ไหวพริบของถังหนิงช่วยทำให้คนอื่นคลายความอึดอัดใจ แล้วกับเรื่องของตัวเธอเองล่ะ
คืนนั้นที่งานมอบรางวัล ถังหนิงไม่ได้พยายามหลีกเลี่ยงการเป็นที่สงสัยขณะที่นั่งข้างๆ อันจื่อเฮ่า ทั้งสองรู้กันดีว่าความจริงเป็นอย่างไร ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดจะมากระทบกับมิตรภาพของพวกเขาได้ อย่างไรเสียสุดท้ายคนที่บริสุทธิ์ใจย่อมถูกพิสูจน์ว่าไม่มีความผิดอยู่ดี โดนเฉพาะเมื่อพวกเขาต่างมีคนรักเป็นของตัวเอง
อย่างไรก็ตามผู้คนยังคงชี้มาและซุบซิบเรื่องของพวกเขาลับหลัง
เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้ว่ามีปัญหา แต่ก็ยังไม่ได้ป้องกันการถูกสงสัย พวกเขากำลังรอให้สื่อมารุมทึ้งพวกเขาหรืออย่างไร
แขกคนอื่นๆ ต่างรู้สึกลำบากใจแทนพวกเขาเล็กน้อย แม้แต่คนที่นั่งอยู่สองแถวหลังสุดยังชี้และพูดถึงพวกเขา ดูผิวเผินอาจเหมือนว่าพวกเขาเป็นห่วงทั้งสองจากใจจริง ทว่า…
…ทุกคนรู้ว่าอะไรกำลังเกิดขึ้น
พวกเขาแค่กำลังรอดูการแสดงเท่านั้น และก็คงจะไม่มีปัญหาหากมันจะเป็นเรื่องใหญ่โต
อย่างไรก็ตามถังหนิงกลับไม่มีท่าทีแปลกไปแม้แต่น้อย หลงเจี่ยกลับเป็นคนที่กระวนกระวายราวกับกำลังนั่งอยู่บนเข็มหมุด เธอไม่อาจทนกับคนที่กำลังพูดเรื่องไร้สาระ ทั้งที่เห็นๆ กันอยู่ว่าพวกเขาเป็นเพียงเพื่อนที่ดีต่อกัน
“เธอตั้งท้องอยู่นะ อย่าอารมณ์แปรปรวนมากนักสิ…” ถังหนิงเอ่ยปลอบ “เจอเรื่องแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว ทำไมเธอยังทำใจให้สงบไม่ได้ล่ะ”
“เพราะฉันท้องอยู่ไงคะอารมณ์ถึงเอาแน่เอานอนไม่ได้ขนาดนี้! ฉันตกใจจนทนไม่ไหวแล้วนะคะ!”
เป็นเรื่องปกติของผู้หญิงท้องที่จะตื่นตระหนกได้ง่าย
ถังหนิงทำให้เธอสงบลงก่อนเบี่ยงเบนให้อีกฝ่ายสนใจดูพิธีมอบที่เหลือต่ออย่างใจเย็น “ใกล้จบแล้วล่ะ ทนอีกนิดนะ”
ในขณะที่ถังหนิงมีเพียงแค่ภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่พยายามทำให้คนรู้จัก มดราชินี ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับรางวัลที่กำลังประกาศอยู่ แต่เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับความสนใจล้นหลาม สุดท้ายพิธีกรจึงหันมามองถัง
หนิงหลังประกาศรางวัลสารคดียอดเยี่ยม
ถังหนิงสบตาเข้ากับพิธีกรและเข้าใจว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
“งานในคืนนี้เต็มไปด้วยเหล่าคนดังมากมาย และทุกคนก็เปล่งประกายมากเลยค่ะ มีเหล่าชายหนุ่มและหญิงสาวที่หน้าตาดีมากมายอยู่ที่นี่จนดิฉันละลานตาไปด้วยความงดงามเลยล่ะค่ะ! อย่างไรก็ตามฉันเองก็รู้สึกซาบซึ้งเป็นพิเศษที่วันนี้ได้เห็นถังหนิงท่ามกลางผู้คน ฉันรบกวนเชิญเธอขึ้นมาพูดคุยบนเวทีสักเล็กน้อยดีไหมคะ”
พิธีกรได้ดูตัวอย่างภาพยนตร์ของมดราชินีแล้วและสนใจเป็นอย่างมาก เธอจึงยิ่งยินดีที่ได้ช่วยพวกเขาทำให้ภาพยนตร์เป็นที่รู้จัก
ถังหนิงลุกขึ้นจากที่นั่งโดยที่ยังคงมีเสื้อแจ็กเกตของหลงเจี่ยคลุมเอาไว้ ในขณะที่หลงเจี่ยสวมเสื้อแจ็กเกตของอันจื่อเฮ่าอยู่
“รีบขึ้นมาทางนี้ได้เลยค่ะ…”
งานส่วนนี้ไม่ได้เตรียมการล่วงหน้าเอาไว้ แต่ก็ยังอยู่ในความควบคุมของพิธีกร ในเมื่อทุกคนสนใจในตัวถังหนิงทางผู้จัดงานก็ไม่ขัดข้อง
หญิงสาวทั้งสองคนจับมือทักทายกันเมื่อถังหนิงเข้ามาถึงตัวพิธีกร
“ฉันเห็นตัวอย่างหนังมดราชินีแล้วล่ะค่ะ แล้วก็คิดว่ามันสุดยอดมาก คุณพอจะบอกเราเกี่ยวกับแผนการเกี่ยวกับหนังสักนิดได้ไหมคะ อย่างเช่น วันที่เข้าฉาย หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่วางแผนเอาไว้น่ะค่ะ”
ถังหนิงรับไมโครโฟนมาก่อนเอ่ยกับผู้ชม “อีกไม่นานเราจะจัดทดลองฉาย แต่ยังไม่ได้ยืนยันวันที่จะเข้าฉายจริงค่ะ”
“คุณช่วยเล่าเรื่องราวเบื้องหลังได้ไหมคะ”
ถังหนิงยิ้มกับคำถามนี้ “เป็นคำถามที่กว้างมากเลยนะคะ เราทุ่มเททั้งเวลาและความตั้งใจกับหนังเรื่องนี้ แล้วก็ได้ผ่านประสบการณ์ทั้งดีและร้ายมามาก ถึงแม้ว่าตอนนี้เฉียวเซินจะจากไปแล้วก็ตามค่ะ”
“ฉันได้ยินว่าวันนี้ก่อนจะมาร่วมงานเทศกาลคุณได้ไปเยี่ยมเฉียวเซินมาก่อน ตอนนั้นการเสียชีวิตของเฉียวเซินคงทำให้คุณสะเทือนใจที่สุด ทั้งยังทำให้เกิดความเข้าใจผิดและข่าวลือมากมายตามมาด้วย สำหรับคุณแล้วประสบการณ์ไหนที่ทำให้เจ็บปวดที่สุดคะ”
“ตั้งแต่ที่ฉันประกาศว่าจะกลับมาฉันก็ตกเป็นประเด็นในพูดถึงกันมาตลอด แม้แต่ในตอนนี้ก็ยังไม่ได้เปลี่ยนไปเลยค่ะ”
ถังหนิงกำลังพูดถึงข่าวลือเรื่องเธอกับอันจื่อเฮ่าในวันนี้
“ดังนั้นข่าวลือพวกนั้นทำร้ายฉันไม่ได้หรอกค่ะ สำหรับการเสียชีวิตของเฉียวเซิน ครั้งหนึ่งมันเคยทำให้ฉันนึกสงสัยในหลายสิ่ง แต่เพราะว่าเขาฉันเลยยืนหยัดมาได้จนถึงท้ายที่สุด ฉันจะไม่มีวันลืมเขาเด็ดขาดค่ะ”
“ครั้งนี้คุณกลับเข้าวงการในฐานะผู้สร้างใช่ไหมคะ หมายความว่าต่อไปนี้คุณจะสนใจกับหนังไซไฟเป็นหลักใช่ไหมคะ”
“ใช่ค่ะ!” ถังหนิงพยักหน้ารับ “นอกจากงานที่เกี่ยวกับหนังแล้ว ฉันจะไม่เข้าร่วมกิจกรรมอื่นๆ อีกค่ะ”
“แล้วเรื่องข่าวลืออื่นๆ ของคุณล่ะคะ คุณไม่ได้วางแผนจะออกมาชี้แจงหรือทวงความเป็นธรรมให้ตัวเองเหรอคะ คุณจะไม่รู้สึกแย่เหรอคะ”
“แค่ฉันรู้ว่าตัวเองไม่ได้ผิดก็เป็นการตอบโต้ที่ดีที่สุดแล้วล่ะค่ะ” ถังหนิงตอบพร้อมรอยยิ้ม
“ฉันชอบการตอบโต้แบบนั้นจังค่ะ” พิธีกรยกนิ้วชื่นชมถังหนิง “ฉันหวังว่า มดราชินี จะไปได้สวยในโรงหนังนะคะ แล้วก็ขอให้คุณโชคดีด้วยค่ะ หลังจากนี้เรามีของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้คุณ หวังว่าคุณจะชอบมันนะคะ”
เมื่อพิธีกรพูดจบถังหนิงจึงพยักหน้ารับอย่างขอบคุณ
ท่าทีตอบโต้ของถังหนิงยิ่งเพิกเฉยมากขึ้นเรื่อยๆ คล้ายแสดงว่าเธอไม่ได้ใส่ใจกับความวุ่นวายที่ไม่สิ้นสุดในวงการ
จากนั้นถังหนิงคืนไมโครโฟนให้พิธีกร ทว่าในจังหวะที่เธอหันหลังกลับ อยู่ๆ ส้นรองเท้าสีเงินข้างขวาของเธอก็หัก
ทุกคนด้านล่างเวทีต่างแตกตื่นขณะที่พิธีกรรีบเข้ามาพยุงเธอไว้
“คุณเป็นอะไรไหมคะ”
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ” ถังหนิงยืนขึ้นและพยายามทรงตัว แต่เพราะรองเท้าที่ส้นหักจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำเช่นนั้น
ดูเหมือนว่าเมื่อเช้าเธอจะเดินเหยียบหินกลมระหว่างทางที่จะไปหลุมศพของเฉียวเซินมากเกินไปจนทำให้รองเท้าส้นสูงพัง
หากแต่ผู้คนมากมายจับจ้องมาที่เธอพร้อมสื่อที่ถ่ายภาพไว้อย่างบ้าคลั่ง…
ทุกคนด้านล่างเวทีรู้ว่าถังหนิงไม่เคยต้องขายหน้าอย่างนี้มาก่อน
มีข่าวลือเกี่ยวกับเธอว่อนไปทั่วและรองเท้าของเธอยังมาพังอีก บางทีสื่อคงจะมีแต่ข่าวของเธอตอนที่เดินลงจากเวทีด้วย
ทว่าคนส่วนใหญ่กลับเป็นห่วงว่าเธอจะลงจากเวทีอย่างสง่างามได้อย่างไร
ในตอนนี้เองที่หลงเจี่ยลุกขึ้นจากที่นั่ง ในจังหวะที่เธอกำลังจะขึ้นเวทีไปช่วยถังหนิง ร่างในความมืดมิดพลันเดินลงมาตามทางเดินจากแถวหลังสุดตรงมาบนเวที…
หลังจากโม่ถิงได้รับสายจากหลงเจี่ยก่อนหน้านี้เขาก็รีบตรงมาที่งาน อย่างไรก็ตามเขายังซ่อนตัวอยู่ด้านหลัง หากแต่เมื่อเห็นภรรยาของตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน เขาก็ทนรอให้หลงเจี่ยมาช่วยไม่ไหว
หัวใจเขาแตกออกเป็นเสี่ยงๆ!
“รีบดูเข้าสิ!”
“ดูสิ ประธานโม่อยู่ที่นี่ล่ะ!”
“ทำไมประธานโม่ถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ”
ขณะที่ทุกคนนั่งอยู่กับที่ ด้วยว่าโม่ถิงรูปร่างสูงเป็นพิเศษ จึงโดดเด่นออกมาในยามที่เดินลงมาตามทางเดิน
ทุกคนจับจ้องโม่ถิงที่เดินตรงมาบนเวทีราวกับเขาถูกส่งมาจากสรวงสวรรค์ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าถังหนิง “ถอดรองเท้าอีกข้างออกสิครับ”
พิธีกรถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง…
ไม่มีใครคาดคิดว่าโม่ถิงจะมาอยู่ที่นี่ได้ ในขณะที่ทุกคนยังตกอยู่ในความอึ้ง ถังหนิงถอดรองเท้าออกอย่างว่าง่ายและวางลงบนมือของโม่ถิง
เขาใช้มือหนึ่งถือรองเท้าของถังหนิงไว้ก่อนจะช้อนตัวภรรยาเอาไว้ในอ้อมแขน…
“คุณมาได้ที่นี่ยังไงคะ” แม้แต่ถังหนิงยังตกใจ
“ผมเหาะมาครับ!”