แม้ฮองเฮาจะเคยผ่านเรื่องราวจำพวกนี้ ทว่านางยังคงหลับตาด้วยความรู้สึกเขินอาย และตั้งใจเดินช้าลง ไม่เดินเข้าใกล้ทางออกมากนัก
แม่นมเจิ้งกับแม่นมจูอายุปูนนี้แล้ว เรื่องจำพวกนี้ภายในวังมีให้เห็นบ่อยครั้ง ทว่าไม่เคยได้ยินเสียงครวญครางที่เร่าร้อนเช่นนี้ ใบหน้าของทั้งสองจึงแดงก่ำ
ในช่วงเวลาไว้ทุกข์ของพระราชพิธีพระศพ ไท่จื่อต้องแสดงความกตัญญู เขา… เหตุใดถึงกระทำเรื่องเช่นนี้อยู่ที่นี่
ตามกฎของเหล่าเชื้อพระวงศ์ ช่วงเวลาหนึ่งเดือนของการไว้ทุกข์พระราชพิธีพระศพ บรรดาลูกหลานเชื้อพระวงศ์ทั้งหมดต้องเคารพกฎเพื่อระลึกถึงความกตัญญู แม้แต่กิจส่วนตัวในห้องสองต่อสองที่เป็นปกติก็ห้ามกระทำ
เขาอยากตายหรืออย่างไร “สตรี… สตรีนางนั้นเป็นคุณหนูใหญ่จวนสกุลซู ซูเซียนฮุ่ยไม่ใช่หรือ? ”
“ซูเซียนฮุ่ย? ”
เมื่อครู่แม่นมเจิ้งสนใจแต่ไท่จื่อ ไม่ได้มองใบหน้าสตรีผู้นั้น เมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็นซูเซียนฮุ่ยจริงๆ
“ข้าเคยพบสตรีที่ยั่วยวน ทว่าไม่เคยพบคนที่เร่าร้อนมากถึงเพียงนี้มาก่อน” แม่นมเจิ้งพูดเสียดสี สายตาเผยถึงความเหยียดหยาม นางพูดกับแม่นมจูว่า “พวกเราอยู่ในวังมาค่อนชีวิตแล้ว”
แม่นมจูเหลือบไปมอง แม้จะไม่อยากมอง และไม่อยากฟังอันใด นางขมวดคิ้วพูดว่า “โอ้ คุณหนูใหญ่จวนสกุลซูช่างช่ำชองยิ่งกว่านางคณิกาหอโคมเขียวเสียอีก นางช่างหน้าไม่อายเสียจริง”
“ในอดีต ข้างนอกร่ำลือกันว่า สาเหตุที่ไท่จื่อทรงยกเลิกพิธีสมรสระหว่างเขากับซูจิ่นซี นอกจากเพราะรังเกียจความโง่ที่ติดตัวมาแต่กำเนิด และใบหน้าอัปลักษณ์แล้ว ยังมีอีกสาเหตุหนึ่งคือ ไท่จื่อกับซูเซียนฮุ่ยมีความสัมพันธ์ลับๆ ต่อกัน หรือคำพูดที่พวกเขาร่ำลือกันจะเป็นความจริง? ”
แม้ฮองเฮาจะรู้สึกไม่สบายใจกับเสียงนั้น แต่เมื่อได้ยินว่าคนที่อยู่ข้างนอกคือไท่จื่อกับซูเซียนฮุ่ย นางก็เกิดสนใจขึ้นมา
แม่นมเจิ้งกับแม่นมจูเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเช่นกัน
แม่นมจูทำปากบูดบึ้ง “เรื่องนี้มีความจริงอยู่แปดส่วน ไม่เช่นนั้นพวกเขาทั้งสองจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ช่างไร้ยางอายเสียจริง”
แม่นมเจิ้งเหมือนคิดอันใดขึ้นมาได้ “ก่อนหน้านี้ที่ยังรับใช้ใกล้ชิดไทเฮา ข้าเคยได้ยินคนเข้ามารายงานข่าวลับตอนที่กำลังปรนนิบัติไทเฮาโดยไม่ได้ตั้งใจว่า พระชายาโยวอ๋องรับสั่งให้ตัดขาทั้งสองข้างของซูเซียนฮุ่ย และคุมขังนางไว้ที่หลังจวนสกุลซู ทว่านางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? ”
สถานที่แห่งนี้คือจวนจงอู่โหว จงอู่โหวกับไหวหยางจวิ้นจู่ต่างถูกจับไปทีละคน ฮั่วปี้และคนในจวนพลอยติดร่างแหไปด้วย ผู้เดียวที่ได้รับการยกเว้นคือ เว่ยเหม่ยเจีย หลานสาวของเฉินไท่เฟย แต่ได้ยินมาว่า เว่ยเหม่ยเจียก็โดนลงโทษหนักเช่นกัน แม้นางจะได้กลับไปยังตำหนักหนานย่วน ทว่าโยวอ๋องมีพระบัญชา ให้ขังนางไว้ และห้ามนางออกมาจากตำหนักหนานย่วนตลอดชีวิต
ที่นี่ไม่มีผู้ใดอยู่เลย ไท่จื่อไม่มีทางมาอยู่ที่นี่ได้ทุกวัน ที่นี่มีนางผู้เดียว คนก็ไม่ใช่ ผีก็ไม่เชิง นางใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตาม มีสองประเด็นที่แม่นมเจิ้งสามารถยืนยันได้
ประเด็นแรก ซูเซียนฮุ่ยต้องหนีออกมาจากจวนสกุลซู และเวลานี้พระชายาโยวอ๋องกำลังส่งคนออกไปตามหานาง หากนางพาตัวซูเซียนฮุ่ยกลับไป คงสร้างความดีความชอบใหญ่หลวงให้กับพระชายาโยวอ๋อง
นอกจากนี้… จู่ๆ รอยยิ้มของแม่นมเจิ้งก็ดูแปลกประหลาด ทั้งยังแฝงไว้ด้วยความชั่วร้าย
ทั้งสองคนที่อยู่ด้านนอกกำลังเสพสังวาสกันอย่างเร่าร้อน ขณะที่เยี่ยเซิน ไท่จื่อมีความสุขถึงขีดสุด… และคิดว่าไม่มีใครอยู่รอบๆ ดังนั้นจึงยิ่งทุ่มเทสุดกำลังโดยไม่คิดจะสงวนท่าที
ตามประสบการณ์และความเข้าใจของนางเกี่ยวกับเรื่องชายหญิง ในช่วงเวลาเข้าด้ายเข้าเข็มเช่นนี้ หากมีผู้ใดบุกเข้ามาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าพวกเขา แม้ไท่จื่อจะไม่ตกพระทัยจนมีอันเป็นไป ทว่าชั่วชีวิตนี้ เจ้าน้องชายของไท่จื่อคงไม่แข็งอีกเลย หากคิดรักษาคงยากยิ่งนัก
ถือเป็นการแก้แค้นที่พระชายาโยวอ๋องถูกลบหลู่ในครั้งนั้น
นกที่ดีย่อมเลือกป่าเพื่ออยู่อาศัย ขุนนางที่ดีย่อมเลือกนายเพื่อรับใช้
ครั้งที่อยู่ข้างพระวรกายไทเฮา แม่นมเจิ้งนึกชื่นชมพระชายาโยวอ๋องอยู่ในใจมาโดยตลอด พระชายาโยวอ๋องแตกต่างจากสตรีนางอื่น นางรอบรู้ กล้าหาญ มีความฉลาดหลักแหลม และที่สำคัญคือ นางมีความคิดเห็นเป็นของตนเอง
สตรีเช่นนี้ ในอนาคตย่อมประสบความสำเร็จแน่นอน หากติดตามนาง ชีวิตไม่มีวันตกต่ำ
น่าเสียดายที่ในเวลานั้นนางเป็นบ่าวรับใช้ข้างพระวรกายองค์ไทเฮา ไร้วาสนาติดตามพระชายาโยวอ๋อง
ทว่าในตอนนี้มันแตกต่างกัน ขอเพียงมีชีวิตรอดกลับไป นางก็จะมีโอกาสแสดงความสามารถและต่อสู้เพื่อตนเอง
การช่วยเหลือฮองเฮาออกมาได้สำเร็จนับเป็นหนึ่งเรื่อง นำตัวซูเซียนฮุ่ยกลับไปได้ก็นับเป็นอีกหนึ่งเรื่อง ทำให้เยี่ยเซินไม่แข็งอีกต่อไปก็เป็นอีกหนึ่งเรื่อง
ความดีความชอบทั้งสามเรื่องนี้ นับว่านางเต็มใจมอบเป็นของขวัญให้พระชายาโยวอ๋อง และเป็นของขวัญจากใจจริง เพื่อแสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดี หวังว่าพระชายาโยวอ๋องจะเข้าใจในเจตนาของนาง
แม่นมจูเห็นว่าใบหน้าของแม่นมเจิ้งมีบางอย่างผิดปกติ จึงถามขึ้นว่า “เจ้ากำลังคิดวางแผนอันใดอยู่หรือ? ”
“เจ้าดูแลฮองเฮาให้ดี” แม่นมเจิ้งตบหัวไหล่แม่นมจู
แม่นมจูกับฮองเฮาไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกันแน่ แม่นมเจิ้งเดินไปที่ประตูเส้นทางลับ นางเดินวางมาด ดึงหน้ากากที่แปลงโฉมออกด้วยท่าทีขึงขัง เผยให้เห็นใบหน้าเดิมของนาง
“ไท่จื่อ ช่วงเวลาไว้ทุกข์ของพระราชพิธีพระศพ ลูกหลานเชื้อพระวงศ์ทุกคนต้องงดภารกิจในมุ้งในเรือนของตนนะเพคะ ยิ่งห้ามไปเที่ยวหอโคมเขียว ทว่าพระองค์กลับมาสำส่อนอยู่ที่นี่ ทั้งยังเร่าร้อนเป็นอย่างมาก! ไม่ทราบว่าองค์ไทเฮา ฮองเฮา และหวาหรงจวิ้นจู่ที่สิ้นพระชนม์ไปอยู่ในปรโลกจะทรงคิดเช่นไร? ”
คำพูดของแม่นมเจิ้งไม่เห็นซูเซียนฮุ่ยอยู่ในสายตา ยิ่งไปกว่านั้นยังเรียกนางว่าโสเภณีอีก
ทว่าเป้าหมายหลักของแม่นมเจิ้ง ไม่ได้อยู่ที่ซูเซียนฮุ่ย
นางเห็นเยี่ยเซินรีบผละตัวออกจากร่างของซูเซียนฮุ่ยด้วยใบหน้าซีดเผือด แม้จะใช้ผ้าห่มปกปิดร่างกายได้อย่างรวดเร็วก็ตาม