บทที่ 265 อย่ามายั่วกันจะได้ไหม

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

บทที่ 265 อย่ามายั่วกันจะได้ไหม

แข็งแกร่งอะไรขนาดนี้

หลินเป่ยเฉินได้แต่อุทานอยู่ในใจ

เดิมทีอากวงเป็นราชันย์หนูอสูรธรรมดา แต่ว่ามันรับประทานหญ้าดาราน้อยจากดินแดนทวยเทพเข้าไป เจ้าหนูก็เกิดการกลายพันธุ์ พละกำลังในร่างกายเพิ่มมากขึ้น โดยที่มีแรงหมัดสูงถึง 3,000 ชั่ง แต่น้ำหนักหมัดเมื่อสักครู่นี้ หลินเป่ยเฉินประเมินได้ว่าไม่ต่ำกว่า 6,000 ชั่งแน่นอน

พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ เมื่อเชื่อมต่อสัญญาณไวฟายกับโทรศัพท์ของเขาแล้ว เจ้าหนูก็มีพลังมากขึ้นถึง 2 เท่า

นี่สินะความสามารถของฟังก์ชันกระจายสัญญาณไวฟาย?

บนโลกมนุษย์ เราสามารถกระจายสัญญาณไวฟายให้กับทุกคนได้ตามต้องการ แต่ในโลกจอมยุทธ์แห่งนี้ การส่งสัญญาณไวฟายมีค่าเท่ากับการกระจายพลังให้ผู้อื่นอย่างนั้นหรือ?

นี่แตกต่างจากสิ่งที่เขาคิดเอาไว้เยอะทีเดียว

แต่อย่างน้อยมันก็น่าจะมีประโยชน์บ้างล่ะน่า

“จี๊ด!” อากวงยกมือขึ้นมาดูกำปั้นของตนเองด้วยความไม่อยากเชื่อ ดวงตาของมันเผยให้เห็นความตื่นเต้นเกินบรรยาย

หลินเป่ยเฉินเข้าใจความรู้สึกของเจ้าหนูดี

ทุกครั้งที่เลื่อนระดับพลังได้สำเร็จ หลินเป่ยเฉินก็มีความรู้สึกเช่นนี้ เขาจะรู้สึกว่าตนเองเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี และไม่มีผู้ใดจะสามารถเทียบเคียงเขาได้เลย

“นายน้อย เกิดอะไรขึ้นหรือขอรับ?”

เสียงที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวลของหวังจงดังขึ้นหน้าประตู

เห็นได้ชัดว่าพ่อบ้านชราได้ยินเสียงโครมครามดังออกไปจากห้องนอน

หลินเป่ยเฉินตอบกลับไปว่า “ไสหัวไปซะ”

“ขอรับ”

หวังจงรีบถอยออกมาทันที

หลินเป่ยเฉินหันไปพูดกับเจ้าหนูอากวงว่า “เข้ามาต่อยข้าอีก”

อากวงปฏิบัติตามคำสั่ง วิ่งเข้ามาต่อยเด็กหนุ่มอีก 6 หมัดซ้อน

คราวนี้ หลินเป่ยเฉินระวังตัวอยู่ก่อนแล้ว เขาสามารถรับการโจมตีของราชันย์หนูอสูรได้เป็นอย่างดี ข้าวของเครื่องใช้ที่อยู่ภายในห้องนอน จึงขยับเขยื้อนไปไม่มากเท่าครั้งที่แล้ว

“แต่ละหมัดมีน้ำหนักหกพันชั่งจริงๆ ด้วย” หลินเป่ยเฉินคำนวณน้ำหนักอยู่ในใจ

ในเวลาเดียวกันนี้ เขาก็พอจะเดาได้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร

เพราะในขณะที่แบ่งปันพลังให้แก่เจ้าหนูอากวง ร่างกายของเขาก็เกิดความรู้สึกเหมือนกำลังยกกระถางน้ำหนัก 500 ชั่ง แต่นอกจากเรื่องเรี่ยวแรงของร่างกายแล้ว หลินเป่ยเฉินกลับไม่รู้สึกว่าพลังลมปราณในร่างกายจะลดหายลงไปแต่อย่างใด

หรืออาจจะเป็นเพราะว่าอากวงเป็นหนูอสูร ไม่ใช่มนุษย์ มันจึงไม่สามารถแบ่งปันพลังลมปราณจากเขาได้?

หรือว่าความสามารถของการกระจายสัญญาณไวฟายในขณะนี้ ทำได้เพียงแบ่งปันพลังความแข็งแรงของร่างกาย ไม่สามารถแบ่งปันพลังลมปราณ?

หลินเป่ยเฉินตัดสัญญาณการเชื่อมต่อไวฟายลงอย่างกะทันหัน

อากวงชะงักไปทันที

“จี๊ด?”

มันเงยหน้าขึ้นมามองหลินเป่ยเฉินด้วยแววตาแห่งความสงสัย

“ทีนี้เจ้ารู้ตัวแล้วใช่ไหมว่าตนเองโชคดีมากแค่ไหน ที่ได้มาเป็นสัตว์เลี้ยงของข้า?”

หลินเป่ยเฉินอาศัยโอกาสนี้ลำเลิกบุญคุณ และกล่าวต่อ “นับตั้งแต่ที่เจ้ามาเป็นสัตว์เลี้ยงของข้า เจ้าก็มีอาหารอร่อยๆ รับประทานทุกมื้อ มีสาวงามคอยดูแลอยู่ข้างกาย สอนเจ้าเรียนอ่านเขียนหนังสือ มิหนำซ้ำ เจ้ายังได้รับประทานหญ้าดาราน้อย เพิ่มพูนความสามารถที่ไม่เคยทำได้มาก่อน ดูตัวเจ้าเองในตอนนี้สิ เจ้าไม่เหมือนหนูอสูรหางกุดอีกแล้ว เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลว่าจะถูกพวกนักล่าอสูรจับตัวไปเมื่อไหร่ รู้ไหมว่าเจ้ามีชีวิตที่ดีกว่าเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ในหุบเขาชายแดนเหนือมากมายแค่ไหน? ในชีวิตนี้ เจ้าเคยนึกไหมว่าตนเองจะมีวาสนาสูงส่งถึงเพียงนี้?”

อากวงปรับมาอยู่ในโหมดสำนึกบุญคุณได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน มันคุกเข่าลงบนพื้นห้อง แสดงความเคารพเขาด้วยความอ่อนน้อม

หลินเป่ยเฉินพูดต่อไม่หยุด “เจ้าคงรู้สึกแล้วสินะ เมื่อสักครู่นี้ ข้าแบ่งปันพลังในตัวให้กับเจ้า ตราบใดที่เจ้าซื่อสัตย์ต่อข้า ข้าก็จะแบ่งปันพลังเช่นนี้ให้แก่เจ้าอีก”

อากวงลุกขึ้นยืนสองขา หยิบกระดานชนวนมาเขียนข้อความว่า

“นายท่านคือคนเดียวที่ข้าน้อยจะจงรักภักดีไปตลอดชีวิต”

หลินเป่ยเฉินเกือบจะหลุดหัวเราะออกมา

แต่เขาต้องพยายามรักษาสีหน้าเคร่งขรึมและกล่าวว่า “ที่สำคัญก็คือ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ข้าทำกับเจ้าเป็นเหมือนเพื่อน เป็นเหมือนพี่น้อง ไม่ได้ทำเหมือนว่าเจ้าเป็นทาสรับใช้ เจ้าจงจำเรื่องนี้ไว้ให้ดี”

อากวงพยักหน้าน้ำตาไหลพราก

พูดตามตรง หลังจากที่อดีตราชันย์หนูอสูรย้ายเข้ามาใช้ชีวิตอยู่ในเมือง อากวงก็รู้สึกผูกพันกับพวกของหลินเป่ยเฉินอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“เอาล่ะ เจ้าออกไปได้แล้ว บอกให้เฉียนเหมยเข้ามาในห้องข้าด้วย”

หลินเป่ยเฉินออกคำสั่ง

อากวงเบิกตาโตด้วยความประหลาดใจ

นายน้อยจะให้ตามตัวหนึ่งในหญิงรับใช้เข้ามาในเวลานี้เนี่ยนะ?

นายน้อยคงรู้แล้วสินะว่าพวกนางสามารถทำประโยชน์อันใดได้บ้าง?

สงสัยนายน้อยคงอยากขึ้นเตียงกับนางเป็นแน่แท้

เจ้าหนูอากวงหัวเราะคิกคักพลางหนีบกระดานชนวนวิ่งออกไปจากห้อง

ผ่านไปเกือบ 1 เค่อ

เฉียนเหมยก็ยังไม่ได้เข้ามา

หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วหน้ายุ่ง

ทำไมถึงได้ช้าอย่างนี้นะ?

ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

“นายท่านเจ้าคะ ข้าเข้าไปได้หรือยัง?”

น้ำเสียงที่บอกชัดถึงความเขินอายดังขึ้นหน้าประตูห้องนอน

“เข้ามาได้”

เฉียนเหมยเปิดประตูเข้ามาด้านใน

หลินเป่ยเฉินเงยหน้ามองโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วเขาก็เกือบจะสำลักเครื่องดื่มออกมาทั้งหมด

ทำไมนางถึงได้แต่งตัวแบบนี้เนี่ย?

เฉียนเหมยแต่งกายด้วยชุดผ้าคลุมอาบน้ำสีขาวบางเบา เปิดไหล่ของเนียนช่วงล่างอวดเรียวขาขาวสวย เท้าของนางเปลือยเปล่า เส้นผมเปียกชุ่มเหมือนคนที่เพิ่งขึ้นมาจากอ่างอาบน้ำ บนใบหน้าตกแต่งเครื่องสำอางเล็กน้อย ดูสวยงามและทรงเสน่ห์

“เฉียนเหมย เจ้าทำอะไรเนี่ย…”

“นายท่านอยากจะทำอะไรก็ทำเถิดเจ้าค่ะ ข้ายินดีให้ความร่วมมือทุกอย่าง…” เฉียนเหมยพูดด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ ยิ่งเสริมสร้างให้มีเสน่ห์เย้ายวนใจ

ให้ตายสิ

หลินเป่ยเฉินลุกขึ้นยืนทันที

นี่นางเข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว

เขาแค่อยากจะเรียกเฉียนเหมยเข้ามาทดสอบการเชื่อมต่อสัญญาณไวฟายเท่านั้น ไม่ได้อยากจะทดสอบกระบวนท่าเริงร่าสวาทสักหน่อย แล้วทำไมถึงต้องเตรียมตัวพร้อมสำหรับการขึ้นเตียงถึงขนาดนี้ด้วย?

หลินเป่ยเฉินรู้สึกร้อนวูบวาบบริเวณช่วงล่างอย่างห้ามไม่ได้

เขาก็เป็นบุรุษเหมือนกัน ถ้ามาเสนอตัวถึงที่ขนาดนี้ แล้วจะทำอย่างไรได้อีก?

ไม่มีทาง

หลินเป่ยเฉินยังมีหญิงสาวที่แอบชอบให้กลับไปหาบนโลกมนุษย์

เขาจะปล่อยตัวปล่อยใจไม่ได้

ถ้าเกิดมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับใครสักคนในโลกจอมยุทธ์แห่งนี้ ต่อให้หาหนทางกลับสู่โลกมนุษย์ได้จริงๆ ถึงตอนนั้นก็คงทำใจกลับไปลำบากแล้ว

“เฉียนเหมย เจ้ากำลังเข้าใจผิด กลับไปสวมใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วค่อยเข้ามา ข้ามีบางอย่างจะบอกเจ้า”

หลินเป่ยเฉินบังคับมารร้ายในจิตใจให้กลับไปอยู่ในที่เดิม ก่อนจะทรุดกายนั่งลงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“หืม?”

เฉียนเหมยส่งเสียงอุทานในลำคอด้วยความไม่อยากเชื่อ เด็กหนุ่มรู้สึกได้ถึงความผิดหวังเล็กน้อยในน้ำเสียงของนาง ก่อนที่หญิงรับใช้จะเดินหน้าบึ้งออกไปจากห้องนอนของเขา

ผ่านไปไม่นานนัก

เฉียนเหมยก็แต่งกายเรียบร้อยมาเคาะประตูห้องนอนเขาอีกครั้ง

หลินเป่ยเฉินไม่เสียเวลาพูดคุยเรื่อยเปื่อยให้นางเข้าใจผิดอีก เขารีบกดเชื่อมต่อสัญญาณไวฟายจากโทรศัพท์โดยทันที

“อ๊า…”

พลัน เฉียนเหมยส่งเสียงครวญครางออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว

ใบหน้าที่สวยงามของนางเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ ซึ่งไหลย้อยลงไปตามข้างแก้ม และหยดลงไปบนช่วงไหล่ขาวเนียน

ในเวลาเดียวกันนี้ เจ้าหนูอากวงกับพ่อบ้านหวังจงกำลังนั่งฟังทุกอย่างอยู่หน้าประตูห้องนอน พวกเขาหันมองหน้ากันด้วยความตื่นเต้น

เริ่มขึ้นแล้ว

นายน้อยเปิดศึกแล้ว

ที่แท้นายน้อยก็ชอบเริงสวาทในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งสวมใส่เสื้อผ้าสินะ?

ห่างออกไปไม่ไกล เฉียนเจินกำลังยืนหน้างอด้วยความไม่สบอารมณ์

ทำไมนายน้อยไว้ถึงไม่เลือกนาง?

ตัดภาพกลับไปด้านในห้องนอน

ขณะนี้ พลังลมปราณจำนวน 1 GB ได้ไหลออกไปจากตัวของหลินเป่ยเฉินโดยที่เขาไม่ต้องร้องบอก ดูเหมือนว่าโทรศัพท์จะคำนวณให้เขาเองว่าควรจะแบ่งปันพลังลมปราณในระดับไหนถึงจะเหมาะสมมากที่สุด

จังหวะนี้ เด็กหนุ่มรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเฉียนเหมย

นางมีพลังอยู่ในขั้นปรมาจารย์ระดับ 1 แล้วหรือ?

ก่อนหน้านี้ หญิงรับใช้มีพลังยุทธ์ค่อนข้างต่ำต้อย แต่เพราะเชื่อมต่อสัญญาณไวฟายจากโทรศัพท์ เฉียนเหมยจึงกลายเป็นผู้ที่มีพลังยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ระดับหนึ่งในพริบตาเดียว

นี่คือราคาที่เขาจ่ายไปด้วยพลังลมปราณ 1 GB นั่นใช่ไหม?

แล้วนางจะมีพละกำลังเพิ่มขึ้นด้วยหรือเปล่านะ?

หลินเป่ยเฉินใช้สายตาสำรวจมองเรือนร่างของเฉียนเหมยด้วยความสนอกสนใจ แต่เขาก็ไม่พบสิ่งใดผิดปกติ นอกจากรู้สึกได้ว่าชีพจรของนางเต้นเร็วมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า

“ตบข้าสิ” หลินเป่ยเฉินออกคำสั่ง

“หืม?”

เฉียนเหมยที่กำลังตกตะลึงกับความเปลี่ยนแปลงในร่างกายตนเอง ต้องเกิดความตื่นตระหนกซ้ำสองเมื่อได้ยินคำสั่งของหลินเป่ยเฉิน

ปรากฏว่านายน้อยของนางชื่นชอบการถูกทำร้ายร่างกายนี่เอง

ในอดีต ตอนที่เฉียนเหมยฝึกงานอยู่ในหอนางโลม อาจารย์ของนางได้พร่ำสอนเอาไว้แล้วว่า โลกนี้มีบุรุษมากมายที่ชื่นชอบเรื่องราวแปลกประหลาดพิสดาร บางคนก็ขอร้องให้พวกนางใช้แส้ฟาดตนเอง หรือมิเช่นนั้น ก็หาความสุขด้วยอุปกรณ์ทรมานชนิดอื่นๆ

แต่เฉียนเหมยคิดไม่ถึงเลยว่านายน้อยจะเป็นคนเช่นนั้นด้วย

มิน่าเล่า เขาถึงไม่ชอบนางตอนที่อยู่ในสภาพกึ่งเปลือยก่อนหน้านี้