[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]
บทที่ 453 : เหลือเชื่อ!
หลิงหยุนถามถังเมิ่ง “แล้วเรื่องเรือที่ฉันให้นายไปเช่าให้ ตอนนี้ไปถึงใหนแล้ว?”
ถังเมิ่งเดาไว้อยู่แล้วว่าหลิงหยุนจะต้องถามเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขายิ้มพร้อมกับตอบไปว่า
“พี่หยุน.. เรื่องเรือพี่ไม่ต้องกังวล รับรองว่าไม่มีปัญหาแน่ แต่..”
หลิงหยุนขมวดคิ้ว “แต่อะไร?!”
ถังเมิ่งตอบกลับไปยิ้มๆ “พี่หยุน.. แล้วพี่ขับเรือเป็นเหรอ!”
หลิงหยุนถึงกับอึ้งไปทันทีที่ได้ยินคำถามของถังเมิ่ง?! เขาไม่เคยคิดถึงปัญหาเรื่องนี้มาก่อนเลยจริงๆ จึงได้แต่มองหน้าถังเมิ่งพร้อมกับถามอย่างหมดหนทาง
“นั่นสิ.. แล้วจะทำยังไงดี?!”
ถังเมิ่งยกมือขึ้นชี้ไปทางทะเลสาบจิงฉูที่อยู่นอกหมู่บ้าน เขายิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า “พี่หยุน.. การขับเรือยากกว่าการขับรถหลายเท่า ที่ทะเลสาปจิงฉูมีบริการให้เช่าสปีดโบ๊ท แล้วร้านที่ให้เช่าก็เป็นร้านของครอบครัวเพื่อนฉันเอง ถ้ายังไงพรุ่งนี้เราไปเช่ามาหัดขับเล่นจะดีกว่า..”
ถังเมิ่งเป็นคนช่างคิดหาทางแก้ปัญหาได้เก่ง และหลิงหยุนเองก็พอใจอย่างมากเช่นกัน
หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับสั่งทั้งสองคนว่า “พรุ่งนี้พวกนายสองคนไปจัดการหาซื้อสมุนไพรให้ฉันหน่อย ฉันจดรายการสมุนไพรทั้งหมดที่ต้องการไว้แล้ว พวกนายก็ซื้อตามรายการที่ฉันจดให้ก็แล้วกัน..”
ตี้เสี่ยวอู๋ถามขึ้นว่า “แล้วจะให้ซื้อมากเท่าไหร่?”
หลิงหยุนตอบยิ้มๆ “ก็ไม่มาก.. อยู่ในงบยี่สิบล้าน!”
“ห๊ะ..?!”
“ทำไมต้องซื้อเยอะขนาดนั้นล่ะ?!”
ถังเมิ่งและตี้เสี่ยวอู๋ได้ยินถึงกับร้องอุทานออกมาพร้อมกัน ทั้งคู่หันมามองหน้ากันด้วยสีหน้าที่ดูว่างเปล่า พร้อมกับแอบคิดในใจว่า หลิงหยุนซื้อสมุนไพรมามากมายขนาดนี้สามารถเปิดร้านได้เลยทีเดียว..
แต่หลิงหยุนกลับพูดต่อด้วยใบหน้าที่จริงจัง เขาสั่งทั้งสองคนว่า “นายสองคนเอาเงินออกมาจากบัญชีคนละสิบล้านหยวน แล้วก็เอาเงินจำนวนนี้ไปซื้อสมุนไพรที่ฉันสั่ง จากนั้นก็เอาของที่ซื้อมาทั้งหมดไปไว้ในห้องเก็บของ ถ้าห้องเก็บของไม่พอใส่ ก็ให้เอาไปไว้ในห้องออกกำลังกาย แต่ถ้ายังไม่พอก็เอาไปเก็บไว้ในห้องใหนก็ได้ที่มีพื้นที่ว่าง แม้แต่โรงรถก็เอาไปเก็บได้ เพราะถ้าฉันกลับมาฉันจำเป็นต้องใช้มัน”
บ้านเลขที่-1 ของหลิงหยุนในเวลานี้ ได้กลายเป็นหลุมพลังที่ดูดซับเอาพลังชีวิตจากที่ต่างๆเข้ามารวมกันไว้ บ้านของเขาจึงเสมือนขุมพลังชีวิตขนาดใหญ่ในทุกๆวัน
ตั้งแต่ที่หลิงหยุนสร้างหลุมพลังขึ้นมา จะเห็นได้ว่าต้นไม้ดอกไม้ภายในสวนด้านใน กับต้นไม้ดอกไม้ที่อยู่นอกบ้านนั้นมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ดอกไม้ต้นไม้ที่อยู่ในบ้านนั้นจะเบ่งบานและเขียวชะอุ่มกว่าด้านนอกมาก..
ตอนนี้การฝึกฝนของหลิงหยุนก้าวหน้าไปอย่างก้าวกระโดด จนทำให้เขาสามารถปลุกเสกยันต์ในระดับสูงขึ้นไปกว่าเดิมได้ ดังนั้นวัตถุดิบต่างๆที่จะนำมาใช้จึงต้องมีคุณภาพสูงขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน
แต่วัตถุดิบที่ขายกันตามท้องตลาดนั้น ไม่ว่าจะเป็นสมุนไพร ก็ล้วนแล้วแต่มีคุณภาพที่ไม่แตกต่างกันมากนัก หลิงหยุนจึงต้องซื้อวัตถุดิบทั้งหมดมาเก็บไว้ภายในบ้าน และยิ่งเก็บไว้ในบ้านของเขานานมากเท่าไหร่ วัตถุดิบเหล่านั้นก็จะมีพลังชีวิตเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน
และแน่นอนว่าในวันข้างหน้านั้น ไม่ว่าจะเป็นการปลุกเสกยันต์ หรือปรุงโอสถ ยันต์ที่หลิงหยุนปลุกเสกก็จะเป็นยันต์ที่ให้ผลรุนแรงมากขึ้น หรือหากเป็นโอสถก็ต้องให้ผลในการรักษาที่ดีเยี่ยมมากขึ้นเช่นกัน
การปลุกเสกยันต์นั้นใช้สมุนไพรไม่มากนัก และหากหลิงหยุนเข้าสู่ขั้นปรับร่างกาย-7 ได้เมื่อไหร่ เขาก็จะเริ่มปรุงโอสถ และยิ่งสมุนไพรที่เขานำมาใช้ปรุงโอสถนั้นมีคุณภาพดีมากเท่าไหร่ โอสถที่เขาปรุงขึ้นก็จะยิ่งมีคุณภาพดีขึ้นมากเท่านั้น
หลิงหยุนยิ้มและพูดต่อว่า “ยังไงการปลุกเสกยันต์ก็ต้องใช้เลือดของเจ้าสุนัขดำทั้งสี่ตัวอีก แต่ครั้งนี้คงจะไม่พอ พวกนายไปจัดการหาซื้อสุนัขมาเพิ่มอีกสักสองสามตัว..”
หลิงหยุนสั่งให้ทั้งสองคนไปจัดการซื้อกระดาษสีเหลืองและชาดให้กับเขา หลังจากที่สั่งงานอย่างละเอียดแล้ว หลิงหยุนก็ไล่สองคนกลับไป
เมื่อตี้เสี่ยวอู๋กับถังเมิ่งออกไปแล้ว หลิงหยุนก็ทำการปลุกเสกยันต์เพิ่มอีกมากกว่าสองร้อยแผ่น และได้เวลาเลิกเรียน เขาก็ขับรถไปรับเสี่ยวเม่ยหนิงที่โรงเรียน
หลิงหยุนไม่ได้พบหน้าหนิงน้อยมาถึงสองวัน เขาเองก็ค่อนข้างคิดถึงเด็กสาวตัวแสบไม่น้อย จึงพาเธอกลับไปที่บ้านของเขาก่อน หลังจากจอดรถเรียบร้อยแล้ว หลิงหยุนก็เดินโอบร่างสวยงามของเสี่ยวเม่ยหนิงไปเดินเล่นที่ทะเลสาบจิงฉู
ตู้กู่โม่ที่ทำเหมือนไม่สนใจทั้งคู่เท่าไหร่นัก แต่กลับจ้องมองหลิงหยุนด้วยสายตาที่ไร้อารมณ์ความรู้สึก ในใจก็แอบคิดว่า
‘หืมม.. นี่เจ้าเปลี่ยนสาวงามอีกแล้วหรือนี่ วันใดที่สาวงามเหล่านี้มาเผชิญหน้ากัน วันนั้นคงเป็นวันตายของเจ้า!’
…………..
“พี่หลิงหยุน..”
“ว่าไง?”
“พี่จะพาฉันไปใหนกันแน่?”
“ผมจะพาคุณไปดูอะไรสนุกๆก่อน.. จากนั้นก็ค่อยไปที่เขามังกร..”
ทั้งสองคนเดินไปถึงทะเลสาบจิงฉู หลิงหยุนและเสี่ยวเม่ยหนิงเดินเล่นอยู่ในความมืด จู่ๆหลิงหยุนที่ยืนอยู่บนก้อนหินตรงชายฝั่ง ก็ชี้ไปยังผืนน้ำที่อยู่ตรงหน้าเสี่ยวเม่ยหนิง แล้วถามยิ้มๆ
“หนิงน้อย.. ไม่อยากลงไปเล่นน้ำบ้างเหรอ?”
“ห๊ะ.. อะไรนะ?!”
เด็กสาวตัวแสบถึงกับงง แล้วก็เขินอายเล็กน้อย เธอเหลือบมองหลิงหยุนแล้วพูดขึ้นว่า
“พี่หลิงหยุน.. จะบ้าหรือไง? ฉันไม่บ้าพอที่จะลงไปเล่นน้ำในทะเลสาบกับพี่หรอกนะ!”
หลิงหยุนหัวเราะและตอบไปว่า “หนิงน้อย.. ไปเถอะ รับรองว่าไม่เปียกหรอกน่า!”
เสี่ยวเม่ยหนิงมองหลิงหยุนด้วยแววตาประหลาดใจพร้อมกับถามอย่างสงสัย “อย่ามาหลอกฉันให้ยากเลย! ที่นี่ไม่มีเรือสักหน่อย แล้วตัวจะไม่เปียกได้ยังไง?”
หลิงหยุนเรียกยันต์จ้าวสมุทรออกมาสองแผ่น เขายื่นมือไปจับมือซ้ายของหนิงน้อยไว้พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ดูให้ดีๆนะ.. ผมจะแสดงเวทย์มนต์ให้ดู..”
หลิงหยุนมองเสี่ยวเม่ยหนิงที่มีสีหน้าสนุกสนาน เธอหัวเราะคิกคักพร้อมกับร้องออกมาเสียงดัง “เอาเลย.. โชว์เลย!”
หลิงหยุนเอายันต์ ‘จ้าวสมุทร’ ที่อยู่ในมือแปะไว้บนร่างกายพร้อมกับร้องสั่งในใจ จากนั้นเขาก็เดินลงไปในทะเลสาป
“ว้าย.. นี่เอาจริงเหรอ!”
เสี่ยวเม่ยหนิงร้องออกมาด้วยความตกใจ และรีบเอื้อมมือออกไปเพื่อจะดึงหลิงหยุนให้กลับเข้ามา แต่ก็ไม่ทันแล้ว..
และสิ่งที่เหลือเชื่อก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาเธอ จู่ๆ น้ำในทะเลสาบก็ราวกับมีชีวิตขึ้นมา หลิงหยุนสามารถลงไปเหยียบบนหินที่อยู่ในทะเลสาบได้โดยที่น้ำในทะเลสาปไม่สัมผัสกับร่างกายของหลิงหยุนเลยแม้แต่น้อย!
เสี่ยวเม่ยหนิงถึงกับยืนมองด้วยความตกตะลึง หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับก้าวเท้าออกไปข้างหน้าสามก้าว และเมื่อถึงก้าวที่สามน้ำในทะเลสาปก็อยู่ในระดับเอวของเขา แต่น้ำกลับเพียงแค่ล้อมรอบตัวเขาไว้เท่านั้น
ไม่ว่าหลิงหยุนจะเดินไปทางใหน ก็ดูเหมือนว่าผืนน้ำจะเปิดออกได้เอง และปิดล้อมร่างของหลิงหยุนได้เองราวกับมีชีวิต แต่กลับไม่ไหลเข้าใกล้ร่างของหลิงหยุนในรัศมีครึ่งเมตรรอบๆตัว
นี่เป็นสิ่งมหัศจรรย์!
หลิงหยุนยังคงก้าวเท้าไปข้างหน้าอีกหลายก้าว แล้วก็หันกลับมายิ้มให้กับเสี่ยวเม่ยหนิง หลังจากนั้นเขาก็เดินถอยหลังกลับขึ้นมาบนฝั่ง และน้ำรอบๆตัวเขาก็ค่อยๆเปิดและปิดจนกระทั่งถึงฝั่ง
ทันทีที่หลิงหยุนขึ้นจากน้ำ ผืนน้ำในทะเลสาบก็ปิดลงเป็นปกติเช่นเดิม และก็เกิดคลื่นกระทบฝั่งตามธรรมชาติ
“น่าสนุกจังเลย!”
หลิงหยุนยืนมองเสี่ยวเม่ยหนิงที่หัวเราะอย่างภูมิอกภูมใจ
เสี่ยวเม่ยหนิงยื่นมืออกมาจับเสื้อผ้าของหลิงหยุน และถึงกับโน้มตัวลงไปดูกางเกงของเขา และก็พบว่าเสื้อผ้าของหลิงหยุนยังคงแห้งสนิท และไม่มีน้ำเปียกแม้แต่หยดเดียว เธอถึงกับอึ้งไปอีกครั้ง..
“นี่.. มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง?!” เสี่ยวเม่ยหนิงถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ
หลิงหยุนชี้ไปที่ยันต์จ้าวสมุทรแผ่นเล็กๆพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เพราะยันต์แผ่นนี้ยังไงล่ะ! นี่เรียกว่ายันต์จ้าวสมุทร เพียงแค่แปะไว้บนร่างกาย จากนั้นก็ร้องสั่งให้ยันต์ทำงาน แล้วน้ำก็จะไม่สัมผัสกับตัวเราอีกเลย!”
“นี่.. นี่พี่พูดจริงเหรอ?!” เสี่ยวเม่ยหนิงถามขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ
หลิงหยุนตอบยิ้มๆ “ถ้าเธอไม่เชื่อ.. ก็ลองเอายันต์นี่แปะไว้ที่ตัวดูสิ..”
เด็กสาวตัวแสบครุ่นคิดอยู่นาน จากนั้นก็บอกหลิงหยุนอายๆ “พี่หลิงหยุน.. พี่เอายันต์อีกอันแปะที่ตัวพี่ แล้วเดินลงไปกับฉันหน่อยจะได้ไม๊?”
หลิงหยุนเรียกยันต์ออกมาอีกหนึ่งแผ่นทันที และจัดการแปะยันต์จ้าวสมุทรไว้บนตัว และพูดกับหนิงน้อยว่า
“เอาล่ะ.. ผมจะนับหนึ่งถึงสาม แล้วเราตะโกนสั่งยันต์พร้อมกัน!”
“หนึ่ง.. สอง.. สาม..!”
เสี่ยวเม่ยหนิงร้องสั่งทันทีที่หลิงหยุนนับเสร็จ จากนั้นเธอก็กอดแขนหลิงหยุนไว้แน่น และเดินลงไปในทะเลสาปอย่าระมัดระวัง
แน่นอนว่า.. ไม่มีปัญหาอะไร! เสี่ยวเม่ยหนิงและหลิงหยุนก้าวลงไปในทะเลสาปสามก้าว และสัมผัสได้ถึงความมหัศจรรย์ของยันต์จ้าวสมุทร เสี่ยวเม่ยหนิงเริ่มใจกล้าและตื่นเต้นมากขึ้น จึงถามหลิงหยุนด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“พี่หลิงหยุน.. ถ้าเดินไปจนถึงตำแหน่งที่น้ำท่วมหัวจะเป็นยังไง?”
หลิงหยุนอธิบายพร้อมกับยิ้มให้ “นี่เป็นเพียงยันต์จ้าวสมุทรระดับหนึ่ง จึงสามารถป้องกันน้ำในระดับครึ่งเมตรได้เท่านั้น แต่ถ้าเดินลงไปลึกกว่านั้น น้ำก็จะปิดศรีษะด้านบนไว้”
“แล้วเมื่อไหร่ที่ยันต์จ้าวสมุทรจะหมดฤทธิ์ น้ำในทะเลสาบก็จะท่วมเรา เราก็จะเปียกเป็นลูกหมาตกน้ำเลยล่ะ..”
เสี่ยวเม่ยหนิงถึงกับร้องออกมา “ถ้างั้นพวกเรารีบขึ้นกันเถอะ!”
หลิงหยุนหัวเราะ “ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ ยังมีเวลาเหลือมากกว่าครึ่งนาที ยันต์นี้ออกฤทธิ์นานหนึ่งนาที”
ระหว่างที่ทั้งคู่พูดคุยกันนั้น ก็ได้เริ่มหันหลังเดินกลับขึ้นฝั่งแล้ว
เสี่ยวเม่ยหนิงหันไปมองผืนน้ำที่เคลื่อนตัวปิดเข้าหากัน เธอร้องออกมาอย่างตื่นเต้น “สนุกจังเลย.. พี่หลิงหยุน ขอให้ฉันอีกสักสองสามแผ่นสิ..”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับหยิบยันต์จ้าวสมุทรออกมาให้หนิงน้อยอีกเจ็ดแปดแผ่น เสี่ยวเม่ยหนิงเดินลงไปเล่นอีกหลายรอบ และกรีดร้องอย่างนุกสนาน
“เอาล่ะ.. เลิกเล่นได้แล้ว ตอนนี้พวกเราไปที่เขามังกรกันดีกว่า!”
ตอนนี้ก็ค่อนข้างดึกมากแล้ว บนเขามังกรจึงไม่มีนักท่องเที่ยวเหลืออยู่แล้ว หลิงหยุนอุ้มร่างของเสี่ยวเม่ยหนิงขึ้นไปที่ผาพยัคฆ์บนเขามังกร
ในไม่ช้า.. ทั้งคู่ก็ขึ้นไปถึงผาพยัคฆ์ หลิงหยุนจึงวางเสี่ยวเม่ยหนิงลง เขาจับราวที่ล้อมรอบหลุมยักษ์ไว้พร้อมกับมองลงไปด้านล่าง แล้วพูดกับเด็กสาวตัวแสบว่า
“หนิงน้อย.. ที่ผมพาคุณมาที่นี่ในวันนี้ ก็เพราะมีเรื่องสำคัญจะบอกกับคุณ”
เสี่ยวเม่ยหนิงมีสีหน้าเอียงอายจนพูดอะไรไม่ออก ในใจของเธอนั้นกำลังแอบคิดอยู่ว่า.. หลิงหยุนคงจะขอจูบเธอเป็นแน่ แล้วเธอก็ได้ยินน้ำเสียงที่นุ่มนวลอ่อนโยนของหลิงหยุน
“หนิงน้อย.. ถ้าร่างกายของปู่คุณมีปัญหา คุณจะทำยังไง?”
เสี่ยวเม่ยหนิงร้องถามอย่างตกใจ “พี่หลิงหยุน.. ใหนพี่บอกว่าอีกสองเดือนพี่จะมาจัดการเอาหนอนกู่ออกจากร่างกายของปู่ไงล่ะ?”
หลิงหยุนส่ายหน้าและพูดว่า “ถ้าผมทำอย่างนั้น เหมี่ยวเฟิงหวงจะต้องเจ็บปวดจนตายไปในที่สุด..”
“อะไรนะ.. ถ้างั้น..”
เสี่ยวเม่ยหนิงเป็นเด็กสาวที่มีจิตใจเมตตา เธอรู้ดีว่าเหมี่ยวเฟิงหวงนั้นค่อนข้างน่าสงสาร เธอจึงไม่ต้องการให้เหตุการณ์ที่น่าเศร้าเช่นนี้เกิดขึ้น
“แล้ว.. แล้วฉันควรทำยังไงดี?” เสี่ยวเม่ยหนิงถามขึ้นอย่างกระวนกระวายใจ
หลิงหยุนลูบศรีษะของเสี่ยวเม่ยหิงอย่างอ่อนโยน และตอบกลับไปว่า “ไม่ต้องห่วง.. ผมย่อมมีวิธี..”