ตอนที่ 521-2 การประลองอันถึงใจ

พันธกานต์ปราณอัคคี

บนยอดเขาห้านิ้วมีลานประลองจัดตั้งขึ้นอยู่มากมาย สนามทุกแห่งก็อยู่บนมือขนาดยักษ์ที่สูงตระหง่านข้างหนึ่ง นิ้วมือทั้งห้าที่ค่อยๆ โผล่ขึ้นมานั้นเป็นขอบเขต รายล้อมฝ่ามือที่กว้างใหญ่อย่างน่าเหลือเชื่อ 

 

 

และสถานที่เหล่านี้ในเวลาปกติไม่อาจเห็นได้ มีเพียงเวลาที่ต้องการ พรรคอู่อี๋ถึงจะสร้างเขตอาคมธาตุดินที่ทำขึ้นเป็นพิเศษเรียกออกมา 

 

 

ประลองกันบนสนามประลองรูปมือ กลิ่นอายอันดุเดือดที่เกิดจากสมบัติวิเศษและเคล็ดวิชาปะทะกันจะถูกกักไว้อยู่ภายในพื้นที่ ไม่ให้ทำร้ายผู้ชม และเป็นเพราะตั้งอยู่ที่สูง ทุกความเคลื่อนไหวก็จะถูกผู้คนมองเห็นได้อย่างชัดเจน สถานที่แห่งนี้เหมาะสมอย่างมากที่จะใช้เพื่อประลอง 

 

 

นักพรตฉงกวนพูดเสร็จ สมบัติวิเศษรูปแท่นฝนหมึกค่อยๆ ปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือ พลันขยับนิ้วร่ายยันต์วิญญาณหนึ่งออกมาซึมแทรกลงไปในแท่นฝนหมึก แท่นฝนหมึกสีดำทะมึนก็ลอยขึ้นสู่กลางอากาศ 

 

 

เขาเป็นผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนัก มาถึงจุดนี้ได้ไม่รู้ว่าผ่านความยากลำบากมาเท่าไร จึงไม่มีความคิดเวทนาเอ็นดูต่อผู้บำเพ็ญเพียรหญิง การต่อสู้วันนี้ยิ่งพลาดไม่ได้ พร้อมกันกับที่แสงวิญญาณดวงแล้วดวงเล่าซึมลงไปในแท่งหมึกก็ร้องขึ้นมาเบาๆ หนึ่งทีว่า “ไป!” 

 

 

เผชิญหน้ากับคู่ประลองในระดับเดียวกัน มั่วชิงเฉินไม่กล้าเฉื่อยชา นางเหวี่ยงก่อนอิฐสีทองเป็นประกายก้อนหนึ่งในมือให้พุ่งออกไป  

 

 

เสียงดังขึ้น โครม 

 

 

ก้อนอิฐสีทองปะทะกับแท่นฝนหมึก ผู้คนได้ยินเสียงดังกึกก้องกังวานชัดเจนแว่วมา ในขณะเดียวกันนั้นเอง ตรงกลางซึ่งสมบัติวิเศษสองชิ้นกระทบกัน แสงสีดำเป็นวงๆ และแสงสีทองเกี่ยวพันกัน เกิดแรงกระเพื่อมแผ่ออกไปด้านนอก เป็นภาพฉากที่งดงามยิ่งนัก 

 

 

ผู้คนกลั้นหายใจ ไม่ได้ถกเถียงอย่างเซ็งแซ่กันต่อ แต่กลับสนใจดูอย่างจริงจัง 

 

 

ถึงแม้ว่าหลายวันมานี้จะคุ้นเคยกับการได้เห็นการต่อสู้ของยอดฝีมือ แต่การประมือในเวลานี้ของผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อแก่นปราณขั้นปลายกำลังเรียกได้ว่าแข็งปะทะแข็ง ทำให้คนรู้สึกหัวใจกระเพื่อม 

 

 

แท่นฝนหมึกสีดำลอยกลับไปกลางฝ่ามือของนักพรตฉงกวน นักพรตฉงกวนเริ่มรู้สึกได้ลึกๆ ว่าผู้บำเพ็ญเพียรหญิงผู้ที่ตนได้ดูถูกนั้น เกรงว่าจะไม่ได้อ่อนแออย่างที่คิด 

 

 

แต่ว่าเมื่อครู่เขาเพียงแค่ทดสอบ มือขวาที่กุมแท่นฝนหมึกคลายออก ปล่อยให้แท่นฝนหมึกลอยขึ้นสูงกลางอากาศ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “สหายระวังด้วย!” 

 

 

ยังไม่ทันสิ้นเสียง แสงวิญญาณลำหนึ่งก็พุ่งซึมเข้าไปในแท่น แท่นฝนหมึกพุ่งออกไปยังมั่วชิงเฉินรวดเร็วราวกับดาวตก ชั่วพริบตาเดียวในขณะที่เข้าใกล้นางก็ได้ขยายใหญ่สูงขึ้นเกือบครึ่งตัวคน 

 

 

มั่วชิงเฉินสีหน้าเช่นเดิม มือขวาคลายออก ตบก้อนอิฐเบาหนึ่งที ทันใดนั้นก็เห็นก้อนอิฐสีทองขยายใหญ่ ลอยออกไปรับอย่างรวดเร็วราวกับลูกธนู 

 

 

ผู้คนได้ยินเพียงเสียงปะทะที่แว่วออกมาสนั่นจนหูอื้อ ตามด้วยกระแสลมที่ส่งเสียงหวีดหวิวพัดออกมา เสียงก้องของแรงปะทะยังคงดังอยู่ในหู สายตามองเห็นเพียงแค่แสงสว่างสีทองและดำเท่านั้น 

 

 

จนกระทั่งแสงสว่างสลายไป ก็เห็นก้อนอิฐขนาดเขื่องสูงราวกับภูเขาลูกเล็กๆ ทับแท่นฝนหมึกสีดำสูงเท่าตัวคนจมอยู่ข้างล่างอย่างไม่เกรงใจ แท่นฝนหมึกสีดำนั้นดูราวกับมีวิญญาณ มันขยับไหวอย่างไม่พอใจ 

 

 

ได้เห็นฉากเช่นนี้ ผู้คนต่างเกิดความรู้สึกประหลาดใจขึ้นมา ถึงกับเผยอปากออกมาโดยไม่รู้ตัว 

 

 

ทว่าหลังจากนั้นเรื่องที่ทำให้คนยิ่งตาค้างก็เกิดขึ้น แท่นฝนหมึกขยับไหวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ไปพร้อมกับนิ้วมือที่ร่ายยันต์ของนักพรตฉงกวน ก้อนอิฐขนาดใหญ่เป็นพิเศษก้อนนั้นพลันยกขึ้น จากนั้นก็กดทับลงไปอย่างแรง 

 

 

เสียงปะทะดังขึ้น ผู้คนราวกับได้ยินเสียงโหยหวนของแท่นฝนหมึกและเสียงหัวเราะร้ายอย่างพึงพอใจของก้อนอิฐ 

 

 

ขยี้ตาแล้วแคะหู ภาพที่ปรากฏสู่สายตายังเป็นก้อนอิฐขนาดเท่าภูเขาย่อมๆ กดทับแท่นฝนหมึกขนาดเท่าคนตัวเล็กไว้ ผู้คนแอบคิดว่าคงเป็นเพราะตาฝาดและหูเพี้ยนไป 

 

 

แต่ผู้บำเพ็ญเพียรระดับสูงจำนวนหนึ่งมองเห็นร่องรอย มองไปยังสมบัติวิเศษของทั้งสองคนด้วยสายตาครุ่นคิดคำนวณ 

 

 

มั่วชิงเฉินเคยได้ยินประโยคหนึ่งว่า หญิงงามต่างฝ่ายต่างดูแคลนกัน 

 

 

ตอนนี้นางเพิ่งจะพบว่า ที่แท้ประโยคนี้ยังสามารถใช้กับสมบัติวิเศษได้ 

 

 

ก้อนอิฐแหวกฟ้า คือสิ่งที่โส่วเต๋อเจินจวินประมุขสูงสุดของพรรคเหยากวงคนก่อนมอบให้ ตอนนั้นอาจารย์เคยบอกนางว่าแหวกฟ้านั้นไม่ง่าย ต้องค่อยๆ เรียนรู้จากการใช้อย่างละเอียดในภายหลัง 

 

 

เพียงแต่นางเอาแต่ใช้อิฐแหวกฟ้าขว้างปาผู้คน ใช้มันเป็นสมบัติวิเศษในการอาละวาดไปทั่ว รู้สึกสะใจก็จริง แต่หากจะพูดถึงว่าทุ่มเทเรียนรู้ค้นหาอย่างตั้งใจสักเท่าไร อย่าว่าแต่สมบัติวิเศษเจ้าชะตาอย่างธนูเขียวซ่อนเร้น แม้จะเทียบกับไหมเกล็ดน้ำแข็งก็ยังห่างไกล 

 

 

แต่ในวันนี้ได้ผเชิญกับแท่นฝนหมึกสีดำของอีกฝ่าย มั่วชิงเฉินสามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกตื่นเต้นมีชีวิตชีวาอย่างหนึ่งออกมาจากก้อนอิฐ ความรู้สึกของวิญญาณที่เคลื่อนไหวนั้น สมบัติวิเศษจำนวนมากไม่ได้มีเช่นนี้  

 

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากสมบัติวิเศษทั้งสองกระทบกัน แหวกฟ้าดูราวกับมีชีวิตขึ้นมา สามารถแสดงอารมณ์ออกมามากมาย 

 

 

ในใจนักพรตฉงกวนตกตื่นเป็นอันมาก 

 

 

เขารู้ดีว่าสมบัติวิเศษของตนเป็นสมบัติวิเศษชั้นยอดที่มีพลังวิญญาณโดยธรรมชาติ หลายปีมานี้การที่เขาอยู่เหนือกว่าผู้บำเพ็ญเพียรในระดับเดียวกันอย่างมั่นคงนั้นไม่สามารถขาดสมบัติวิเศษนี้ได้ คิดไม่ถึงว่าสมบัติวิเศษของอีกฝ่ายก็ไม่ใช่ย่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้สมบัติวิเศษของเขาถูกกดทับนิ่งอยู่ข้างล่าง ไม่ว่าจะดูอย่างไร ก็น่าอดสูสิ้นดี!  

 

 

นักพรตฉงกวนขบฟันทีหนึ่ง มือทั้งคู่เริ่มสั่นไม่หยุด ว่าพริบตาเดียวก็ขยับไหวด้วยความเร็วอันสูงสุด ร่ายยันต์วิญญาณนับพันออกมาซึมเข้าสู่กลางแท่นฝนหมึกสีดำที่กำลังดิ้นพล่านอย่างโกรธเกรี้ยว 

 

 

ทันใดนั้นเองแท่นฝนหมึกสีดำก็ส่องแสงสีดำออกมา ดูแข็งแรงมีชีวิตชีวาราวกับเสือดำตัวหนึ่ง อาศัยจังหวะที่แรงอันมหาศาลของก้อนอิฐอ่อนกำลังลงเล็กน้อย พุ่งพรวดออกไป   

 

 

เมื่อออกมาได้แล้ว แท่นฝนหมึกสีดำก็สั่นไหว ทันใดนั้นก็ขยายใหญ่ขึ้น แท่นฝนหมึกทั้งแท่นตั้งตรงตระหง่าน 

 

 

ผู้คนทั้งหลายถูกการกระทบชนไปมาของสมบัติวิเศษทำให้ตาพร่า แต่ก็ไม่อยากกะพริบตา กลัวจะพลาดฉากอันสุดแสนระทึกไป  

 

 

แท่นฝนหมึกสีดำไม่ทำให้ผู้คนคิดหวัง เมื่อตั้งสง่าตรงแล้วทันใดนั้นก็กลายร่างเป็นปากขนาดใหญ่ ริมฝีปากเม้มแน่นๆ แล้วขยับไปมา ทันใดนั้นก็อ้าปาก พ่นน้ำหมึกออกไปกระฉอกหนึ่ง 

 

 

น้ำหมึกกระฉอกนี้มีขนาดพอๆ กับน้ำครึ่งสระเล็กๆ แทรกด้วยเสียงลมที่กรีดร้องทุ่มไปยังก้อนอิฐ ดูราวกับน้ำป่าที่โหมทะลัก ซัดแรงราวกับฟ้าหมุนแผ่นดินกลับ ดูแล้วช่างน่ากลัว ประหนึ่งว่าวันสิ้นโลกมาถึงแล้ว  

 

 

มั่วชิงเฉินไม่รู้ว่าในกระแสน้ำหมึกนี้จะมีความสามารถอย่างอื่นหรือไม่ อย่างเช่นกัดกร่อน หรือพิษรุนแรง จึงไม่ได้ฝืนจะไปต้านทาน นางขยับมืออย่างคล่องแคล่วเรียกก้อนอิฐกลับ ไหมเกล็ดน้ำแข็งในแขนเสื้อก็พุ่งออกไป  

 

 

ไหมเกล็ดน้ำแข็งเป็นสมบัติวิเศษธรรมชาติที่เปี่ยมไปด้วยพลังวิญญาณ หลายปีมานี้ถูกหล่อเลี้ยงบำรุงในตันเถียนมาตลอดจึงเชื่อมต่อกับจิตของนางเป็นอย่างดี ระดับการบำเพ็ญที่สูงขึ้นความสามารถเองก็แข็งแกร่งยิ่งขึ้นเช่นกัน  

 

 

ในวินาทีที่พุ่งออกไป สัมผัสกับสายลมแล้วแผ่ออก กลายเป็นหมอกเลือนรางปกคลุมพื้นผิวของกระแสน้ำ 

 

 

กระแสน้ำสีดำมืดพุ่งออกมา แล้วถูกจับไว้ที่นั่น ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างตัดขาด 

 

 

นักพรตฉงกวนหน้าถอดสี แต่กลับยังคงสงบนิ่งไม่ไหว มือขวายกขึ้นเบาๆ 

 

 

ทันใดนั้นก็เห็นว่ากระแสน้ำสีดำนั้นยิ่งส่งเสียงคำรามหนักหน่วงขึ้น ตามด้วยเสียงลมที่พัดอย่างรุนแรง ราวกับม้านับหมื่นตัวในสงครามเข่นฆ่า เมื่อแว่วเข้าสู่หูผู้คนทั้งหลายก็ทำให้รู้สึกตื่นกลัวกันขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ มีบางคนที่สมาธิแก่กล้า มีความหนักแน่นโดยสัญชาตญาณบ้าง ได้ย้ายจากสนามการประลองอื่นเข้ามาบ้างแล้ว