ในท้ายที่สุดพิธีเปิดงานเทศกาลภาพยนตร์จึงเสร็จสิ้นไปพร้อมกับเสียงถอดถอนใจระงม ถึงอย่างไรทุกคนก็ต่างแก่งแย่งกับเพื่อให้เป็นที่สนใจแต่ไม่มีใครที่จะโดดเด่นไปกว่าชุดที่เรียบง่ายของถังหนิง ทว่าเธอก็ยังปกปิดตัวเองเอาไว้ด้วยเสื้อแจ็คเก็ตสูทและปล่อยให้ศิลปินที่ไม่ได้มีชื่อเสียงนักได้เฉิดฉายโดยที่ไม่ได้แย่งชิงแต่อย่างใด
เพราะว่าเธอต้องการเพียงทำให้ทุกคนได้รู้จักกับมดราชินี
ระหว่างงานเทศกาลภาพยนตร์ ถังหนิงได้ยินเรื่องซุบซิบนินทาที่เกิดขึ้นในวงการจากหลงเจี่ย ทั้งเรื่องที่ดาราสาวถูกจับได้ว่านอกใจและตั้งท้องกับชายอื่น เรื่องที่ดาราหนุ่มคบซ้อนและถูกสื่อตามติด รวมถึงเรื่องที่คู่รักไม่ยอมรับว่าได้แต่งงานกันมานานแล้ว
วงการบันเทิงเป็นที่ที่ขึ้นอยู่ชื่อเสียงและโชคชะตามาเสมอ
ใครบ้างจะไม่พยายามตะเกียกตะกายขึ้นไป บางทีในใจของคนเหล่านี้เหตุผลเดียวที่ถังหนิงไม่จำเป็นต้องทำตามกฎคงเป็นเพราะเธอได้แต่งงานกับผู้ชายที่ดี
ทว่าแน่นอนเธอต้องเห็นด้วยกับเรื่องนี้ เป็นเรื่องจริงที่โม่ถิงได้ปกป้องเธอจากกฎเกณฑ์และค่านิยมทั้งหลายในวงการนี้
ดังนั้นทุกครั้งที่เธอมีเวลาว่างก็มักจะหาที่เงียบไปหลบพักผ่อน น่าเสียดายที่ยังคงมีงานประกาศรางวัลในช่วงกลางคืนที่เธอต้องอยู่ต่อ
เมื่ออันจื่อเฮ่าเห็นว่าเธอใจลอยไหนต่อไหน เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “คุณเคยสนุกกับบรรยากาศอย่างนี้นี่ครับ ตอนที่คุณเริ่มต้นทำงานในฐานะนางแบบ คุณเองก็ชอบที่จะเป็นที่สนใจ แต่เดี๋ยวนี้ดูเหมือนคุณจะไม่อยากเข้าร่วมงานอย่างนี้อีกแล้วเลย”
“ฉันกลายเป็นแบบนี้หลังจากที่ได้เริ่มทำหนังของตัวเองน่ะค่ะ” ถังหนิงตอบ
“ผมตัดสินใจจะหมั้นกับซิงเหยียนแล้วนะครับ ผมเองอายุไม่น้อยแล้วและก็คิดว่าถึงเวลาต้องมีลูกสักที ถ้าเรามีลูกสักคนที่ว่าง่ายแบบเธอก็คงจะเป็นการดีที่สุดครับ”
เมื่อถังหนิงได้ยินดังนั้นเธอก็พยักหน้ารับ “จริงๆ ก็ถึงเวลาที่คุณควรหาความมั่นคงและลงหลักปักฐานในชีวิตได้แล้วล่ะค่ะ ซิงเหยียนเองเจ็บปวดมามากแล้วก็น่าจะเหนื่อยไม่น้อย คุณแก่ลงและเธอก็ไม่ได้เด็กแล้ว อย่าเข้มงวดกับเธอนักเลยค่ะ”
“พอแล้วน่า กลับไปสนใจเรื่องอื่นเถอะ เมื่อก่อนเคยมีคนซุบซิบเรื่องของเรา ถ้าเกิดมีใครใช้มันใส่ร้ายเราอีก เราคงต้องเสียเวลาไปพยายามแก้ตัวเยอะเลย”
“คุณกลับไปก่อนเถอะค่ะ ฉันจะอยู่รอหลงเจี่ย” ถังหนิงตอบ
อันจื่อเฮ่าพยักหน้าก่อนกลับออกไปจากงาน
อย่างไรก็ตามหันซิวเช่อที่จับตามองถังหนิงอยู่เห็นสิ่งนี้เข้าและถ่ายรูปเอาไว้ เหตุผลที่เขาตามหันเจี๋ยมางานนี้เพราะเขาอยากจะคอยตามถ่ายรูปถังหนิง ในเมื่อผู้หญิงคนนี้ทำให้เขาปรากฏตัวในที่สาธารณะไม่ได้ เขาก็ควรจะตอบโต้เธอกลับไปบ้างไม่ใช่เหรอ
แน่นอนว่าคนที่รู้จักถังหนิงรู้ว่าครั้งหนึ่งเธอเคยมีข่าวฉาวกับอันจื่อเฮ่า หากพวกเขาเห็นรูปทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน มันก็จะเป็นหลักฐานว่าพวกเขาใช้งานนี้ในการนัดพบและนอกใจไม่ใช่หรือ
โม่ถิงเชื่อใจคนรักของเขามากเกินไปแล้ว…
ในขณะที่ตามถ่ายรูปอยู่ หันซิวเช่อพยายามเข้าไปใกล้ๆ และฟังบทสนทนาระหว่างถังหนิงกับอันจื่อเฮ่า ตอนนั้นเองที่เขาได้ยินเกี่ยวกับเรื่องลูกและความมั่นคง
ยิ่งทำให้เขายิ่งมั่นใจว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ธรรมดา
แน่นอนว่าหันซิวเช่อรู้ว่าข่าวฉาวเรื่องการนอกใจเป็นเรื่องเก่า ต่อให้มีใครบางคนพยายามสร้างกระแสมันก็คงไม่ได้มีผลตอบรับมากนัก แต่พฤติกรรมนอกใจของผู้หญิงไม่อาจเปลี่ยนไปได้
ดังนั้น…ถังหนิงคงจะยังถูกต่อว่า
ด้วยเหตุนี้หันซิวเช่อจึงปลอมตัวและจงใจเล่าเรื่องที่ได้ยินทั้งสองพูดกันกับพนักงานที่โบสถ์ อย่างนั้นข่าวลือคงเริ่มถูกพูดถึงแน่
นับตั้งแต่ที่ถังหนิงปรากฏตัวขึ้นที่งานเทศกาลภาพยนตร์ ทั้งเสื้อผ้าของเธอ ภาพยนตร์ของเธอ รวมถึงการที่เธอไปเยี่ยมเฉียวเซินที่สุสานได้กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงมากที่สุด และในตอนนี้ข่าวที่ใหญ่กว่านั้นก็ได้เกิดขึ้น เมื่อมีใครบางคนได้ยินสิ่งที่ถังหนิงกับอันจื่อเฮ่าพูดคุยกัน เรื่องราวใหญ่โตไปจนถึงขั้นที่มีลูกของเธอและความมั่นคงมาเกี่ยวข้อง
“เฮ้ พวกเธอได้ยินหรือยัง พนักงานบางคนได้ยินว่าถังหนิงกับอันจื่อเฮ่าใช้งานนี้เพื่อนอกใจล่ะ”
“ไม่มีทาง! ถังหนิงไม่ได้ตาบอกขนาดนั้นหรอกใช่ไหม ใครๆ ก็รู้ว่าควรเลือกใครระหว่างโม่ถิงกับอันจื่อเฮ่า ไม่ต้องพูดถึงคนฉลาดอย่างถังหนิงเลย”
“เธอยังไม่เข้าใจอีกเหรอ เธอมีผู้ชายคนหนึ่งอยู่ที่บ้านแล้วก็อีกคนหนึ่งอยู่นอกบ้านไง มันเป็นทางเดียวที่จะทำให้เห็นว่าเธอมีเสน่ห์ขนาดไหนไง”
“ว่าแต่มีหลักฐานคาตาหรือเปล่าล่ะ”
“มีทั้งรูปและบันทึกเสียงชัดเจนเลยล่ะ!”
“อย่างนั้นมันก็น่ารังเกียจมากเลยนะ!”
ดูผิวเผินแล้วคนดังสาวคนอื่นๆ อาจจะทำเพียงยิ้มและหัวเราะ หากแต่เบื้องหลังกลับเริ่มเผยแพร่สิ่งที่ได้ยินมาอย่างรวดเร็ว
ตอนนั้นถังหนิงยังไม่รู้ว่าหันซิวเช่อเป็นคนสร้างข่าวลือเกี่ยวกับเธอขึ้นมา แต่หลงเจี่ยได้ยินจากผู้จัดการคนอื่นๆ ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
“หลงเจี่ย พูดกับฉันมาตามตรงนะ ระหว่างถังหนิงกับอันจื่อเฮ่ามีอะไรกันหรือเปล่า ฉันรับปากว่าจะไม่บอกใครเรื่องนี้เด็ดขาด!”
“คุณพูดถึงเรื่องอะไรกันน่ะ” หลงเจี่ยถามอย่างงุนงง
“คุณยังไม่ได้ยินเหรอ เรื่องที่ทุกคนในงานกำลังพูดถึงกันน่ะ…”
ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ผู้จัดการที่รู้จักกันได้อธิบายเรื่องทุกอย่างให้หลงเจี่ยฟัง ทันทีที่เธอฟังจบ เธอไม่เข้าใจว่าอยู่ๆ ข่าวลือที่ไม่มีมูลนี้มาจากไหนกัน
“ฉันยอมรับว่าพวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่มันไม่ใช้แบบที่พวกคุณพูดถึงกันอย่างแน่นอนค่ะ”
“เรารู้ว่าคุณจะให้คำตอบที่น่าเบื่อกับเราอย่างนี้อยู่แล้วล่ะ ไปกันเถอะ!”
ทุกคนรู้ว่าหลงเจี่ยปกป้องเจ้านายตัวเอง ต่อให้ถังหนิงจะมี ปัญหานี้ จริงๆ หลงเจี่ยก็คงจะได้แต่เก็บเรื่องนี้เป็นความลับเพื่อเธอ
จากนั้นหลงเจี่ยจึงกลับมาอยู่ข้างถังหนิงและบอกเธอว่าเกิดอะไรขึ้น
“ตกลงคุณกับจื่อเฮ่าคุยอะไรกันคะ”
“เขาบอกว่าจะหมั้นกับซิงเหยียนน่ะ ฉันเลยบอกเขาว่าถึงเวลาที่เขาควรจะลงหลักปักฐานได้สักที”
หลงเจี่ยถอนหายใจออกมาก่อนเอ่ย “มีใครบางคนได้ยินสิ่งที่คุณพูดแล้วเริ่มลือว่าคุณกำลังนอกใจโม่ถิงที่งานเทศกาลหนังน่ะค่ะ”
“พวกเขาไม่ได้ลือกันมาก่อนหน้านี้แล้วเหรอ ทำไมอยู่ๆ ถึงถูกยกขึ้นมาพูดอีกล่ะ”
หลงเจี่ยส่ายหน้า “ข่าวลืออย่างนี้จัดการยากที่สุดแล้วล่ะค่ะ ถ้าคุณเอาแต่นิ่งเฉยพวกเขาก็จะบอกว่าคุณกำลังรู้สึกผิด แต่ถ้าคุณออกมาอธิบายพวกเขาก็จะคิดว่าคุณแก้ตัว แล้วมันก็ยังเกี่ยวกับเรื่องมิตรภาพของคุณด้วยนะคะ!”
หลังจากได้ยินสิ่งที่หลงเจี่ยคิด ถังหนิงก็หัวเราะออกมา “ถ้ามันอธิบายยากนักก็ไม่ต้องอธิบายอะไรหรอก
“ถ้าไม่มีใครออกมาตอบโต้เรื่องนี้เดี๋ยวมันก็ผ่านไปเองนั่นแหละ
“ยิ่งตอบโต้คนก็ยิ่งเล่นเรื่องนี้ไม่เลิก!”
“แค่พูดก็ง่ายสิคะ…”
หลงเจี่ยไม่อาจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ถังหนิงต้องอดทนกับความเข้าใจผิดนี้แต่เธอก็ไม่ได้สนใจ ทำไมกันล่ะ
เธอโดดเด่นมากกว่าคนอื่นๆ มีครอบครัวที่ดี มีทักษะการแสดงที่น่าประทับใจ และภาพยนตร์ของเธอก็เป็นที่พูดถึง คนที่ไม่ได้โชคดีเท่าเธอย่อมต้องใช้จุดอ่อนในการโจมตีเธออยู่แล้ว
“แล้วเราจะปล่อยไปอย่างนี้เหรอคะ”
“ถ้าไม่แล้วเธอจะอธิบายทุกอย่างกับทีละคนเหรอ เดี๋ยวเวลาก็จะพิสูจน์ความจริงเองนั่นแหละ!”
หลงเจี่ยสบตามองสายตาของทุกคน และไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงต้องโหดร้ายขนาดนี้ด้วย ไม่นานอันจื่อเฮ่าก็ได้ยินเรื่องนี้เช่นกัน แต่เขากลับทำเพียงหัวเราะและไม่ได้ออกมาตอบโต้แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามเขาก็ได้บอกเรื่องนี้ในซิงเหยียนรู้
“วันนี้ฉันไปออกงานกับพี่หนิงของเธอแล้วข่าวก็เริ่มลือออกมาอีกแล้วล่ะ”
“ทำไมถึงไปที่นั่นแล้วทำให้พี่หนิงเดือดร้อนล่ะ” เฉินซิงเหยียนถามพลางมองค้อน “นายไม่ได้เป็นผู้กำกับจริงๆ จังๆ สักหน่อย แต่พี่หนิงยังต้องวนเวียนอยู่ในวงการบันเทิงนะ โอเคไหม”
“เธอไม่โกรธเหรอ”
“ไม่อยู่แล้วสิ! ฉันรู้ว่าพี่หนิงไม่ตาบอดแบบฉันหรอก”
อันจื่อเฮ่าถือโทรศัพท์เอาไว้ก่อนระเบิดหัวเราะออกมา
ในขณะเดียวกันหลงเจี่ยถือโอกาสระหว่างช่วงพักของงานต่อสายหาโม่ถิง…