ตอนที่ 395 ตระกูลฟางโชคร้าย
“ท่านอ๋องจักทำเยี่ยงไร จักเลือกวิธีไหนก็อยู่ที่ท่านแล้ว ส่วนหนอนกู่ตัวนี้ท่านยังให้ซู่ซู่เลี้ยงไว้หรือไม่เจ้าคะ” ฟางซู่ซู่ได้เห็นครอบครัวของตนตายอย่างน่าเวทนาเช่นนี้ นางจึงตระหนักขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง
“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่ ? ” มู่จวินฮานมองนางด้วยสายตาเย็นชา
“ข้าหรือ ? หากข้าบอกว่าต้องการบุตร ท่านอ๋องจักประทานให้ข้าหรือไม่เจ้าคะ ? ”
ฟางซู่ซู่กำลังฝันกลางวันอยู่เป็นแน่ มู่จวินฮานจึงเบือนหน้าหนีไปอีกทาง
“เจ้าเป็นเพียงหนึ่งในมิกี่คนที่กล้าข่มขู่เปิ่นหวาง ! ”
“เช่นนั้นซู่ซู่ก็คงมีเกียรติมิน้อยเลยเจ้าค่ะ” ฟางซู่ซู่ช่างร้ายกาจยิ่งนัก แตกต่างจากตอนแรกที่มู่จวินฮานรู้จักโดยสิ้นเชิง
“กลับจวน ! ”
มู่จวินฮานสะบัดแขนเสื้อและก้าวออกไปนอกประตูทันที
แม้ตอนนี้ใบหน้าฟางซู่ซู่มิสู้ดีนัก แต่นางรู้ดีว่ามู่จวินฮานต้องให้นางอยู่ในจวนเพราะอย่างน้อยจักปล่อยให้นางเป็นอันใดมิได้เด็ดขาด
อันหลิงเกอก็ได้รับข่าวจากองครักษ์เงาและรู้แน่ชัดว่าครั้งนี้เป็นฝีมือของแคว้นชิงเยว่
“ปี้จู” อันหลิงเกอคิดบางอย่างขึ้นได้คือตั้งแต่ฟางซู่ซู่เข้าจวนจนถึงตอนนี้ยังมิมีสาวใช้เลยสักคน
จวนอ๋องมู่มิอนุญาตให้สนมนำสาวใช้จากภายนอกเข้ามาและฟางซู่ซู่ก็รอจวนส่งคนไปให้นางอยู่ เช่นนั้นมิสู้…
“พระชายาเจ้าคะ” ปี้จูเดินมาหาอย่างเชื่อฟัง
“ข้าได้ยินว่าเจ้ารับเด็กผู้หญิงในเมืองหลวงเป็นน้องสาว นางชื่อปี้เถาใช่หรือไม่ ? ”อันหลิงเกอกล่าวพร้อมยิ้มออกมาบางๆ นางจำได้ดีว่าปี้เถาเป็นคนน่าสนใจมิน้อย
ที่สำคัญปี้เถาคนนี้กล้าหาญและฉลาดเฉลียว ทั้งยังรู้วรยุทธอยู่บ้าง ได้ยินว่าตอนเด็กนางเคยเก็บยาอยู่ที่แคว้นชิงเยว่และเป็นเด็กที่แปลกมากด้วย
“ใช่เจ้าค่ะ” ปี้จูตอบอย่างนึกฉงน
“ได้ยินว่าตอนนี้นางทำงานอยู่ในเรือนหลังหนึ่งบนถนนเส้นนี้หรือ ? ” เรื่องนี้อันหลิงเกอก็เคยตรวจสอบมาบ้างเพราะเรื่องเกี่ยวกับคนที่สามารถใช้งานได้นางมิเคยปล่อยผ่านอยู่แล้ว
“ใช่เจ้าค่ะ เพียงแต่เด็กคนนั้นใจร้อนไปหน่อยจึงได้เป็นแค่สาวใช้ธรรมดาเท่านั้น” ปี้จูกล่าวออกมาอย่างเป็นกังวล
“นี่คือป้ายชื่อ มิว่านางจักเป็นสาวใช้ที่เรือนไหนก็ให้เจ้าบอกว่าเป็นพี่น้องที่รักใคร่กันมากจึงอยากให้นางมาทำงานที่จวนอ๋องมู่ด้วยกัน” กล่าวจบอันหลิงเกอก็หยิบห่อเงินมาวางไว้บนมือของปี้จู
“เจ้าค่ะ ! ”
แม้ปี้จูมิรู้ว่าพระชายาคิดทำสิ่งใด แต่นางก็รู้สึกดีใจอยู่มาก
ปี้จูทำงานได้รวดเร็ว เพียงมินานก็พาตัวปี้เถากลับมาด้วย
เรือนที่ปี้เถาทำงานอยู่ก็ดีใจเช่นกันเพราะแค่สาวใช้คนเดียวและในเมื่อพระชายาโปรดปรานแม้ต้องเสียเปรียบก็ถือว่าได้เอาใจจวนอ๋องมู่ไปแล้ว
อีกทั้งพระชายามู่ยังจ่ายให้พวกเขาอย่างงาม
“ได้ยินว่าเจ้าและปี้จูรักกันราวกับพี่น้องแท้ ๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็คงมิต้องเปลี่ยนชื่อแซ่” อันหลิงเกอหัวเราะออกมาด้วยท่าทางอ่อนโยน
ปี้เถามองปี้จูที่อยู่ข้างกายอย่างดีใจ ก่อนจักเงยหน้าขึ้น
“เจ้าค่ะ ! ภายภาคหน้าต่อให้พระชายาสั่งปี้เถาไปบุกน้ำลุยไฟ ปี้เถาก็มิเกี่ยงเจ้าค่ะ” ช่างเป็นเด็กที่สดใสเสียจริง
ตอนแรกที่ปี้เถารู้จักปี้จูก็เพราะได้ยินเสียงของอีกฝ่ายตอนออกไปซื้อผักในตลาดจึงรู้สึกถูกชะตาด้วย
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หากข้าส่งเจ้าไปอยู่ที่เรือนข้าง เจ้าจักตกลงหรือไม่ ? ”
อันหลิงเกอมิเคยบีบบังคับผู้ใดและหากเด็กคนนี้มิเต็มใจก็มิเป็นไร
เรือนข้างอย่างนั้นหรือ ?
ปี้จูได้ฟังก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เหตุใดพระชายาต้องหาคนให้ฟางซู่ซู่ด้วย ?
“ได้เจ้าค่ะ ! ”
ปี้เถายิ้มออกมา จากนั้นก็คุกเข่าลงเบื้องหน้าของอันหลิงเกอ
“หากพระชายาต้องการให้ปี้เถาทำ ปี้เถาก็จักทำเจ้าค่ะ ! ”
“อืม เจ้าแค่ช่วยจับตามองความเคลื่อนไหวของนางก็พอ แต่คนที่ข้าส่งไปก็เกรงว่านางมิยอมเชื่อใจโดยง่าย คงต้องให้เจ้าวางแผนและหาวิธีเอาเอง” อันหลิงเกอรู้ดีว่ามองคนมิผิดและถือเป็นบททดสอบหนึ่งแล้วกัน
“เจ้าค่ะ ! ”
ปี้เถาฉลาดจริง ๆ เพราะยังมิถึงสองวันก็สามารถทำให้ฟางซู่ซู่รับนางไว้เองได้
“พระชายา ปี้เถาเก่งเสียจริงเจ้าค่ะ ! ” ปี้จูกลับมาก็รีบรายงานให้อันหลิงเกอฟังด้วยความดีใจ
“หืม ? ” อันหลิงเกอยิ้มออกมาเพราะเรื่องพวกนี้นางรู้อยู่แล้ว
ปี้เถาเคยอยู่แคว้นชิงเยว่มาช่วงหนึ่งย่อมมีวิธีทำให้ฟางซู่ซู่เลือกตนอยู่แล้ว
“วันนี้ปี้เถาตัดแต่งต้นไม้อยู่ภายในสวน นางแค่หยิบหญ้าชนิดหนึ่งขึ้นมาแล้วแสร้งคิดถึงบ้าน เพียงเท่านั้นฟางซู่ซู่ก็รับตัวนางไปเลยเจ้าค่ะ ! ”
อันหลิงเกอพยักหน้ารับ ยิ่งเป็นธรรมชาติยิ่งดีเพราะเช่นนี้ฟางซู่ซู่จักได้มิสงสัยอันใด
“พระชายา ฟาง*จูจึมาเจ้าค่ะ ! ” หมิงซินรายงานอยู่ด้านนอก
รวดเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ ?
“ให้นางเข้ามา” อันหลิงเกอมิได้แสดงสีหน้าใดออกมา แต่ทุกอย่างที่ฟางซู่ซู่แสดงออกมาล้วนอยู่ในสายตาของนางทั้งสิ้น
และมีเรื่องหนึ่งที่นางมิเข้าใจจึงสั่งให้ปี้เถาไปจัดการ
“คารวะพระชายาเจ้าค่ะ” ฟางซู่ซู่แสดงการคำนับอย่างนอบน้อม
“อืม มิต้องมากพิธี” อันหลิงเกอนั่งพิงเก้าอี้ไม้ไผ่ด้านข้าง แววตาเหลือบมองนางเล็กน้อย
“วันนี้ที่เชี่ยเซินมาก็เพราะต้องการมาขอสาวใช้จากพระชายาคนหนึ่งเจ้าค่ะ” กล่าวจบฟางซู่ซู่ก็ก้มหน้าลงอีกครั้ง
นางเองก็คาดมิถึงว่าเข้ามาอยู่ในจวนตั้งนานแล้ว ทว่าในจวนยังมิส่งสาวใช้มาให้นางแม้แต่คนเดียว
“อืม เจ้าไปบอกแม่นมที่ดูแลเรื่องในจวนได้เลย” อันหลิงเกอเอ่ยราวกับมิเปิดทางให้นางเป็นคนเลือกเอง
“พี่หญิง วันนี้ซู่ซู่ได้พบกับสาวใช้คนหนึ่งแล้วรู้สึกถูกชะตาจึงอยากได้นางมาเป็นสาวใช้ที่เรือน มิทราบว่าท่านจักช่วยบอกแม่นมแทนซู่ซู่ได้หรือไม่เจ้าคะ ? ”
ฟางซู่ซู่ผู้นี้ช่างมิรู้ที่ต่ำที่สูงเสียจริง กล้ากล่าวเช่นนี้กับภรรยาเอกนับว่าโอหังเกินไปแล้ว
“ช่างเถิด สาวใช้คนใดที่ทำให้เจ้าถูกใจถึงเพียงนี้ ? ”
อันหลิงเกอรู้ว่าตอนนี้ปลาติดเบ็ดแล้ว มินานฟางซู่ซู่ก็พาตัวปี้เถาออกมา
“แค่สาวใช้ธรรมดา ตามใจเจ้าก็แล้วกัน”
อันหลิงเกอแกล้งทำมิสนใจ แต่กลับทำให้ฟางซู่ซู่พอใจอย่างมาก
วันนั้นแค่เห็นปี้เถา นางก็รู้แล้วว่าสาวใช้คนนี้รู้วิชาแพทย์ ทั้งยังเป็นคนของแคว้นชิงเยว่ เช่นนี้ก็…
“ถ้าเช่นนั้นก็ขอบคุณพี่หญิงมากเจ้าค่ะ ซู่ซู่ขอตัวก่อน”
ฟางซู่ซู่กล่าวจบก็เตรียมจากไป
“ช้าก่อน” อยู่ ๆ อันหลิงเกอก็นั่งตัวตรงขึ้นมาราวกับมีเรื่องที่ต้องการเอ่ย
“พี่หญิงมีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ ? ” ฟางซู่ซู่รู้สึกมิเข้าใจเพราะเมื่อครู่อันหลิงเกอดูท่าทางมิได้ใส่ใจอันใด แล้วเหตุใดตอนนี้จึงเรียกนางเอาไว้?
“ต่อไปห้ามเรียกข้าว่าพี่หญิงอีก เพราะชีวิตนี้ข้าเกลียดคำว่าพี่หญิงที่สุด ! ”
นางกล่าวจบ ฟางซู่ซู่ก็คุกเข่าลงทันที
“เมื่อครู่ซู่ซู่แค่อยากทำความสนิทสนมกับพี่หญิง ไม่ไม่ไม่ สนิทสนมกับพระชายา มิได้มีความหมายอื่นใด ขอพระชายาได้โปรดอภัยด้วยเจ้าค่ะ ! ” กล่าวจบนิ้วของฟางซู่ซู่ก็เกี่ยวบางอย่างเอาไว้และดูน่ากลัวยิ่งนัก
มิทันไรอันหลิงเกอก็รู้สึกเจ็บที่หัวใจขึ้นมาจนแทบหายใจมิออก
“ช่างเถิด เจ้าจำไว้ให้ดีก็แล้วกัน ออกไปได้ ! ” การที่ร่างกายผิดปกติก็ทำให้นางหงุดหงิดมิน้อย นางจึงมิได้กลั่นแกล้งอันใดฟางซู่ซู่อีก
หลังฟางซู่ซู่จากไปแล้วก็ตรงไปยังเรือนของตนทันที แต่ตอนนี้นางยังมิไว้ใจคนของจวนอ๋องมู่ แม้แต่เรื่องหนอนกู่นางก็ยังบอกให้ปี้เถาทราบมิได้
แต่สาวใช้คนนี้ทำให้นางรู้สึกพอใจมิน้อยทีเดียว
หากเป็นคนที่มู่จวินฮานส่งมา อย่างไรก็ต้องคอยตรวจสอบนางเป็นแน่ แต่หากเป็นคนของอันหลิงเกอก็ต้องคอยระวังเรื่องความหึงหวง ดังนั้นสาวใช้ที่นางเลือกมาเองจึงถือว่าดีที่สุดแล้ว
…
*จูจึ คือ ตำแหน่งของนางสนมขั้นต่ำที่มาจากตระกูลธรรมดาหรือตระกูลขุนนางขั้นต่ำไร้อำนาจ มักได้อยู่ในเรือนหลังเล็กรอบนอกของเรือนหลักเหล่าสนมขั้นสูงอีกที