บทที่ 497 ออกเดินทาง
บทที่ 497 ออกเดินทาง
“น่าสนใจ”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าเบา ๆ
เมื่อได้ยินอย่างนั้น หวังเหยียนก็รู้สึกทึ่งกับชายตรงหน้าอย่างมาก
ในสายตาอีกฝ่าย เด็กชายผู้แข็งแกร่งและเย่อหยิ่งน่าสนใจงั้นเหรอ?
บรรลุขอบเขตพลังภายในขั้นสูงสุดในตอนอายุสิบสองปีน่าสนใจ?
คนมากมายฝึกตนตลอดหลายสิบปี แต่ก็ยังไม่แข็งแกร่งเท่าเด็กคนนั้น!
ตอนนี้ผ่านมาสี่ห้าปีแล้ว เด็กคนนั้นจะบรรลุขอบเขตไหนแล้วล่ะ?
และคนที่สามารถสอนลูกศิษย์ที่ประสบความสำเร็จอย่างนี้จะเก่งกาจขนาดไหนนะ?
หวังเหยียนอดประหลาดใจไม่ได้หลังจากคิดอย่างนั้น
นี่มันเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งที่โผล่พ้นน้ำเท่านั้น
“อีกอย่างคนที่เขาส่งมาฆ่าพวกเราล้วนบรรลุขอบเขตพลังภายในทุกคน แถมยังถูกฝึกมาอย่างดี ถึงผมจะบรรลุขอบเขตพลังภายในขั้นสูงสุดแล้ว แต่ก็กลัวว่าจะแพ้พวกมันอยู่ดี”
หวังเหยียนครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนพูดต่อ
เขามั่นใจในตัวชายตรงหน้าอย่างมาก ไม่ว่าจะเจอศัตรูประเภทไหน เขาก็ไม่เคยหวั่นไหวแม้แต่น้อย และมักทำเหมือนคู่ต่อสู้อยู่คนละระดับกับเขาเสมอ
“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าพลางลุกยืนขึ้นแล้วเดินจากไป
ก่อนออกจากห้อง เขากำชับหวังเหยียนโดยไม่หันกลับไปมองอีกฝ่ายว่า “เราจะเดินทางไปที่นั่นในอีกสองวัน แล้วอย่าลืมบอกโจวเฟยหู่ให้เลือกลูกน้องที่ไว้ใจได้ติดตามนายไปด้วยล่ะ”
เขาเดินออกไปจากห้องทันทีที่พูดจบ
หวังเหยียนพยักหน้าอย่างรวดเร็ว เขาจะจัดการเรื่องทุกอย่างให้ดีที่สุด โดยที่อีกฝ่ายไม่ต้องออกแรงเลย
ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง
“ฮ่า ๆ น่าสนใจดีนี่ อะไรทำให้แกคิดว่าตัวเองสู้กับไอ้อวี้ฮ่าวหรานได้?”
ณ วิลล่าใกล้ทะเลสาบ ชุ่ยเจิ้งไห่นั่งบนโซฟาขณะมองลูกชายด้วยสายตาดูถูก
“ผม…ผม…”
นายน้อยชุ่ยลังเล เมื่อคืนนี้เขาแพ้อวี้ฮ่าวหรานราบคาบ แถมยังแพ้พนันจนเงิน รถยนต์ หรือแม้แต่หุ้นของบริษัทเล็ก ๆ สองแห่ง
เขาเดินเตร่อยู่ข้างนอกทั้งคืนกว่าจะกล้ากลับมาที่บ้าน
“มันเก่งไหม?”
ชุ่ยเจิ้งไห่ถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“เก่งจนเราคาดไม่ถึงเลยครับพ่อ! ตอนแรกพวกเราตั้งใจจะเล่นงานมัน แต่พอเวลาผ่านไปพวกเราก็หมกมุ่นที่จะเอาชนะมันจนทุ่มของทั้งหมดที่มีลงเป็นเดิมพัน”
นายน้อยชุ่ยรีบตอบอย่างรวดเร็ว เขาอดรู้สึกเจ็บปวดไม่ได้เมื่อนึกย้อนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้
“ในที่สุดพวกเราก็หมดตัว แต่พวกเราก็ยังอยากได้เงินที่เสียไปคืนมาบ้าง”
สิ่งนี้ทำให้เขาหวาดกลัวอย่างมาก แต่โชคดีที่รู้ตัวทันเวลา ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องสูญเสียสิ่งที่มีไปมากกว่านี้
“ฮึ ไอ้สมองกลวงเอ๊ย”
หลี่เจิ้งไห่ดับบุหรี่ในมือก่อนแค่นเสียงเย็นชา ขณะที่คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
“มันฉลาดมาก แม้แต่ฉันยังหาทางจัดการกับมันไม่ได้ แล้วแกเก่งมาจากไหนถึงคิดว่าตัวเองสู้มันได้? สุดท้ายก็ถูกมันเล่นงานจนไม่เหลืออะไร”
“พ่อ…ยกโทษให้ผมไม่ได้เหรอ? ผมจะไม่ได้ตั้งใจ!”
นายน้อยชุ่ยขอร้องขณะมือสั่นเทาไม่หยุด
ตั้งแต่เติบโตมา เขาก็ทำงานอย่างหนักเพื่อรวบรวมทรัพย์สินทั้งหลายมาเป็นของตัวเอง แต่ตอนนี้เขาสูญเสียมันให้กับศัตรูแล้ว
“ผมไม่ได้ตั้งใจ พ่อไม่ต้องคิดมากหรอกนะครับ ถ้าถึงเวลาที่เหมาะสมเมื่อไร ผมจะเอาคืนให้สาสม”
ชุ่ยเจิ้งไห่พยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น
…
สองวันต่อมา
“ฉันได้ยินมานานแล้วว่าที่เมืองชิ่งชวนมีทั้งภูเขา แม่น้ำ แล้วก็น้ำพุร้อนด้วย
หลี่หรงเก็บสัมภาระที่เตรียมไว้ตลอดสองวันที่ผ่านมาใส่ในกระเป๋าเป้สะพายหลัง
“เย้! ในที่สุดพวกเราก็ได้ไปเที่ยวสักที! ถวนถวนรักน้าและพ่อที่สุดเลย!”
เด็กน้อยกระโดดโลดเต้นอยู่บนโซฟาอย่างมีความสุข
แต่เพราะที่พักไม่อนุญาตให้นำสัตว์ไปด้วย เจ้าสุนัขตัวน้อยทั้งสองจึงต้องอยู่เฝ้าบ้านไปโดยปริยาย
“โอเค ไปกันเถอะ ไม่ต้องเอาอะไรไปมากมายหรอก พี่จองโรงแรมไว้แล้ว”
อวี้ฮ่าวหรานพูดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเก็บของใกล้เสร็จแล้ว
“อืม ฉันไม่ค่อยได้เดินทางไกลเท่าไหร่น่ะ”
หลี่หรงยิ้มขณะหยิบกระเป๋าขึ้นสะพาย
เธอเป็นคนขยันขันแข็งมาก ตอนที่ยังเรียนอยู่มัธยมปลาย เธอต้องเรียนอย่างหนักจนไม่มีเที่ยวเล่นเหมือนเด็กสาวรุ่นเดียวกัน และหลังจากเข้าเรียนมหาวิทยาลัยก็มีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับพี่สาวและพี่เขย
ต่อมาหญิงสาวก็ออกจากครอบครัวหลี่และเปิดบริษัทของตัวเองพร้อมกับดูแลถวนถวนไปด้วย
ดังนั้นจึงไม่มีเวลาไปเที่ยวเหมือนคนอื่น ๆ
โชคดีที่หลี่หรงไม่ต้องกังวลเรื่องการเรียนมากนัก เพราะตระกูลหลี่มีความสัมพันธ์อันดีกับมหาวิทยาลัย เธอจึงไม่ถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัยและยังคงได้เรียนต่อมาจนถึงทุกวันนี้
“ไปกันเลย!”
หลังจากเก็บสัมภาระเสร็จแล้ว หลี่หรงก็สวมแว่นกันแดดก่อนเปิดประตูเดินออกไป
“ฉันช่วยถือเอง”
อวี้ฮ่าวหรานถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายถือสิ่งของพะรุงพะรัง แต่หลี่หรงปฏิเสธ
“ไม่เป็นไร! นี่เป็นการไปเที่ยวครั้งแรกของฉันตั้งแต่เข้าเรียนมัธยมปลาย ฉันต้องใส่ใจกับมันให้มาก!”
แต่หลังจากคิดดูแล้ว เธอก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ…
“อืม…ตั้งแต่มัธยมต้นต่างหาก”
เมื่อนึกย้อนกลับไป ดูเหมือนว่าตอนเด็ก ๆ เธอจะได้ไปเที่ยวกับครอบครัวบ่อยครั้ง
แต่เธอจำรายละเอียดเหล่านั้นไม่ได้แล้ว
“ฉันหวังว่าในอนาคตถวนถวนจะไม่ต้องโดดเดี่ยวเหมือนน้านะ ตั้งแต่โตขึ้นมา น้าก็ไม่เคยไปเที่ยวที่ไหนอีกเลย”
หลี่หรงจูงมือถวนถวน
หวังเหยียนรอคนที่เหลืออยู่ชั้นล่างนานแล้ว เขามีสีหน้าดีใจจนแทบปกปิดไม่มิด
ในที่สุดเขาก็ได้แก้แค้นสักที!
ขณะที่ถูกไล่ล่าในตอนนั้น เขาวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนและร้องขอความช่วยเหลือตามทางราวกับสุนัขหลงทาง แต่ก็ไม่มีใครช่วยเขาเลยสักคน
ความเกลียดชังเหล่านั้นฝังลึกเข้าไปในกระดูกเขาแล้ว!
สองชั่วโมงต่อมา อวี้ฮ่าวหรานและครอบครัวอยู่บนเครื่องบินแล้ว
“ว้าว…หนูอยู่บนเครื่องบินแล้ว”
ตั้งแต่เกิด เจ้าตัวน้อยไม่เคยขึ้นเครื่องบินเลยสักครั้ง ดังนั้นตอนนี้หนูน้อยจึงตื่นตาตื่นใจอย่างมาก
“เดี๋ยวจะสนุกกว่านี้อีก”
หลี่หรงพูดด้วยรอยยิ้ม ขณะนึกถึงตอนนี้ที่ตัวเองขึ้นเครื่องบินครั้งแรกตอนที่ยังเป็นเด็ก
ตอนนั้นเธอจำได้เลือนรางว่าหลี่เม่ย หลี่ชงซาน หลี่จิงเทียนและแม่อยู่กันพร้อมหน้า
เครื่องบินบินขึ้นไปบนฟ้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้ถวนถวนตื่นเต้นมาก
ด้วยการอบรมสั่งสอนที่ดี เธอจึงไม่ส่งเสียงดังรบกวนคนอื่น
“พ่อจ๋า ถวนถวนอยากขึ้นเครื่องบินอีกได้ไหม?”
ถวนถวนมองเมืองฮ่วยอันที่เล็กลงเรื่อง ๆ พร้อมถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ได้สิ ถ้าพ่อว่าง พ่อจะพาถวนถวนไปเที่ยวอีก”
อวี้ฮ่าวหรานตกปากรับคำ เมื่อเครื่องบินอยู่ในระดับที่สูงขึ้น ข้างนอกหน้าต่างก็ปรากฏก้อนเมฆขาว
หลังจากขึ้นมาบนเครื่องบิน หลี่หรงก็ดูเงียบไป ตอนนี้เธอมองก้อนเมฆข้างนอกหน้าก่อนตกอยู่ในภวังค์
“พี่สาว…ตอนนี้พี่อยู่ที่ไหน? พี่เขยกลับบ้านมานานแล้วนะ”
เธออาจไม่ชอบหลี่จิงเทียน แต่กลับรักและเคารพหลี่เม่ยพี่สาวคนโตอย่างมาก
ด้วยเหตุผลนี้เธอจึงออกจากคฤหาสน์ตระกูลหลี่โดยไม่ลังเลเพื่อมาดูแลถวนถวน
พี่สาวของเธอเป็นคนดีจริง ๆ
ถึงอย่างนั้น ขณะตกอยู่ในภวังค์ เธอก็รู้สึกได้ถึงมือจับแขนเธอเอาไว้
“อย่าขยับ มีบางอย่างแปลกไป”
เสียงทุ้มต่ำลอยเข้ามาในหูของเธอ ร่างกายหลี่หรงแข็งทื่อทันที
เธอรู้ว่านั่นเป็นเสียงของพี่เขย ในเมื่ออีกฝ่ายบอกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แน่นอนว่าจะต้องมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นแน่นอน!
เมื่อหันไปมองข้างหลัง เธอก็เห็นหวังเหยียนลุกยืนขึ้นแล้วมองไปที่ท้ายเครื่องบิน!
จบภาค