โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.316 – ทดสอบเลเวล D

 

ณ เมืองเฉิงหยาง ภายนอกโถงรับรองผู้ใช้พลัง

 

รถล่องเวหาสุดหรูเคลื่อนมาจอดหน้าประตู

 

พาหนะดังกล่าว ดึงดูดความสนใจ ตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนมากมายที่มาทดสอบ

 

ต้องรู้นะว่า ผู้ใช้พลังที่อยู่ในโถงรับรอง ส่วนมากเป็นกลุ่มคนที่เพิ่งจะปลุกพลังได้ และกำลังมาทำการทดสอบรับโลโก้ผู้ใช้พลังเลเวล G

 

ในส่วนของเลเวล F มีปะปนอยู่เล็กน้อย สำหรับเลเวล E น้อยครั้งนักที่จะพบเจอ!

 

ดังนั้นผู้คนเลยคาดเดากันไปว่าน่าจะเป็นเลเวล F คนหนึ่ง แต่ผู้ใช้พลังเลเวล F ที่สามารถใช้รถล่องเวหาหรูหราแบบนี้ได้ … เกรงว่าน่าจะเป็นคนร่ำรวยมั่งคั่ง

 

ไม่รอให้ผู้คนคาดเดาไปต่างๆนาๆ ประตูรถถูกเปิดออก ผู้หญิงผมสีเงินก้าวลงมา เธอสวมใส่ชุดเดรสยาวสีฟ้าไล่ระดับจากอ่อนไปเข้ม ครอบครองใบหน้างามล่มเมือง

 

ทุกสายตาถูกดึงดูดโดยหญิงสาว จนกระทั่งสาวงามคนที่ว่าเดินไปข้างกายผู้ชาย และควงแขนเขา ผู้คนถึงได้สังเกตเห็นว่าเธอมิได้มาลำพัง

 

พริบตานั้น ดวงตาของพวกเขาต่างเผยให้เห็นถึงความริษยาและเกลียดชัง เพราะสุดท้ายแล้วสาวสวยกลับกลายเป็นมีเจ้าของ ไม่รู้จริงๆว่าชายคนนั้นโชคดีขนาดไหน

 

แต่เมื่อผู้คนในโถงลองสังเกตดูดีๆ หลายคนก็เริ่มผงะตกใจ

 

“เดี๋ยวก่อน ทำไมเขาถึงได้ดูคุ้นหน้าจัง”

 

“เลเวล E งั้นหรอ? หรือว่าจะมาขอทดสอบเลเวล E1”

 

“นั่นไม่ใช่ผู้ว่าการสถานชุมชนเฟิงหลี ฉินเฟิงหรอกหรือ?”

 

“กะแล้วเชียว มิน่าทำไมฉันถึงได้รู้สึกคุ้นตาสาวสวยคนนั้น”

 

เกิดเสียงฮือฮาในฝูงชน

 

เมื่อทราบว่าฝ่ายชายเป็นฉินเฟิง ผู้ใช้พลังในโถงก็สามารถตระหนักถึงสถานะของไป๋หลีได้อย่างชัดเจน

 

หญิงสาวผู้งดงามอีกคนคือใครน่ะหรือ?

 

เป็นที่เล่าลือกันว่าผู้ว่าการเขตเฟิงหลี มักจะพาแฟนติดตัวไปด้วยเสมอ หากฝ่ายชายคือฉินเฟิง ฝ่ายหญิงย่อมไม่ใช่ใครอื่น เป็นไป๋หลี!

 

ทั้งสองก้าวเข้ามาในโถงรับรองผู้ใช้พลังด้วยการ เดินขึ้นไปยังห้องทดสอบเลเวล E บนชั้นสอง ฉินเฟิงกับไป๋หลีแทบไม่ต้องเสียเวลารอ ก็มีคนก้าวเข้ามาต้อนรับ

 

“ยินดีต้อนรับผู้ว่าการฉิน คุณจะมาทดสอบเพิ่มขั้นเลเวล E ใช่ไหม? โปรดเชิญทางนี้” เจ้าหน้าที่รีบก้าวออกมาทักทาย

 

“ไม่ใช่ พวกเรามาเพื่อทดสอบรับตราเลเวล D ” ฉินเฟิงกล่าว

 

“ว่าไงนะ!?” พนักงานที่ก้าวออกมาต้อนรับ เอ่ยทวนซ้ำด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง

 

“คุณได้ยินไม่ผิดหรอก” ฉินเฟิงย้ำอีกครั้ง เจ้าหน้าที่คล้ายได้สติ เร่งออกแบบฟอร์มให้ฉินเฟิงกรอก และพาไปยังสถานที่ทดสอบ

 

“นี่คืออุปกรณ์ทดสอบพลังเลเวล D คุณต้องการจะใช้พลังสมาธิหรือพละกำลังในการทดสอบมัน?”

 

“ขอใช้พละกำลังทดสอบก็แล้วกัน”

 

“รับทราบ เชิญเข้ารับการทดสอบได้”

 

ว่าจบ ชายคนนั้นก็ถอยห่างออกไปไกลกว่าสิบเมตร ต้องรู้นะว่า การโจมตีของผู้ใช้พลังเลเวล D เพียงเล็กน้อยก็ส่งผลลัพธ์น่าตื่นตะลึง

 

แต่ภายหลัง เจ้าหน้าที่คนนั้นค้นพบว่า เหมือนตนจะคิดมากเกินไป

 

เพราะที่ฉินเฟิงทำ เป็นแค่การหวดกำปั้นดาดๆออกไปเท่านั้น!

 

‘นี่ผู้ว่าการฉินคิดจะมาเล่นตลกรึไง? หรือว่าหมัดนี่จะแค่ลองเล่นๆ?’ เจ้าหน้าที่งงงวยในหัวใจ แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปาก ใบหน้ายังคงแขวนด้วยรอยยิ้ม

 

ปงงงง!

 

หนึ่งหมัดซัดออก กำปั้นของฉินเฟิงหวดเข้าใส่วัสดุบนเครื่องทดสอบ

 

วัสดุที่ทานทนต่อการโจมตีพลันบุบเบี้ยว ผิดรูปไปอย่างกระทันหัน

 

ขณะเดียวกัน ตัวเลขดิจิตอลบนเครื่องทดสอบ พุ่งทะยานอย่างบ้าคลั่ง

 

10,000 , 20,000 , 30,000 , 40,000 , 50,000!

 

“ผลการทดสอบพลังโจมตี : 50,001 แต้ม —ผ่านการทดสอบ!”

 

เจ้าหน้าที่ตรวจวัดผลที่ยืนห่างออกไปอ้าปากค้าง

 

ไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าฉินเฟิงจะผ่านการทดสอบจริงๆ!

 

“ไป๋หลี เธอเองก็มาทดสอบด้วย” ฉินเฟิงกล่าว “ … แต่ถ้าคิดว่าไม่ไหว ก็ทดสอบแค่พลังสมาธิพอ”

 

ฉินเฟิงกลัวว่าไป๋หลีจะยั้งมือไม่เป็น ชกทำลายเครื่องทดสอบในคราวเดียว

 

“ทดสอบพละกำลังนี่แหละ ฉันคิดว่าตัวเองทำได้” ไป๋หลีก้าวไปข้างหน้า ออกหมัดเหมือนกับฉินเฟิง และผลลัพธ์ที่ออก ตัวเลขพุ่งสูงถึง 50,102 แต้ม!

 

แม้เธอจะไม่สามารถควบคุมพละกำลังได้แม่นยำเท่ากับฉินเฟิง แต่ก็สามารถผ่านมาได้

 

หลังจากการทดสอบแรกจบลง การทดสอบอื่นๆผ่านไปอย่างง่ายดาย พอทดสอบเสร็จ แววตาของเจ้าหน้าที่กลับกลายเป็นฟุ้งไปด้วยความยำเกรง

 

“ผู้ว่าการฉิน มิสไป๋หลี พวกคุณผ่านเงื่อนไขการทดสอบเลเวล D ตามข้อกำหนดแล้ว แต่หากต้องการรับตราสัญลักษณ์เลเวล D พวกคุณต้องไปยังแนวหน้า เพื่อรับภารกิจล่า กินระยะเวลาสามเดือน จากนั้นถึงจะสามารถรับตราผู้ใช้พลังเลเวล D ของคุณได้”

 

“สำหรับค่าเดินทางไปแนวหน้า ทางพันธมิตรมนุษยชาติจะเป็นคนจัดการให้เอง เดินทางโดยฮอลศึกของกลุ่มซ่งเฉิง ใช้เวลาเพียงสี่ชั่วโมงก็ไปถึง”

 

“ตำแหน่งแนวหน้าที่พวกเราแนะนำ คือพื้นที่ทะเลทรายของสี่เมืองทะเลเหนือ —ปราการชาตง!”

 

“ถ้าคุณพร้อม สามารถแจ้งเวลาเดินทางกับทางเราได้ตลอดเวลา”

 

เจ้าหน้าที่อธิบายไม่หยุด แต่ฉินเฟิงรู้ถึงกฏระเบียบเหล่านี้อยู่แล้ว

 

“ผมจะเริ่มออกเดินทางในสัปดาห์หน้า ไปยังแนวทะเลทรายทะเลเหนือ” ฉินเฟิงกล่าว

 

“รับทราบ ฉันจะจัดการให้ทันที”

 

“ขอบคุณ”

 

เมื่อการทดสอบเสร็จสิ้น ปัญหาก็หมดไปอีกเปราะ หลังจากฉินเฟิงก้าวเท้าออกไป ข่าวของเขาก็แพร่กระจายไปทั้งเมืองเฉิงหยาง

 

การเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ที่สุดในเฉิงหยางของฉินเฟิง ก่อนหน้านี้คือการทำลายตระกูลซิน แต่ถ้าจะกล่าวให้ถูกต้อง สมควรบอกว่าการที่ตระกูลซินถูกกวาดล้างจนไม่เหลือซาก ไม่ใช่ฝีมือของฉินเฟิงซะทีเดียว เขาเพียงสังหารผู้นำตระกูลซิน เป็นอีกสามตระกูลใหญ่ต่างหากที่ผนึกกำลังกำราบตระกูลซินจนราบคาบ

 

ปรากฏกายขึ้นอีกที ฉินเฟิงก็ดันยกระดับขึ้นเป็นเลเวล D ซะแล้ว เรื่องนี้ทำเอาทั้งหมดต่างตกตะลึง!

 

ติ๊ด!ติ๊ด! ติ๊ด!

 

อุปกรณ์สื่อสารของฉินเฟิงดังขึ้น

 

ฉินเฟิงก้มหน้าลง พบว่าปลายสายเป็นทายาทสายตรงของสามตระกูลที่เหลือในเมืองเฉิงหยาง –เฉิงโจว

 

เฉิงโจวกับฉินเฟิงเคยประลองกันบนสังเวียนมาก่อน แต่นั่นมันผ่านไปนานมากแล้ว ปัจจุบันอีกฝ่ายสามารถก้าวขึ้นสู่เลเวล E เป็นที่เรียบร้อย

 

จู่ๆก็โทรหากันแบบนี้ เห็นได้ชัดว่ามีเรื่องแน่นอน

 

ฉินเฟิงขบคิดสักพักหนึ่ง สุดท้ายตัดสินใจรับสาย ใบหน้าของเฉิงโจวปรากฏขึ้นตรงข้ามกับฉินเฟิง

 

“เฉิงโจว มีเรื่องอะไรรึเปล่า?”

 

“ผู้ว่าการฉิน คุณมาที่เมืองเฉิงหยาง ทำไมไม่บอกฉันก่อน ตอนนี้ยังทันใช่ไหม ฉันอยากจะเชิญคุณไปทานมื้อเที่ยงด้วยกัน!”

 

“ทานมื้อเที่ยง?” ฉินเฟิงเลิกคิ้ว หัวเราะเบาๆ “นั่นไม่จำเป็นหรอก ฉันยังมีบางอย่างต้องทำ ขอรับน้ำใจของนายไว้ก็พอ”

 

“ไม่ๆ ได้โปรดอย่าปฏิเสธเลย อาหารถูกเตรียมไว้พร้อมแล้ว”

 

“แต่ฉันไม่ว่างจริงๆ” ฉินเฟิงปฏิเสธอีกครั้ง เวลานี้เขาอยู่ในเลเวล D แล้ว ฉะนั้นไม่อยากไปวุ่นวายกับเลเวล E ที่ไม่สนิทสนม

 

จริงอยู่ที่ฉินเฟิงสามารถสร้างกลุ่มของตัวเองได้แล้วในตอนนี้ แต่เขาไม่อยากให้ตระกูลเก่าแก่ที่อยู่เฉิงหยางมานานหลายปีมีส่วนร่วม อีกอย่างเดี๋ยวเขาจะไม่อยู่ในสถานชุมชนเฟิงหลี เกรงว่าจะเกิดสถานการณ์ยากรับมือขึ้น

 

ปลายสาย เฉิงโจวพอได้ยินคำปฏิเสธของฉินเฟิง ก็เริ่มร้อนรนขึ้นมา

 

“ผู้ว่าการฉิน ได้โปรดช่วยฟังฉันให้จบประโยคก่อน นอกจากเรื่องทานอาหารแล้ว ฉันยังมีอีกเรื่องหนึ่ง!” เฉิงโจวเอ่ยอย่างยากลำบาก เพราะยังไงเสีย เขาก็เคยเป็นอัจฉริยะที่พูดอะไรคนก็คล้อยตามมาก่อน แต่ตอนนี้ เป็นเขาที่ต้องคล้อยตามคนอื่นแทน สลับตำแหน่งกันโดยสิ้นเชิงแบบนี้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

 

“เรื่องอื่น? เรื่องอะไรล่ะ?” ฉินเฟิงถาม

 

“คืออย่างนี้นะผู้ว่าการฉิน ก่อนหน้านี้คุณได้ทำลายอำนาจปกครองอันโหดร้ายของตระกูลซินไปใช่ไหม … คุณช่วยตัดมะเร็งอย่างพวกมันออกจากเมืองเฉิงหยางของพวกเรา ดังนั้น อีกสามตระกูลที่เหลือเลยอยากจะขอบคุณสำหรับเรื่องนี้ และคิดจะแบ่งทรัพย์สินที่หลงเหลือของตระกูลซินกัน ฉันเลยอยากชวนคุณเข้าร่วมด้วย”

 

“อ้อ” ฉินเฟิงหัวเราะออกมา

 

ที่แท้สิ่งที่อีกฝ่ายกำลังรู้สึกก็คือ

 

–หวาดระแวง!

 

พวกเขาเกรงว่าฉินเฟิงจะมาฮุบเงินในภายหลัง!

 

แต่คราวก่อน ฉินเฟิงรีดไถเงินตระกูลซินออกไปจำนวนหนึ่งแล้ว และนั่นมากพอให้เขารู้สึกพอใจ แต่ตระกูลซิน … จะมีเงินอยู่แค่อย่างที่พวกมันสารภาพจริงๆน่ะหรือ?