[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]
บทที่ 454 : เดินทางไกลครั้งแรก!
“จริงเหรอ?! ทำยังไง?”
แววตาของเสี่ยวเม่ยหนิงเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น เธอเกาะแขนหลิงหยุนเขย่าอย่างแรง
“พี่หลิงหยุน.. บอกฉันมาเร็วเขา!”
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยและตอบกลับไปว่า “ถ้าไม่เอาหนอนกู่กลืนใจนั่นออกจากร่างของอาวุโสเสี่ยว ท่านก็จะค่อยๆอ่อนแอลงเรื่องๆ แต่ถ้าเอาออก ก็จะมีผลร้ายแรงกับเหมี่ยวเฟิงหวง เพราะฉะนั้นหากต้องการให้ปลอดภัยด้วยกันทั้งคู่ ก็ต้องหาวิธีทำให้ทั้งสองคนได้กลับมาอยู่ด้วยกัน.. ผมคิดว่าคุณคงจะเข้าใจสิ่งที่ผมพูด!”
เมื่อเสี่ยวเม่ยหนิงได้ฟัง นัยน์ตาของเธอก็มีประกายแห่งความผิดหวังปรากฏขึ้นมา คิ้วของเธอขมวดเข้าหากันแน่นพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ถ้าเป็นวิธีนี้.. ฉันคงต้องขอคิดดูก่อน!”
หลิงหยุนเห็นแววตาผิดหวังในดวงตาของเสี่ยวเม่ยหนิง จึงรีบถามขึ้นว่า “ทำไมเหรอหนิงน้อย? เธอไม่ชอบวิธีนี้เหรอ?”
หลิงหยุนยังจำได้ว่าครั้งแรกที่หนิงน้อยได้ฟังท่านหมอเสี่ยวเล่าเรื่องของเหมี่ยวเฟิงหวง เธอยังคะยั้นคะยอให้ท่านหมอเสี่ยวไปรับเหมี่ยวเฟิงหวงมาอยู่ด้วยกันที่บ้าน
หากหนิงน้อยเปลี่ยนใจขึ้นมาตอนนี้ มีหวังแผนที่เขาต้องการเกลี้ยกล่อมทั้งคู่ให้กลับมาครองคู่กัน ก็คงต้องพังทลายลงตั้งแต่คืนนี้อย่างแน่นอน!
“ฉัน.. ฉันคงต้องไปถามคุณปู่อีกครั้งก่อน คุณปู่เคยเล่าให้ฟังว่าเหมี่ยวเฟิงหวง.. เอ่อ.. เป็นคนอารมณ์รุนแรง ไม่รู้ว่าจะยอมกลับมาอยู่กับคุณปู่หรือเปล่าน่ะสิ?!”
หลิงหยุนถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก และคิดในใจว่าหนิงน้อยช่างเป็นเด็กสาวที่มีเหตุมีผล และตราบใดที่หนิงน้อยไม่มีปัญหา ขั้นตอนต่อไปจากนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก!
หลิงหยุนยิ้มอย่างสบายใจ “หนิงน้อย.. เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง! ในเมื่อผมเป็นคนเสนอวิธีนี้ขึ้นมาเอง ผมก็ต้องมีวิธีที่จะทำให้เหมี่ยวเฟิงหวงยอมตกปากรับคำได้ แต่ก่อนที่จะไปถึงเรื่องนั้น ยังมีเรื่องสำคัญอีกหนึ่งเรื่อง!”
หลิงหยุนมองลึกเข้าไปในดวงตาของเสี่ยวเม่ยหนิง และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “หนิงน้อย.. ผมมีความลับอีกเรื่องที่จะบอกกับคุณ! หลังจากที่ท่านปู่ของคุณกับเหมี่ยวเฟิงหวงมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน เธอก็ตั้งท้อง!”
“อะไรนะ?! นี่มัน..”
เสี่ยวเม่ยหนิงฟังแล้วทั้งตกใจทั้งอาย เธอเหลือบมองหลิงหยุนพร้อมกับถามขึ้นว่า “พี่หลิงหยุน.. อย่าบอกนะว่าท่านย่าเหมี่ยวก็มีหลานเหมือนกัน?!”
หลิงหยุนพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง เขาอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ที่เสี่ยวเม่ยหนิงดูไม่ตกใจมากมายอย่างที่เขาคาดคิด และดูเหมือนว่าเธอจะเป็นคนยอมรับความจริงได้อย่างเข้มแข็ง
จากนั้นหลิงหยุนก็เล่าต่อ “ถูกต้อง.. นางคลอดลูกชาย และเมื่อโตขึ้นลูกชายของนางก็ได้แต่งานกับหญิงสาวเผ่าเหมี่ยวและคลอดลูกสาวออกมา..”
“ห๊ะ!?” เหมี่ยวเสี่ยวเหมาถึงกับอุทานออกมาเสียงดังพร้อมกับยกมือขึ้นปิดปาก!
“แต่.. แต่ท่านปู่ไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังเลยนะ พี่หลิงหยุน.. พี่รู้เรื่องนี้ได้ยังไง?” หลังจากที่นิ่งอึ้งไปด้วยความตกใจอยู่ครู่ใหญ่ เสี่ยวเม่ยหนิงก็ได้สติและถามหลิงหยุนด้วยความสงสัย
และแล้วบทสนทนาก็ดำเนินมาถึงเรื่องที่หลิงหยุนต้องการจะบอกกับเสี่ยวเม่ยหนิงในคืนนี้ หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อว่า
“ท่านปู่ของคุณเองก็ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน.. ผมเป็นคนที่รู้ก่อนอาวุโสเสี่ยวเสียอีก!”
เสี่ยวเม่ยหนิงเห็นหลิงหยุนทำน้ำเสียงลึกลับ และไม่พูดให้จบในคราวเดียว เธอก็แทบอยากจะวิ่งกลับไปถามท่านปู่ของเธอที่บ้านด้วยตัวเอง และได้แต่คร่ำครวญออกไปว่า
“พี่หลิงหยุน.. พี่พูดออกมาให้จบๆทีเดียวเลยจะได้ไม๊?”
“ได้.. ได้.. ได้..” หลิงหยุนรู้ว่าไฟแห่งความอยากรู้อยากเห็นในตัวเสี่ยวเม่ยหนิงได้จุดติดแล้ว เขาจึงเริ่มเล่าทุกอย่างให้เธอฟังอย่างละเอียด
“ที่แท้ก็เป็นเธอนี่เอง.. เหมี่ยวเสี่ยวเหมา!”
เสี่ยวเม่ยหนิงพึมพำ “ในคืนวันเชงเม้งที่เมีเรื่อง.. หญิงสาวที่สวมผ้าปิดหน้าก็เป็นเธอใช่ไม๊?”
หลิงหยุนบีบจมูกเล็กๆของเสี่ยวเม่ยหนิงพร้อมกับเอ่ยชม “หนิงน้อยช่างฉลาดนักนะ! ถูกต้องแล้ว.. เหมี่ยวเสี่ยวเหมาค้นพบว่าผมเป็นคนที่ยับยั้งหนอนกู่ในร่างกายของท่านหมอเสี่ยวไว้ หากผมตาย.. เหมี่ยวเฟิงหวงก็จะต้องทนทรมานต่อไป เธอจึงต้องมาคุ้มครองไม่ให้ผมได้รับอันตราย..”
“เฮ้อ..”
เสี่ยวเม่ยหนิงถอนหายใจยาวอย่างโล่อกพร้อมกับทำตาโตและพูดขึ้นว่า “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง มิน่าตอนที่ฉันไปหาที่พี่ห้องเรียนแล้วพบกับเหมี่ยวเสี่ยวเหมาครั้งแรก เธอก็มองฉันแปลกๆ..”
“ที่แท้ก็เป็นหลานสาวคุณปู่อีกคนนี่เอง.. ตอนนั้นเธอรู้อยู่แล้วว่าฉันเป็นใคร เธอถึงได้มองฉันด้วยสายตาแบบนั้น..”
เสี่ยวเม่ยหนิงยังจำเรื่องราวทุกอย่างได้อย่างแม่นยำ..
“พี่หลิงหยุน.. แล้วเหมี่ยวเสี่ยวเหมาเป็นพี่หรือเป็นน้องฉันล่ะ?” เสี่ยวเม่ยหนิงถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
หลิงหยุนส่ายหน้า “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่จากหน้าตาก็ดูเหมือนจะไล่เลี่ยกัน..”
เสี่ยวเม่ยหนิงทั้งตกใจทั้งตื่นเต้น “พรุ่งนี้ฉันจะถามเธอเอง แล้วก็จะพาเธอไปอยู่ที่บ้านด้วยกัน.. เย้.. ดีใจจัง!”
หลิงหยุนคิดไม่ถึงว่าเด็กสาวตัวแสบจะสามารถยอมรับเหมี่ยวเสี่ยวเหมาได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ เขาจึงรู้สึกดีใจและมีความสุขมาก หลิงหยุนลูบหัวเสี่ยวเม่ยหนิงอย่างอ่อนโยน
แม้ว่าเด็กสาวตัวแสบอย่างเสี่ยวเม่ยหนิงจะค่อนข้างหยิ่งจองหองมาก แต่ลึกๆนั้นกลับเป็นคนที่มีจิตใจเมตตาและมีเหตุมีผลมาก
และแล้วภารกิจของหลิงหยุนก็ประสบความสำเร็จ จากนั้นเขาจึงบอกเสี่ยวเม่ยหนิงเรื่องที่เขาจะต้องไปทะเล เธอดูค่อนข้างเป็นกังวลมาก แต่เมื่อรู้เหตุผลว่าเขาจะพาเจ้าขาวปุยไปที่นั่นเพื่อกลายร่าง เสี่ยวเม่ยหนิงก็ถึงกับตกตะลึง และนิ่งอึ้งไปอีกครั้ง!
“หนิงน้อย..ไม่เห็นจะต้องประหลาดใจขนาดนั้นเลย ตอนหางที่สองของเจ้าขาวปุยงอก คุณก็เห็นด้วยตาตัวเองแล้วนี่!”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้.. จู่ๆหลิงหยุนก็สังเกตเห็นแสงสีขาวที่พุ่งมาทางหลุมยักษ์แห่งนี้ เขายิ้มพร้อมกับพยักหน้า ปรากฏว่าเจ้าขาวปุยอยู่ที่นี่จริงๆ ดูเหมือนว่ามันคงได้กลิ่นของหลิงหยุนจึงพุ่งเข้ามาหา
“หนิงน้อย.. ดูสิเจ้าขาวปุยมาแล้ว!” หลิงหยุนยกมือขึ้นชี้ไปทางเจ้าขาวปุย
เสี่ยวเม่ยหนิงมองไปทางเงาสีขาวขนาดใหญ่ที่พุ่งมาทางผาพยัคฆ์ และเจ้าขาวปุยก็พุ่งเข้าหาอ้อมแขนของหลิงหยุน ร่างอ่อนนุ่มของมันขดเพื่อต้องการให้เขาเอาใจ
หลังจากที่เจ้าขาวปุยออกจากป่าเสินหนงเจี๋ยในครั้งนั้น นี่เป็นครั้งแรกที่เสี่ยวเม่ยหนิงได้เห็นหางของมันโบกสะบัดไปมาอย่างสวยงาม
เสี่ยวเม่ยหนิงเดินเข้าไปใกล้เจ้าขาวปุยโดยไม่มีท่าทีหวาดกลัว จากนั้นก็เอื้อมมือไปลูบขนที่นุ่มนวลของมันพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ขาวปุย.. หลังจากกลายร่างแล้วคงจะสวยเหมือนนางฟ้าสินะ!”
เจ้าขาวปุยมองเสี่ยวเม่ยหนิงด้วยดวงตาที่มีเสน่ห์ และพยักหน้าหงึกๆ จากนั้นก็สะบัดหางไปมาตรงหน้าหนิงน้อย
หางของสุนัขจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางนั้น เป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกระดับขั้นของการฝึกฝน และเป็นสิ่งที่สุนัขจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางภาคภูมิใจอย่างมาก แต่มันกลับยอมให้เสี่ยวเม่ยหนิงลูบไล้ได้ แสดงว่ามันยอมรับศักยภาพในตัวของเสี่ยวเม่ยหนิง
“พี่หลิงหยุน.. เมื่อไหร่ฉันจะได้ฝึกวรยุทธบ้าง? เจ้าขาวปุยก็ดูเก่งกาจ เหมี่ยวเสี่ยวเหมาก็เก่งมาก ฉันอยากฝึกบ้าง..”
เสี่ยวเม่ยหนิงลูบไล้ร่างของเจ้าขาวปุยไปด้วย และมองหลิงหยุนไปด้วย
หลิงหยุนตอบกลับไปยิ้มๆ “หนิงน้อย.. ไม่ต้องกังวลไป คุณเป็นคนที่มีพรสวรรค์มาดีมาก และหากฝึกฝนก็จะสามารถก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว ตอนนี้ผมอยากให้คุณสนใจเรื่องการสอบต่างๆของทางโรงเรียนก่อน แล้วปิดเทอมผมค่อยสอนวรยุทธให้.. แบบนี้ดีไม๊?”
เสี่ยวเม่ยหนิงขมวดคิ้วพร้อมกับโต้แย้งทันที “พี่หลิงหยุน.. พี่ก็รู้ว่าการสอบพวกนั้นก็เป็นแค่การทดสอบที่มีเรื่อยๆของทางโรงเรียน เรื่องน่าเบื่อแบบนี้ก่อนสอบเอนทรานซ์ ฉันไม่สนใจอะไรมากมายหรอก”
หลิงหยุนเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน เขาจึงพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้น.. หลังจากที่ผมกลับจากทะเลพร้อมกับเจ้าขาวปุย ผมจะเริ่มสอนคุณฝึกวรยุทธและเก้าเข็มปลุกชีพให้คุณดีไม๊?”
เก้าเข็มปลุกชีพของหลิงหยุนนั้น เสี่ยวเม่ยหนิงต้องการที่จะเรียนรู้อยู่แล้ว เธอจึงรีบพยักหน้าทันที
เสี่ยวเม่ยหนิงยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า “พี่หลิงหยุน.. ขอบคุณพี่มากนะคะ!”
เสี่ยวเม่ยหนิงอยากจะกระโดดหอมแก้มหลิงหยุน แต่เมื่อเห็นเจ้าขาวปุยที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา เธอก็มีอาการละล้าละลัง..
หลิงหยุนเหลือบมองไปทางหลุมยักษ์อีกครั้ง เขาต้องการที่ลงไปดูแต่มันก็ดึกมากแล้ว และเขาก็ต้องส่งเสี่ยวเม่ยหนิงกลับบ้าน
หลิงหยุนมองไปรอบๆพร้อมกับคิดในใจว่า “หญ้าหยิน หญ้าหยาง แล้วก็หญ้าน้ำลายมังกร..”
ตอนนี้พลังชีวิตที่อยู่ในบ้านเลขที่-1 ของหลิงหยุนนั้น เริ่มไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ของเขา และเขาก็ไม่สามารถดื่มน้ำลายมังกรเพื่อดูดซับพลังชีวิตไปตลอดได้ น้ำลายมังกรจึงไม่ใช่คำตอบ แต่ก็จำต้องใช้มันไปก่อน
หลิงหยุนต้องดื่มครั้งละสองถึงสามกิโลกรัม แล้วถ้าดื่มไปเป็นพันรอบ น้ำลายมังกรคงต้องหมดอย่างแน่อน แล้วก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะได้ลงไปที่ก้นหลุมอีก?
“หนิงน้อย.. นี่ก็ดึกมากแล้ว ผมจะส่งคุณกลับบ้านก่อน” หลิงหยุนยิ้มให้กับเสี่ยวเม่ยหนิง
เสี่ยวเม่ยหนิงลูบไล้เจ้าขาวปุยพร้อมกับพูดขึ้นว่า “พี่หลิงหยุน วันนี้ฉันขอพาเจ้าขาวปุยไปที่บ้านด้วยได้ไม๊?”
หลิงหยุนก้มลงไปมองเจ้าขาวปุย และเมื่อเห็นมันพยักหน้า เขาจึงตอบไปว่า “ขาวปุยตกลง.. งั้นเราก็กลับกันเถอะ!”
เจ้าขาวปุยกระโดดออกจากอ้อมแขนของหลิงหยุน และเดินไปเงียบๆ หางสีขาวของมันหายวับไปเหลือเพียงแค่หางเดียว
หลิงหยุนอุ้มเสี่ยวเม่ยหนิงพร้อมกับโบกมือให้เจ้าขาวปุยตามมา จากนั้นก็ใช้เท้าทองคำหมื่นลี้ลงเขามังกรไป
ระยะทางจากเขามังกรไปบ้านเลขที่-1 นั้นไกลพอๆกับไปบ้านของท่านหมอเสี่ยว หลิงหยุนจึงขี้เกียจที่จะกลับไปเอารถที่บ้าน เขาจึงอุ้มเสี่ยวเม่ยหนิงไปส่งที่บ้านแทน
หลิงหยุนส่งเสี่ยวเม่ยหนิงเพียงแค่หน้าประตูบ้าน และเมื่อเห็นเธอเดินเข้าไปในบ้านพร้อมเจ้าขาวปุยแล้ว เขาก็แอบส่งกระแสจิตบอกกับท่านหมอเสี่ยวว่า.. ทุกอย่างเรียบร้อยดี!
ท่านหมอเสี่ยวเองก็บอกกับหลิงหยุนว่าเหมี่ยวเสี่ยวเหมาก็เพิ่งจะกลับไป หลิงหยุนจึงตอบกลับไปว่าเขาได้อธิบายเรื่องราวทุกอย่างให้เสี่ยวเม่ยหนิงฟังแล้ว และหนิงน้อยก็ไม่มีปัญหาอะไรกับเรื่องนี้ ขอให้ท่านหมอเสี่ยวสบายใจได้!
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาทั้งใจเย็นและเฉลียวฉลาด ส่วนเสี่ยวเม่ยหนิงก็เป็นคนที่เข้าใจอะไรได้ง่าย และเพราะนิสัยของเด็กสาวที่น่ารักทั้งสองคน การแก้ปัญหาจึงดูเหมือนจะเป็นที่น่าพอใจมาก
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ทั้งหลิงหยุนและท่านหมอเสี่ยวต่างก็รู้ว่านี่เป็นเพียงแค่ก้าวแรกเท่านั้น เส้นทางที่ยาวไกลและความยุ่งยากอีกมากมายยังคงรอพวกเขาอยู่
“อาวุโส.. เรื่องทุกอย่างหลังจากนี้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง!”
หลิงหยุนพูดประโยคสุดท้ายกับท่านหมอเสี่ยวแล้วก็จากไป..