บทที่ 362 พี่ชาย ผมผิดไปแล้ว

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 362 พี่ชาย ผมผิดไปแล้ว
เคยมี หมาป่าสีเงินตัวหนึ่งซุ่มตัวอยู่เงียบ ๆ จู่โจมอย่างฉับพลัน กัดเข้าที่ขาเหมยหงเซว่หนึ่งที

หลังจากนั้น ก็ถูกให้อาหารด้วยหัวใจสด ๆ เพียงลำพัง

หัวใจที่แปดเปื้อนเลือด สำหรับสัตว์ร้ายเหล่านี้แล้วเป็นความโอชะที่หาได้ยาก

นี่คือรางวัล

พอเห็นความผิดปกติ บรรดาสัตว์ร้ายก็เข้าใจทันทีว่าพวกมันควรทำอย่างไร

ทุกที่ที่เขาผ่าน ภายใต้กลิ่นคาวเลือดที่กระตุ้น เสียงหอนของสัตว์ร้ายเหล่านี้ ครั้งแล้วครั้งเล่า โจมตีผู้บุกรุกเข้ามาอย่างดุร้าย

มองเห็นฉากนี้จากไกล ๆ ขนของจุยเฟิงก็ลุกซู่

วินาทีต่อไป เลือดร้อนที่อยู่ในกายก็เดือดพล่านขึ้นมา

การดวลสัตว์ร้าย!

นี่สิเป็นสิ่งที่พวกลูกผู้ชายควรทำ!

ภายใต้ความฮึกเหิม ถึงขั้นมีคนเข้ามาใกล้ก็ยังไม่รู้ตัว

“นายเป็นใคร?” เสียงเย็นชาดังขึ้น

จุยเฟิงตกใจรีบไปดู เห็นเด็กหนุ่มตรงหน้าสวมชุดเรียบ ๆ รูปร่างบึกบึนคนหนึ่ง

ดวงตาทั้งคู่ เหมือนสัตว์ร้ายในป่า จับจ้องเขาผู้บุกรุกอย่างเยือกเย็น

ข้างกายเด็กหนุ่มมีสุนัขร่างกำยำตัวหนึ่งตามมาด้วย

ไม่สิ นี่มันเป็นหมาป่ามากกว่า!

เจ้าหนุ่มนี่ ถึงขั้นเลี้ยงหมาป่าไว้ตัวหนึ่งเลยเหรอ!

แม้หมาป่าตัวนี้ดูแล้วยังเล็กอยู่ แต่ฉายแววความดุร้าย จับจ้องเขาอย่างเยือกเย็นพร้อมกับเจ้านายของมัน

จุยเฟิงถอนใจเอ่ยว่า: “นายเป็นน้องชายของอะเปินสินะ?”

“ฉันมาหา——”

เขาอยากบอกว่าเขามาหา “พี่เทียน” แต่ว่า พอเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยศัตรูก็อยากจะเล่นพิเรนทร์ขึ้นมาสักหน่อย

“ฉันมาเที่ยวน่ะ ทำไม ไม่ต้อนรับเหรอ?”

สีหน้าอะปินไร้ซึ่งอารมณ์: “นายมาหาเรื่องต่างหาก”

จุยเฟิงสำลักหนึ่งอึก คิดไม่ถึงว่าอะเปินจะตรงไปตรงมาอย่างนี้ เขายักคิ้วขึ้น: “ถ้านายคิดอย่างนี้ ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูด”

เพียงวินาทีถัดมาอะเปินก็ขยับ

ไม่มีสัญญาณใด ๆ หนุ่มน้อยเหมือนหมาป่าที่หลุดจากบังเหียนกระโจนใส่จุยเฟิง

หมัดที่รุนแรงพุ่งใส่กลางหน้าผากจุยเฟิง

บนหมัด สวมสนับที่แวววับ

จุยเฟิงเป็นคนน่าเกรงขาม ทว่ากลับผวาเล็กน้อย?

เขาไม่ได้กลัวศักยภาพของอะเปิน ทว่า ตะลึงต่อไอสังหารที่ไม่ยี่หระต่อความตายของอะเปิน

คำรามเสียงเบา ๆ แล้วหลบตัว

เพิ่งจะหลบตัวไป เสียงหอนก็ดังขึ้น เจ้าลูกหมาป่าตัวน้อยตัวนั้น หายตัวเหมือนเงา กระโจนมาที่ตัวเขา

เด็กหนุ่มกับหมาป่า ก็เท่ากับลูกหมาป่าสองตัวน่ะสิ

เพิ่งจะเข้ามาก็ได้รับการตอบแทนแบบนี้ จุยเฟิงก็โมโหเหมือนกัน

น้อยนักที่มือของเขาจะห่างจากด้ามมีด

ใช้หมัดปะทะกับอะเปิน

ตอนเริ่มเปิดฉาก จิตใจของจุยเฟิงยังฮึกเหิม ต่อยไปต่อยมา ทำไมถึงรู้สึกทะแม่ง ๆ?

ไม่รู้ว่าเสียงหอนในเขตสัตว์ร้ายค่อย ๆ หายไปเมื่อไหร่

สัตว์ร้ายต่างเงียบเสียงลง

และเดิมรอบข้างที่ไร้ผู้คนก็ค่อย ๆ มีผู้ชมปรากฏขึ้นทีละคน ๆ

ผีหวูฉาง ชุยหมิง หม่าหงเทา ถงชวน เถียปี้ เถียหนิงซวง เหมยหงเซว่ หลังจง เถียเจี้ยง……

พวกเขากอดอกมองเขาอย่างเย็นชา

จากศักยภาพของจุยเฟิง การจัดการอะเปินไม่ใช่เรื่องยาก

แต่อยู่ ๆ เขาก็ตื่นตระหนกว่าตัวเองมาเป็นแขกไม่ควรล่วงเกินเจ้าบ้านสิ

อีกอย่างคือ เจ้าบ้านตั้งมากขนาดนี้!

ยิ่งทำให้จุยเฟิงอกสั่นขวัญผวา เขามีลางสังหรณ์ไม่ดีอย่างหนึ่งเป็นพิเศษ ราวกับว่า เขาถูกเล็งเป้าไว้แล้ว

แต่พอเขากวาดสายตาไปรอบ ๆ ก็ไม่เห็นว่าจะมีสไนเปอร์อยู่ตรงไหน

แต่เขาแน่ใจว่า ถ้าเขาเป็นศัตรูจริง ๆ อีกฝ่ายสามารถยิงเขาตายได้เลย

“หยุด!”

เขากลืนน้ำลายหนึ่งอึกแล้วรีบกระโดดไปอีกทางเอ่ยว่า: “น้องอะเปิน เข้าใจผิดแล้ว!”

“ที่จริงฉันมาหาพี่เทียน”

“นั่นน่ะ เหลาหม่า น้องเฟยเตา แล้วก็น้องคนสวยคนนี้เป็นพยานได้!”

“จริงนะ ฉันก็เหมือนพวกนาย ที่จริงก็เป็นแฟนคลับตัวน้อยของพี่เทียนน่ะ”

สีหน้าของคนหมู่มากไร้อารมณ์ จ้องจุยเฟิงอย่างเยือกเย็น

แม้แต่หม่าหงเทา ชุยหมิงกับเถียหนิงซวง ก็เหมือนไม่รู้จักเขาอย่างนั้น

จุยเฟิงร้อนใจแล้ว: “เดี๋ยวสิ ทุกคน เป็นพยานให้ทีสิ!”

“แล้วก็พวกนาย ถึงพวกนายจะไม่เคยเจอฉัน แต่ฉันก็เคยเจอพวกนายมานานแล้วนะ”

“คราวก่อนที่พวกนายสกัดการฆ่าของมือสังหารตระกูลหลี่กับตระกูลเจี่ย ฉันได้ดูวิดีโอถ่ายทอดสดกับพี่เทียน”

“อดพูดไม่ได้ว่า พวกนายสุดยอดไปเลย!”

สีหน้าคนหมู่มากยังคงไร้อารมณ์

เหมยหงเซว่พูดอย่างเย็นชาว่า: “ไม่ว่านายจะเป็นใคร นายรังแกอะเปินน้องชายของเรา ทำกันเกินไปแล้วหรือเปล่า?”

“ได้ยินว่านายต่อสู้เก่งมาก”

“ล้มพวกเราทั้งหมดได้ก็จะได้เจอพี่เทียน”

สีหน้าจุยเฟิงหมดคำจะพูด

บอกตามตรง ให้เขาสู้กับคนตั้งเยอะอย่างนี้ ก็ไม่ค่อยเชื่อมั่นเท่าไหร่ ที่สำคัญคือ เขารู้ว่าฆ่าไม่ได้

“เปลี่ยนวิธีอื่นก็ได้” มีรอยยิ้มผุดขึ้นในสายตาของเถียหนิงซวง

“เขตสัตว์ร้ายของพวกเราที่นี่ ให้นายเลือกมาสักที่เข้าไปสัมผัสประสบการณ์ดูก็แล้วกัน”

จุยเฟิง: “นี่เป็นวิธีต้อนรับแขกของพวกนายเหรอ?”

“อย่างนั้นก็ได้ ฉันเลือกเขตหมาป่า”

เขากลืนน้ำลายหนึ่งอึกเดินหน้าเคร่งขรึมเข้าไปในเขตหมาป่า

เหมยหงเสว่หวีดเสียงดังขึ้นมาว่า: “วางมีดลง!”

“เจ้าหนู จำไว้ หมาป่าทุกตัวของเราเป็นลูกรักของพี่เทียน ถ้านายทำร้ายพวกมัน พี่เทียนไม่ชอบใจแน่”

เถียหนิงซวงเสริมว่า: “พอพี่เทียนไม่ชอบใจก็จะไม่พบนาย”

“ได้ ฉันจะระวังแค่ไม่ทำร้ายพวกมันก็พอแล้วสินะ?”

จุยเฟิงปลดมีดที่ไม่เคยหากตัวออกอย่างซื่อ ๆ วางลงบนหินก้อนใหญ่อย่างทรงเกียรติ

ตอนนี้ เขารู้สึกว่าตัวเองเหมือนตือโป๊ยก่ายที่หืดขึ้นคอระหว่างทางไปช่วยทหารกู้ภัยที่ภูเขาฮวากั่วจากนั้นโดนเล่นแง่

ช่วยไม่ได้ วันมะรืนเป็นงานเลี้ยงหงเหมินของตระกูลจ้าว เป็นศึกหนักศึกหนึ่ง

เขาต้องเชิญฉินเทียนออกโรง

จะมาขอร้อง เลยได้แต่ก้มหัว เขาม้วนแขนเสื้อขึ้นกระโจนเข้าไปในเขตหมาป่า

อยู่ ๆ มีคนแปลกหน้าเข้ามา หมาป่าเหล่านี้จึงตื่นตัวขึ้น

คู่ปรับเหล่านั้นขององค์กรสาปสวรรค์เมื่อก่อน พวกมันต่างคุ้นเคยดี เลยรู้ว่าไม่ได้เปรียบเท่าไหร่

แต่เพื่อจะได้ลิ้มรสเนื้อเพิ่มขึ้นเลยไม่รับคำสู้ศึกไม่ได้

ตอนนี้ พวกมันนึกว่าจุยเฟิงรังแกกันได้ง่าย ๆ ความเป็นสัตว์ป่าในร่างกายเริ่มปะทุ

อีกอย่าง สู้กันมานาน พวกมันทั้งหมดจึงหิวโหย

มองดูดวงตาสีแดงเหล่านี้ ใบหน้าของจุยเฟิงก็เขียวปั้ด

เขาไม่กลัวการต่อสู้ แต่การต่อสู้แบบใหม่อย่างนี้ เกิดมาก็เพิ่งเห็นเป็นครั้งแรก

ที่สำคัญคือ ถ้าเขาถูกหมาป่ากัดตายก็สมควรโดนแล้วล่ะ

ส่วนเขา ห้ามลงมือทำร้ายหมาป่าบาดเจ็บ

เพราะว่า หมาป่าเหล่านี้เป็นลูกรักของพี่เทียน

ฉันคงต้องเอาชีวิตเข้าแลกแล้ว!

เห็นหมาป่าตัวหนึ่งกระโจนเข้ามา เห็นชัด ๆ ว่าหมาป่าเงินพยศ พอจุยเฟิงโมโหก็กัดฟันชกหมัดออกไป

การต่อสู้ที่สาหัส แม้เขาจะไล่ฝูงหมาป่าที่ลุมโจมตีให้ถอยไปหลายครั้ง ทำให้อีกฝ่ายรู้ถึงความร้ายกาจจึงไม่กล้าบุกเข้ามาง่าย ๆ

แต่เพราะตัวเขาเองเจอสถานการณ์อย่างนี้เป็นครั้งแรก ก็ทำจนหัวกระเซิงเสื้อผ้าขาดวิ่น

หายใจหอบแฮก ดูซมซานไม่น้อย

มีเสียงเรียกจากด้านนอกเขาจึงเหลียวหันไป เห็นฉินเทียนเดินยิ้มแฉ่งมากับฉานเจี้ยน

เห็นสายตาของฉินเทียน จุยเฟิงก็รู้ว่าตัวเองโดนแกล้งเข้าให้แล้ว

เขาเกือบจะร้องไห้

“พี่ชาย ผมผิดไปแล้ว”

“ต่อไปต่อหน้าพี่ ผมจะไม่ทำตัวเสียดสีอีกแล้ว……”

“ฉันออกมาได้แล้วยัง?”