ตอนที่ 289

The Second Coming of Gluttony

บทที่ 289 – การเตรียมการ (10)

หลังจากลับมาที่กระท่อมแล้ว ทั้งคู่ก็ได้เข้าไปดูชายคนนั้นก่อน โชคดีที่เขายังคงหายใจอยู่ ตัดสินจากสภาพร่างกายที่ผ่านการฝึกมาอย่างหนักทำให้เขาดูจะมีความทนทานที่มาก

ซอลจีฮูได้ราดน้ำยารักษาลงไปบนแผล และกรอกปากเขาลงไปอีกขวดหนึ่ง จากนั้นพวกเขาก็ได้หันกลับไปสนใจชายที่พวกเขาช่วยมาจากถ้ำ เมื่อให้เขาคนนั้นดื่มน้ำยารักษาขวดสุดท้ายไปแล้ว ซอลจีฮูกับอึนยูริก็มีเวลาได้พัก

กว่าทั้งคู่จะตื่นขึ้นมาก็รุ่งเช้าแล้ว ซอลจีฮูได้ยินเสียงชายคนหนึ่งตื่นขึ้นมา พร้อมด้วยเสียงกระซิบปลุกชายอีกคนเบาๆ

ระหว่างที่รอให้ทั้งคู่ออกมา ซอลจีฮูกับอึนยูริก็ได้แกะห่อราเมน

ไม่นานนักประตูก็ถูกเปิดขึ้น แม้ว่าพวกเขาจะยังเดินโซเซอยู่ แต่การที่เดินเข้ามาในห้องได้ด้วยตัวเองก็แสดงให้เห็นแล้วว่าร่างกายพวกเขาดีขึ้นมาก

ทั้งคู่ได้ชะงักไปเมื่อเห็นซอลจีฮูกับอึนยูริกำลังนั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่น

“ดีขึ้นแล้วสินะครับ?”

ซอลจีฮูได้ถามออกมาอย่างสุภาพ และชายหนุ่มก็พยักหน้าออกมาอย่างสับสน

“ก็ดีแล้ว เขาโชคดีเจอน้ำยารักษาคุณภาพสูงมาน่ะ”

ซอลจีฮูได้ยิ้มพร้อมกับชี้ไปที่อาหารกับน้ำยาที่พวกเขาเตรียมไว้ก่อนแล้ว

“หยิบไปได้เลย ไว้กินเสร็จแล้วค่อยคุยกัน”

ทั้งคู่ได้มองสบตากันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ชายร่างกำยำจะพูดออกมา

“พะ พวกเรากินได้จริงๆหรอ?”

ซอลจีฮูได้หัวเราะออกมา หากว่าพวกเขาอยู่กันที่ลานกว้างก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ในตอนนี้ซอลจีฮูรู้สึกดีมากกับการที่ได้แก่นแท้แห่งพลังมา

“พวกเรามีพอกินอยู่แล้ว เพราะงั้นหยิบไปได้เลย ต่อให้อาหารหมด พวกเราก็หาเพิ่มได้อีก”

เมื่อซอลจีฮูได้ยื่นข้อเสนอให้ทั้งคู่ถึงสามครั้ง ชายทั้งคู่ก็ได้รีบกระโจนเข้าใส่อาหารทันที พวกเราได้รีบแกะห่อราเมนออกมา และเทน้ำเปล่าใส่เข้าไปโดยที่ยังไม่ได้ใส่เครื่องปรุงเลยด้วยซ้ำ

เพราะเพิ่งจะเฉียดตายกันมากเลยทำให้พวกเขาหิวมากสินะ?

“ขอบคุณนะพี่ชาย!”

จนกระทั่งกินอาหารหมดแล้ว พวกเขาคงจะได้สติกลับมาทำให้ชายร่างผอมโค้งคำนับอย่างสุภาพ

“ผมชื่อปาร์ควูรี! ผมจะไม่มีวันลืมบุญคุณในวันนี้เลยครับ!”

“อ่อ อืม…”

ซอลจีฮูได้เกาแก้มนิ่งๆ เขาก็อยากจะบอกว่า ‘หากอยากจะตอบแทนก็ช่วยใช้คะแนนเอาชีวิตรอดซะ’ อยู่ แต่เขาก็ห้ามตัวเองเอาไว้

“ผมอายุ 24 ปี! เรียกผมว่านายมุทะลุได้เลย!”

“นายมุทะลุ?”

“ครับ นี่เป็นชื่อเล่นผม พี่ๆ ที่ทำงานต่างก็เรียกผมแบบนี้”

ซจากที่เห็นแล้วซอลจีฮูรู้สึกเหมือนชายคนนี้จะทำงานเป็นคนคุ้มกันของไนท์คลับ และพี่ๆ ที่เขาหมายถึงคงจะเป็นเหล่าลูกค้า

“แต่ก็น่าแปลกใจนะที่พวกคุณไม่ถามกันเลยว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าเป็นผม ผมคงจะถามออกมาแล้ว”

“เอ๋ มันก็ชัดแล้วนี่ครับ พี่ชายกับคุณผู้หญิงตรงนั้นคงจะช่วยเราไว้ใช่ไหมครับ?”

สีหน้าของอึนยูริได้บิดเบี้ยวไป อีกด้านหนึ่งซอลจีฮูก็ตอบกลับอย่างพอใจ

“ดูเหมือนคุณจะเข้าใจอะไรได้ดีนะ”

“คือจริงๆแล้วเมื่อวานผมก็ไม่ได้หมดสติไปหรอกครับ ถึงผมจะสลึมสลือ แต่ว่าผมก็พอจะได้ยินเสียงรอบๆตัวอยู่บ้าง”

ปาร์ควูรีได้หัวเราะอย่างอารมณ์ดี และพูดเบาๆ

“ผม…”

ต่อมาชายร่างกำยำก็ค่อยๆแนะนำตัวเองออกมา

“ยูยอลมู ผมอายุ 34 แล้วก็เป็นนักแสดงครับ” จากนั้นก็เสริมว่า “ถึงจะเป็นแค่นักแสดงตัวประกอบก็ตาม”

ซอลจีฮูได้พยักหน้าออกมา เขาก็พอจะรู้ว่าทำไมทั้งคู่ถึงแนะนำตัวเองออกมาทั้งๆที่เขาไม่ได้ถามเลย จากการที่พวกเขาต้องเดินอยู่บนเส้นด้ายตลอดเวลาที่กินอาหาร ซอลจีฮูจึงเริ่มรู้สึกสงสารพวกเขา

“เอาล่ะ คุณปาร์ควูรี คุณยูยอลมู”

ซอลจีฮูพยักหน้าออกมา

“คุณทำได้ดีมากที่รอดกันมาจนถึงตอนนี้ และหลังจากนี้คุณสามารถจะไปกับเราได้”

“จะ จริงหรอครับ?”

ปาร์ควูรีดูจะยินดีมากๆจนเห็นได้ชัด ยูยอลมูก็ดูจะตกใจกับข้อเสนอนี้เช่นกัน

“จะไม่เป็นไรหรอกครับ?”

“หากคุณไม่ต้องการ ไม่ต้องก็ได้”

ซอลจีฮูได้พูดเล่น และยูยอลมูก็รีบส่ายหัว

“ไม่ครับ ผมซาบซึ้งมาก ก็แค่ว่า…”

ดูจากที่เขาลังเล มันดูเหมือนว่าอย่างน้อยเขาจะยังมีความรู้สึกผิดชอบ

‘ฉันก็ยังพาพวกเขาไปด้วยอยู่ดี’

ไม่เพียงแค่การช่วยพวกเขาจะทำให้อึนยูริได้คะแนนเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่พวกเขาก็ยังจะได้ใช้คะแนนเอาชีวิตรอดในเขตพื้นที่เป็นกลางอีกด้วย ในมุมมองของวัลฮาลาแล้วพวกเขาแต่ละคนต่างก็เป็นลูกค้าอันมีค้า

“แต่ว่าผมมีเงื่อนไขอยู่”

ยูยอลมูกับปาร์ควูรีได้ตะโกนออกมาพร้อมกันในทันทีที่คำพูดนี้ออกมาจากปากของซอลจีฮู

“คะ ครับ! พูดมาได้เลย”

“จะอะไรก็ได้หมดครับ!”

พวกเขาต่างก็พร้อมยอมรับเงื่อนไขอยู่แล้ว

ระหว่างจิบน้ำราเมน อึนยูริก็แอบสังเกตมองซอลจีฮู เขาไม่ได้แสดงตัวเป็นหัวหน้า แต่ทั้งคู่ต่างก็เชื่อฟังซอลจีฮูก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัวซะอีก

เงื่อนไขของซอลจีฮูก็ไม่ได้ยากเลย มันก็เพียงแค่ว่าอย่าเข้าไปในเขตพื้นที่เป็นกลางในทันทีเท่านั้น

หลังจากเติมพลังงานด้วยราเมน และตรวจสอบสภาพร่างกายของพวกเขาแล้ว ซอลจีฮูก็ออกมาจากกระท่อม เขาได้วางแผนที่จะช่วยผู้รอดชีวิต และกำจัดฆาตกรที่เหลือเพื่อให้ได้คะแนนเพิ่มขึ้น

จากนั้นทั้งสี่คนก็ได้ไปเจอเข้ากับผู้รอดชีวิตกลุ่มแรกในป่าหนาทึบ ผู้รอดชีวิตทั้งสี่คนที่พวกเขาได้เจอต่างก็ติดกับดักอยู่

พวกเขาได้ถูกขังเอาไว้ในแหจับปลา และแขวนเอาไว้บนต้นไม้ หรือบางคนก็นอนหมดสติติดอยู่กับกับดักหมี บางคนก็ตายไปแล้วหลังจากที่ตกลงไปในหลุมที่เต็มไปด้วยหนามแหลม

ผู้คนส่วนใหญ่ที่หมดสติต่างก็เกิดจากการเสียเลือด แต่มีอยู่คนหนึ่งที่ยังไม่ได้หมดสติ

ซอลจีฮูได้ช่วยหญิงสาวคนนี้ลงมาจากต้นไม้ และถามว่าเกิดอะไรขึ้น เธอได้สะอื้นตอบกลับมา

“ฉันไม่รู้… ฮิค ฉันติดกับดัก และจากนั้นก็ถูกย้ายมาที่นี่…”

‘ฆาตกรกับดัก?’

จากที่ดูแล้วหญิงสาวดูจะติดกับดักที่อื่น จากนั้นก็ถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่

‘ใช่แล้ว การทำแบบนี้จะมีประสิทธิภาพกว่า’

ผู้รอดชีวิตที่ยังไม่ได้ถูกจับที่ลานกว้างคงจะกระจายกันออกไปทั่วเกาะ การต้องไปกลับฐานในทุกๆครั้งที่จับผู้รอดชีวิตได้มันจะไร้ประสิทธิภาพ

ฆาตกรกับดักคงจะวางกับดักเอาไว้หลายอัน และวางแผนที่จะพาผู้รอดชีวิตกลับไปที่ถ้ำหลังจากที่่จับตัวได้จำนวนมากแล้วเท่านั้น

“เพราะงั้นแล้วหากว่าฉันรออยู่ที่นี่ ฆาตกรก็น่าจะกลับมาใช่ไหม?”

“ฉะ ฉันไม่มั่นใจ”

หญิงสาวดูจะอยู่ในอาการตื่นตระหนก แต่เธอก็ตอบคำถามซอลจีฮูอย่างชัดเจน

“มันจะดักซุ่มอยู่แถวๆนี้ยกเว้นบางครั้งที่จะไปจับคนที่ติดกับดักมา… แต่จู่ๆฉันก็ไม่เห็นมันอีกเลย คงประมาณสองชั่วโมงได้แล้ว”

ฆาตกรได้หายตัวไป เป็นเวลานานแล้วด้วย

ซอลจีฮูได้ชั่งใจว่าควรจะรอหรือไปคนหาต่อดี ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกอย่างหลัง เขาได้ตัดสินใจทำสิ่งที่ทำได้ก่อน และเขาก็สามารถจะหาฆาตกรได้อีกในด่านต่อไป

หากโชคดี เขาก็จะได้เจอผู้รอดชีวิตเพิ่มขึ้นอีกด้วย

เขาได้เจอเข้ากับผู้รอดชีวิตอีกกลุ่มเร็วกว่าที่คิดไว้อีกด้วย เขาได้เดินไปตามกระท่อมต่างๆ พร้อทั้งช่วยรักษาผู้รอดชีวิตที่บาดเจ็บจากกับดัก จนกระทั่งได้มาเจอกับผู้รอดชีวิตแปดคนในกระท่อมหลังที่สี่

โชคร้ายที่ว่าคนส่วนใหญ่ต่างกตายไปแล้ว ศพของพวกเขาได้เสียหายอย่างหนักราวกับถูกเลื่อยไฟฟ้าหั่น

มันถึงขนาดที่ผู้รอดชีวิตที่มีสภาพดีที่สุดก็ยังีแผลยาวอยู่กลางหลัง ถึงซอลจีฮูจะเข้ามาช่วยเขาไว้ได้ แต่เขาก็ไม่เจอฆาตกรรอบๆกระท่อมเลย

จากนั้นเมื่อดวงอาทิตย์ลอยขึ้นอยู่กลางท้องฟ้าแล้ว ซอลจีฮูเจอเข้ากับฉากอันแปลกประหลาดในทางเดิน กลุ่มผู้รอดชีวิตหกคนที่เปลือยเปล่าทั้งชายและหญิง พวกเขาได้ถูกมัดแขนและขาเอาไว้

‘…พวกเขาเจอเข้ากับฆาตกรโรคจิตงั้นหรอ?’

โชคดีที่อาการบาดเจ็บของพวกเขาไม่เท่าผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ เมื่อซอลจีฮูได้ตัดเชือกและคลายผ้าปิดปากให้พวกเขา ผู้รอดชีวิตแต่ละคนต่างก็ตะโกนส่งเสียงออกมา

สิ่งที่พวกเขาบอกก็ไม่ได้ต่างไปจากประสบการณ์ที่ผุ้รอดชีวิตที่ติดกับดักเจอเลย ฆาตกรโรคจิตได้เข้ามาเปลื้องผ้าของเหยื่อ จับพวกเขามัดเอาไว้ และให้พวกเขาคลานสี่ขา จากนั้นจู่ก็มันก็ทิ้งพวกเขาและหายตัวไป

มันเหมือนกับกับฆาตกรกับดักเลย ด้วยข้อมูลนี้ทำให้ซอลจีฮูไม่อาจจะมองข้ามเรื่องนี้ได้อีก

‘ฉันเดินหามาครึ่งวันแล้ว…’

เขารู้สึกแปลกมาสักพัก แม้ว่าเกาะนี่จะมีพื้นที่กว้างมาก แต่มันก็แปลกมากที่พวกเขาไม่เจอฆาตกรเลยสักคน

‘พอลองคิดดูแล้ว’

แม่ที่หกได้ตายไปแล้วแน่ๆ สมุดบันทึกของผู้รอดชีวิตนิรนามได้บอกแบบนี้ เพราะงั้นมันก็ยากที่จะเชื่อว่าเธอหลบหนีไป

ขณะที่ซอลจีฮูกำลังคิดกับตัวเอง…

ตื๊ดดด ตื๊ดด ตื๊ดด! โทรศัพท์ของอึนยูริได้ส่งเสียงออกมาหลายครั้ง ซอลจีฮูได้รีบขมวดคิ้วก้มลงไปมองหน้าจอโทรศัพท์ สมุดบันทึกของผู้รอดชีวิตนิรนามได้อัพเดทอย่างต่อเนื่อง

[ผู้ส่ง: นิรนาม]
คุกลึกลับใต้ดิน (สมุดบันทึกของผู้รอดชีวิตนิรนาม – หน้าที่ 32)

ระหว่างค้นหาพรรคพวกที่หายไป พวกเราได้เจอเข้ากับบันไดลงชั้นใต้ดิน ระหว่างพวกเขากำลังสำรวจคุกลึกลับนี่ ใครบางคนก็กรีดร้องออกมา

พระเจ้า! มีมอนสเตอร์น่ากลัวถูกขังเอาไว้ในกรง!

ด้วยความหวาดกลัวทำให้พวกเราวิ่งหนีเอาชีวิตรอดกันออกมา พวกเขาได้รีบวิ่งขึ้นมาข้างบน…. แต่ว่า! พวกเราได้ทิ้งฆาตกรที่เราจับมาได้ไว้ที่ชั้นใต้ดิน!

คนที่ทำพลาดทิ้งฆาตกรเอาไว้ได้บอกว่าเขาจะรับผิดชอบโดยการกลับลงไปพาขึ้นมาเอง แต่ยังไงก็ตามเขาได้กลับมามือเปล่า

จากนั้นเขาก็นำข่าวน่าเหลือเชื่อมามอบให้กับเรา มอนสเตอร์ลึกลับที่ถูกขังอยู่ในกรงได้ยื่นมือผ่านลูกกรงออกมาจับตัวฆาตกรที่ถูกมัดไว้ และเริ่มกินฆาตกร

มอนสเตอร์กินฆาตกร!

มันยากที่จะเชื่อ แต่ก็ไม่มีใครกล้าลงไปตรวจสอบดู ในเมื่อฆาตกรตายไปแล้ว ฆาตกรที่เหลือก็น่าจะแกร่งขึ้น พวกเราได้เริ่มเดินต่อไปโดยเป็นกังวลถึงชีวิตในอนาคตของเรา

…หืม? เกิดอะไรขึ้น? ฆาตกรคนอื่นๆดูจะไม่ได้แกร่งขึ้นเลย

[ผู้ส่ง: นิรนาม]
คุกลึกลับใต้ดิน (สมุดบันทึกของผู้รอดชีวิตนิรนาม – หน้าที่ 33)

พอมาลองคิดดูแล้ว ฆาตกรจะแกร่งขึ้นเมื่อผู้รอดชีวิตฆ่าพวกมันด้วยมือตัวเอง แต่ว่าเมื่อถูกมอนสเตอร์ในกรงกินลงไปก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เพื่อทดสอบในทฤษฎีนี้ พวกเราได้เผชิญกับปัญหาและความยากลำบากนับไม่ถ้วนเพื่อจับฆาตกรมาได้อีกคน หลังจากมัดมันไว้แล้ว พวกเราก็ได้กลบลงไปในคุกใต้ดิน

สำเร็จ! ฆาตกรถูกกินไปแล้ว แต่ว่าฆาตกรที่เหลือก็ไม่ได้แกร่งขึ้น แม่ที่หกไม่รู้ตัวงั้นหรอ?

พวกเราไม่มั่นใจ แต่ว่าสิ่งที่พวกเรารู้ก็คือฆาตกรไม่ได้แกร่งขึ้น

ยอดเยี่ยม นับจากนี้พวกเราใช้วิธีนี้จัดการกับฆาตกรได้ พวกเราไม่ต้องกลัวพวกมันอีกต่อไปแล้ว!

[ผู้ส่ง: นิรนาม]
คุกลึกลับใต้ดิน (สมุดบันทึกของผู้รอดชีวิตนิรนาม – หน้าที่ 34)

แปลก มอนสเตอร์ที่ถูกขังไว้ดูจะเปลี่ยนแปลงไป

เมื่อก่อนถึงออร่าที่ส่งออกมาจากตัวมันจะดูชั่วร้ายจนทำให้ฉันไม่อยากจะมอง แต่ในตอนนี้มันรุนแรงมากยิ่งขึ้นหลายเท่าเลย

นี่เพราะว่าฆาตกรที่มันกินลงไปงั้นหรอ?

…เป็นแบบนี้ไม่ได้แล้ว ฉันรู้สึกว่าเราไม่ควรจะให้มันกินมากยิ่งขึ้นอีก ฉันอาจจะคิดผิดไป แต่ฉันคิดว่ามันเพิ่งมองมาที่ฉัน และกลืนน้ำลายลงไป!

ฉันอยากจะเผชิญหน้ากับฆาตกรหรือแม่ที่หกมากกว่าซะอีก ฉันไม่อยากจะสู้กับเจ้านี่เลย! หากว่ามันมีวิธีพังกรงขังออกมาล่ะก็… อ๊าา! แค่คิดก็ทำให้ฉันขนลุกแล้ว!

เมื่อได้อ่านบันทึก สีหน้าของซอลจีฮูได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

‘เดี๋ยวก่อนนะ…’

มีอยู่หนึ่งคำถามที่เด่นชัดออกมา

ทำไมจู่ๆสมุดบันทึกถึงได้ถูกอัพเดท? การอัพเดทของสมุดบันทึกจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ การช่วยผู้รอดชีวิตทำให้เกิดอะไรแบบนี้งั้นหรอ?

ซอลจีฮูได้ก้มลงไปมองจอโทรศัพท์ต่อ มันยังมีหน้าที่เขาไม่ได้อ่านอยู่

[ผู้ส่ง: นิรนาม]
สมุดบันทึกของผู้รอดชีวิตนิรนาม -หน้าพิเศษ

…เชี้ยว พวกเราควรที่จะฆ่ามอนสเตอร์นั่นก่อน

….

หน้าพิเศษ มีคำพูดถูกเขียนเอาไว้แค่สองประโยคเท่านั้น แต่มันกลับดูมีแรงกระเพื่อมที่ทรงพลังมาก

‘มอนสเตอร์นั่น?’

ซอลจีฮูได้หรี่ตาลง จากนั้นเอง

[ตามเจตจำนงของแม่ที่หก ฆาตกรโลกจิตได้ถูก ‘โฮมุนครุส’ กลืนกิน]
[ฆาตกรเลื่อยถูกกลืนกิน]
[ฆาตกรกับดักถูกกลืนกิน]

จู่ๆข้อความจำนวนมากก็โผล่ขึ้นมา และจากนั้น…

[พละกำลังและความเร็วของโฮมุนครุสเพิ่มมากขึ้น]
[ประสาทสัมผัสทั้งห้าของโฮมุนครุสเฉียบคมยิ่งขึ้น]
[สติปัญญาของโฮมุนครุสเพิ่มสูงขึ้น]
[พลังการฟื้นฟูของโฮมุนครุสเพิ่มขึ้น ระวัง ตอนนี้โฮมุนครุสสามารถพังกรงออกมาได้แล้ว]
[โฮมุนครุสได้กลืนกินฆาตกรทั้งหมด ด้วยการยอมรับ ‘ขีดสุดความชั่วร้าย’ ทำให้โฮมุนครุสทรงพลังมากยิ่งขึ้นสองเท่า!]

ข้อความได้โผล่ขึ้นมามากยิ่งขึ้น และนอกจากนี้…

[โฮมุนครุสไม่ได้ทำตามเงื่อนไขในการฟื้นฟู!]

การเปลี่ยนแปลง…

[สมดุลภายในของโฮมุนครุสได้พังทลายลงทำให้มันอารวาด!]

…ได้เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน…

[ระหว่างที่ ‘ขีดสุดความชั่วร้าย’ อารวาด พลังโดยรวมของโฮมุนครุสจะเพิ่มขึ้น 700 เปอร์เซ็นต์!]

…เหมือนอย่าง

-ก๊าซซซซซซซซซซซ!

เสียงร้องอันน่ากลัวได้ดังออกมาจากไกลๆจนทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน แม้แต่สายลมก็ยังพัดอย่างรุนแรงจนทำให้เกิดคลื่นกระแทกออกมา

มันไม่ใช่แค่ซอลจีฮูกับอึนยูริเท่านั้น ผู้รอดชีวิตทุกๆคนต่างก็หันไปมองในทางเดียวกัน

ถึงแม้ว่าจะอยู่ไกล แต่พวกเขาก็รู้สึกได้ ความชั่วร้ายที่ไม่เคยมีมาก่อนได้กวาดไปทั่วทั้งเกาะ

ออร่าชั่วร้ายที่ฆาตกรกับแม่ที่หกไม่อาจจะเทียบติดได้กำลังพวยพุ่งออกมา