บทที่ 97 สังหารคนเพื่อใคร โดย Ink Stone_Romance
คุณหนูจวินยิ้ม มองผ้าที่ทิ้งไว้ด้านข้าง
บนผ้าปูที่นอนรอยเลือดเป็นดวงๆ นางหุบรอยยิ้ม ถอนหายใจเบาๆ ปลดผ้าคลุมไหล่ที่ตัวปิดบาดแผลให้จูจั้น
“ใครต้องการของของเจ้า รีบเอาออกไป” จูจั้นเอ่ยไม่สบอารมณ์
คุณหนูจวินยิ้ม
“อยากดื่มสุราไหม?” นางเอ่ย
จูจั้นที่บ่นพึมพำอยู่หันหน้ามาทันที ดวงตาทอประกาย
“ดื่มสิ” เขาเอ่ย มองคุณหนูจวินคลางแคลงอยู่บ้าง
เหมือนไม่เชื่อว่านางนำสุรามาด้วย
คุณหนูจวินยิ้มหมุนตัวหยิบขวดสุราใบน้อยใบหนึ่งออกมาจากในหีบยา แกว่งไปมาเบื้องหน้าเขา
จูจั้นมือยันเตียงจะลุกขึ้น
“นี่ถึงเป็นของที่ควรเอามาเวลาเยี่ยมนักโทษ เจ้าเด็กเวรพวกนั้นรู้จักแต่พิรี้พิไรเยี่ยงสตรี ของที่ควรเอามาไม่เอามา” เขาว่า “นับว่าเจ้ามีประโยชน์อยู่นิดหน่อย”
คุณหนูจวินย่อตัวนั่งยองๆ อยู่ตรงหน้าเขา ส่งขวดสุราไปถึงริมฝีปากเขา
จูจั้นก็จับมือนางดื่มสองคำ พรูลมหายใจอย่างสบายอารมณ์ ยื่มศีรษะทำท่าจะดื่มอีก
คุณหนูจวินส่งขวดสุราไป
“เพราะข้า ท่านถึงทำเช่นนี้ใช่หรือไม่?” นางพลันเอ่ยถาม
จูจั้นพ่นสุราคำหนึ่งออกมา
“เหอะ” เขาไอติดต่อกัน ถลึงตาเอ่ย “เจ้าคิดว่าตนเองสำคัญจริงนะ”
ไม่เช่นนั้นก็บังเอิญเกินไปแล้วจริงๆ
นางครุ่นคิดอย่างละเอียด หาเหตุผลสมเหตุสมผลที่จูจั้นทำเช่นนี้ไม่พบ
เพราะไม่ว่าคิดอย่างไร การกระทำนี้ของจูจั้นก็ไม่ควรทำเกินไปแล้ว เขาไม่น่าจะเป็นคนที่ขบคิดไม่รอบคอบเช่นนี้
เรื่องไม่คาดคิดเพียงอย่างเดียวก็คือตนเองเวลานั้นอยู่ในเหตุการณ์
นอกจากนี้นางต้องการให้ใต้เท้าน้อยหวงตาย
แม้ไม่ถึงกับสังหารเขาตอนนั้น แต่ช้าไปอีกไม่กี่วันก็จะตาย
ทำเช่นนี้แน่นอนผลลัพธ์ย่อมเลวร้ายมาก ประการแรกการช่วยเหลือใต้เท้าน้อยหวงแม้บอกว่าเป็นเรื่องที่หมอควรทำ แต่ใต้เท้าน้อยหวงชื่อเสียงเลวร้ายเป็นที่ประจักษ์ ความกล้าหาญสู้เพื่อคุณธรรมของเด็กสาวตระกูลว่านทำให้คนเวทนาสงสาร ชื่อเสียงของนางมากน้อยคงเสียหาย อีกประการหากใต้เท้าน้อยหวงตายลง ลู่อวิ๋นฉีกับตระกูลหวงต้องไม่ปล่อยนางแน่
นี่เลือกทางไหนก็ไม่ดีสักทางจริงๆ
แต่นางก็ยังคิดจะทำเช่นนี้
ผลสุดท้าย ม้าตื่นเหยียบใต้เท้าน้อยหวงตาย
นางย่อมไม่เชื่อว่าเรื่องราวจะบังเอิญจริงๆ
คุณหนูจวินมองเขาไม่เอ่ยวาจา
จูจั้นยื่นมือหยิบขวดสุรามาดื่มอีกหลายอึก
“ข้าต้องให้เขาตาย” เขาเอ่ย “เพราะเขาไม่ตาย บิดาของข้าก็ตาย”
เฉิงกั๋วกง?
คุณหนูจวินประหลาดใจอยู่บ้างมองมาทางเขา
“สองปีนี้มีคนมากมายกล่าวหาบิดาของข้า” จูจั้นเอ่ย “บอกว่าพวกเราพ่อลูกโอหังอย่างไรๆ”
พูดถึงตรงนี้ก็สบถทีหนึ่ง
“ช่างพูดเหลวไหลไร้สาระจริงๆ พวกเราทำตัวดีขนาดนี้”
คุณหนูจวินหลุดหัวเราะ
ทำตัวดี เจ้าอายุน้อยๆ ก็กล้าต่อยองค์ชาย ไม่นับว่าทำตัวดีจริงๆ โอหังพอตัวอย่างแท้จริง
“นี่ดูไม่ออกจริงๆ” นางเอ่ย
“นั่นเพราะเจ้าตาบอด” จูจั้นแค่นเสียงเอ่ย
คุณหนูจวินเม้มปากยิ้มไม่พูด
“สรุปพวกเขาก็แค่ขัดตาเรื่องที่ข้ากับบิดาทำที่แถบเหนือ” จูจั้นเอ่ยต่อ ยิ้มหยัน “นอกจากนี้ล้วนเป็นพวกรักชีวิตกลัวตายทั้งนั้น”
เฉิงกั๋วกงคนดีขนาดนั้น ทั้งยังรักษาการณ์แดนเหนือ ขวางการรุกรานของชาวจิน ตำแหน่งสำคัญคุณงามความชอบมากมายเช่นนี้ ถึงกับมีคนมากมายเห็นเขาแล้วขัดตาหรือ?
ทำไม?
“มีคนอยากสละเจินติ้งรวมถึงหกเมืองทางเหนือ” จูจั้นเอ่ย
เจินติ้งรวมถึงหกเมืองทางเหนือ?
สีหน้าคุณหนูจวินตกตะลึง ลุกขึ้นมา
“นั่นจะเป็นไปได้ยังไง” นางเอ่ย “นั่นลำบากนักกว่าจะแย่งกลับมา”
จูจั้นยิ้ม บนหน้าซีดเซียวสีหน้าเหยียดหยัน
“สำหรับพวกเขา ง่ายดายนัก” เขาเอ่ย “คนที่ยกทัพออกศึกไม่ใช่พวกเขา คนที่หลั่งเลือดจบชีวิตก็ไม่ใช่พวกเขา มีสิ่งใดไม่ง่าย”
คุณหนูจวินเงียบงัน
“ในสายตาพวกเขา เห็นเพียงเพราะหกเมืองนี้ ชาวจินถึงรุกรานไม่หยุด” จูจั้นเอ่ยต่อ “ดังนั้นสำหรับพวกเขาแล้ว หกเมืองนี้ไม่ใช่เกียรติยศ แต่เป็นปัญหา ในเมื่อเป็นปัญหาก็ตัดทิ้งไปเสีย แลกใจสงบ”
คนเหล่านี้บ้าไปแล้วหรือ? ถึงกับจะเจรจาสงบศึกกับชาวจิน? เจรจาสงบศึกก็ยังพอว่า ยังจะตัดหกเมืองทิ้งอีก
“หรือลืมแล้วว่าพระ…จักรพรรรดิตายอย่างไร เมืองหลวงถูกยึดครองได้อย่างไร?” คุณหนูจวินเอ่ย
สิ้นเปลืองกำลังมากนักถึงกลืนคำว่าพระปัยกาตายอย่างไรที่มาถึงริมฝีปากแล้วกลับลงไปได้ หวิดกัดลิ้นเป็นแผล
จูจั้นดื่มสุราคำหนึ่ง
“คณิกาไม่รู้จักความคับแค้นที่สิ้นชาติ ชมเพียงม่านหมอกคลุมธาราจันทราคลุมผืนทราย ชอบแต่คืนค่ำจอดเรือบนแม่น้ำริมร้านสุรา กั้นกลางด้วยลำน้ำร้องเพลงบุปผาวังหลัง” เขาเอ่ย
บทกวีบทหนึ่งถูกเขาเอ่ยออกมาเช่นนี้ คุณหนูจวินควรเศร้าใจหรือควรหัวเราะ ถอยหายใจเบาๆ ทีหนึ่ง ยื่นมือหยิบไหสุราอีกใบหนึ่งออกมาจากในหีบยา คิดนิดหนึ่งก็แหงนหน้าดื่มคำหนึ่ง
“หนังสือร้องเรียนเหล่านั้นโดยส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนแซ่หวงรวบรวมส่งสัญญาณ” จูจั้นเอ่ย “ตระกูลโจวแห่งเจินติ้งก็ถูกเขาใส่ร้าย”
ตระกูลโจวหรือ?
คุณหนูจวินสีหน้ายิ่งประหลาดใจ
“ราชสำนักมักจะส่งเบี้ยหวัดทหารทางเหนือขาดอยู่เสมอ เป็นพวกผู้ดีชนบทตระกูลใหญ่เช่นตระกูลโจวเติมให้ เพื่อกดดันเราพ่อลูก จะข่มขู่ตระกูลใหญ่ผู้ดีชนบทเหล่านี้ คนแซ่หวงไม่เสียดายชักนำชาวจินเข้ามายังเจินติ้ง” จูจั้นเอ่ยต่อ
ประโยคนี้เอ่ยไม่ทันจบ คุณหนูจวินก็ตกตะลึงลุกขึ้นมา
“อะไรนะ?” นางหลุดปากร้อง
ปฏิกิริยาของนางนิ่งสงบมาตลอด หัวเราะลั่นบ้าง แต่แทบไม่เคยตกตะลึงเช่นนี้
เห็นได้ว่าเรื่องนี้สำหรับนางน่าตกใจกลัว
เรื่องนี้ผู้ใดได้ฟังล้วนตกใจกลัว
จูจั้นมองขวดสุราในมือ กระตุกริมฝีปาก
“เรื่องบ้าบอที่ทำให้คนตื่นตะลึงมากมายนัก” เขาเอ่ย “เพื่อความเห็นแก่ตัวของตนก็ไม่เสียดายล่อหมาป่าเข้าบ้าน ให้ชาวบ้านเท่าไรเคราะห์ร้ายถูกสังหาร นั่นเป็นชาวบ้านนะ นั่นเป็นชาวบ้านที่ศรัทธาพวกเขาเป็นบิดามารดานะ”
เขาพูดแหงนหน้าดื่มสุรา คำพูดที่เหลือกลืนลงไปกับน้ำจัณฑ์
“สังหารคนพรรค์นี้ ไม่ควรหรือ?” เขาเอ่ย
คุณหนูจวินมองเขา ในห้องขังอันมืดสลัวสีหน้าของจูจั้นพร่ามัว บวกกับอาการบาดเจ็บและการลงทัณฑ์ สีหน้าซีดเซียวหนวดรกรุงรัง ปกปิดความหล่อเหลาของเขา ความพยศเหยียดหยันที่มักเห็นบนใบหน้าก็ถูกกลบฝังไปด้วย ตรงกันข้ามแลดูผ่านโลกมาโชกโชนอยู่บ้าง
ตั้งแต่เขาเล็กติดตามกองทัพ ฝึกฝนจนได้วรยุทธ์ดีติดตัว วรยุทธ์ดีได้เช่นนี้ย่อมต้องไม่ใช่แพรพรรณงดงามอาหารโอชาเลี้ยงออกมาได้
ยกทัพสังหารศัตรู เดินเท้าพันลี้ หลบซ่อนการไล่ล่าตามจับเดินทางลำพัง ไม่รู้ว่าชีวิตประจำวันแบบไหนฝึกฝนออกมา
ทุกคนล้วนพูดว่าเฉิงกั๋วกงพาภรรยากับลูกชายไปแดนเหนือเป็นการใช้อำนาจหาความสุข ที่จริงหากจะเสวยสุขจริงๆ ยังไงก็ต้องให้ภรรยากับลูกชายอยู่ที่เมืองหลวง
อายุของเขาก็เพียงยี่สิบสองยี่สิบสามเท่านั้น กลับไม่ได้ผ่อนคลายสบายใจเช่นนั้นอย่างคนหนุ่มอายุยี่สิบสองยี่สิบสามปี แบกรับมากมายเหลือเกิน
บ้านเมือง ประชาชน หน้าที่ความรับผิดชอบ ยังมีความเป็นห่วงเป็นใยต่อไหวอ๋องอีก
เพียงเพื่อไหวอ๋อง เขาก็ทำเรื่องมากมายเพื่อนาง
แม้เขาบอกว่าสังหารใต้เท้าน้อยหวงเป็นเรื่องที่เขาต้องทำ แต่หากไม่มีนางอยู่ในเหตุการณ์ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นางถูกม้วนเข้ามาข้างใน เขาคงจะมีวิธีที่มั่นใจมากกว่า เวลาที่เหมาะสมมากกว่าทำเรื่องนี้
คุณหนูจวินนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น แหงนหน้าดื่มสุราคำโต ทำตนเองสำลักไอหลายที
นานแล้วที่ไม่ได้ดื่มเช่นนี้ ชั่วขณะยังไม่คุ้นชิน
จูจั้นมองนางอย่างดูแคลนทีหนึ่ง
“ดื่มไม่เป็นจะดื่มทำอะไร” เขาว่า
คุณหนูจวินไม่พูด ดื่มสุราไปช้าๆ จูจั้นก็ไม่ได้พูดอีก ดื่มสุราจนหมดขวด ติดใจไม่หายจนต้องเลียริมฝีปาก
“ทำไมน้อยนิดเช่นนี้” เขาเอ่ย “ยังมีอีกไหม?”
มองดูขวดสุราในมือคุณหนูจวิน อดไม่ได้ยื่นมือมา
“ท่านไม่ต้องดื่มแล้ว” คุณหนูจวินยิ้มเบี่ยงกายหลบ ดื่มสุราที่เหลืออยู่คำเดียวหมด ฉวยโอกาสฉุดมือที่เขายื่นมาลุกขึ้นยืน
จูจั้นร้องโอ้ยอีกครั้ง
“อย่ามาจับนั่นจับนี่ของข้านะ” เขาร้อง
คุณหนูจวินหัวเราะฮ่าฮ่า ยกขวดสุราโยนทิ้งลงพื้น
“ยาที่ข้าให้ท่านดื่มเพียงพอให้ท่านทนได้ช่วงหนึ่ง” นางว่า มองดูจูจั้น “ข้าจะไปแล้ว หลังจากนี้มีโอกาสค่อยพบกันเถอะ”
จูจั้นกลอกตาให้นาง
“เจ้าหมอคนหนึ่ง ใครยินดีเจอเจ้า” เขาเอ่ย
คุณหนูจวินหัวเราะฮ่าฮ่าแล้ว โบกมือให้เขา ไม่เอ่ยวาจาอีกหิ้วหีบยาหมุนตัวออกไป
……………………………………….