ตอนที่ 251 ศึกแย่งชิงสายเลือด

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

ตอนที่ 251 ศึกแย่งชิงสายเลือด

เฉียวหน่วนอวี้บ้าไปแล้วหรืออย่างไร ตามคำบอกเล่าของแม่จ้าวก่อนหน้านี้… เหตุใดตอนนี้นางถึงมาทำแบบนี้อีก?

ซูหวานหว่านรู้สึกงุนงงและก็ได้ยินเฉียวหน่วนอวี้พูดออกมาอีกครั้ง “ท่านแม่! ข้าไม่รู้จักนาง! รีบไล่นางออกไป! ข้าเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลเฉียว!”

“ตระกูลเฉียวงั้นรึ เฮอะ!” แม่จ้าวพูดออกมาอย่างเย็นชา สาวตาของนางเย็นและไร้ความปรานี “เจ้ายังเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลเฉียวเช่นเดิม แต่…ตอนนี้ที่นี่คือตระกูลจ้าว! คนที่ควรจะไสหัวออกไปก็คือเจ้าต่างหาก! เจ้าอย่าคิดว่าข้าไม่รู้เรื่องสกปรกที่เจ้ากับพ่อของเจ้าทำเอาไว้”

“ท่านแม่! ข้า…” เฉียวหน่วนอวี้ตกตะลึงพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา หญิงสาวจ้องมองไปที่แม่จ้าวแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น “ตระกูลจ้าว…ตระกูลจ้าวมีอะไรดี! ที่นี่ต้องเป็นตระกูลเฉียวสิถึงจะถูก! ท่านควรรีบเปลี่ยนป้ายเป็นตระกูลเฉียวเดี๋ยวนี้… แล้วรีบไปช่วยท่านพ่อของข้าออกจากคุก! ไม่อย่างงั้น…”

เฉียวหน่วนอวี้ยกมีดที่อยู่ในมือของตัวเองขึ้นมาและจ่อไปที่คอของแม่จ้าวทันที “ไม่เช่นนั้น ข้าจะฆ่าท่าน!”

ร่องรอยสีแดงปรากฏขึ้นบนลำคอของแม่จ้าวอย่างชัดเจน ทันใดนั้นนางก็ยกมือขึ้นและดึงปิ่นปักผมบนศีรษะของตัวเอง แล้วกรีดไปที่มือของเฉียวหน่วนอวี้แล้วพูดว่า “เฉียวหน่วนอวี้! ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเจ้า ดังนั้นอย่ามากำเริบเสิบสานให้มากนัก เป็นเวลาหลายปีแล้วที่เจ้าได้ยึดครองรังทองนี้เอาไว้ และถูกพูดถึงด้วยความชื่นชมยินดีถึงความรุ่งโรจน์ มั่งคั่ง ทั้งยังเต็มไปด้วยทรัพย์สมบัติ อยู่กินสุขสบาย แต่เจ้ากลับไม่มีความกตัญญูแม้แต่น้อย แล้วเจ้ายังต้องการที่จะฆ่าแม่ของข้าอีก! ข้าล่ะสงสัยเหลือเกินว่าแม่ของเจ้าให้กำเนิดเจ้าในห้องน้ำหรือยังไง ในสมองของเจ้าถึงมีแต่เรื่องสกปรกและไม่รู้สำนึกบุญคุณคนเช่นนี้!”

“ซูหวานหว่าน!” เฉียวหน่วนอวี้กัดฟันกรอดด้วยความโกรธ ทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไหลลงตามใบหน้าของนาง เมื่อยกมือสัมผัสใบหน้าของนางก็พบว่ามันคือเลือด! ดวงตาของนางแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที หญิงสาวปล่อยตัวแม่จ้าวแล้ววิ่งไปหาซูหวานหว่านทันที

“ซูหวานหว่าน! ข้าจะฆ่าเจ้าให้ตาย!” เฉียวหน่วนอวี้เดินเข้ามาด้วยความอาฆาตแค้น ส่วนซูหวานหว่านกลับยืนนิ่งไร้ท่าทีหวาดกลัว ขณะที่เฉียวหน่วนอวี้กำลังจะแทงเข้าไป ซูหวานหว่านก็หลบเดินไปด้านข้างทันที ด้วยแรงที่มหาศาลทำให้ร่างกายของนางพุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่อาจควบคุมได้!

และด้านหน้าของนางคือทะเลสาบ เฉียวหน่วนอวี้เกิดอาการตื่นตระหนก เมื่อนางมาถึงเมืองหลวงนี้ครั้งแรกก็ได้ยินข่าวลือมามีคนแอบซื้อปลากินเนื้อมาปล่อยเอาไว้ หากนางตกไปลงจะเป็นอย่างไร!

เฉียวหน่วนอวี้พยายามจะมองหาที่ยึดเหนี่ยวเพื่อไม่ให้ตัวเองวิ่งตกลงน้ำ แต่ว่ามันก็ไม่ทันเสียแล้ว!

ตู้ม

น้ำจากทะเลสาบสาดกระเซ็นขึ้นมาระลอกใหญ่ ซูหวานหว่านตะโกนออกมาอย่างเย็นชาว่า “ใครก็ได้! ระวังอย่าปล่อยให้นางออกไปได้!”

หลังจากพูดจบคนใช้กลุ่มหนึ่งก็รีบวิ่งเข้าไปดูทันที และตอบรับอย่างขยันขันแข็ง “ขอรับ! คุณหนู!”

เมื่อเฉียวหน่วนอวี้ที่กำลังดิ้นรนเอาตัวรอดอยู่ในน้ำได้ยินเช่นนั้น นางก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาว่า “ข้าคือคุณหนูใหญ่ของพวกเจ้าต่างหาก! รีบมาช่วยข้าเดี๋ยวนี้นะ! อย่าไปฟังคุณหนูปลอม ๆ แบบนาง!”

ว่าลูกสาวของนางเป็นคุณหนูปลอม ๆ งั้นเหรอ แม่จ้าวได้ยินแบบก็เกิดความรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา และกล่าวออกมาว่า “แม่นางซูเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของข้า! ส่วนเจ้า ข้าก็ไม่รู้ว่าเฉียวฝู่เอาลูกใครมาให้ข้าเลี้ยง! พวกเจ้าควรพิจารณาด้วยตัวเองว่าพวกเจ้าควรรับใช้ใคร!”

เมื่อคนใช้ได้ยินแบบนี้พวกเขาก็รู้เลยว่าควรปรนนิบัติต่อเจ้านายให้ถูกคน พวกเขาจึงพูดออกมาทันทีว่า “คุณหนูคงจะลำบากไม่น้อยที่ต้องไปอยู่ข้างนอกมาเนิ่นนานหลายปี! พวกเราจะคอยดูแลคุณหนูเอง! หญิงโสโครกที่อยู่ในน้ำคือหญิงที่บ้าอำนาจ และพวกเราจะคอยจับตาดูนางเอาไว้ไม่ปล่อยให้นางมารบกวนคุณหนู!”

“รู้เช่นนั้นก็ดี” แม่จ้าวพูดออกมาขณะมองไปที่เฉียวหน่วนอวี้อย่างเย็นชาด้วยความรู้สึกรังเกียจเต็มหัวใจ

ซูหวานหว่านประทับใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก นางหยิบยาออกมาจากมิติฟาร์มแล้วทาลงรอบคอของแม่จ้าว

แม่จ้าวรู้สึกทราบซึ้งใจ พร้อมกับพาตัวของซูหวานหว่านเดินกลับเข้ามาในห้องเพื่อพักผ่อน พร้อมกับพูดขึ้นมาว่า “ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าที่ไปอยู่ข้างนอกมาหลายปีจะได้เรียนรู้ทักษะเกี่ยวกับการรักษาจนเก่งกาจถึงเพียงนี้! แน่นอนว่าลูกสาวตระกูลจ้าวของข้าเป็นคนที่มีพรสวรรค์!”

ขณะที่พูดเสียงของนางก็เล็กลง ทำให้ซูหวานหว่านรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในใจซึ่งแตกต่างจากความรู้สึกที่เคยได้รับจากเจิ้นซิวซิว ซูหวานหว่านสามารถสัมผัสได้ถึงสิ่งที่แม่จ้าวพูดและทำออกมา ทั้งหมดนี้… ล้วนปฏิบัติต่อนางอย่างจริงใจ!

ซูหวานหว่านประคองร่างกายของแม่จ้าวเข้ามานอนในห้อง และใช้คะแนนยี่สิบคะแนนแลกยาออกมาให้กับแม่จ้าวกินพร้อมพูดออกมาว่า “ท่านแม่ ท่านอย่าคิดมากไปเลย เมื่อคืนท่านยังไม่ได้นอนพักผ่อนเต็มที่ใช่หรือไม่ ตอนนี้มันก็ดึกมากแล้ว ควรนอนได้แล้ว พรุ่งนี้พวกเราค่อยคุยกันก็ได้”

“มันก็จริง!” แม่จ้าวตอบรับด้วยความดีใจ ไม่นานก็ผล็อยหลับไปทันที ซูหวานหว่านกลับไปนอนพักที่ห้องด้านข้างและคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงสองสามวันที่ผ่าน แต่ทันใดนั้นก็เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นในมิติฟาร์ม สติของซูหวานหว่านวูบหายเข้าไปในมิติฟาร์มและพบว่าคะแนนตนเองนั้น…

มันเกิดอะไรขึ้น!

ซูหวานหว่านรู้สึกตกใจ “มิติฟาร์ม ระบบกลไกล่มอีกแล้วเหรอ?”

“ไม่มีอะไรเกิดขึ้น” เสียงคล้ายหุ่นยนต์ดังขึ้นจากในมิติฟาร์ม “เพราะเจ้าได้เจอกับแม่แท้ ๆ ของตัวเอง มิติฟาร์มจึงให้คะแนนห้าแสนคะแนนกับเจ้า และแต้มคะแนนทั้งหมดที่เจ้าเป็นหนี้อยู่จึงได้ถูกชำระไปแล้ว! นอกจากนี้เพื่อเป็นรางวัล มิติฟาร์มยังให้ระบบเสียงนี้เพิ่มเติมเพื่ออำนวยความสะดวกกับท่าน ให้ท่านสามารถสนทนากับมิติฟาร์มภายนอกได้!”

นี่…คะแนนถูกหักไปมากมายในคราวเดียว ซูหวานหว่านรู้สึกทนไม่ไหวและได้ยินเสียงพูดขึ้นมาว่า “เจ้าบ้านเจ้ารีบไปทำภารกิจเพื่อรับคะแนน! ไม่อย่างอย่างงั้นจิตวิญญาณของหลิงเชอจะสลายหายไป!”

“…”

นี่เป็นเรื่องคอขาดบาดตายมาก

ซูหวานหว่านขบคิดเกี่ยวเรื่องนี้ นางยังต้องการคะแนนอีกหนึ่งล้านคะแนน

ทันใดนางก็นึกถึงเสียงมิติฟาร์มที่พูดกระตุ้นนางขึ้นมาได้ ซูหวานหว่านจึงพูดขึ้นมาว่า “แล้วข้านั้นจะได้คะแนนอีกตอนไหน?”

“เจ้าบ้าน มีหนึ่งพันแต้ม หนึ่งหมื่นแต้ม หนึ่งแสนแต้ม หนึ่งล้านแต้มที่สามารถได้ครั้งเดียวเพื่อรับคะแนนและของขวัญระดับต่าง ๆ แต่…” เสียงของหุ่นยนต์ก็พูดขึ้นมาอย่างเหยียดหยาม “ตอนนี้เจ้ากำลังจะคิดทำอะไร? ท่านไม่มีคะแนนเหลือสักคะแนนเดียว รีบทำภารกิจเก็บคะแนนเถอะ!”

มันฉลาดมาก มันกำลังพูดล้อเลียนนาง ซูหวานหว่านกัดฟันและพูดว่า “เชื่อหรือไม่ว่าข้าคนนี้จะมาส่งเจ้าคืนกลับไปหลังจากที่ได้คะแนนมา!”

“ฮึ่ม! ข้าไม่เชื่อ!” เสียงนั้นพูดออกมาอย่างราบเรียบ ซูหวานหว่านรู้สึกโกรธมากแต่นางก็ทำอะไรกับมันไม่ได้ ตอนนี้นางยังต้องใช้ระบบอยู่!

ซูหวานหว่านทำงานได้ซักพัก แล้วพบว่าพริกบางต้นสุกแล้วจึงหยิบมา สองชั่วยามต่อมานางก็เก็บพริกมาเต็มหนึ่งตะกร้า มันเยอะมากจนซูหวานหว่านแทบอยากจะจ้างคนเข้ามาเก็บพริกแทนตัวเอง!

หลังจากเก็บเสร็จซูหวานหว่านก็เอาออกมาจากในมิติฟาร์มแล้ววางลงที่ห้องครัว แล้วหยิบพริกขึ้นมาหนึ่งกำมือหนึ่งเพื่อทำอาหาร พออาหารพร้อมแล้วซูหวานหว่านจึงให้คนใช้ไปตามแม่จ้าวมากินอาหารพร้อมกัน แต่ขณะนางกำลังยกอาหารออกมาก็เห็นผู้หญิงสองคนที่นั่งรออยู่!

หนึ่งในนั้นคือแม่จ้าวที่สง่างาม ส่วนอีกนางหนึ่งแต่งตัวหรูหราสวมทองเพื่อบอกคนอื่น ๆ ว่าตัวเองรวยขนาดเพียงใด!

ใบหน้าของนางดูคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก

ซูหวานหว่านครุ่นคิดไปอยู่ครู่หนึ่ง และทันใดนั้นก็นึกถึงเฉียวหน่วนอวี้!

ซูหวานหว่านเดินยกอาหารเข้าไปและหญิงคนนั้นก็พูดว่า “เอ๊ะ ท่านพี่ ข้าไม่อยากจะเชื่อว่าคนใช้ที่บ้านท่านจะเป็นคนแบบนี้ ทั้งคำพูดคำจา ไหนจะเพิ่งยกอาหารออกมาในตอนนี้ ช่างน่าเสียดายจริง ๆ! ปกติแล้วไม่มีใครอยู่กินกับท่านเลยเหรอ? นายท่านไม่รักท่านแล้วเหรอ?”

นางเรียกแม่จ้าวว่าท่านพี่ และเรียกนายท่านอย่างสนิทสนม หรือว่านางจะเป็นอนุภรรยาของนายท่านเฉี่ยว!

นางมาที่นี่เพื่อที่จะมาพูดจาเยาะเย้ยอย่างงั้นเหรอ ดูเหมือนนางจะยังไม่รู้เรื่องที่เกิดอะไรขึ้น? ริมฝีปากของซูหวานหว่านปรากฏรอยยิ้มชั่วร้าย

คงยากแล้วที่จะอดใจไหว …หญิงสาวจะไม่สั่งสอนสุนัขบ้าที่เข้ามาหานางถึงที่นี่ได้อย่างไรกัน!!