แดนนิรมิตเทพ บทที่ 418
ยาเสริมจิตของเฉินโม่เมื่อเทียบกับยาที่มู่เจิ้งเฟิงกลั่นออกมาแล้ว มีประสิทธิภาพมากกว่าร้อยเท่า และระดับการเจือจางในเม็ดยาของเฉินโม่ก็น้อยกว่าของหอว่านเค่อไหล ดังนั้นฤทธิ์ยาจึงอยู่ได้นานกว่า เพียงแค่ใช้ดื่มกินอย่างต่อเนื่อง ก็จะมีผลลัพธ์สามารถรักษาโรคเรื้อรังให้หายขาดได้จริงๆ
ใช้เวลาสั้นๆเพียงสามวัน หอเซียงหม่านก็กลับมารุ่งโรจน์อีกครั้ง และทำการเหยียบย่ำว่านเค่อไหล ส่วนสถานการณ์ในตอนนี้ของว่านเค่อไหล กลับกลายเป็นสภาพของหอเซียงหม่านเมื่อก่อนหน้านี้
ภายในห้องทำงาน หลี่ซู่เฟินมองดูรายงานผลงานที่ก้าวหน้ามากขึ้น รู้สึกมีความสุขยิ้มจนหุบปากไม่อยู่
พลิกผันต่างจากสถานการณ์เมื่อหลายวันก่อน ตอนนี้ล้วนมีแต่ข่าวดี
เฉินโม่นั่งอยู่บนโซฟา มองดูคุณแม่ที่มีความสุข ตัวเองก็อดไม่ได้ท่าจะฉีกยิ้มออกมาเช่นกัน ชาตินี้ สามารถทำให้ญาติพี่น้องเพื่อนของตัวเองมีความสุขได้ ถือเป็นความหวังที่ยิ่งใหญ่ของเฉินโม่
ว่านซื่อกรุ๊ป ภายในห้องทำงานของว่านฉางหรู บรรยากาศอึมครึมปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง
ใบหน้าของว่านฉางหรูที่เดิมทีมีความสง่างาม ตอนนี้กลับมืดมนเหมือนดั่งก้นหม้อ มองดูรายงานแต่ละชุด ทั้งตกใจและโมโหปะปนกัน
“เป็นไปได้ยังไงกัน? ทำไมถึงเป็นแบบนี้?” ว่านฉางหรูพึมพำ สีหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง
หนานกงหลงที่อยู่ด้านข้างหรี่ตาลง ถามเสียงเย็นชาว่า “คุณว่าน เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ?”
ว่านฉางหรูมองหนานกงหลง สีหน้าเคร่งเครียด “ธุรกิจของว่านเค่อไหลตกต่ำลงเรื่อยๆ จำนวนลูกค้าน้อยลงมากถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว ล้วนถูกหอเซียงหม่านของเหม่ยหวากรุ๊ปแย่งไปหมดเลยครับ!”
มู่เจิ้งเฟิงที่ปิดตาลงพักผ่อนสะดุ้งเปิดตาโพลง แล้วพูดอย่างโมโหเล็กน้อยว่า “เป็นไปไม่ได้! คุณว่าน คุณกำลังสงสัยฝีมือการกลั่นยาของผมงั้นหรอ?”
ว่านฉางหรูรีบก้มหน้าขอโทษ “มู่ไต้ซืออย่าได้โมโหครับ ผมไม่ได้หมายความเช่นนั้น แต่รายงานการขายที่ส่งมาจากแต่ละสาขาเขียนไว้อย่างนี้จริงๆครับ”
“ได้ยินมาว่าหอเซียงหม่านเองก็โฆษณาอาหารสมุนไพรจีนบำรุงสุขภาพออกมาเช่นกันครับ แล้วยังเป็นอาหารผักใบเขียวไร้สารพิษด้วยครับ ชื่อว่ารักษาทุกโรค จากการตอบสนองของลูกค้ามากมาย เห็นว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าซุปยาของว่านเค่อไหลเรามากครับ”
เมื่อมู่เจิ้งเฟิงได้ยินเช่นนั้น สีหน้าก็ค่อยๆนิ่งเฉยลง แต่ในแววตากลับมีความสงสัยแฝงอยู่ “รักษาทุกโรค? หึ แม้แต่ฉันยังไม่กล้าพูดจาอวดดีเช่นนี้เลย! คุณว่าน คุณเรียกคนไปซื้อซุปที่หอเซียงหม่านมาหน่อย ฉันจะลิ้มลองด้วยตัวเอง”
มู่เจิ้งเฟิงออกโรงด้วยตัวเอง ว่านฉางหรูรู้สึกดีใจ รีบพูดว่า “มู่ไต้ซือรอสักครู่นะครับ ผมจะเรียกคนไปซื้อกลับมาเดี๋ยวนี้ครับ”
สิบนาทีต่อมา ภายในห้องประชุม ว่านฉางหรูและหนานกงหลงมองมู่เจิ้งเฟิงด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น “เป็นยังไงบ้าง?”
มู่เจิ้งเฟิงลิ้มลองรสชาติ มองดูน้ำซุปในกล่องเก็บความร้อน มีความรู้สึกงุนงง “เหมือนว่าจะไม่ได้ผสมยาวิเศษไว้ แต่ในซุปถ้วยนี้เหมือนจะมีพลังชี่ทิพย์บรรจุอยู่อย่างมาก?”
แต่ว่า เมื่อฤทธิ์ของยาเสริมจิตที่บรรจุอยู่ในน้ำซุปเริ่มแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของมู่เจิ้งเฟิง มู่เจิ้งเฟิงเบิกตาโพลง มองดูกล่องเก็บความร้อนตรงหน้าอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
“ไม่มีสีไม่มีกลิ่นไม่มีสารตะกอน พลังชี่ทิพย์แหวกว่ายวนอยู่ในร่างกายดั่งงูเลื้อย นี่มันเป็นคุณสมบัติที่ต้องมีของยาวิเศษล้ำเลิศนี่นา!”
“ในซุปถ้วยนี้มียาวิเศษล้ำเลิศบรรจุอยู่ด้วย!”
“เจ้าหนุ่มนั่นช่างยอมเสียสละจริงๆ!”
มู่เจิ้งเฟิงสีหน้าตกตะลึง ยาวิเศษล้ำเลิศล้ำค่ามากเพียงใด แม้แต่ตระกูลมู่เองยังมีเพียงแค่ไม่กี่เม็ดเท่านั้น แต่เฉินโม่กลับนำมาใช้ฟุ่มเฟือยที่การแข่งขันทางธุรกิจธรรมดาเช่นนี้ ช่างฟุ่มเฟือยสิ่งของเสียจริง
ในโลกฝึกบู๊ของหัวเซี่ย ยาที่นักกลั่นยาทำออกมาได้สำเร็จ ถูกเรียกว่ายาวิเศษ ถูกแยกประเภทเป็นระดับธรรมดา ระดับสูง และชั้นล้ำเลิศ ในชั้นล้ำเลิศขึ้นไปนั้น ได้ยินมาว่ายังมียาเซียนอีก แต่ว่ามีอยู่แค่ในตำนานเท่านั้น ไม่เคยมีใครได้เห็นยาเซียนมาก่อน
ต้องรู้ไว้ว่ายาวิเศษล้ำเลิศหนึ่งเม็ด ก็สามารถทำให้นักบู๊ธรรมดาคนหนึ่งเข้าสู่แดนในได้ในทันที ส่วนสำหรับคนธรรมดาที่ไม่ได้ฝึกบู๊ ก็มีประสิทธิภาพสามารถทำให้อายุยืนยาว ร่างกายแข็งแรง
เรียกได้ว่า ในโลกมนุษย์ ยาวิเศษล้ำเลิศก็คือยาวิเศษที่ทุกคนเล่าลือกัน ใช้คำว่าล้ำค่ามาวัดก็ยังไม่สามารถวัดค่าได้มากพอ!
แต่เฉินโม่กลับนำเอายาระดับนี้มาใช้ในการแข่งขันทางธุรกิจ หากไม่ใช่การฟุ่มเฟือยแล้วจะเรียกว่าอะไร?