี้พวกเรา.. คลอเคลียกันได้หรือยัง?!” หลินเมิ่งหานชะเง้อมองออกไปนอกหน้าต่างก็พบว่าข้างนอกเริ่มสว่างแล้ว

“ยังต้องรออะไรอีกล่ะ!”

“ว้าย!”

หลินเมิ่งหานร้องอุทานออกมา เมื่อร่างที่เย็นราวกับน้ำแข็งแนบเข้ากับร่างที่ร้อนราวกับไฟ มันช่างเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย!

หลินเมิ่งหานเชิดหน้าขึ้นจนเผยให้เห็นต้นคอขาวนวล เพื่อรอรับความสุขที่กำลังจะเกิดขึ้นพร้อมกับพูดขึ้นว่า

“ร้ายนัก.!. นี่นายสอนฉันฝึกวิชานี้ก็เพื่อสิ่งนี้น่ะเหรอ?”

และน้ำกับไฟก็หลอมรวมเข้าด้วยกัน!

พระอาทิตย์ยามเช้าค่อยๆโผล่ขึ้น ต้นไม้ ดอกไม้ และนกน้อย ต่างก็ออกมารับอรุณยามเช้า แต่ภายในห้องกลับมีเพียงเสียงหอบ และเสียงร้องของคนทั้งคู่

………….

หลินเมิ่งหานตื่นขึ้นมาในช่วงสายๆ ส่วนหลิงหยุนก็ขับรถออกจากหมู่บ้านฝูฮัวไปยังบ้านเลขที่-1 เพื่อปลุกเสกยันต์อีกครั้ง

หลิงหยุนปลุกเสกยันต์จนใกล้เที่ยง จากนั้นเขาและถังเมิ่งก็ไปกินข้าวที่ภัตตาคารแห่งหนึ่งในเมืองจิงฉู หลังจากนั้นก็ไปที่ทะเลสาบจิงฉูต่อ

เมื่อคืนนี้ถังเมิ่งได้ติดต่อจองสปีดโบ๊ทลำใหญ่จากเพื่อนไว้แล้ว หลังจากที่เขาสอนวิธีเปิด-ปิด การแก้ไขพิกัด การหาทิศทาง การเร่งความเร็ว การลดความเร็ว การเลี้ยว และอีกมากมายให้แล้ว หลิงหยุนก็ใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมงในการฝึกขับเรือ

ในทะเลสาบไม่มีสิ่งกีดขวาง เส้นทางก็ค่อนข้างโล่ง แล้วก็กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา หลิงหยุนจึงฝึกขับเรือได้ไม่ยากนัก

หลิงหยุนขับสปีดโบ๊ทอยู่ในทะเลสาบจิงฉู และได้แต่คิดในใจว่า เทคโนโลยีบนโลกใบนี้ช่างน่าอัศจรรย์นัก ต่อไปเขาคงต้องหาทางเรียนรู้เพิ่มเติมให้มากขึ้น

ในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่นั้น หากฝึกถึงระดับกลางของขั้นพลังชี่ ก็จะสามาถเหาะเหินเดินอากาศได้ในช่วงสั้นๆ แต่โลกใบนี้กลับมีเครื่องบิน แม้ว่าจะไม่สะดวกสบายเหมือนกับบการเหาะได้ด้วยตัวเอง แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่ต่างกัน คือสามารถพาเราเคลื่อนย้ายจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้

ในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่นั้น หากฝึกจนถึงขั้นกายทองคำ ก็จะสามารถทำลายเมืองที่มีคนนับแสนคนได้ด้วยเพียงฝ่ามือเดียว ซึ่งก็ไม่แตกต่างจากระเบิดนิวเคลียร์บนโลกใบนี้ที่ให้ผลทำลายล้างใหญ่หลวงเช่นเดียวกัน

เมื่อหลิงหยุนค่อยๆคุ้นเคยกับเครื่องมือไฮเทคต่างๆบนโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นทีวี คอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์ เขาก็ได้แต่คิดว่าโลกใบนี้ช่างน่าทึ่งมาก!

“เยี่ยมมาก..”

หลิงหยุนเอ่ยชมกับถังเมิ่งทันทีที่ลงจากเรือง และทั้งคู่ก็กลับไปที่บ้าน

“พี่หยุน ฉันเช็คให้พี่แล้วนะ.. ถ้าจะไปเกาะเตียวหยู ให้ออกทางเมืองเหวินโจวจะใกล้กว่า เพราะที่นั่นห่างจากเกาะเตียวหยูเพียงแค่ 200 ไมล์ทะเล ฉันจัดารโทรบอกให้เพื่อนที่นั่นเตรียมสปีดโบ๊ทไว้ให้พี่แล้ว!”

“ฉันได้เช่าเรือที่สามารถวิ่งต่อเนื่องกันได้ไกลถึง 600 ไมล์ทะเลไว้ให้ ความเร็วสูงสูดเร่งได้ถึง 60 นอต ความเร็วปกติอยู่ที่ 40 นอต ระยะทาง 200 ไมล์ทะเล ใช้เวลาขับราวสี่หรือห้าชั่วโมงก็น่าจะถึงแล้ว”

หลิงหยุนได้ฟังก็หันไปถามถังเมิ่งว่า “นอตที่นายพูดถึง.. มันคืออะไร?”

ถังเมิ่งตอบยิ้มๆว่า “พี่หยุน.. มันเป็นหน่วยแสดงความเร็วอย่างหนึ่งของระบบการเดินเรือ 1 ไมล์ทะเลต่อชั่วโมง หรือ 1.852 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เช่นถ้าเรือแล่นได้ 8 ไมล์ทะเลต่อชั่วโมง เรียกว่าเรื่อมีความเร็ว 8 นอต ลมมีความเร็ว 50 ไมล์ทะเลต่อชั่วโมง เรียกว่า ลมมีความเร็ว 50 น็อต”

“อ่อ.. เข้าใจแล้ว!” หลิงหยุนตอบ

ถังเมิ่งพูดต่อ “พี่หยุน ตอนนี้เกาะเตียวหยูไม่สงบ พี่จะไปที่นั่นจริงๆเหรอ?”

หลิงหยุนยิ้ม “ก็เพราะมันไม่สงบไงฉันถึงได้ไป ถ้าสงบฉันจะไปทำไม?”