บทที่ 266 วางแผนร้าย
“จะให้ตบตรงไหนเจ้าคะ?”
เฉียนเหมยถามด้วยใบหน้าที่แดงปลั่ง
หลินเป่ยเฉินตอบว่า “ตรงไหนก็ได้ ตบมาเลย”
เฉียนเหมยนิ่งคิดอยู่เล็กน้อย ก็ยกมือขึ้นตบหน้าหลินเป่ยเฉิน
นางเคยได้ยินมาว่ามีบุรุษอยู่บางประเภทชื่นชอบให้คู่ขาตบใบหน้าของตนเอง
แต่หญิงสาวไม่คิดเลยว่าในจังหวะที่ยกมือขึ้นนั้น พลังลมปราณได้พุ่งออกไปจากฝ่ามือของนาง ห้องทั้งห้องสว่างวาบ เกิดเป็นคลื่นลมปั่นป่วนรุนแรงรอบบริเวณ
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นสลายพลังลมปราณสายนั้นทิ้งไป
เฉียนเหมยเหงื่อแตกพลั่กด้วยความวิตกกังวล
“เจ้าทำได้ดีมาก”
เด็กหนุ่มชื่นชม
ต่อให้ฝ่ามือนี้ถูกใช้ออกมาโดยไม่มีกระบวนท่า แต่มันก็มีพลังทำลายล้างร้ายกาจนัก
ไม่เพียงแต่พลังลมปราณที่จะสูงขึ้นเท่านั้น แม้แต่เรี่ยวแรงในร่างกายของเฉียนเหมยก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน คำนวณดูฝ่ามือเมื่อสักครู่นี้ น่าจะมีน้ำหนักไม่ต่ำกว่าสี่พันชั่ง
นี่พิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นถูกต้อง
อากวงไม่สามารถแบ่งปันพลังลมปราณไปจากเขาได้ เพราะว่ามันไม่ใช่มนุษย์ เฉียนเหมยสามารถแบ่งปันได้ทั้งพลังลมปราณและเรี่ยวแรงในร่างกายเพราะนางเป็นมนุษย์
แต่เพราะว่ามีขีดสัญญาณต่ำกว่าเจ้าราชันย์หนูอสูร นางจึงมีพลังน้อยกว่ามัน
หลังจากนั้น เขาก็สั่งให้เฉียนเหมยทั้งต่อยทั้งตบทั้งทุบทั้งตีตนเองอยู่หลายรอบ
พละกำลังของนางไม่ได้ตกลงเลย
เมื่อได้รับทราบคำตอบแล้ว หลินเป่ยเฉินก็ยกเลิกการเชื่อมต่อไวฟายและปล่อยตัวเฉียนเหมยออกไปจากห้อง ก่อนจะเรียกเฉียนเจินเข้ามาเป็นคนต่อไป
เฉียนเหมยได้แต่ขมวดคิ้วหน้ายุ่งด้วยความสงสัย แต่นางก็ไม่กล้าถามอะไร ได้แต่ลุกขึ้นและเดินออกไปตามคำสั่ง
เมื่อเดินออกมานอกห้อง เฉียนเหมยก็พบว่าอากวงกับหวังจงกำลังนั่งซุบซิบอะไรบางอย่างอยู่ในห้องรับแขก นางไม่มีเวลาให้คิดอะไรทั้งนั้นขณะที่เดินเข้าไปแจ้งคำสั่งว่า “น้องเจิน นายท่านเรียกให้เข้าไปหา”
เฉียนเจินที่มีสีหน้าขุ่นข้องใจอยู่ตลอดเวลา บัดนี้ก็สามารถยิ้มแย้มออกมาได้แล้ว
เมฆดำที่ปกคลุมอยู่เหนือศีรษะของนางสลายหายไป
อากวงกับหวังจงที่นั่งอยู่ข้างกันได้ยินดังนั้นก็อดหันมองหน้ากันไม่ได้
อากวงคุ้นเคยกับความรู้สึกเหล่านี้ดี จะอย่างไรตัวมันเมื่อก่อนก็เคยมีสถานะเป็นถึงราชันย์ของพวกหนูอสูรหางกุด แต่ละค่ำคืนสามารถเริงรักกับพวกหนูตัวเมียไม่ต่ำกว่าคืนละ 7-8 ตัว เพราะฉะนั้น พฤติกรรมของนายน้อยจึงถือเป็นเรื่องที่ปกติมาก
หวังจงอดถอนหายใจออกมาไม่ได้ การเป็นคนหนุ่มมันดีเช่นนี้นี่เองสินะ พักยกไม่เท่าไหร่ ก็สามารถขึ้นสังเวียนสวาทต่อได้เลยทันที
เฉียนเจินหายเข้าไปในห้องนอนนายน้อยเป็นเวลาเพียงชงน้ำชาหนึ่งถ้วย หญิงสาวก็กลับออกมาอีกครั้ง
หวังจงกับอากวงอดหันมองหน้ากันอีกครั้งไม่ได้
คราวนี้ หนึ่งมนุษย์หนึ่งหนูอสูรต่างก็คิดเป็นอย่างเดียวกันว่า นายน้อยช่างไม่อึดเอาเสียเลย ผ่านไปเพียงครู่เดียวเรือก็ล่มคาอ่าวน้อยเสียแล้ว
เรื่องนี้ทำให้หวังจงวิตกกังวลเป็นอย่างมาก
เห็นทีเขาคงต้องเปลี่ยนอาหารที่ทำให้นายน้อยรับประทานเสียแล้ว
ภายในห้องนอน
หลินเป่ยเฉินกำลังยิ้มแย้มออกมาอย่างมีความสุข
ฟังก์ชันการกระจายสัญญาณไวฟายของโทรศัพท์มีความพิเศษไม่ธรรมดาจริงๆ
เด็กหนุ่มคิดแผนใหม่สำหรับการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มชิงธงที่กำลังจะมาถึงได้แล้ว
ในเวลาเดียวกันนี้ เขาก็จำได้ว่าการอัปเดตระบบเครื่องโทรศัพท์ ยังมีรางวัลอีกอย่างคือการเพิ่มความสามารถแอปพลิเคชันในโทรศัพท์แบบสุ่มได้หนึ่งแอป
นี่คือรางวัลที่แตกต่างจากก่อนหน้านี้
เพราะทุกครั้งที่ผ่านมา มันจะเป็นการติดตั้งแอปแบบสุ่มต่างหาก
แต่บัดนี้ มันเป็นการเพิ่มความสามารถของแอปที่มีอยู่ในโทรศัพท์ของเขาอยู่แล้ว
“เสี่ยวจี้ เปิดรางวัลเพิ่มความสามารถแอปแบบสุ่มได้เลย”
หลินเป่ยเฉินออกคำสั่งอยู่ในใจ
“รับทราบเจ้าค่ะ นายท่าน” เสี่ยวจี้ปฏิบัติตามคำสั่งของเขาโดยเร็ว
แล้วก็วงล้อลุ้นโชคก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขาในรูปแบบภาพโฮโลแกรม
หลังจากนั้นไม่นาน…
“ติ๊ง! ท่านสามารถดาวน์โหลดเพลงใหม่ได้ในแอปพลิเคชัน NetEase Cloud Music Player กรุณาเข้าไปดาวน์โหลดเพลงด้วยตัวของท่านเอง!”
ข้อความแจ้งเตือนเด้งขึ้นมา
หืม?
ปรากฏว่าของรางวัลใหม่ที่เขาได้รับก็คือสิ่งนี้เองหรือ
เด็กหนุ่มเปิดเข้าไปในแอป NetEase Cloud Music Player
ในนั้นมีอยู่เพียงเพลงเดียวคือ ‘กระบี่ไร้เทียมทาน’ ซึ่งเป็นเพลงที่ติดอยู่กับตัวแอปมาตั้งแต่แรก
แต่บัดนี้ กลับมีเพลงใหม่ปรากฏขึ้นในรายชื่อคือเพลง ‘ยอดคนไร้เทียมทาน’
หลินเป่ยเฉินรู้จักเพลงนี้เป็นอย่างดี มันคือเพลงประกอบละครโทรทัศน์ชุดหวงเฟยหงนั่นเอง
“เผชิญหน้าหมื่นคลื่นไม่มีหวั่น ใจห้าวหาญร้อนแรงกว่าแสงตะวัน กระดูกแข็งแกร่งราวเหล็กกล้า หัวใจกว้างขวางกว่าหมื่นลี้ มุ่งมั่นปฏิญาณเป็นผู้กล้าไม่หลีกหนี หมื่นชลธีบรรจบพานพบเป็นยอดคนไร้เทียมทาน…”
เด็กหนุ่มฮัมเพลงออกมาโดยอัตโนมัติ
เพลงนี้ติดหูของประชาชนชาวจีนดีทุกคน มันได้รับการขนานนามให้เป็นหนึ่งในสี่เพลงอมตะของสถานีโทรทัศน์เคทีวีเอสประจำยุค 80
เขาต้องใช้พลังลมปราณประมาณ 1 GB ในการดาวน์โหลดเพลงนี้ลงโทรศัพท์
หลินเป่ยเฉินจำได้ว่าตอนที่ดาวน์โหลดเพลงกระบี่ไร้เทียมทาน ตนเองไม่ได้ใช้พลังลมปราณเยอะขนาดนี้
แต่แทนที่จะรู้สึกเหนื่อยล้า หลินเป่ยเฉินกลับรู้สึกคึกคักขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่า
เพราะจากข้อมูลและความเป็นจริงที่สัมผัสด้วยตนเองหลายครั้งก่อนหน้านี้ มันทำให้เด็กหนุ่มได้รู้ว่ายิ่งใช้อัตราการโอนถ่ายข้อมูลเยอะเท่าไหร่ แอปพลิเคชันหรือไฟล์ชิ้นนั้นก็จะต้องมีความพิเศษเหนือธรรมดามากเช่นกัน
นี่หมายความว่าบทเพลง ‘ยอดคนไร้เทียมทาน’ จะต้องมีอานุภาพรุนแรงมากกว่าเพลง ‘กระบี่ไร้เทียมทาน’ เป็นแน่แท้
เมื่อดาวน์โหลดเพลงลงเครื่องเรียบร้อย หลินเป่ยเฉินก็กดเล่นเพลงนั้นโดยทันที
เขาเลือกใช้โหมดหูฟัง เพราะต้องการได้ยินเพียงคนเดียว
…
ณ โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งในเมืองหยุนเมิ่ง
“ศิษย์คำนับอาจารย์”
เฉาพั่วเถียนเดินเข้ามาในห้องพักและคุกเข่าข้างหนึ่งแสดงความเคารพต่อผู้เป็นอาจารย์ด้วยความนอบน้อม
ไป๋ไห่ชินพยักหน้าเล็กน้อย พูดว่า “ยาที่เจ้ารับประทานไปเป็นอย่างไรบ้าง?”
เฉาพั่วเถียนตอบด้วยความตื่นเต้น “ยอดเยี่ยมมากเลยขอรับ บัดนี้ ศิษย์มีพลังอยู่ในขั้นปรมาจารย์ระดับที่ 4 แล้ว พละกำลังยังเพิ่มพูนมากขึ้น สามารถต่อยหมัดได้โดยมีน้ำหนักถึง 8,000 ชั่งแล้วขอรับ!”
ไป๋ไห่ชินผงกศีรษะด้วยความพอใจ “ดีมาก อาจารย์ไม่ผิดหวังในตัวเจ้าเลยจริงๆ เดี๋ยวเรื่องคัดเลือกสมาชิกเข้าร่วมกลุ่มอาจารย์จะจัดการให้ เพราะว่าเจ้ามีเรื่องอื่นต้องไปทำ”
อาจารย์จะหาสมาชิกกลุ่มให้เขาอย่างนั้นหรือ?
เฉาพั่วเถียนเบิกตาโตด้วยความดีใจ
ในเมื่ออาจารย์เป็นคนดูแลด้วยตนเอง ทุกอย่างก็คงไม่มีปัญหาแล้ว
“อาจารย์จะให้ศิษย์ไปทำอะไรหรือขอรับ โปรดบอกมาได้เลย” เด็กหนุ่มผมทองพูด
ไป๋ไห่ชินกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “สมาชิกกลุ่มที่อาจารย์เลือกให้เจ้าประกอบไปด้วยหลินอี้ ตงฟางจัน มู่อวี่ซุน เจิ้งโจว พวกมันล้วนเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด และเป็นผู้ติดตามที่ดีของเจ้าแน่นอน ส่วนงานที่เจ้าต้องทำก็คือไปคิดหาวิธีเตือนผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ ไม่ให้เข้าร่วมกลุ่มของหลินเป่ยเฉินเด็ดขาด”
เฉาพั่วเถียนพูดว่า “ทำอย่างนั้นจะไม่ผิดกฎหรือขอรับ?”
ไป๋ไห่ชินหัวเราะในลำคอ “เจ้าทำในฐานะผู้เข้าแข่งขัน ย่อมไม่ละเมิดกฎอยู่แล้ว เรื่องนี้ไม่ถือว่าอาจารย์ยื่นมือเข้าไปแทรกแซงสักหน่อย”
เฉาพั่วเถียนก้มหน้ารับคำสั่ง “ได้เลยขอรับ ศิษย์เข้าใจแล้ว ศิษย์จะบังคับให้หลินเป่ยเฉินมีตัวเลือกเพียงเศษเดนที่ไม่มีใครเอาเท่านั้น เมื่อเวลาของการแข่งขันมาถึง ต่อให้เขาอยากร้องไห้ก็สายเกินไปแล้ว”
หลังจากหยุดเล็กน้อย เด็กหนุ่มก็กล่าวต่อ “อาจารย์ขอรับ แต่ปัญหาก็คือหลิงเฉินบุตรสาวของท่านผู้ว่าการหลิงคงไม่ยอมร่วมมือกับข้าโดยง่าย นางต้องเข้าร่วมกลุ่มกับหลินเป่ยเฉินแน่นอน เราจะจัดการอย่างไรดี?”
ไป๋ไห่ชินพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง อาจารย์ได้ข่าวมาจากจวนผู้ว่าแล้วว่าหลิงเฉินถอนตัวไปจากการแข่งขันครั้งนี้แล้ว นางไม่ได้มีสถานะเป็นหนึ่งในผู้เข้าแข่งขันอีกต่อไป”
“ว่าไงนะขอรับ? นางถอนตัวออกไปแล้วหรือ?”
เฉาพั่วเถียนอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ เขาลุกขึ้นยืนและถามว่า “หรือว่าทางเมืองไป๋หยุนของเรากดดันมาที่ท่านผู้ว่าหลิง? ศิษย์ได้ยินมาว่าศิษย์พี่เว่ยก็กำลังจะออกเดินทางมาแล้วเช่นกัน”
ไป๋ไห่ชินผงกศีรษะ “มีความเป็นไปได้”
หลังจากรับคำสั่งทุกอย่างเรียบร้อย เฉาพั่วเถียนก็ประสานมือคำนับผู้เป็นอาจารย์อีกครั้ง และหมุนตัวเดินออกไปจากห้องพัก
ภายในห้องกลับมาเงียบสงบ
“เรื่องนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?”
พลัน ไป๋ไห่ชินหันมาสอบถามกับอากาศธาตุข้างกาย
แล้วหมอกควันสีดำจำนวนหนึ่งก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นอย่างแช่มช้า มันเป็นหมอกควันที่ไม่มีรูปทรง แต่กลับมีเสียงพูดตอบมาว่า “เรียบร้อยดีแล้ว”
ไป๋ไห่ชินถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“ถ้าอย่างนั้นแผนที่เราวางเอาไว้ก็ราบรื่น หึหึ ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าครั้งนี้มันจะเอาตัวรอดอย่างไรได้อีก หลังจากที่ข้าต้องเก็บงำความแค้นมาหลายปี นี่ก็คือเวลาเหมาะสมสำหรับการถอนรากถอนโคนแล้ว ในอนาคต พวกเราก็จะไม่มีตัวปัญหาคอยขวางทางอีกต่อไป”
ไป๋ไห่ชินยิ้มแย้มอยู่ภายใต้เงาสลัวภายในห้อง ส่งผลให้ใบหน้าของเขาดูชั่วร้ายเป็นอย่างยิ่ง