ตอนที่ 252 เบื้องหลังของการหักหลัง

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

บทที่ 252 เบื้องหลังของการหักหลัง

เมื่อเห็นซูหวานหว่านจัดแจงจานอาหาร และไม่สนใจนาง แม่หลิวก็กลอกตาไปมามองไปที่ซูหวานหว่านและพูดว่า “เมื่ออาหารพร้อมแล้วก็ออกไป! อย่าให้ใบหน้าที่น่าเกลียดของเจ้ามาส่งผลต่อต่อมความอยากอาหารของข้า”

“นี่ไม่ใช่คนใช้ แต่เป็น…” แม่จ้าวเอ่ยขึ้นพร้อมสบตากับซูหวานหว่าน หญิงสาวขยิบตาส่งสัญญาณให้นาง และทั้งสองก็เข้าใจในบางอย่างในทันที แม่จ้าวจึงเปลี่ยนคำพูดและพูดออกมาว่า “เจ้ายังคงไม่รู้ว่านางไม่ใช่คนใช้ แต่เป็นผู้ดูแลสุขภาพของข้า”

หลังจากที่พูดจบแม่จ้าวก็ส่งสัญญาณให้คนใช้ยกเก้าอี้อีกตัวให้ซูหวานหว่านนั่ง แล้วทั้งคู่ก็ลงมือกินอาหาร ไม่ใส่ใจแม่นางหลิวอีก

แม่หลิวเห็นแบบนี้ก็ประหลาดใจ นางก้มกินอาหารแล้วพูดขึ้นมาว่า “ท่านพี่ ทำไมท่านถึงกินอาหารเหล่านี้ นายท่านไม่ได้ให้เงินท่านรึ? ช่างแตกต่างจากเรือนของข้าเสียจริง ที่เรือนของข้า ในทุกวันข้าจะกินอาหารยี่สิบอย่างด้วยกัน! โดยในแต่ละวันอาหารแต่ละจานจะไม่ซ้ำกัน เทียบกับท่านพี่แล้วดูเหมือนว่าน้องคนนี้จะฟุ่มเฟือยเกินไปแล้ว เอาเป็นว่าหากนายท่านมาหาข้าที่เรือน ข้าจะช่วยบอกนายท่านเพิ่มค่าอาหารให้ท่านพี่เอง”

พูดออกมาแบบนี้คงกำลังโอ้อวดว่าท่านเฉียวรักนางและกำลังเยาะเย้ยแม่จ้าวไปพลาง ๆ ซูหวานหว่านไม่สามารถทนดูต่อการเยาะเย้ยได้จึงกล่าวออกมาว่า “ท่านอย่าเพิ่งด่วนสรุปไป ท่านไม่รู้อย่างงั้นเหรอ อาหารพวกนี้มีแต่ที่นี่เท่านั้นที่จะสามารถกินได้ หากยังไม่รีบกินเข้า ท่านจะได้กินอาหารเหมือนกับเหล่าคนใช้”

พอได้ยินแบบนี้ แม่หลิวก็พูดออกมาอย่างใจเย็นมากว่า “พอข้าเห็นพวกนี้แล้วนั้นรู้สึกอึดอัดมาก ตอนนี้ข้าไม่รู้สึกหิวแล้ว ข้าจะไปหาคุณหนูใหญ่ที่เรือน กินขนมสองสามชิ้นก็เพียงพอแล้ว”

เฉียวหน่วนอวี้มีขนมที่ไหนกัน ? ซูหวานหว่านแอบหัวเราะอยู่ลำพัง แล้วคีบเนื้อชิ้นหนึ่งให้แม่จ้าวแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นท่านก็รีบไปหน่อยเถอะ ฮูหยินสุขภาพไม่ค่อยดีนัก คงจะไม่ดีหากกินอาหารไม่ตรงเวลา”

“เจ้า!” มีคนกล้าพูดกับนางแบบนี้ด้วยหรอ! แม้แต่ท่านเฉียวก็ยังต้องพูดเกลี้ยกล่อมนางตลอด! แม่หลิวพลันยกมือขึ้นหวังตบหน้าซูหวานหว่าน แต่กลับถูกตะเกียบในมือของซูหวานหว่านขวางเอาไว้ น้ำมันบนตะเกียบเปื้อนมือของแม่หลิวทันที แม่หลิวจึงพูดออกมาอย่างรังเกียจว่า “นางช่างกล้าหาญจริง ๆ! เชื่อหรือไม่ว่าข้าสั่งให้เจ้านายของเจ้าไล่เจ้าออกจากบ้านได้!”

“ข้าไม่เชื่อ” ซูหวานหว่านพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “ฮูหยินยังไม่ว่าข้าเลย เจ้ากล้าดียังไงถึงมาว่าข้า หรือว่าเจ้าต้องการมาแทนที่ฮูหยิน?”

“แทนที่?” เมื่อนึกถึงสิ่งนี้แม่หลิวก็หัวเราะออกมาดัง ๆ มองดูหน้าตาที่ซีดเซียวของแม่จ้าว นางก็ปิดปากและยิ้มออกมา “ข้าหลิวรุ่ยอี๋รักกันกับนายท่านมาก่อน! ในตอนนั้นนายท่านเพิ่งสอบผ่านระดับจิ๋วเหรินได้ ใครจะไปรู้ว่านายท่านจ้าวจะถูกชะตาเขา แล้วใช้เงินไปบังคับเขาให้แต่งงานกับหญิงสาวขี้เหร่ลูกสาวของเขา! หลังจากแต่งงานแล้วนายท่านก็แต่งงานรับข้าเป็นภรรยาคนที่สอง เขาไม่กล้าที่จะไม่เชื่อฟังนาง แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่ามันแตกต่างจากเมื่อก่อน นายท่านถูกนางบังคับไม่ไหวแล้ว! และข้าหลิวรุ่ยอี๋คนนี้จะกลายมาเป็นฮูหยินเฉียวไม่ช้าก็เร็ว”

ในขณะที่แม่หลิวกำลังพูด นางก็หัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “แม่จ้าว เจ้ารู้ไหมว่านายท่านพูดถึงท่านว่าอะไรบ้างเมื่อเขาอยู่กับข้า? นายท่านบอกว่าทุกวันนี้ตอนที่เขาเห็นหน้าเจ้าเขาขยะแขยงเหลือเกิน!”

ซูหวานหว่านนั่งฟังนิ่งพลางมองไปที่นางจ้าว พลันใดนั้นแม่จ้าวก็พูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “แม่หลิว ถ้าเจ้าไม่มีลูก เจ้าคิดว่านายท่านจะยอมอยู่ภายใต้เจ้าและยอมรับเจ้างั้นหรือ”

“ใครบอกว่าข้าไม่มีลูก?” แม่หลิวยิ้มและจับไปที่ใบหน้าของตัวเอง จากนั้นก็ชี้ไปที่แม่จ้าวแล้วยิ้มออกมาว่า “เจ้าต่างหากที่ไม่มีลูก! ข้าจะบอกอะไรเจ้าให้ฟัง ลูกสาวของเจ้า… คือลูกสาวแท้ ๆ ของข้าต่างหาก! แต่เจ้าจะไปทำอะไรได้ นางมีสัญญาผูกมัดให้แต่งงานกับองค์ชายสาม เจ้าควรจะรักษานางเอาไว้ให้ดี! ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”

“อะไรนะ?” แม่จ้าวแสร้งทำเป็นแปลกใจ “แล้ว… แล้วลูกสาวของข้าล่ะ!”

“ลูกสาวของเจ้าข้าได้จับนางโยนทิ้งไปนานแล้ว!” แม่หลิวหัวเราะออกมาอย่างเย่อหยิ่ง นางหัวเราะจนน้ำตาไหลซึมออกมา รอยย่นที่มุมตาของนางก็ยิ่งหนาแน่นมากขึ้น แม่หลิวยกมือขึ้นมาปาดน้ำตา แล้วพูดประชดประชันว่า “ตอนนั้นเจ้าคิดสิว่าเหตุใดนายท่านถึงชวนเจ้าไปเที่ยว แล้วทำไมจู่ ๆ ถึงมีกลุ่มโจรปรากฏตัวขึ้นมาในวันที่เจ้าคลอดลูก แล้วทำไมลูกสาวของข้าถึงตายในตอนนั้น หากไม่ใช่เป็นเพราะว่านายท่านเฉียวต้องการจะควบคุมตระกูลจ้าวของเจ้า มีหรือที่เขาจะเอาลูกของข้ามาแทนที่ลูกสาวที่น่าเกลียดของเจ้า!”

ความจริงที่เกิดขึ้นในตอนนั้นเป็นแบบนี้เองเหรอ ซูหวานหว่านลองตั้งสมมติฐานทันที เฉียวฝู่ชวนแม่จ้าวและแม่หลิวไปเที่ยวในตอนที่ทั้งสองตั้งท้องพร้อมกัน ในวันคลอดของแม่จ้าว นางก็ได้พบกับโจรป่าที่นายท่านตระเตรียมการเอาไว้ ในระหว่างการหนีแม่จ้าวก็หมดสติไป เฉียวฝู่จึงนำลูกของแม่หลิวมาแทนที่ แล้วพานางไปทิ้งเอาไว้ที่สันเขานั้น!

และก็ยังโกหกตระกูลจ้าวว่าลูกสาวของแม่หลิวได้เสียชีวิตระหว่างทาง ทำให้แม่จ้าวรู้สึกผิดที่ทำให้ลูกของอีกฝ่ายตาย! จึงให้นายท่านแต่งงานกับแม่หลิวแล้วรับนางเป็นภรรยาคนที่สอง

ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธเคือง ซูหวานหว่านขว้างชามน้ำแกงใส่แม่หลิวทันที

“บังอาจมาก!” แม่จ้าวตวาดเสียงดังลั่น “แม่หลิว ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าพวกเจ้าจะกล้าทำถึงขนาดนี้ได้! เพราะว่าข้าใกล้จะตายแล้วเจ้าถึงกล้าพูดแบบนี้ซินะ?”

“เฮอะ! ตอนนี้เจ้าคงรับรู้เรื่องทุกอย่างหมดแล้ว เป็นอย่างไรบ้างดีใจหรือไม่?” แม่หลิวมองแม่จ้าวด้วยสายตาที่ดูถูก ถึงแม้ว่าร่างกายของนางจะเปียกไปด้วยน้ำแกง แต่นางก็ยังพูดออกมาอย่างเย่อหยิ่งมาก “เจ้าคิดว่าคืนนั้นนายท่านเป็นคนเอาเทียนหอมไปใส่ให้ท่านในห้องงั้นรึ ท่านคิดผิดแล้ว! นายท่านแอบเข้ามาหาข้าที่เรือน! ส่วนในห้องของเจ้าคืนนั้น… เจ้าก็น่าจะรู้แล้วว่าอีกฝั่งเป็นใคร?”

ใบหน้าของแม่จ้าวพลันซีดเซียว จากนั้นนางก็ผายมือออกมาและพูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “ใครก็ได้! ลากตัวนางออกไป ร่างกายของนางสกปรกมากพาไปซักให้สะอาดในทะเลสาบที่เฉียวหน่วนอวี้ตกลงไปที”

แม่หลิวเกิดอาการตื่นตระหนกและตกใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ นางจ้องมองไปที่แม่จ้าวแล้วพูดว่า “เจ้าดูแลนางไม่ดีอย่างงั้นรึ! นางเป็นถึงว่าที่พระสนมขององค์ชายสาม!”

“ว่าที่พระสนมองค์ชายสามงั้นเหรอ ช่างน่าตลก!” แม่จ้าวเยาะเย้ยออกมา “ใครก็ได้! นำพระราชกฤษฎีกาของฮ่องเต้เมื่อคืนนี้มาอ่านให้แม่หลิวผู้โง่เขลาคนนี้ให้ฟังหน่อยเร็ว!”

หัวใจของแม่หลิวเต้นระรัว เมื่อคนใช้หยิบพระราชโองการออกมา นางก็คว้ามันไว้ในมือทันที และก้มลงอ่าน เมื่ออ่านจบนางก็รู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก นางเหมือนคนที่ถูกฟ้าผ่าลงมากลางตัวและพูดออกมาอย่างเฉื่อยชาว่า “ไม่…เป็นไปไม่ได้! ลูกสาวของข้าจะลักลอบมีความสัมพันธ์กับคนอื่นได้อย่างไรกัน ไม่! ข้าไม่เชื่อ! นางจะต้องเป็นว่าที่พระสนมขององค์ชายสามสิ!”

แม่หลิวบ้าไปแล้ว! เพื่อป้องกันไม่ให้แม่หลิวนั้นทำอะไรบ้า ๆ เหมือนเฉียวหน่วนอวี้ ซูหวานหว่านจึงเอาเชือกออกมาและมัดตัวแม่หลิวเอาไว้

แม่หลิวจ้องมองไปที่แม่จ้าวด้วยอาการที่สั่นเทาและรู้สึกเสียใจขึ้นมา นางไม่ควรพูดโอ้อวดแบบนั้น! ใครจะไปคาดคิดว่าเรื่องราวทั้งหมดจะกลายเป็นแบบนี้

“แม่จ้าว! ข้าไม่เชื่อหรอก ท่านจะต้องโกหกข้าแน่ ๆ! ท่านรีบเรียกลูกสาวของข้าและนายท่านออกมา!” แม่หลิวตะโกนเสียงดังลั่น

“เจ้าอยากพบสามีของเจ้า เจ้าก็ไปหาเขาที่วัดต้าหลี่! แต่หากเจ้าต้องการพบลูกสาวของเจ้า ข้าจะพาเจ้าไปหาที่ห้องเก็บฟืน!” ซูหวานหว่านเอ่ยขึ้นมาและให้คนใช้นำตัวนางออกไป

หลังจากที่แม่หลิวออกไป ภายในห้องโถงก็สงบลงทันที ส่วนซูหวานหว่านก็รู้สึกอารมณ์เสียมากและไม่มีอารมณ์กินอาหารต่อ แต่เมื่อเห็นใบหน้าอันซีดเซียวแม่จ้าว นางก็พูดโน้มน้าวแม่จ้าวให้กินข้าวต่อ และนางก็ทำเป็นกินอาหารเล็กน้อย

ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าดังขึ้น คนใช้ที่อยู่หน้าประตูวิ่งเข้ามารายงานว่า “ฮูหยิน คุณหนู ขันทีไห่มาหาเพื่อประกาศพระราชกฤษฎีกา! องค์ชายรองก็เสด็จมาด้วย! พวกเขาได้นำพระราชโองการมาประกาศให้กับคุณหนูใหญ่ขอรับ!”

องค์ชายรอง? คุณหนูใหญ่ตระกูลจ้าว? เจาะจงเฉพาะคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลจ้าว นั้นไม่ได้หมายถึงนางหรอกเหรอ ซูหวานหว่านรู้สึกลางสังหรณ์ว่าน่าจะเป็นเรื่องเลวร้าย และนางก็ได้ยินคนใช้พูดขึ้นมาอีกครั้งว่า “ข้าได้ยินมาว่า… ฮ่องเต้ได้ทรงพระราชทานพิธีอภิเษกสมรส!”