บทที่ 495 อากาศหนาว
บทที่ 495 อากาศหนาว
ตอนนี้นายน้อยชุ่ยเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้ว
คนอย่างเขาไม่โง่จนถูกหลอกหรอก!
“แก! แกโกงฉัน…แกทำได้ยังไง?!”
เขาเดินไปข้างหน้าด้วยท่าทางไม่เชื่อ ขณะดวงตาแดงก่ำ
“คืนเงินฉันมา! คืนหุ้นฉันมา! คืนมาให้หมด!”
เขาเอื้อมมือไปกระชากคอเสื้อชายหนุ่มตรงหน้าอย่างแรง
แต่ตอนนี้หลี่จิงเทียนที่อยู่ข้าง ๆ กระโจนเข้าไปขวางเอาไว้
“แกจะทำอะไร? แกมีสิทธิอะไรมาแตะต้องพี่เขยฉัน?”
เขาปัดมือของอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเย้ยหยัน นายน้องชุ่ยตกตะลึง เขาไม่คิดว่าไอ้ขี้แพ้ก่อนหน้านี้จะกล้าเหิมเกริม!
“หลบไปซะ!”
เขาตวาดด้วยความโกรธจัด หลี่จิงเทียนรังเกียจคนประเภทนี้อย่างมาก
“เสียงหมาเห่าดังขนาดนี้เลยเหรอ หมาก็คือหมา ทำได้แต่เห่า ไม่กล้ากัดใครหรอกใช่ไหม?”
“แก!”
นายน้อยชุ่ยระเบิดอารมณ์ทันที!
ตอนนั้นเอง เขารู้สึกว่าชายตรงหน้าน่ารำคาญอย่างมาก!
“เป็นอะไรไป? ขี้แพ้ชวนตีเหรอ?”
หลี่จิงเทียนพูดด้วยท่าทีหยิ่งผยอง
วันนี้ไม่เหมือนกับวันอื่น ๆ เพราะเขามีคนคอยให้ท้ายแล้วยังไงล่ะ!
เมื่อเห็นอย่างนั้นอวี้ฮ่าวหรานก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูเหมือนว่าทายาทเศรษฐีคนนี้จะเปลี่ยนนิสัยโอ้อวดไม่ได้จริง ๆ
ยิ่งพูดอย่างนั้นก็ยิ่งทำให้คนอื่นเกลียดเขามากกว่าเดิม
“พอแล้ว ฉันกลับก่อนนะ”
เมื่อเห็นว่าปัญหาทุกอย่างถูกแก้ไขแล้ว เขาจึงหันหลังแล้วเดินออกไปจากห้อง
“ใครปล่อยแกไป! คืนหุ้นกับเงินฉันมาเดี๋ยวนี้!”
นายน้อยชุ่ยรู้สึกกังวลอย่ามากเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังจะจากไป เพราะนั่นคือสมบัติทั้งหมดที่เขามี!
ถ้ายอมให้อีกฝ่ายง่าย ๆ เขาจะไม่โดยชุ่ยเจิ้งไห่พ่อของเขาทุบตีจนตายเหรอ?!
ขณะเดียวกัน คนหนุ่มสาวในห้องก็เดินมาสมทบนายน้อยชุ่ยด้วยสีหน้ามืดมน!
ฉากนี้ทำให้หลี่จิงเทียนถอยหลังไปสองสามก้าว
“พวก…พวกนายต้องการอะไร?”
ตอนนั้นเอง เขาแสดงท่าทางขี้ขลาดออก
แต่อวี้ฮ่าวหรานไม่สนใจพวกเขาเลย
“ฮ่า ๆ ก็แค่พวกมดแมลง!”
หลังจากเยาะเย้ย เขาก็ยกเท้าขึ้นถีบโต๊ะเกมในห้องจนล้มลง
“ตึง!”
สิ้นเสียงดังสนั่น ควันและฝุ่นลอยคลุ้งในอากาศ! คนหนุ่มสาวหลายคนตกใจจนสะดุ้งโหยง
หลังจากได้สติ พวกเขาก็ตกใจสุดขีดเพราะโต๊ะทุกตัวในห้องพังหมดแล้ว!
ตอนนี้นายน้อยชุ่ยรู้แล้วว่าทำไมพ่อเขาถึงผู้ชายคนนี้นักหนา
แม้ชายหนุ่มตรงหน้าจะมีอายุใกล้เคียงกับเขา แต่อีกฝ่ายแข็งแกร่งและฉลาดกว่ามาก
องี้ฮ่าวหรานเห็นว่าไม่มีใครกล้าเข้ามาขวางแล้ว เขาจึงหันหลังกลับแล้วเดินออกประตูไป
นอกไนต์คลับ เวลาห้าทุ่ม ลมเย็นพัดโชยมาเป็นระยะ
“ฮ่า ๆ พี่เขย คืนนี้เราชนะพวกมันขาดลอยเลยล่ะ!”
หลี่จิงเทียนยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
หลังจากทำตัวเกเร ตอนนี้เขากลับเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและมีความสุขอย่างมาก
อวี้ฮ่าวหรานเหลือบมองอีกฝ่าย เขายังคงขยะแขยงผู้ชายคนนี้อยู่ดี
“เอาล่ะ นายจะไม่มาที่นี่อีกถ้าฉันไม่อนุญาต แล้วก็อย่าคบหากับคนพวกนั้นอีก”
เขาสั่งด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ
คำพูดนั้นทำให้หลี่จิงเทียนมีสีหน้าขมขื่น
“หา? พี่เขย ผม…”
เขาลังเลครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขากลัวพี่เขยคนนี้มากจนไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งแล้ว
โชคดีที่อีกฝ่ายห้ามเขาแค่เดือนเดียวเท่านั้น
อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้พูดอะไรมาก เขาหันหลังกลับแล้วขึ้นไปบนรถสปอร์ต แน่นอนว่าเขามีเหตุผลที่ต้องห้ามอีกฝ่าย
เขาจินตนาการได้เลยว่าในอนาคตคนหนุ่มสาวเหล่านั้นจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อกำจัดน้องชายของภรรยาเขาแน่นอน…
เขาจะต้องปกป้องอีกฝ่าย
อย่างไรก็ตามเขายังคงถือกุญแจรถอีกอันหนึ่งไว้ในมือ นี่คงเป็นของลูกเศรษฐีสินะ
หลังจากสตาร์ตรถสปอร์ตแล้ว อวี้ฮ่าวหรานก็ขับรถออกจากไนท์คลับมุ่งหน้ากลับบ้านอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว หลี่หรงยังคงรอเขาอยู่
เธอห่มผ้าห่มแล้วนอนขดตัวอยู่บนโซฟา ขณะดูทีวีอย่างตั้งใจ
อากาศเริ่มเย็นลงเล็กน้อย
ข้างในบ้านมีเครื่องปรับอากาศหลายตัว แต่เพราะเธอต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายจึงไม่ค่อยได้เปิดใช้งาน
เมื่อเห็นอย่างนั้น อวี้ฮ่าวหรานก็อดกัดริมฝีปากไม่ได้
“ต่อให้เปิดแอร์ เธอก็ต้องปรับอุณหภูมิให้เพิ่มขึ้นให้ประหยัดไฟอยู่ดี”
หลี่หรงหันศีรษะไปมองข้างหลังเมื่อได้ยิน ก่อนพบว่าพี่เขยกลับมาแล้ว
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม?”
เธอถามอย่างรวดเร็ว
“ฮ่า ๆ ไม่ต้องห่วง ฉันทั้งช่วยให้หลี่จิงเทียนชนะพนัน ทั้งปอกลอกลูกเศรษฐีพวกนั้นจนเข็ดหลาบเลยล่ะ”
อวี้ฮ่าวหรานนั่งลงข้างเธอพร้อมหัวเราะเบา ๆ
หลี่หรงขมวดคิ้วเมื่อได้ยินอย่างนั้น ดูเหมือนว่าเธอกำลังสงสัยอะไรบางอย่าง
“พี่เขยเล่นพนันด้วยเหรอ?”
เธอรู้สึกว่าพี่เขยเก่งรอบด้านและมีไหวพริบอย่างมาก!
“อืม แค่ใช่เทคนิคบางอย่างน่ะ”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้า จากนั้นหยิบริโมตคอนโทรลเครื่องปรับอากาศบนโต๊ะแล้วเปิดใช้งานที่ยี่สิบห้าองศาเซลเซียส
ข้างนอกบ้านมีอุณหภูมิแค่สิบองศาเท่านั้น และตอนนี้ก็เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว
“เฮ้อ…! เข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ทำไมพี่ถึงยังเปิดแอร์อีก เปลืองไฟจริง ๆ”
หลี่หรงอดตำหนิอีกฝ่ายไม่ได้
ถึงเธอจะนอนขดอยู่บนโซฟา แต่นี่เพิ่งเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้น
อวี้ฮ่าวหรานยิ้มมุมปากเล็กน้อย เขาไม่ได้ใส่ใจคำตำหนิของอีกฝ่ายสักเท่าไหร่
“เธอไม่ต้องประหยัดต่อไปแล้วล่ะ”
ด้วยสถานะทางการเงินในปัจจุบันของเขา อย่าว่าแต่เปิดเครื่องปรับอากาศตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย เขามีเงินเพียงพอสำหรับจ่ายค่าไฟให้คนทั้งเมืองด้วยซ้ำ…
“รายได้ของพี่สามารถจ่ายค่าไฟในบ้านของเราไปอีกหลายร้อยปีเลยล่ะ”
หลี่หรงตกตะลึงเมื่อได้ยินอย่างนั้น แต่ในที่สุดก็นึกขึ้นได้ว่าพี่เขยเป็นผู้บริหารคนปัจจุบันของเครือฮ่าวหราน เธอจึงไม่จำเป็นต้องประหยัดค่าใช้จ่าย
“จริงด้วย…”
หลังจากตอบอีกฝ่าย เธอก็กัดริมฝีปากเบา ๆ
อวี้ฮ่าวหรานอดหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นภาพนั้น
“ฮ่า ๆ ถ้ามันทำให้การใช้ชีวิตสะดวกสบายขึ้น เธอก็อย่าคิดมากเลย”
หลังจากกลับมาที่โลกมนุษย์ ชายหนุ่มก็อยากกอบโกยเงินได้มากที่สุดจนทนแทบทนไม่ไหวแล้ว แต่ในทางกลับกันเขาก็เป็นห่วงคุณภาพชีวิตคนในครอบครัวอย่างมาก
“อืม…”
หลังจากตกตะลึงอยู่พักใหญ่ หลี่หรงจึงพยักหน้า
ทันใดนั้นเธอก็มีสีหน้ามีความสุขราวกับนึกเรื่องบางอย่างได้ ดวงตาคู่งามเปล่งประกายวาววับทันที
“พี่เขย วันนี้ฉันนอนดึกได้! เพราะว่าฉันเคลียร์งานที่บริษัทเสร็จเรียบร้อยหมดแล้วยังไงล่ะ”
“หือ? เร็วขนาดนี้เลยเหรอ?”
“แน่นอน ฉันทำตามที่พี่เขยแนะนำทุกอย่าง เมื่อวันก่อนฉันเพิ่งแต่งตั้งผู้จัดการทั่วไปและรองผู้จัดการทั่วไป และตอนนี้ภาระที่ฉันต้องแบกรับก็เลยน้อยลงไปด้วย”
หลี่หรงพูดอย่างภาคภูมิใจ เธอรู้สึกว่าอุณหภูมิในบ้านสูงขึ้นแล้วจึงพับผ้าห่มไว้ข้าง ๆ
“เธอไม่ได้พักนานแล้วนี่”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้า ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายต้องตื่นแต่เช้าไปทำงานทุกวัน และจมอยู่กับกองเอกสารจนถึงเวลาห้าหรือหกโมงเย็น ซึ่งบางครั้งเธอก็ต้องทำงานล่วงเวลาจนถึงเวลาสามหรือสี่ทุ่ม
เมื่อกลับถึงบ้าน เธอก็ต้องทำงานต่อ
ทำไมเธอถึงทุ่มเทกับตำแหน่งประธานบริษัทขนาดนั้นกันนะ?