ตอนที่ 1062 ปะทะกับถังหนิง!

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

น่าเสียดาย… 

 

 

“พี่สาวคนนั้นใส่ชุดเหมือนกับน้าหนิงเลยค่ะ” โคโค่ลีเอ่ยขณะที่ชี้ไปทางศิลปินสาวที่อยู่ห่างออกไป 

 

 

หลงเจี่ยจ้องเขม็งก่อนย่นคิ้วเมื่อโคโค่ลีชี้ออกไป “ถังหนิง ทำไมเราไม่เปลี่ยนชุดกันล่ะ” 

 

 

“เปลี่ยนชุดเหรอ” ถังหนิงหัวเราะ “ตัวของเราก็ไม่เท่ากัน ถ้าเราเปลี่ยนคงยิ่งแปลกกว่าเดิมนะ อีกอย่างเธอก็ใส่ชุดนั้นได้สวยดีเหมือนกันนี่…” 

 

 

อันจื่อเฮ่าเอ่ยกับถังหนิงขณะที่เฝ้ามองสถานการณ์ที่เกิดขึ้น “คุณเป็นนักแสดงที่ได้รับรางวัล น่าจะคิดถึงสถานะของตัวเองบ้างนะครับ” 

 

 

ถังหนิงก้มลงมองชุดของตัวเอง เดิมทีเธอก็อยากจะไปเปลี่ยนสักหน่อย แต่เมื่อเธอเข้าใกล้ผู้หญิงคนอื่นๆ และคนที่อยู่แถวๆ นั้นก็เริ่มเห็นว่าพวกเธอใส่ชุดเหมือนกัน 

 

 

ถังหนิงเป็นใครกันล่ะ เธอแต่งตัวชนกับคนที่ไม่มีใครรู้จักได้อย่างไรกัน… 

 

 

ใครเป็นคนเลือกเสื้อผ้าให้เธอ สไตลิสต์ของไห่รุ่ยไร้ฝีมือขนาดนี้เลยหรือ 

 

 

“ฉันว่าต่อให้เป็นนักแสดงมือรางวัลก็ยังมีช่วงเวลาที่น่าขายหน้า!” 

 

 

“ใครบอกให้เธอทำตัวเรียบง่ายกันล่ะ ตอนนี้เธอลำบากแล้วล่ะ” 

 

 

“การเลือกสิ่งที่ไม่เหมือนใครก็ดีที่สุดอยู่แล้ว ยังไงของที่มีจำกัดก็มีคุณค่า ฉันมีชุดที่คล้ายๆ กับชุดที่พวกเธอใส่อยู่เยอะเลย ถังหนิงนี่ไม่ได้นึกถึงสถานะของตัวเองเลย!” 

 

 

ในงานเทศกาลภาพยนตร์ทุกปี การแต่งกายของบรรดาคนดังผู้หญิงมักเป็นส่วนที่น่าสนใจเสมอ หากแต่ถังหนิงก็ยังเลือกที่จะทำเป็นเพิกเฉย เธอถูกชื่นชมกับการปรากฏตัวที่เรียบง่ายในทีแรก แต่ดูสิว่าเกิดอะไรขึ้นในท้ายที่สุด 

 

 

ทีนี้เธอจะทำอย่างไรล่ะ 

 

 

ในขณะเดียวกันศิลปินไร้ตัวตนที่แต่งตัวชนกับถังหนิงเองก็รับรู้ได้ถึงสถานการณ์น่าอึดอัดนี้และตกอยู่ในความตื่นตระหนก ถึงอย่างไรคนที่เธอปะทะด้วยก็คือถังหนิง! เธอเหลือบมองผู้คนที่อยู่ซ้ายขวาข้างๆ ก่อนไปหยุดสายตาที่ผู้กำกับที่พาเธอมาด้วย 

 

 

ถังหนิงคงไม่เข้าใจผิดและคิดว่าเธอจะเกาะชื่อเสียงของตัวเองหรอกใช่ไหม 

 

 

เมื่อคิดได้เช่นนั้นเธอก็ตัดสินใจก้าวเข้าไปเพื่อชี้แจงและเสนอตัวเปลี่ยนชุดเอง 

 

 

ทว่าก็ต้องแปลกใจเมื่อถังหนิงกลับบอกให้หลงเจี่ยถอดเสื้อสูทสีดำมาคลุมให้ตัวเอง จากนั้นจึงกวักมือเรียกให้ศิลปินคนนั้นมาอยู่ข้างๆ 

 

 

“พี่หนิง…ฉันไม่ได้ตั้งใจนะคะ…” 

 

 

หญิงสาวคงคิดไม่ถึงว่าถังหนิงจะมองและส่งยิ้มให้เธอ “อย่าใส่ใจเลยน่า วันนี้ฉันมาที่นี่ในฐานะผู้สร้างเท่านั้นแหละ แสงไฟควรมีไว้ให้กับคนที่อยู่บนเวทีสิ” 

 

 

อีกฝ่ายถึงกับอึ้งไปด้วยไม่นึกว่าเธอจะได้ยินคำพูดเหล่านี้จากถังหนิง อีกทั้งยังไม่คิดว่านักแสดงสาวเจ้าของรางวัลสองสมัยจะสวมเสื้อแจ็กเกตทับเพื่อเปิดโอกาสให้เธอได้โดดเด่น 

 

 

ถังหนิงเดินผ่านเธอไปหลังจากใช้ความเป็นผู้สร้างของตัวเองเพื่อคลี่คลายสถานการณ์น่าอึดอัดใจได้อย่างราบรื่น 

 

 

ในเวลาเดียวกันผู้กำกับที่มากับศิลปินคนนั้นอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา “ดูแล้วเรียนรู้เอาไว้นะ นี่คือสิ่งที่เรียกว่าดาราดาวรุ่งที่แท้จริง!” 

 

 

ไม่นานหลังจากนั้นข่าวที่ถังหนิงแก้ไขสถานการณ์ชวนลำบากใจเริ่มแพร่สะพัดออกไป ศิลปินคนอื่นๆ ชื่นชมในไหวพริบของถังหนิง และอีกด้านเธอยังได้กลายเป็นตัวอย่างสำหรับเหตุการณ์การแต่งตัวชนกันที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต 

 

 

ในไม่ช้าก็มีใครบางคนเปิดเผยรูปที่ถังหนิงไปเยี่ยมสุสานของเฉียวเซินในช่วงเช้า 

 

 

หลังจากได้เห็นรูปนี้ในที่สุดทุกคนก็ได้เข้าใจว่าเหตุใดถังหนิงถึงได้ปรากฏตัวที่งานเทศกาลภาพยนตร์ด้วยชุดที่เรียบง่ายขนาดนี้ เป็นเพราะว่าเธอได้ไปรำลึกถึงเพื่อเก่าก่อนที่จะมาที่นี่นั่นเอง 

 

 

เมื่อผู้คนบนโลกออนไลน์รู้เรื่องนี้เข้าก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา “ฉันไม่รู้ว่าทำไมถังหนิงถึงดูสงางามกว่าเดิมตั้งแต่ที่เธอกลับมาพร้อมหนังของตัวเอง” 

 

 

“ย้อนกลับไปตอนที่เธอถอนตัวจากวงการไป เธอรับปากว่าจะรักษาความฝันของเฉียวเซินเอาไว้และจะก้าวต่อไปข้างหน้า ตอนนี้มดราชินีกำลังจะเริ่มฉายแล้ว เธอคงไปเยี่ยมเฉียวเซินเพื่อบอกให้เขารู้เรื่องนี้” 

 

 

“การที่ผู้หญิงจะมีหน้าตาสวยไม่ใช่เรื่องยาก แต่การจะเป็นที่น่าสนใจและฉลาดต่างหากที่ยาก” 

 

 

“ฉันว่าถังหนิงคงไม่สนใจว่าคนภายนอกจะว่ายังไงหรอก” 

 

 

จริงอยู่ที่เธอไม่ได้ใส่ใจ เธอถึงได้เต็มใจที่จะปกปิดตัวเองเพื่อศิลปินที่ไม่ได้มีชื่อเสียงแล้วเก็บซ่อนความเปล่งประกายของตัวเองเอาไว้… 

 

 

“สิ่งที่คุณทำเมื่อกี้มันสุดยอดไปเลยนะคะ” หลงเจี่ยย้อนกลับไปพูดถึงหลังจากเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง วิธีแก้ไขปัญหาที่คนส่วนใหญ่นึกออกในสถานการณ์เช่นนั้นคงมีแต่จะทำให้เรื่องน่าอึดอัดใจกว่าเดิม 

 

 

ทว่าถังหนิงกลับจัดการได้อย่างง่ายดาย 

 

 

คนเรามันไม่เหมือนกันจริงๆ 

 

 

ถังหนิงระบายยิ้ม ในจังหวะที่เธอกำลังจะตอบกลับ เธอก็ได้พบกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีหน้าตาคล้ายคลึงกับหันซิวเช่อถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ ชายคนนี้คือพี่ชายของหันซิวเช่อ 

 

 

และยิ่งมั่นใจเมื่อเขาหยุดฝีเท้าก่อนส่งยิ้มมาให้ “เป็นเกียรติที่ในที่สุดก็ได้พบคุณนะครับ ตอนนี้ได้เจอตัวเป็นๆ แล้วคุณนี่คู่ควรกับชื่อเสียงของคุณจริงๆ ครับ” 

 

 

“ประธานหันจะสุภาพเกินไปแล้วนะคะ เมื่อก่อนพวกเราก็เคยเกี่ยวพันกันอยู่ ยินดีที่ได้เจอเช่นกันค่ะ” ถังหนิงเอ่ยขณะที่จับมือทักทายกับเขา 

 

 

“เรื่องหันซิวเช่อ ผมหวังว่าคุณจะไม่ถือสานะครับ เขาก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่ง…” 

 

 

“แน่อยู่แล้วค่ะ แต่ประธานหันคะ คุณช่วยบอกน้องชายของคุณว่าครั้งหน้าถ้าเขาจะปลอมวิดีโอขึ้นมาอย่าลืมลบสัญลักษณ์ด้านล่างด้วยนะคะ” ถังหนิงหัวเราะ “แล้วก็กรุณาบอกให้เขารู้ด้วยว่าฉันยังรอให้เขามาคุกเข่าขอโทษอยู่” 

 

 

“ดูเหมือนว่าระหว่างคุณถังกับน้องชายของผมจะมีเรื่องเข้าใจผิดกันอยู่มากนะครับ” ท่าทีของหันเจี๋ยจริงจังขึ้นมา “ในเมื่อคุณถังยอมปล่อยศิลปินที่ไม่ได้มีชื่อเสียงวันนี้ไป ทำไมคุณจะใจกว้างแล้วปล่อยน้องชายของผมไปบ้างไม่ได้ล่ะครับ” 

 

 

ถังหนิงมองหน้าเขาโดยไม่ได้พูดสักคำ เป็นจังหวะเดียวกับที่เขาก้าวเข้ามาก่อนเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำ “งั้นผมควรจะบอกให้คนภายนอกรู้ว่าการตัดต่อหลังถ่ายทำของคุณถังเสร็จสิ้นได้ด้วยความช่วยเหลือจากฮอลลีวูดดีไหมล่ะครับ” 

 

 

ถังหนิงขมวดคิ้วมุ่น… 

 

 

“คุณอาจจะหลอกคนอื่นได้ แต่หลอกซิวเช่อไม่ได้หรอกครับ!” 

 

 

พูดจบหันเจี๋ยก็ขยับออกห่างถังหนิงและเผยรอยยิ้มมีเลศนัยก่อนเดินจากไป 

 

 

“ท่าทางคุณดูเปลี่ยนไปนะคะ เขาพูดกับคุณว่าอะไรเหรอคะ” หลงเจี่ยถาม 

 

 

“ทั้งเขากับหันซิวเช่อเชื่อว่าการตัดต่อหลังถ่ายทำของหนังของฉันถูกคนในวงการฮอลลีวูดทำน่ะสิ อย่าลืมนะว่าเมื่อก่อนหันซิวเช่อเองก็เคยทำหนังไซไฟมาก่อน!” 

 

 

“ไอ้เวรนั่นยังตามรังควานคุณอีกเหรอคะ” หลงเจี่ยฮึดฮัด “ฉันล่ะไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงยังกัดคุณไม่ปล่อย” 

 

 

“แล้วเขามีหลักฐานหรือเปล่าล่ะ” อันจื่อเฮ่าถาม 

 

 

“ทีมงานของฉันเป็นคนตัดต่อหลังถ่ายทำทั้งหมดค่ะ คนอเมริกันไม่เคยได้แตะต้องมันด้วยซ้ำ แล้วเขาจะไปมีหลักฐานได้ยังไงล่ะคะ” 

 

 

“แต่ถ้าเขาสร้างเรื่องขึ้นมาแล้วแพร่ข่าวไปทั่ว มันก็ยังส่งผลกระทบกับตัวหนังได้อยู่ดี ยังไงคุณก็ขายหนังเรื่องนี้ในฐานะผลงานที่สร้างขึ้นภายในประเทศอยู่ตลอด แต่คุณก็เป็นลูกศิษย์ของโจนส์ ผู้ชมต้องถูกปั่นหัวได้ง่ายอยู่แล้วล่ะ แล้วคุณจะทำยังไงล่ะครับ” 

 

 

“ฉันจะทำอะไรได้ล่ะ ก็ได้แต่ตอบโต้กลับพอเวลานั้นมาถึงไงล่ะคะ!” ถังหนิงตอบ “ในเมื่อทีมงานตัดต่อหลังถ่ายทำเป็นของฉันเอง ฉันก็ต้องมีทางพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจอยู่แล้วค่ะ ถ้าหันซิวเช่อกล้าทำอะไรเพื่อทำร้ายฉันละก็ ฉันจะลากเขาออกมาคุกเข่าขอโทษซะ! 

 

 

“ทั้งหันซิวเช่อกับพี่ชายของเขามันขยะชัดๆ! 

 

 

“หลงเจี่ย หลังจากเทศกาลหนังจบ รีบไปตามสืบประวัติของสองพี่น้องนั่น ฉันคิดว่าแม่ที่ทิ้งพวกเขาไปคือหนทางเดียวที่จะกำราบพวกเขาได้” 

 

 

หากใครคนหนึ่งจะตอกย้ำซ้ำเติมใครสักคน พวกเขาก็ต้องเล็งตรงไปที่หัวใจ!