บทที่ 285 วิชาภูตผีเซินหลัว

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

บทที่ 285 วิชาภูตผีเซินหลัว

 

“บ้าเอ๊ย แพงขนาดนี้เลยหรือ ?” แม้แต่หลัวซิวเองก็แอบตกใจ หนึ่งล้านหินพลังจิต ถึงแม้จะเป็นเพียงชั้นล่าง แต่ก็เทียบได้กับหนึ่งหมื่นหินพลังจิตชั้นกลาง นอกจากกองกำลังใหญ่บางกลุ่ม นักยุทธ์ผู้โดดเดี่ยว ก็มีราชายุทธ์อีกเพียงไม่กี่คนที่สามารถใช่จ่ายทรัพย์สินมากมายเช่นนี้ได้

หลัวซิวเหลือบมองอยู่สักพักก็เบนสายตากลับมา วิชากลไกชั้น 8 ถือว่าไม่เลว เมื่อเทียบกับตามลมล่าจันทราที่เขาใช้อยู่ในตอนนี้ ก็ถือว่าดีกว่าหนึ่งระดับ แต่ถือว่าไม่แตกต่างกันมากนัก เพราะวิชากลไกตามลมล่าจันทราวิชานี้ เขาได้ฝึกตนจนกระทั่งถึงแดนบริบูรณ์แล้ว

เขาเตรียมตัวรอโอกาสเดินทางไปยังองค์กรนักล่ายุทธ์ เพื่อไปแลกรับวิชากลไกชั้น 9 หากทำเช่นนี้ ก็จะบรรลุเป้าหมายได้ในคราวเดียว โดยไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองหินพลังจิตเพื่อวิชากลไกชั้น 8 อีก

ทันใดนั้น ตัวแทนของกองกำลังใหญ่หลายกลุ่มค่อย ๆ ลุกยืนขึ้น และเสนอราคาเสียงดัง ราคาของวิชาซ่อนตัวปีกวายุอัคคีค่อย ๆ สูงขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ช้าก็มีราคาสูงถึงหนึ่งล้านแปดแสนหินพลังจิต

ในที่สุด วิชาซ่อนตัวปีกวายุอัคคีชั้น 8 วิชานี้ ก็ถูกผู้แข็งแกร่งระดับราชายุทธ์คนหนึ่ง ประมูลไปด้วยราคาสองล้าน

หลังจากวิชาซ่อนตัวปีกวายุอัคคี ก็มีสมบัติอีกจำนวนหลายชิ้นที่ถูกนำออกมาอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ราคาล้วนค่อนข้างสูง แต่พวกมันก็ไม่ยืนยาวเท่ากับวิชายุทธ์ จึงไม่สามารถดึงดูดความสนใจจากฝูงชนภายในห้องโถงได้มากนัก

ส่วนหลัวซิวเองก็นั่งอย่างสงบอยู่ที่มุมห้องตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อรอให้ของที่เขาต้องการปรากฏขึ้น

“เหอะๆ ทุกท่านโปรดดู นี่คือเตากลั่นยาที่ขุดขึ้นมาได้จากซากปรักหักพังโบราณ ตามบันทึกที่หลงเหลืออยู่ในหนังสือโบราณ ด้านบนมีตราผนึกเตาของนักกลั่นยาระดับสูงผนึกเอาไว้อยู่ แต่ไหนแต่ไรมา ไม่มีใครสามารถไขความลับที่อยู่ภายในได้”

บนแท่นประมูล เตากลั่นยาขนาดเท่าฝ่ามีและคราบสนิมเกาะอยู่โดยรอบปรากฏขึ้น

เมื่อเห็นเตากลั่นยาใบนี้ นักยุทธ์จำนวนมากที่นั่งอยู่ด้านล่าง บางคนที่ไม่รู้จักก็แสดงท่าทีสงสัยออกมา ส่วนคนที่รู้จักตราผนึกเตา กลับเบะปากและมีท่าทีไม่สนใจแม้แต่น้อย

“ถึงแม้จะมีตราผนึกเตา แต่ก็เป็นของล้ำค่าที่ขุดพบจากซากปรักหักพังโบราณ ถ้าหากสามารถทำลายตราผนึกเตาได้ อย่างน้อยก็จะได้เตากลั่นยาระดับล่าง หรือไม่แน่ว่าอาจจะเป็นเตากลั่นยาแห่งหายนะก็เป็นไปได้” ชายชราผู้ดำเนินการประมูลพูดด้วยรอยยิ้ม

“ไร้สาระน่า ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่า มีปรมาจารย์กลั่นยาท่านไหนรู้สึกสงสัยในปรมาจารย์ค่ายกล และทำลายตราผนึกเตา หากไม่สามารถเปิดตราผนึกออกได้ เตาไปนี้เมื่อได้มาครอบครอง ก็คงเป็นได้เพียงแค่ของตกแต่งเท่านั้น เป็นของชั้นสวะนี่เอง”

ด้านล่างเวทีมีคนโต้แย้งขึ้นมา และมีหลายคนที่ตะโกนส่งเสียงแสดงความไม่พอใจ

“จะพูดเช่นนี้ก็ไม่ถูก เมื่อก่อนเคยมีเตากลั่นยาที่มีตราผนึกเตา ถูกขุดพบจากซากปรักหักพังโบราณใบหรือสองใบ ที่ได้รับความสนใจจากนักกลั่นยาและนักค่ายกลจำนวนมาก ไม่แน่ว่าอาจสัมผัสได้ถึงความลึกลับที่ซ่อนอยู่ภายในของโบราณนี้ก็เป็นได้”

ชายชราผู้ดำเนินการประมูลพยายามชักแม่น้ำทั้งห้าเพื่อเอ่ยข้อดีของเตากลั่นยาโบราณนี้ เพื่อหวังว่าเตากลั่นยาใบนี้ จะสามารถทำราคาที่ดีได้ในการประมูลลำดับถัดไป

“หวังว่าในงานประมูลครั้งนี้ จะมีนักกลั่นยาและนักค่ายกลที่สนใจตราผนึกเตานี้……”

ชายชราผู้ดำเนินการประมูลได้แต่พึมพำเช่นนี้อยู่ในใจ เพราะมีเพียงแค่วิธีนี้ ที่จะสามารถประมูลเตากลั่นยาออกไปได้ในราคาที่เหมาะสม มิเช่นนั้น สมบัติชิ้นนี้ไม่แน่ว่าอาจจะหลุดจากการประมูลและไม่มีใครสนใจ

“เตากลั่นยาโบราณ ราคาประมูลเริ่มต้นอยู่ที่หนึ่งแสนหินพลังจิต !” ชายชราผู้ดำเนินการประมูลพูดขึ้นเสียงดัง

หลังจากที่ชายชราผู้ดำเนินการประมูลพูดจบ บรรยากาศภายในห้องโถงงานประมูลก็เงียบสนิท ตอนที่เหลือบมองเตากลั่นยาที่เต็มไปด้วยสนิทเกรอะกรังบนเวที บางคนถึงกับแสดงสีหน้าดูถูกออกมา

หนึ่งแสนหินพลังจิตไม่ใช่มูลค่าน้อย ๆ ใครจะไปซื้อของชั้นสวะเช่นนี้มาไว้ในมือกัน ?

ในห้องโถงใหญ่ที่เงียบสงัด บรรยากาศอึมครึมทำให้สีหน้าของชายชราผู้ดำเนินการประมูลไม่ค่อยสู้ดีนัก เพราะสำหรับผู้ดำเนินการประมูลที่มีประสบการณ์มาอย่างโชกโชนเช่นเขา การทำให้สมบัติชิ้นหนึ่งที่อยู่ในมือต้องตกการประมูล ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าอับอายต่ออาชีพของตนอย่างมาก

ผู้ดำเนินการประมูลที่แท้จริง ไม่ว่าจะเป็นสมบัติที่ไร้ค่าสักเพียงใด ก็ไม่มีทางปล่อยให้ตกประมูลในมือของตนได้ นี่ถึงจะเป็นมืออาชีพที่แท้จริง

การประมูลของหนึ่งชิ้นจะใช้เวลาประมาณสิบนาที ซึ่งหมายความว่า หากภายในสิบนาทีนี้ไม่มีคนเสนอราคา เตากลั่นยาใบนี้จะตกประมูลไป และจะเริ่มเข้าสู่การประมูลของชิ้นต่อไป

เมื่อเวลาล่วงเลยไป มีคนที่อยู่ด้านล่างบางคน ค่อย ๆ แสดงความไม่พอใจออกมา และเร่งเร้าให้โยนเศษเหล็กผุพังชิ้นนี้ทิ้งไปเสีย และรีบนำของชิ้นต่อไปขึ้นมาแทน

ทว่าตอนนี้เอง หลัวซิวที่นั่งอยู่ตรงมุมห้องที่ไม่มีใครสังเกตเห็นก็พูดขึ้นมาเบา ๆ เสียงของเขาดังก้องชัดเจนไปทั่วทั้งห้องโถงใหญ่ที่เงียบสงบ

“ฉันให้หนึ่งแสนหินพลังจิต”

ทันใดนั้น สายตาทุกคู่ต่างจ้องมองมา และแสดงสีหน้าออกถึงสีหน้าที่ซับซ้อนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นงุนงง สงสัย และดูถูกเยาะเย้ย

แต่หลังจากที่คนเหล่านี้สังเกตเห็นตราของปรมาจารย์กลั่นยาระดับ 4 ที่ติดอยู่บนหน้าอกของหลัวซิว ก็แสดงสีหน้าเข้าใจขึ้นมาในทันที

“เป็นปรมาจารย์กลั่นยาระดับ 4 นี่เอง มิน่าล่ะถึงได้สนใจเตากลั่นยาโบราณใบนี้”

“แต่ดูเหมือนปรมาจารย์ท่านนี้อายุยังน้อยนัก ไม่รู้ว่ามาจากกองกำลังไหน”

“ตราผนึกเตาโบราณ ต่อให้เป็นปรมาจารย์ระดับ 5 ก็ไม่สามารถเปิดออกได้ แม้ว่าเขาจะเป็นปรมาจารย์ระดับ 4 แต่หากซื้อกลับไปก็คงเป็นได้แค่ของประดับตกแต่งชิ้นหนึ่งเท่านั้น”

การที่ปรมาจารย์กลั่นยาขั้น 4 ผู้หนึ่ง ซื้อเตากลั่นยาที่มาตราผนึกเตาผนึกเอาไว้อยู่ ย่อมไม่ถูกผู้อื่นสงสัย เพราะในกลุ่มนักกลั่นยา ถึงแม้จะไม่สามารถเปิดตราผนึกเตาออกได้ แต่ก็มีนักกลั่นยาจำนวนไม่น้อยที่ต้องการเก็บเตากลั่นยาโบราณเอาไว้เป็นของสะสม

มีบันทึกในหนังสือโบราณว่า เตากลั่นยาที่มีตราผนึกเตาผนึกเอาไว้ ล้วนเป็นเตากลั่นยาส่วนตัวของปรมาจารย์กลั่นยาระดับสูง

ถึงแม้ไม่อาจนำมาใช้ได้ แต่ก็เก็บไว้เป็นของสะสม และถือเป็นงานอดิเรกอย่างหนึ่งของนักกลั่นยาจำนวนมาก

สำหรับเรื่องการเปิดตราผนึกเตา เวลานับหมื่นปีตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่แน่ว่าอาจมีคนเคยทำสำเร็จ แต่อย่างน้อยในประวัติศาสตร์กว่าพันปีของประเทศเทียนหวู ยังไม่เคยปรากฏมาก่อน

ในเมื่อไม่มีใครเสนอราคาแข่ง ดังนั้นในที่สุดเตากลั่นยาใบนี้ก็ตกไปอยู่ในมือของหลัวซิวโดยปริยาย อีกทั้งยังจ่ายไปเพียงแค่หนึ่งแสนหินพลังจิตเท่านั้น

สำหรับหลัวซิวที่มีหินพลังจิตชั้นกลางอยู่ในครอบครองจำนวนหลานแสน เพียงแค่หนึ่งแสนหินพลังจิตชั้นล่าง ถือเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น

และทันทีที่เขาสามารถเปิดตราผนึกเตาได้ อย่างน้อยเตากลั่นยาใบนี้ก็ต้องเป็นของที่อยู่ในระดับล่างขึ้นไป และน่าจะมีราคาที่สูงกว่าหนึ่งล้านหินพลังจิตชั้นกลาง การค้าขายที่ได้กำไรมหาศาลก็เป็นเช่นนี้เอง

การประมูลดำเนินต่อไป ไม่ช้าก็เข้าสู่ช่วงที่สาม สมบัติล้ำค่าที่อยู่ในกรุก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้น

สมบัติก้นกรุชิ้นแรกที่นำออกมาก็คือ ม้วนหยกที่มีทักษะยุทธ์บันทึกอยู่

“ทุกท่าน จากการประเมินพบว่า ทักษะยุทธ์ที่บันทึกอยู่ในม้วนหยก มีชื่อว่าวิชาผีเซินหลัว เป็นทักษะยุทธ์ชั้น 9 !”

หลังจากเสียงของชายชราผู้ดำเนินการประมูลดังขึ้น บรรยากาศด้านล่างก็เงียบลงอย่างกะทันหัน ดวงตาสีแดงต่างจับจ้องไปที่ม้วนหยกในมือของเขา เต็มไปด้วยความร้อนแรงและบ้าคลั่ง

แม้แต่ใบหน้าของชายชราผู้ดำเนินการประมูลเองก็แดงก่ำ เพราะนี่น่าจะเป็นวิชายุทธ์ชั้น 9 วิชาแรกที่เขาเพิ่งเคยได้สัมผัสมาตลอดชีวิตการทำหน้าที่ผู้ประมูล

วิชายุทธ์ที่อยู่ในชั้น 9 ถือเป็นวิชายุทธ์ชั้นสูงสุด อีกทั้งในประเทศเทียนหวู แม้แต่สิบตระกูลใหญ่ที่มีราชวงศ์ตระกูลฝานเป็นผู้นำ ก็มีวิชายุทธ์ระดับสูงสุดเพียงแค่ชั้น 8 เท่านั้น

“วิชาภูตผีเซินหลัว ? ชื่อของทักษะยุทธ์นี้ช่างฟังดูน่ากลัวนัก”

หลัวซิวค่อย ๆ หรี่ตาลง เขารู้สึกใจสั่นเล็กน้อย เพราะด้วยชื่อของวิชายุทธ์ ทำให้เขาพอจะเดาออกว่า วิชานี้น่าจะเหมาะสมกับทักษะยุทธ์พลังจิตแท้Attrความตาย

และที่ยิ่งน่าสงสัยก็คือ เป็นใครกันแน่ที่นำทักษะยุทธ์ระดับนี้ออกมาประมูล ?