แดนนิรมิตเทพ บทที่ 417
เสี่ยวหวางเคยได้ยินเรื่องเล่าตลกมาอย่างหนึ่ง

เครื่องบินลำหนึ่งเจอเหตุอันตราย จำเป็นต้องลงจอดบนท้องทะเล กัปตันสั่งให้ผู้โดยสารสไลด์ลงไปด้านล่างเพื่อไปนั่งบนเรือชูชีพของผู้มาช่วยเหลือ

แต่ว่าไม่มีใครกล้าลงไป

ฉะนั้น กัปตันจึงคิดหาวิธีอย่างหนึ่ง สั่งการกับแอร์โฮสเตสว่า “เธอไปบอกกับคนอเมริกันว่านี่คือการผจญภัย บอกกับคนอังกฤษว่านี่คือเกียรติยศ บอกกับคนฝรั่งเศสว่านี่คือความโรแมนติก บอกกับคนเยอรมันว่านี่คือกฎข้อบังคับ แล้วบอกกับคนญี่ปุ่นว่านี่คือคำสั่ง เท่านี้ก็พอแล้ว”

แต่แอร์โฮสเตสกลับทำสีหน้าลำบากใจ “แต่บนเครื่องบินลำนี้ล้วนเป็นคนหัวเซี่ยที่มาท่องเที่ยวแพ็กเกจราคาพิเศษทั้งหมดเลยนะคะ!”

กัปตันยิ้มอย่างได้ใจ “อย่างนั้นก็ยิ่งง่าย เธอก็บอกไปซะว่านี่คือของฟรีก็ได้แล้ว”

จากนั้นไม่นานผู้โดยสารบนเครื่องบินก็ลงไปกันจนหมด

แม้ว่านี่จะเป็นเรื่องตลกที่สร้างขึ้นมาจากพวกคนน่าเบื่อ แต่กลับแสดงออกถึงความคิดของคนหัวเซี่ยมากมายได้ดี ร้านค้ามากมายใช้กลยุทธ์นี้ในการโฆษณาแล้วเห็นผลอย่างดี

เมื่อก่อนเสี่ยวหวางยังรู้สึกดูถูกเรื่องตลกนี้อยู่เลย รู้สึกว่าคนที่สร้างเรื่องตลกนี้มีความหมายที่ต้องการเหยียดศักดิ์ศรีของคนหัวเซี่ย แต่เมื่อเสี่ยวหวางมาถึงที่หอเซียงหม่าน ก็ได้พิสูจน์แล้วว่านี่ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องตลก แต่เป็นความจริง

หน้าร้านหอเซียงหม่านเข้าแถวยาวสองแถว แทบจะยืนเต็มถนนทางเดิน

เสี่ยวหวางยืนมองอยู่ด้านข้างสักครู่ เดิมทีคิดอยากจะกลับแล้ว แต่เมื่อได้ยินคำพูดจากลูกค้าที่เพิ่งลิ้มลองเดินออกมาจากหอเซียงหม่าน โดยแต่ละคนต่างก็ตกตะลึง พูดว่าซุปของหอเซียงหม่านมีฤทธิ์ดีกว่าของว่านเค่อไหลร้อยเท่า เพิ่งกินเข้าไปได้นาทีเดียว อาการป่วยในร่างกายทั้งหมดก็หายดีหมดจด

เมื่อได้ยินคนพวกนั้นเล่าต่อกันอย่างน่าอัศจรรย์เช่นนั้น เสี่ยวหวางจึงทำได้แค่ขมวดคิ้วแล้วเดินไปต่อแถวที่ด้านหลังเงียบๆ

ต่อแถวอยู่นานครึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็ถึงคิวของเสี่ยวหวางแล้ว ซุปของหอเซียงหม่านค่อนข้างง่ายดาย มีเพียงแค่อย่างเดียว นั่นก็คือซุปรักษาทุกโรค คล้ายๆกับกระเป๋ารักษาทุกโรคสำหรับผู้หญิง

เสี่ยวหวางรู้สึกสงสัยอย่างมาก รู้สึกว่าคำขวัญนี้เหมือนกับคำขวัญที่พวกหลอกลวงใช้กัน ล้วนเป็นอย่างกระเป๋ารักษาทุกโรค แต่ทุกคนต่างก็รู้ดีว่ากระเป๋าไม่สามารถรักษาทุกโรค นอกจากว่าจะเป็นยาวิเศษที่เทพเจ้าโยนลงมา ไม่อย่างนั้นคงไม่มีใครมีฝีมือเช่นนั้น

แต่ยังไงซะก็เป็นของฟรี เสี่ยวหวางจึงชิมหนึ่งคำด้วยความคิดว่าแค่ทดลองชิมเท่านั้น

รสชาติซุปดีไม่เลว เหมือนกับน้ำซุปที่ตุ๋นออกมากันเองที่บ้าน ไม่ได้มีกลิ่นสมุนไพรอ่อนๆอย่างของหอว่านเค่อไหล ซึ่งไม่รู้ว่าจะมีผลลัพธ์อะไรหรือไม่

แต่เมื่อเสี่ยวหวางกินคำที่สอง ทันใดนั้นก็นิ่งอึ้งทันที

คอของเขาไม่เจ็บแล้ว เอวก็ไม่ปวดเช่นกัน ผลลัพธ์ประสิทธิภาพรวดเร็วมากยิ่งกว่ารอบแรกที่ไปกินของว่านเค่อไหลซะอีก!

นี่มันความมหัศจรรย์ชัดๆ!

เสี่ยวหวางรีบกินซุปที่เหลืออยู่ในถ้วยจนหมดในทันที เมื่อเดินออกจากหอเซียงหม่าน รู้สึกร่างกายกระปรี้กระเปร่า แข็งแรงสุขภาพ รู้สึกเหมือนได้กลับไปในร่างกายช่วงวัยอายุสิบแปดปี

เสี่ยวหวางอดกลั้นความตื่นเต้นในใจไว้ไม่อยู่ รีบร้อนโทรหาเพื่อนร่วมงานพวกนั้น “ฮัลโหล พี่จางใช่มั้ยครับ? พี่รีบไปหอเซียงหม่านเร็วเข้า อย่าถามว่าทำไม รีบไปครับ!”

เมื่อวางสายแล้ว เสี่ยวหวางก็โทรออกไปอีก “ที่รัก เธอรีบไปที่ร้านหอเซียงหม่านเดี๋ยวนี้เลย ยังไม่เลิกงานงั้นหรอ? อย่างนั้นก็ลางานซะ ไม่ต้องถามว่าทำไม แค่ไปก็พอแล้ว!”

เสี่ยวหวางโทรออกไปห้าหกสาย โทรไปแจ้งให้กับครอบครัวของตัวเองและเพื่อนที่สนิทสนมกัน แล้วก็นำเอาบัตรสมาชิกที่ตัวเองสมัครมาจากหอว่านเค่อไหลทิ้งถังขยะ จากนั้นก็กลับบ้านอย่างมีความสุข

สถานการณ์เดียวกันเกิดขึ้นไปทั่วทั้งเมืองฮ่านหยาง หอเซียงหม่านที่เดิมทีถูกว่านเค่อไหลเหยียบย่ำจนแทบจะเจ๊ง ตอนนี้ได้พลิกผันเรียกลูกค้าได้มากขึ้นภายในคืนเดียว แล้วก็แย่งชิงลูกค้าของว่านเค่อไหลไปได้กว่าครึ่งภายในระยะเวลาสั้นๆ

และสถานการณ์เช่นนี้ ยังดำเนินต่อไป จากการที่ประสิทธิภาพฤทธิ์ยาของว่านเค่อไหลจางหายไป ก็ยิ่งมีลูกค้ามากมายกลับเข้าสู่ร้านหอเซียงหม่านมากขึ้น