“ผู้อาวุโสหลิว พี่สาวของข้าผู้นี้ยอดเยี่ยมมาก”
เสี่ยวเหยียนโพล่งวาจาเสียงดังลั่น ในน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจไม่คิดปกปิด
เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวเหยียน ผู้อาวุโสหลินก็หยุดชะงัก เป็นเพราะจิตใจจดจ่ออยู่กับสถานการณ์คับขันจนไม่ได้สนใจสตรีแปลกหน้า ทำให้ผุ้อาวุโสของหมู่บ้านละเลยฉินอวี้โม่ไป เมื่อได้ยินสิ่งที่สาวน้อยกล่าว เขาจึงกลับมาจ้องมองนางอย่างพิจารณาอีกครั้ง
เมื่อได้พิจารณาดูสตรีต่างถิ่นจนชัดแจ้ง บุรุษอาวุโสก็ต้องเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง สตรีผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอนเพราะไม่ว่าจะมองอย่างไรเขาก็ไม่สมารถสัมผัสถึงพลังของนางได้เลยแม้แต่น้อย
การที่จอมยุทธ์อย่างเขาจะไม่อาจสัมผัสถึงพลังของคนผู้หนึ่งได้นั้น มีความเป็นไปได้อยู่ทั้งหมดสามประการ
ประการแรกคือฉินอวี้โม่ผู้นี้เป็นสตรีสามัญที่ไม่มีพลังใด ๆ และไม่เคยฝึกยุทธ์มาก่อน ตัวนางจึงไร้ซึ่งสภาวะพลังอย่างจอมยุทธ์ทั่วไปให้สัมผัสถึง ทว่าผู้อาวุโสหลิวเลือกตัดความเป็นไปได้ข้อนี้ทิ้งในทันที เพราะเพียงแค่ดูจากท่าทางและรอยยิ้มมาดมั่นบวกกับคำพูดที่ไม่ใช่แค่ดูมั่นใจราวกับ ‘พบเจอเรื่องเช่นนี้เป็นปกติ’ แต่ยัง ‘เคยจัดการมาอย่างช่ำชอง’ เขาก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่นางจะไม่ใช่ผู้มีพลังยุทธ์
ประการที่สองก็คือสตรีผู้นี้แข็งแกร่งกว่าเขามากเสียจนเขาไม่อาจสัมผัสถึงพลังของนางได้
อย่างไรก็ตาม หญิงสาวตรงหน้าก็ยังดูอ่อนเยาว์มากเกินไป อีกทั้งยังมีรูปลักษณ์บอบบางเกินกว่าจะรับมือกับคู่ต่อสู้ที่มีพละกำลังมหาศาลได้ นางดูไม่เหมือนกับยอดฝีมือเจนสนามรบที่มีประสบการณ์การต่อสู้อันโชกโชนแม้แต่น้อย ในเรื่องนี้ทำให้ผู้อาวุโสหลิวทั้งสับสนและไม่อยากเชื่อ
ตัวเขาเป็นถึงยอดฝีมือขอบเขตจักรพรรดิทูตสวรรค์ ถ้านางแข็งแกร่งกว่าเขาจริง อย่างน้อย ๆ นางก็ต้องอยู่ขอบเขตจ้าวพิภพ คนรุ่นเยาว์ที่อยู่ขอบเขตจ้าวพิภพล้วนมีชื่ออยู่ในอันดับต้น ๆ ของทำเนียบรุ่นเยาว์
ทว่าอันดับต้น ๆ ในทำเนียบรุ่นเยาว์นั้นไม่มีชื่อของสตรีนามฉินอวี้โม่อยู่เลย ดังนั้นแล้วเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องน่าประหลาดใจสำหรับผู้อาวุโสหลิว
ส่วนประการสุดท้ายก็คือฉินอวี้โม่อาจจะมีอุปกรณ์วิเศษบางอย่างหรือมีวิชาอาคมประหลาดที่สามารถช่วยปกปิดซ่อนเร้นสภาวะพลังของตัวเองได้ ในความคิดของผู้อาวุโสหลิว ข้อสันนิษฐานนี้มีความเป็นไปได้มากที่สุด
สมบัติที่ใช้ซ่อนเร้นพลังจากสายตาและสัมผัสของผู้อื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของหรือทักษะวิชา ก็ล้วนนับเป็นสิ่งที่ล้ำค่าเสียยิ่งกว่าล้ำค่า ถ้าหากสตรีแปลกหน้าผู้นี้ครอบครองสิ่งวิเศษเช่นนั้นจริง ๆ นั่นก็พิสูจน์ได้ว่านางไม่ธรรมดา ที่สำคัญเป็นไปได้สูงมากว่านางมีบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
ผู้อาวุโสหลิวครุ่นคิดพลางจ้องมองฉินอวี้โม่ด้วยความสงสัย ในตอนนั้นเอง สตรีผู้เป็นปริศนาก็เอ่ยปาก
“ผู้อาวุโสหลิว ที่นี่ฝากท่านดูแลด้วย ข้าจะออกไปด้านนอกเพื่อดูว่าพอจะช่วยอะไรได้บ้าง”
ฉินอวี้โม่กล่าวด้วยรอยยิ้ม นางไม่คิดจะอธิบายสิ่งใดมากความจึงหันหลังเตรียมจากไป คุณหนูตระกูลฉินคิดว่าคนฉลาดอย่างผู้อาวุโสหลิวถึงไม่ต้องอธิบายเขาก็คงพอจะเข้าใจ
เสียงของฉินอวี้โม่ปลุกให้ผู้อาวุโสหลิวตื่นจากภวังค์ แต่ถ้อยคำที่นางกล่าวกลับทำให้เขาอึ้งอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม บุรุษอาวุโสแห่งหมู่บ้านจันทราก็ยังคงพยักหน้าแล้วตะโกนไล่หลังไป
“แม่นางอวี้โม่ ระวังตัวด้วย”
ฉินอวี้โม่หันมายิ้มตอบก่อนที่ร่างบางจะหายไปจากสายตาของทุกคนในพริบตา
“เสี่ยวเหยียน ปล่อยให้พี่สาวของเจ้าไปจะดีจริง ๆ หรือ ?”
ป้าไซมองไปยังทิศทางที่หญิงสาวโฉมงามนามฉินอวี้โม่หายตัวไปพลางขมวดคิ้วแน่นก่อนจะเอ่ยถามเด็กสาวข้างกายด้วยความเป็นห่วง
“วางใจเถอะเจ้าค่ะ พี่สาวของข้าเก่งมาก ๆ”
เสี่ยวเหยียนส่งยิ้มแล้วเอ่ยวาจาให้สตรีสูงวัยคลายกังวล ทว่าตัวนางเองก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองทิศทางที่ฉินอวี้โม่จากไปด้วยสายตาเป็นห่วง อย่างไรก็ตาม สาวน้อยยังคงเชื่อมั่นในตัวพี่สาวผู้นี้อย่างเปี่ยมล้น
ฉินอวี้โม่พุ่งผ่านบ้านเรือนมากมายก่อนจะกระโจนข้ามกำแพงหมู่บ้านออกไปเพื่อไปสังเกตสถานการณ์ภายนอก
เพียงแค่ชั่วพริบตาที่ข้ามพ้นเขตกำแพง นักฆ่าในร่างคุณหนูก็ได้ยินเสียงคำรามของอสูรมายาดังมาจากระยะไกล พร้อมกันนั้นนางก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของอสูรดุร้ายที่กำลังบ้าคลั่งจำนวนมาก
ฉินอวี้โม่ทำหน้ายุ่งด้วยความสับสน
โดยปกติแล้วอสูรมายาระดับเทวะขึ้นไปจะมีความคิดและสติปัญญาเป็นของตัวเอง ทว่ากลิ่นอายของอสูรที่นางจับสัมผัสได้ในขณะนี้กลับดูดุร้ายบ้าคลั่งมากเกินกว่าจะเป็นผู้ทรงปัญญาอย่างที่นางเคยพบเจอ ราวกับพวกมันทำทุกอย่างไปตามสัญชาตญาณเท่านั้น ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ประหลาดมากเกินไป
ฉินอวี้โม่รีบพุ่งไปยังจุดที่มีการต่อสู้ในทันที ในตอนนั้นเองนางก็สังเกตเห็นว่าท่ามกลางฝูงอสูรมายาจำนวนนับร้อย มีคนกลุ่มเล็ก ๆ ที่นับรวมกันได้เพียงหลักสิบกำลังฟาดฟันกับพวกมันอย่างดุเดือด พวกเขามีสภาพไม่สู้ดีนัก เนื้อตัวแต่ละคนก็ชุ่มโชกไปด้วยเลือด
พวกเขาทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่บ้านจันทรา คนที่แข็งแกร่งน้อยที่สุดอยู่ในขอบเขตจักรพรรดิทูตสวรรค์ ขณะที่คนที่แข็งแกร่งมากที่สุดก็คือหัวหน้าหมู่บ้านซึ่งเป็นจอมยุทธ์จ้าวพิภพ
ทว่าแม้พวกเขาจะแข็งแกร่งมาก แต่ฝ่ายอสูรมายากลับมีจำนวนมากเกินไปทำให้หลายคนเพลี่ยงพล้ำได้รับบาดเจ็บ ร่างกายของบางคนเต็มไปด้วยเลือดและบาดแผลเสียจนไม่อาจคาดเดาได้แล้วว่ารูปลักษณ์เดิมพวกเขาเป็นอย่างไร
ถึงแม้จะบาดเจ็บจนแทบจะหยัดยืนต่อไปไม่ไหว ทว่าเพื่อคนในหมู่บ้านจันทราแล้วพวกเขาก็ยินดีแลกด้วยชีวิต ตอนนี้ขอเพียงยื้อเวลาให้ได้มากที่สุดเพื่อให้ทุกคนหนีรอดไปได้ก็เพียงพอแล้ว
“หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านหนีไปก่อนเถิด รีบไปพาทุกคนหลบหนี พวกเขาต้องการท่าน พวกเราจะยื้อพวกมันไว้เอง หมู่บ้านจันทราจำเป็นต้องมีท่านดูแล !”
ประโยคเคร่งเครียดของคนผู้หนึ่งดังมาเข้าหูฉินอวี้โม่ น้ำเสียงที่เขาใช้ฟังดูอ่อนล้าเป็นอย่างมาก ทว่าก็เปี่ยมไปด้วยความเด็ดเดี่ยวและแน่วแน่
“ใช่แล้วหัวหน้าหมู่บ้าน หากท่านตายความพยายามปกป้องหมู่บ้านของเราทั้งหมดก็จะมีแต่สูญเปล่า ถึงท่านจะดึงดันสู้ต่อไปก็ไร้ประโยชน์ อสูรพวกนี้บ้าคลั่งมาก ไม่ว่าอย่างไรพวกมันก็คงไม่ถอยกลับไปหรอก เราทำได้แต่ซื้อเวลาแล้วพาคนอื่น ๆ กับเด็ก ๆ ทั้งหลายหนี”
บุรุษอีกคนกล่าวสนับสนุน พวกเขาเห็นตรงกันว่าหัวหน้าหมู่บ้านควรจะละมือจากการต่อสู้เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม
“ไม่ ข้าไม่มีวันทอดทิ้งพี่น้องที่อุตส่าห์หยัดยืนต่อสู้เคียงข้างกันอย่างพวกเจ้า เมื่อครู่ผู้อาวุโสหลิวก็หนีกลับไปได้แล้ว หากมีเรื่องอันตรายเกิดขึ้น อย่างน้อยก็ยังมีเขาอยู่ ผู้อาวุโสหลิวน่าจะดูแลทุกคนได้”
หลัวซิงคือหัวหน้าหมู่บ้านจันทรา เขาเป็นคนหนุ่มที่มีอายุประมาณยี่สิบเจ็ดถึงยี่สิบแปดปีที่มีพรสวรรค์โดดเด่นมาก ระดับพลังของเขาอยู่ในขอบเขตจักรพรรดิทูตสวรรค์ขั้นสูงสุด และมีความเป็นไปได้สูงว่าเขาจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตจ้าวพิภพได้ในไม่ช้านี้ ที่สำคัญเขายังเป็นผู้นำที่น่ายกย่องมากผู้หนึ่ง
หากเข้าร่วมกับขุมกำลังใหญ่ แน่นอนว่าหลัวซิงผู้นี้จะต้องก้าวขึ้นเป็นแกนหลักได้ไม่ยากเย็น การที่บุรุษหนุ่มผู้มีพรสวรรค์สูงเช่นนี้จะต้องจบชีวิตลงที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ทั้งที่ยังสามารถก้าวหน้าและทำประโยชน์ให้ส่วนรวมได้อีกมากเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้
ตลอดหลายปีที่หลัวซิงดูแลหมู่บ้านจันทรามา เขาเป็นผู้ที่ทำให้ทุกคนในหมู่บ้านรักและสามัคคีกันได้มากที่สุด เรียกได้ว่าเขาเป็นผู้นำที่ดูแลหมู่บ้านได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“โฮกกกกก !”
ทันใดนั้นเอง อสูรมายาตัวหนึ่งก็คำรามเสียงดังก้องพร้อมกับระเบิดสภาวะพลังออกมาก่อนจะพุ่งจู่โจมมนุษย์กลุ่มเล็ก ๆ ที่เป็นคู่ต่อสู้อย่างป่าเถื่อนรุนแรง
ในตอนนี้ยอดฝีมือจากหมู่บ้านจันทราแทบจะต้านทานต่อไปไม่ไหวแล้ว หากยังเป็นเช่นนี้ อีกไม่นานเหล่าผู้กล้าแห่งหมู่บ้านจันทราจะต้องถูกฆ่าตายทั้งหมดแน่ หลังจากนั้นทุกคนในหมู่บ้านก็จะตกอยู่ในอันตรายทันที
— ปัง ! —
หลัวซิงถูกอสูรมายาห้าตัวล้อมเอาไว้ แม้ว่าจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อป้องกันตัว แต่ทว่ากำลังและความเร็วของเขาก็รับมือได้เพียงสี่ตัวเท่านั้น ในขณะนี้กรงเล็บของอสูรมายาตัวที่ห้ากำลังจะตวัดถูกลำตัวของหัวหน้าหมู่บ้านแล้ว
“หัวหน้าหมู่บ้าน !”
ทุกคนส่งเสียงร้องเมื่อเห็นเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นกับหลัวซิง
หากถูกอสูรสวรรค์ระดับจักรพรรดิโจมตีเข้าไปตรง ๆ แม้จะยังโชคดีไม่เสียชีวิตแต่ก็น่าจะบาดเจ็บสาหัสเป็นอย่างน้อย เพียงชั่วพริบตาร่างของหัวหน้าหมู่บ้านก็จะถูกอสูรมายาทั้งห้าตัวรุมทึ้ง และชะตากรรมของเขาต่อจากนั้นก็คงไม่ต้องเอ่ยถึงแล้ว
คนอื่น ๆ ต้องการจะเข้าไปช่วย ทว่าพวกเขาไม่สามารถฝ่าวงล้อมของอสูรมายาจำนวนมากไปได้
หลัวซิงได้แต่ยืนนิ่ง ใบหน้าประดับรอยยิ้ม เขากำลังยอมรับชะตากรรมสุดท้ายของตัวเองอย่างหมดสิ้นหนทาง
‘ชาวหมู่บ้านจันทราโปรดอภัยให้ข้าด้วย ขอโทษที่ตัวข้าอ่อนแอเกินไปจนไม่อาจปกป้องพวกท่านได้’
— ปัง ! ปัง ! ปัง ! —
“ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
ทันใดนั้นเสียงหวานใสเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นกระทบโสตประสาทของหลัวซิง พร้อมกันนั้นเขาก็เห็นอสูรสวรรค์ระดับจักรพรรดิทั้งห้าถูกซัดจนกระเด็นออกไปในอากาศก่อนจะตกกระแทกอสูรมายาที่อยู่ถัดออกไปจนล้มระเนระนาด
หลังจากนั้นภาพของเทพธิดาในชุดสีขาวก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าบุรุษผู้นำหมู่บ้าน
นี่ข้าไม่ได้ฝันไปใช่หรือไม่ ?!
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองให้ชัดเจนแล้วผู้ที่อยู่ตรงหน้าหาใช่นางเซียนจากสวรรค์แต่เป็นสตรีโฉมงามผู้หนึ่ง ที่สำคัญความแข็งแกร่งของนางยังเหนือชั้นเป็นอย่างยิ่ง
“ขอขอบคุณท่านจอมยุทธ์ที่ให้การช่วยเหลือ”
แม้จะตกใจมากแต่หลัวซิงก็รีบดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็วก่อนจะเอ่ยคำขอบคุณ ต้องยอมรับว่าสตรีเลอโฉมตรงหน้าคือสตรีที่งดงามที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็น แม้ในชีวิตที่ผ่านมาเขาจะไม่ได้พบเจอสตรีงดงามมากนัก แต่หลัวซิงก็มั่นใจว่าความงามของผู้ที่อยู่ต่อหน้าเขาเวลานี้ นับเป็นระดับแนวหน้าของแผ่นดินอย่างแน่นอน
ไม่เพียงเท่านั้น สตรีผู้นี้ยังช่วยชีวิตเขาไว้จากวิกฤตการณ์อันโหดร้าย ด้วยความงดงามเกินมนุษย์บวกกับความแข็งแกร่งอันเหลือเชื่อ ทำให้เมื่อครู่หลัวซิงถึงกับคิดไปว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงภาพลวงตาสุดท้ายที่จิตใจของเขาสร้างขึ้นปลอบประโลมตนเองในช่วงเวลาที่กำลังเผชิญหน้ากับความตาย
สาวงามตรงหน้าอย่างมากก็น่าจะมีอายุเพียงสิบแปดปีเท่านั้น มองอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้เลย
เมื่อเห็นสีหน้าอึ้งงันของหลัวซิง ฉินอวี้โม่ก็อมยิ้ม ตัวนางเองก็ตกใจไม่น้อยเพราะไม่คิดเลยว่าหัวหน้าหมู่บ้านของหมู่บ้านจันทราจะเป็นบุรุษหนุ่มรูปงามเช่นนี้
แม้ว่าใบหน้าจะเต็มไปด้วยเลือด แต่ความละเมียดละไมก็ยังปรากฏให้เห็นเด่นชัด
“ด้วยความยินดี ข้าแอบอาศัยอยู่ในหมู่บ้านของพวกท่านมาสักพักแล้ว หมู่บ้านจันทราเสมือนมีบุญคุณต่อข้าไม่น้อย ข้าคิดว่า ข้าสมควรต้องตอบแทนพวกท่านบ้าง”
ฉินอวี้โม่ตอบด้วยรอยยิ้มจริงใจ หมู่บ้านเป็นที่พักพิงให้นางตั้งแต่แรกเข้ามายังดินแดนอ้างว้าง ในเมื่อนางเป็นผู้มาขออาศัยอยู่ หากมีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับหมู่บ้าน นางก็ไม่ควรนิ่งดูดาย
“ท่านจอมยุทธ์หญิงผู้เก่งกาจ ท่านน่ะหรืออยู่ในหมู่บ้านของเรา ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินอวี้โม่ หลัวซิงก็ประหลาดใจ เรื่องที่มีสตรีที่แข็งแกร่งเช่นนี้อยู่ในหมู่บ้าน ตัวเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลย
“ฮ่า ๆ ๆ ข้ามาที่นี่เมื่อครึ่งเดือนก่อน ช่วงที่ผ่านมาเป็นเพราะข้าเอาแต่เก็บตัวจึงไม่มีโอกาสได้ออกมาทักทายทุกคน หากท่านหัวหน้าหมู่บ้านจะไม่รู้จักข้าก็เป็นเรื่องธรรมดา ยิ่งกว่านั้น ตัวข้ามีนามว่าฉินอวี้โม่ หากท่านไม่รังเกียจ ก็เรียกข้าด้วยชื่อนั้นก็ได้”
ฉินอวี้โม่อธิบายคร่าว ๆ ด้วยรอยยิ้ม
ว่ากล่าวกันตามตรง แม้ถ้อยคำที่บุรุษผู้นี้ใช้เรียกขานนางจะดูเป็นคำเรียกที่ให้เกียรติ แต่มันก็ทำให้อดีตนักฆ่าสาวรู้สึกประหลาดและไม่ใคร่ชอบใจเวลาได้ยินผู้ใดเรียกนางเช่นนั้น
เมื่อได้ยินวาจาของฉินอวี้โม่ หลัวซิงก็ผงะไป หลังจากนั้นเขาก็จ้องมองฉินอวี้โม่อย่างตั้งใจก่อนจะถามออกไปด้วยความสงสัย “เอ่อ ขออภัย แต่ข้าขอถามอายุของแม่นางจะได้หรือไม่ ?”
ยิ่งมองดู หลัวซิงก็ยิ่งมั่นใจว่าฉินอวี้โม่จะต้องเป็นเด็กสาวอายุสิบเจ็ดสิบแปดปีอย่างแน่นอน แม้ว่านางจะแข็งแกร่งมากแต่ทั้งรูปลักษณ์ น้ำเสียง และท่าทางก็ยังทำให้เขารู้สึกว่าสตรีผู้นี้ยังอ่อนเยาว์
“อีกไม่กี่วันข้าก็จะอายุครบสิบแปดปีแล้ว”
ฉินอวี้โม่ตอบด้วยรอยยิ้ม เมื่อลองนึกดู ฉินอวี้โม่ก็ค้นพบว่าอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดของร่างกายที่นางอาศัยอยู่นี้ …เป็นวันที่คุณหนูสี่คนก่อนถือกำเนิด
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ก็คงไม่มีผู้ใดมาร่วมฉลองวันเกิดกับนางเป็นแน่
เมื่อได้ยินคำตอบของฉินอวี้โม่ หลัวซิงก็นิ่งอึ้งไป เขาอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ด้วยไม่รู้ว่าควรจะกล่าวสิ่งใดออกมา
อายุยังไม่ถึงสิบแปดก็แข็งแกร่งกว่าตัวเขาที่เรียกได้ว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์อันโดดเด่นแล้ว สตรีแปลกหน้านามฉินอวี้โม่ผู้นี้มาจากที่ใดกันแน่ ?
— ตูม ! —
จู่ ๆ เสียงคล้ายระเบิดก็ดังแทรกขึ้น ฉินอวี้โม่และหลัวซิงหยุดการสนทนาลงในทันทีและรีบหันไปสนใจจุดอื่นในสมรภูมิ
เมื่อเห็นสถานการณ์ยังคงวิกฤต ฉินอวี้โม่ก็รีบเรียกหลิวหยาที่เวลานี้กลายเป็นมังกรอัสนีเต็มตัวแล้วออกมาร่วมต่อสู้
ในตอนนี้ความแข็งแกร่งของหลิวหยาอยู่ในระดับจ้าวพิภพ การรับมือกับอสูรระดับจักรพรรดิจึงไม่ใช่เรื่องยากเย็นสำหรับมัน ยิ่งกว่านั้น ด้วยสายเลือดอันสูงส่งของมังกรอัสนีที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายก็จะยิ่งทำให้อสูรมายาตัวอื่น ๆ เกรงกลัวจนเสียศักยภาพในการต่อสู้ไป
กระนั้นอสูรมายาแสนบ้าคลั่งก็คงยังบ้าคลั่งอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง
หากเป็นปกติธรรมดา ‘บารมีมังกร’ จากร่างของหลิวหยาควรจะทำให้พวกมันหวาดหวั่นและวิ่งหนีแตกกระเจิงไปแล้ว ทว่าครั้งนี้แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับมังกรอัสนี เหล่าอสูรคลั่งก็ยังไม่มีความคิดที่จะถอยหนี พวกมันไม่มีท่าทีเกรงกลัวต่อความตายเลยด้วยซ้ำ ทุกตัวยังคงมุ่งมั่นบุกเข้าโจมตีอย่างต่อเนื่อง …ประหนึ่งนี่เป็นคำสั่งการที่ต้องทำตามแม้จะต้องสังเวยด้วยชีวิต
ทันทีที่ได้เห็นมังกรอัสนีปรากฏตัวขึ้นและตรงเข้ารับมือกับฝูงอสูรมายา คนของหมู่บ้านจันทราก็รู้สึกโล่งใจไปได้มาก ตอนนี้แรงกดดันที่พวกเขาได้รับลดลงไปมหาศาล ความหวังในการรอดชีวิตทวีคูณขึ้นอย่างรวดเร็ว
‘ท่านแม่ เหมือนว่าอสูรมายาพวกนั้นจะถูกอะไรบางอย่างควบคุมอยู่’
เสียงของหานอวี้ดังขึ้นในห้วงจิตของอดีตนักฆ่าสาว
‘ถูกควบคุมอย่างนั้นรึ ?’
เมื่อได้ยินคำพูดของหานอวี้ ฉินอวี้โม่ก็ขมวดคิ้ว นางเองก็รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลนี้ตั้งแต่เริ่มต้น การได้รู้ว่าพวกมันถูกควบคุมอยู่ไม่ทำให้นางประหลาดใจเลยสักนิด
เรื่องนี้มีความเป็นไปได้และสมเหตุสมผล …อสูรมายาเหล่านี้แม้จะเผชิญหน้ากับอันตรายแต่พวกมันก็ยังไม่เกรงกลัว แม้จะมีหลายตัวบาดเจ็บหนักและตายไปแต่ก็ยังไม่มีตัวใดคิดจะหนี
‘นายหญิง ข้ารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายประหลาดจากทิศใต้ ข้าคิดว่ามันน่าจะเกี่ยวข้องกับการที่อสูรมายาพวกนี้ถูกควบคุม’
เสียงของมารยาดังขึ้นมาในห้วงจิตของฉินอวี้โม่ วาจาของอสูรสาวช่วยยืนยันคำพูดของมังกรทองตัวน้อย
หากไม่นับซิว ในบรรดาอสูรมายาที่ฉินอวี้โม่มี มารยาถือเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญด้านการจำแนกพลังและข่ายอาคมมากที่สุดแล้ว บ่อยครั้งที่มันสัมผัสได้ถึงสิ่งที่อสูรมายาทั่วไปสัมผัสไม่ได้
ฉินอวี้โม่พยักหน้าทันควัน นางคิดจะตรงไปยังจุดนั้นทันทีเพื่อดูให้เห็นกับตา
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะไปนางก็สมควรควบคุมสถานการณ์ตรงจุดนี้และพาทุกคนไปหลบในที่ปลอดภัยก่อน
“เสี่ยวจิ่ว ม่อเสีย ข้าจะมอบหน้าที่ให้พวกเจ้า พวกเจ้าช่วยคุ้มกันและพาจอมยุทธ์ทุกคนไปอยู่ในที่ปลอดภัยที”
ฉินอวี้โม่เรียกเสี่ยวจิ่วกับม่อเสียออกมาก่อนจะสั่งการ
สองอสูรพยักหน้าก่อนจะแยกย้ายปฏิบัติภารกิจ
“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ข้าจะไปค้นหาต้นตอที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น ข้าทิ้งอสูรมายาไว้ที่นี่เพื่อช่วยปกป้องทุกท่านแล้ว พวกท่านโปรดวางใจ ข้าขอเวลาไม่นานจะรีบกลับมา”
ฉินอวี้โม่กล่าวกับหลัวซิงก่อนที่ร่างของนางจะหายไปจากจุดที่ยืนอยู่ เพียงพริบตา หลัวซิงก็เห็นว่าสตรีมหัศจรรย์แปลกหน้าทะยานขึ้นบนฟ้าและหายลับตาไปแล้ว
.