บทที่ 291 - อึนยูริ (2)

The Second Coming of Gluttony

บทที่ 291 – อึนยูริ (2)

โฮมุนครุสได้แหวกป่าเดินทางมาถึงแล้ว

รูปร่างของมันประหลาดมาก ไม่มีส่วนไหนที่พูดว่าดีได้เลย มันมีขนาดที่สูงอย่างน้อยสี่เมตร แต่กลับมีร่างกายที่เพรียวบางแปลกๆเมื่อเทียบกับส่วนสูง ผิวของมันเป็นรอยปริแตกสีเทาพร้อมด้วยจุดสีเดาเป็นช่วงๆ เพราะแบบนี้ซอลจีฮูจึงมองผิดคิดไปว่ามันเป็นต้นไม้

แต่ว่าเมื่อเขามองไปที่แขนยาวที่แต่ละข้างก็ยาวถึงครึ่งตัว บวกกับกรงเล็บเหมือนตะขออันแหลมลม ซอลจีฮูก็รู้เลยว่ามันคือตัวอันตราย

บางทีส่วนที่น่าเกลียดที่สุดคงจะเป็นส่วนกระโหลกของมันที่ยาวมากผิดปกติเหมือนกับเอเลี่ยนตามภาพยนต์ รวมไปถึงเบ้าตากลมโตของมันอีกด้วย

‘หูก็ใหญ่มาก แถมแหลมด้วย’

จากนั้นเขาก็ได้สบสายตากับมัน

“กรรรรรรร!”

และในตอนนี้เองซอลจีฮูก็ได้เห็นภายในปากของโฮมุนครุส ภายในนั้นมีเขี้ยวอยู่นับไม่ถ้วนเหมือนฉลาม มันดูเหมือนกับจะพึงพอใจที่พบเหยื่อแล้ว

โฮมุนครุสได้ขดตัวในทันที มันกำลังเตรียมที่จะกระโดดข้ามผา

‘พอมันกระโดด…’

เขาได้ฝึกโต้กลับการกระโดดโจมตีมามากมายนับตั้งแต่บทฝึกสอนแล้ว ซอลจีฮูได้ดึงพลังมานามาคอยระวังการโจมตีนี้ มีดยาวของเขาได้สั่นขึ้นเมื่อปราณดาบสีทองได้เคลือบรอบคมดาบ และมีประกายสายฟ้าปรากฏขึ้นใต้เท้าเขา

ทันใดนั้นเองโฮมุนครุสก็ยืดหัวออกมาจากท่าคู้ตัว

ปัง!

ซอลจีฮูยืนนิ่งเบิกกว้างอย่างตกใจ มีกลิ่นเลือดโชยเข้าจมูกของเขา เขาไม่ได้ประมาทเลย แต่ว่าตอนนี้เขี้ยวของมอนสเตอร์ตรงหน้า และเยื้อบุสีแดงำลังส่องประกายอยู่ตรงหน้าเขา

เร็วมาก!

แต่ที่ยิ่งทำให้เขาตกตะลึงขึ้นไปอีกก็คือโฮมุนครุสได้พุ่งตรงมาหาเขาเหมือนกับกระสุนโดยไม่ได้กระโดดลอยอยู่กว้างอากาศเลย การเคลื่อนไหวแบบนี้มันจะเป็นไปไม่ได้เลยหากขาดความยืดหยุ่นอันน่าเหลือเชื่อ

‘ให้ตายสิ!’

ถึงจะตกตะลึงแต่เขาก็ป้องกันการโจมตีเอาไว้ได้ เขาได้ใช้การคาดเดาการเคลื่อนไหวของมอนสเตอร์ไว้ก่อนเหมือนอย่างฟีโซราทำ และร่างกายของเขาก็ขยับไปเอง

ซ่า!

เขาได้ใช้งานประกายสายฟ้าหลบการโจมตีนี้โดยไม่ต้องมองเลย ในเวลาเดียวกันเขาก็กระโจนไปข้างหน้า พร้อมเหวี่ยงมีดยาวออกไปอย่างสุดกำลังโดยคิดถึงการฝึกหินสีไปแล้ว

ฉับ!

เขาฟันโดน แต่ความรู้สึกที่ส่งกลับมาที่มีเขามันแปลกเหมือนเขาสับลงไปบนเนื้อแช่แข็ง มีดยาวได้ทะลวงหัวกระโหลกของโฮมุนครุสไปจนทะลุถึงด้านหลัง

‘จบแล้วงั้นหรอ…’

ทันใดนั้นซอลจีฮูก็รู้สึกหายนะที่คลืนคลานเข้ามา

มันยังไม่จบ ซอลจีฮูได้รีบลดแขนซ้ายมาที่หน้าอกทันที และแทบจะในเวลาเดียวกันโฮมุนครรุสก็ได้เหวี่ยงแขนเข้าใส่หน้าอกเขา

ผั๊วะ!

“อึก!”

ขณะที่รู้สึกได้ถึงกระดูกที่หักไป สายตาของซอลจีฮูก็เห็นเพียงสีฟ้า กว่าเขาจะได้สติกลับมาร่างกายเขาก็ลอยอยู่กลางอากาศแล้ว หลังจากนั้นไม่นานเขาก็กระแทกเข้ากับหินก่อนจะหยุดลง

“แค่กๆ!”

หลังจากกระแทกกับพื้น ซอลจีฮูก็ได้ไอออกมาอย่างต่อเนื่องพร้อมใบหน้าที่ค่อยๆกลายเป็นเคร่งขรึม ความปวดแสบปวดร้อนได้ปกคลุมทั้งแขนซ้ายเขา

เขาได้พยายามจะอดทนกับพัน และใช้มีดยาวเป็นไม้เท้าช่วยให้ลุกขึ้นยืน แต่มีดยาวก็ได้หักครึ่ง และเขาก็ต้องทรุดไปกับพื้นอีกครั้ง บางทีอาจจะเพราะปราณดาบทำให้คมมีดหักไป หรือไม่ก็เพราะการโจมตีของโฮมุนครุสก็ได้

ถึงเขาจะไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงทำให้มีดหัก แต่ไม่ว่าจะแบบไหนเขาก็ได้สูญเสียอาวุธเพียงหนึ่งเดียวไปแล้ว ที่แย่กว่านั้นคือมันเกิดขึ้นในการปะทะกันครั้งแรกอีกด้วย

‘เวร…’

เขาได้สบถออกมา และลุกขึ้นยืน เขาได้จับแขนซ้ายที่อ่อนแรงเอาไว้แน่น จากนั้นก็พยายามปรับสายตา

โฮมุนครุสกำลังเซอยู่กับที่โดยหัวมันหายไปครึ่งหนึ่ง แม้ว่ามันจะสะดุด แต่ก็กลับมารักษาสมดุลได้อย่างรวดเร็ว ไม่นานนักฟองเนื้อแปลกๆก็โผล่ออกมาจากจุดที่เป็นแผล และสร้างเป็นเนื้อหนังขึ้นมาใหม่

เมื่อได้เห็นถึงพลังในการฟื้นฟูของโฮมุนครุสแล้ว ซอลจีฮูก็แสยะยิ้มออกมา โฮมุนครุสเพิ่งจะรักษาบาดแผลสาหัสไป

ไม่นานนักเขาก็เห็นโฮมุนครุสกำลังมองมาหาเขา ซอลจีฮูรู้สึกหดหู่ขึ้นมา มันไม่ใช่สิ่งที่เอาชนะไม่ได้ แต่ก็ไม่ง่ายที่จะเอาชนะเช่นกัน

ในแง่ของพลังแล้วโฮมุนครุสเหลือกว่าเขา ในแง่ของความเร็วพวกเขาอยู่ในระดับเดียวกัน แต่ว่านั่นก็เฉพาะในตอนเขาใช้ประกายสายฟ้าแล้วด้วย ปัญหาก็คือยิ่งการต่อสู้ยืดยื้อออกไป มันก็ยิ่งแย่กับเขา

เขาไม่มีอาวุธหรืออาร์ติแฟคอะไรเลย เขาได้แต่ต้องพึ่งมานากับร่างกายเท่านั้น และโชคร้ายที่แขนข้างหนึ่งของเขาหมดสภาพไปแล้วด้วย

‘เหลืออีกสี่ครั้ง’

ซอลจีฮูได้ถ่มเลือดออกจากปากก่อนที่จะมีคลื่นสายฟ้าปกคลุมร่างไป ไม่นานนักปราณสีทองกับโฮมุนครุสก็ได้ปะทะกันอีกครั้ง

***

ในเวลาเดียวกันกับที่ซอลจีฮูปะทะกับโฮมุนครุส อึนยูริก็ได้ไปที่เครื่องสุ่มกาชาพร้อมปาร์ควูรี กับยูยอลมู

ตามแผนที่แล้วทั้งนี้มีเครื่องสุ่มกาชาอยู่ทั้งหมดสี่เครื่อง เครื่องสุ่มเหล่านี้ต่างก็แยกกันอยู่ และทั้งสามคนก็ได้เดินทางไปที่เครื่องสุ่มกาชาที่ใกล้ที่สุดเพื่อตรวจสอบดูรางวัล

[รายการรางวัล]

1.1-9 เหรียญ: ราเมน ของใช้ประจำวัน ข้อความของไกด์ เวชภัณฑ์…

2.10-49 เหรียญ: เครื่องบรรเทาทุกข์ ของที่ระลึก แผนที่ จดหมายของแม่บ้าน…

3.50-99 เหรียญ : คะแนนการเอาชีวิตรอด โทรศัพท์มือถือ (รุ่นล่าสุด)….

4.100-299 เหรียญ: โพชั่น อาวุธ เครื่องสวมใส่ ชุดเครื่องมือเอาชีวิตรอด เหรียญ (1-499 เหรียญ) บอลเวทย์

5.300 เหรียญ: พิเศษ

6.666 เหรียญ : เครื่องสังเวย (รับประกัน)

ซอลจีฮูหวังจะใช้วิธีปกติ ในด่านที่สองนั่นจะเป็นการใช้เครื่องสุ่มกาชา ยังไงก็ตามไม่นานนักอึนยูริก็เจอเข้ากับปัญหา

มีเวลาไม่พอ

หากว่าพวกเขาอยู่ในพื้นที่ปิดอย่างโรงเรียน มันก็คงไม่น่ายากอะไร แต่ในพื้นที่เปิดอย่างเกาะแบบนี้แค่การเดินให้ทั่วก็ยากแล้ว แถมคำใบ้ถึงสถานที่ก็ยังคลุมเครืออีกด้วย

ยกตัวอย่างเห็นต่อให้จะรู้ว่ามีเหรียญอยู่ใต้หินก้อนหนึ่งในทางเหนือ แต่ในทางเหนือก็มีหินอยู่มากมายเกินไป ต่อให้จะมีสมุดบันทึกของผู้รอดชีวิตนิรนาม อึนยูริก็จะต้องใช้เวลาทั้งวันในการตรวจสอบก้อนหินทั้งหมด

ในตอนนี้เธอไม่ได้มีเวลามาทำแบบนั้นแล้ว เธอจะต้องรวบรวมเหรียญให้มากที่สุด และใช้มั่นสุ่มเอารางวัลที่มีประโยชน์ไปให้กับซอลจีฮูในเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น

แล้วยังไงล่ะ?

อึนยูริได้หันกลับไป ปาร์ควูรีกับยูยอลมูได้ตามเธอมาเงียบๆ แต่พวกเขาทั้งคู่ต่างก็มีคำถามอยู่มากมาย

‘ฉันเชื่อพวกเขาไม่ได้’

เธอรู้ว่าเธอบอกความจริงทั้งหมดกับเขาไม่ได้ แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ที่จุดรวมพลจนถึงท้ายที่สุด แต่ว่ามันก็มีโอกาสที่พวกเขาจะเปลี่ยนใจทรยศเธอเมื่อรู้ว่าอึนยูริไม่ได้มีพลังเท่าซอลจีฮู

แต่ถึงแบบนั้นในตอนนี้เธอก็มีพรรคพวกอยู่แค่สองคน อึนยูริไม่ใช่คนที่จะเชื่อใจใครง่ายๆ แต่ว่าในสถานการณ์แบบนี้มันทำให้เธอต้องยอม เพื่อให้แผนของเธอดำเนินต่อไปได้ อย่างแรกเธอจะต้องโน้มน้าวให้ทั้งคู่ช่วย

“…”

ทันใดนั้นอึนยูริก็หยุดเดิน เธอได้ประสานมือเข้าด้วยกัน และยืดตัวออกมาจนเผยให้เห็นร่างเพรียวบาง จากนั้นเธอก็นั่งลงไปบนก้อนหินใกล้ๆ

“มาพักกันก่อนเถอะ ฉันหิวแล้ว เรามาหาอะไรกินกันดีกว่า”

เมื่อเธอได้หยิบอาหารออกมาจากกระเป๋า ชายหนุ่มทั้งคู่ก็เบิกตากว้าง

“พวกคุณจะไม่นั่งหรอ?”

“คะ คือว่า…”

เมื่ออึนยูริได้ถามอย่างสงสัย ยูยอลมูก็ถึงกลับติดอ่าง

“แต่ว่า… นี่จะไม่เป็นอะไรหรอ?”

“คุณหมายความว่ายังไงกัน?”

อึนยูริถามออกมา

“เขา…”

ยูยอลมูได้ชะงักไป ก่อนจะเหล่มองไปด้านหลัง จากนั้นเขาก็เม้มปากมองอึนยูริด้วยสีหน้าแข็งกระด้าน

“อ่อ คุณคงหมายถึงเขาสินะ”

อึนยูริที่กำลังเคี้ยวขนมปังอยู่ได้ตอบกลับไป

“ไม่ต้องห่วงเขาหรอก เขาแค่กำลังเล่นกับเจ้าโฮมุนครุสนั่น”

“หือ? กำลังเล่น?”

ปาร์ควูรีได้อุทานออกมาอย่างตกใจ ก่อนที่สีหน้าจะสดใสข้น

“อ่อ! ผมรู้อยู่แล้วว่าเขามีแผน ผมคิดถูกสินะ?”

“อ่า ใช่แล้วล่ะ หากเขาต้องการ เขาก็จัดการโฮมุนครุสนั่นได้อยู่แล้ว”

“ยังไงกัน?”

“อืม…”

อึนยูริได้แกล้งทำเป็นลังเล หลังจากนั้นไม่นานเธอก็พูดออกมาอย่างระวังราวกับกำลังเผยความลับใหญ่

“จริงๆแล้วเขาไม่ใช่ผู้ถูกเชิญ”

“อะไรนะ?”

“พูดให้ถูกเขาคือคนที่เชิญฉันมา จะพูดว่าเขาเป็นไกด์พิเศษที่แทรกแซงบทฝึกสอนก็ได้นะ”

“เดี๋ยวก่อน ถ้างั้น… คุณกำลังบอกว่าเขาได้เข้าไปอีกโลกหนึ่งแล้ว?”

“ถูกแล้ว ผู้ทำสัญญาจะไม่ได้รับสิทธิพิเศษอะไรแบบนี้ นี่เป็นสิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่ถูกเชิญในระดับสูงสุดอย่างตราประทับทองคำเท่านั้น”

เมื่ออึนยูริแสดงหน้าต่างสถานะของเธอออกมาให้พวกเขาเห็น ปาร์ควูรีก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ และยินดี

“อ่อ! นี่มันหมายความว่า… เดี๋ยวก่อนนะ รอเดี๋ยวก่อน”

จากนั้นเขาก็เอียงหัวออกมาอย่างสับสน

“คุณผู้หญิง แล้วทำไมเขาถึงอยู่ที่นั่นล่ะ? สีหน้าเขาดูไม่ดีเลยด้วยนะ”

อึนยูริได้ผงะไป เธอได้กระแอ่มขึ้น

“หืม อย่างแรกนะ ฉันไม่ใช่ภรรยาของเขา อย่างที่สอง เขาก็ไม่ได้ ‘ย่ำแย่’ อะไรเลย… มันก็แค่ฉันคิดว่าเขาคงรู้สึกเสียหน้าล่ะมั้ง”

“?”

“ตอนที่พวกเราอยู่เพียงลำพัง เขามีข้อแก้ตัวตั้งมากมาย มันดูเหมือนเขาจะคาดไม่ถึงว่าโฮมุนครุสจะอยู่ในสภาพบ้าคลั่ง”

อึนยูริได้อธิบายต่อ

“ถึงมันจะเป็นแบบพิเศษ แต่ก็ยังเป็นบทฝึกสอนอยู่ และเพราะเขาเป็นคนใหญ่คนโตในพาราไดซ์ การที่ไม่อาจควบคุมอะไรอย่างบทฝึกสอนได้มันคือความอับอาย มันชัดเจนมากว่าเรากำลังออกอากาศไปทั่วพาราไดซ์ เพราะงั้นแล้วเขาจึงต้องรักษาหน้าด้วยเหมือนกัน”

ปาร์ควูรีนึกได้ถึงตอนที่ฟีโซราตะโกนใส่ท้องฟ้า และอ้าปากค้างเชื่อในคำอธิบายนี้ของเธอ

“ผมขอโทษที่ต้องขัดนะครับ”

ยูยอลมูได้แทรกเข้ามา

“แต่ว่าผมคิดว่าคุณควรจะเรียกเขาดีกว่า”

เขาได้ลดเสียงต่ำ และพูดต่อ

“ผมสงสัยว่ามีคนตามเรามา แล้วก็ไม่ใช่แค่คนสองคนด้วย”

ดวงตาอึนยูริได้เปล่งประกาย

“อะ อะไรนะ? ที่ไหน?”

ปาร์ควูรีได้สะดุ้งตกใจ

“อย่ามอง”

หากว่าไม่ถูกอึนยูริหยุดไว้ เขาก็แทบจะหันกลับไปมองแล้ว

“ตอนนี้แกล้งทำเป็นไม่รู้ตัวไปก่อน”

อึนยูริได้กระซิบออกมา และมองไปทางยูยอลมู

“น่าเสียดายที่เราขอให้เขาช่วยไม่ได้”

“ทำไมล่ะ? หาเป็นแบบนี้ เรา-”

“ฉันกำลังอยู่ระหว่างการทดสอบ เป็นการทดสอบพิเศษ”

ยูยอลมูขมวดคิ้วสับสน

“ความจริงคือ…”

อึนยูริถอนหายใจออกมา

“มีเหตุผลพิเศษที่เขาเข้ามาในบทฝึกสอนนี้ด้วยสิ่งแลกเปลี่ยนอันมหาศาล เขาอยากที่จะเปิดใช้งานบทฝึกสอนพิเศษเพื่อรับรางวัลพิเศษไป และเขาก็บรรลุเป้าหมายนี้แล้ว”

“ถ้างั้น…”

“แต่ก็นะ มันไม่ได้หมายความว่าเขาทิ้งฉันไปแล้ว เขาก็แค่อยากจะเห็นฉันลองดู เขาบอกว่าหากฉันข้ามผ่านอะไรง่ายๆแบบนี้ไปไม่ได้ ฉันก็ไม่คู่ควรอยู่ในพาราไดซ์…”

อึนยูริเม้มปาก

“เพราะงั้นแล้วฉันกำลังถูกทดสอบ และฉันก็ต้องพิสูจน์คุณค่าของตัวเอง นี่คือเหตุผล-”

เธอได้หยุดอธิบาย และหันมองปาร์ควูรีกับยูยอลมู

“ฉันอยากให้คุณทั้งคู่ช่วย หากว่าคุณช่วย ฉันจะสัญญาจะตอบแทนเป็นสองเท่าในเขตพื้นที่เป็นกลาง”

ยูยอลมูพยักหน้าอย่างไม่ลังเล

“แน่นอน ผมจะช่วย แต่ว่าเราได้รับอนุญาติให้ทำแบบนั้นได้หรอ?”

“เขาไม่เคยบอกไม่ให้ฉันตั้งทีม และโฮมุนครุสคลั่งนั่นก็เป็นบอสสุดท้ายของบทฝึกสอน การจับมันจะทำให้ทั้งคุณและฉันได้รับคะแนนจำนวนมาก”

ปาร์ควูรีได้ตั้งใจฟังอย่างเป็นกังวล แต่หลังจากฟังจบเขาก็ตาเป็นประกาย

“การทดสอบก็ง่ายมาก ฉันจะต้องหาทางเอาชนะบอสสุดท้าย แต่เขาบอกฉันว่าเขาให้ความสำคัญกับกระบวนการมากกว่าผลลัพธ์”

“กระบวนการ?”

“ฉันคิดว่าเขาคงหมายถึงว่าจะวัดความเร็วในการหาเหรียญและใช้เครื่องสุ่มกาชา ยิ่งเร็วเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งได้รับคะแนนดีเท่านั้น”

ยูยอลมูพยักหน้าออกมา

“ผมช่วยอะไรได้บ้าง?”

“ฉันมีแผนอยู่แล้ว คุณบอกว่าคุณเป็นนักแสดงใช่ไหม?”

“ครับ ถึงจะไม่ได้มีชื่อเสียงก็ตาม”

“โอเค แต่ไปที่อื่นกันก่อนเถอะ”

อึนยูริที่รู้ถึงสิ่งรอบตัวได้ลุกขึ้นจากหิน จากนั้นก็มุ่งหน้าไปที่กระท่อมใกล้ๆ

ทั้งคู่ได้เดินตามเข้าไป และอีก 20 นาทีต่อมาก็มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เดินออกมา

“โอเค! ผมจะรีบกลับมานะ!”

หลังจากร้องออกมาแล้ว เขาก็เริ่มวิ่งออกไปในทางตรงข้ามกับกระท่อม

“ต้องรีบแล้ว ต้องรีบแล้ว!”

เขาได้พึมพำกับตัวเองพร้อมวิ่งออกไปราวกับมีภารกิจด่วนเข้ามา ในมือของเขามีกระดาษอยู่แผ่นหนึ่ง

***

ไม่นานหลังจากนั้นยูยอลมูก็หยุดวิ่ง

“ทางใต้ของเครื่องสุ่มกาชา… ก้อนหินใต้ต้นไม้ที่มีผ้าสีขาวแขวนเอาไว้บนกิ่ง…”

เขาพึมพำมองไปรอบตัว และไม่นานก็พบกับต้นไม้ดังกล่าว จากนั้นเขาก็ดันก้อนหินเล็กๆใต้ต้นไม้ขึ้น

“ว้าว มีอยู่จริงๆด้วย”

เมื่อพบกับเหรียญที่ถูกซ่อนไว้เขาก็อุทานออกมาอย่างตกตะลึง

“หนึ่ง สอง สาม สี่… ให้ตายสิ สมกับเป็นผู้ถูกเชิญ”

เขาได้มองดูเหรียญด้วยรอยยิ้ม

“มาดูกัน ทางซ้ายจากก้อนหินที่มีเหรียญ…”

เขาได้หยิบเหรียญขึ้นมาจากพื้น และขยับเท้าไปทางซ้ายยี่สิบก้าว จากนั้นก็ขุดดินใต้ดอกไม้สีแดง และก็เป็นอีกครั้งที่เขาอุทานออกมาอย่างยินดี

“ยอดเยี่ยม! ฉันเจออีกแล้ว”

ยูยอลมูได้ยืดหลังตรง และหันหน้าไปฮัมเพลงกับตัวเอง

“ต่อไป-”

เมื่อเห็นก้อนหินใหญ่เขาก็ยิ้มออกมา

“บางทีอาจจะอยู่หลังก้อนหินนั่น?”

มันเงียบมาก เขาไม่รู้สึกว่ามีใครอยู่ใกล้ๆเลย แต่ยูยอลมูก็ยังไม่หยุดพูดกับตัวเอง

“แปลกๆ ฉันคิดว่ามีบางอย่างอยู่หลังก้อนหินนะ”

เพราะเขาจำสิ่งที่เห็นในตอนที่อยู่ตรงเครื่องสุ่มกาชาได้

“ฉันไม่ได้กำลังพูดถึงเหรียญนะ”

แต่ก็ยังไม่มีการตอบกลับมา

“…อ๊าาา”

ยูยอลมูถอนหายใจราวกับว่าเขาต้องการให้อีกฝ่ายได้ยิน

“เฮ้พวก ออกมาเถอะน่า”

“…”

“ฉันรู้ว่ามีคนคอยตามเราอยู่ ฉันเห็นตั้งแต่ที่ลานกว้างแล้ว”

เขาได้ประกาศออกมาด้วยน้ำเสียงทุ่ม และในที่สุดก็ได้ยินเสียงเท้า มีคนประมาณสี่ห้าคนปรากฏตัวด้านหลังก้อนหินใหญ่ หนึ่งในพวกเขาเป็นชายหนุ่มที่พยายามจะโยนความผิดให้ซอลจีฮูที่ลานกว้าง

“ในที่สุด”

“…นายรู้ได้ยังไง?”

“ฉันบอกแล้วว่าฉันเห็นนาย แน่นอนว่าฉันยังเห็นหญิงเปลือยที่กำลังซ่อนอยู่หลังพุ่มไม้ด้วย”

เมื่อยูยอลมูชี้ออกไป ก็ได้มีคนในกลุ่มที่แทบไม่ได้ใส่เสื้อ หรือไม่ได้ใส่อะไรด้านบนโผล่ออกมา พวกเขาต่างก็เป็นผู้รอดชีวิตที่ถูกฆาตกรโรคจิตจับเอาไว้ และถูกซอลจีฮูช่วยออกมา

“ให้ตายสิ! ฉันบอกแล้วว่า-”

“เดี๋ยวก่อน ให้ฉันพูดให้ชัดก่อนนะ ฉันยังไม่ได้บอกใคร”

ชายหนุ่มได้หยุดลง และขมวดคิ้ว

“อะไรนะ?”

“ฉันบอกว่าฉันยังไม่ได้บอกใคร ฉันเป็นคนเดียวที่รู้ว่าพวกนายกำลังตามเรา นายเข้าใจไหม?”

ยูยอลมูได้ถามออกมาโดยเอียงหัวเล็กน้อย

“ตอนนี้หากว่าพวกนายไม่ได้โง่ นายก็น่าจะรู้เหตุผลใช่ไหม?”

มีความสงสัยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่ม

“นายกำลังจะเล่นอะไรอยู่?”

“เล่น? ไม่ ไม่เลย ฉันก็แค่คิดแบบเดียวกับพวกนาย”

ทันใดนั้นยูซอลมูก็มองไปรอบๆตัวอย่างกระสับกระส่าย ไม่นานนักเขาก็มองไปในที่บางอย่าง และชี้นิ้วไป

“ตรงนั้น เห็นก้อนหินสีน้ำเงินไหม? ช่วยขยับมันให้หน่อยสิ”

“นี่นายกำลังพูดบ้าอะไรกัน? ก้อนหินสีน้ำเงินนี่-”

ชายหนุ่มได้ชะงักไป มันมีก้อนหินเรืองแสงสีน้ำเงินที่ยูยอลมูชี้อยู่จริงๆ ในหมู่หินมากมาย มีแค่สีนี้ที่ต่างออกไป

“ขยับมันสิ แค่ลองทำดู แล้วเราจะคุยกันต่อ มันก็ไม่ได้ยากอะไรนี่?”

ชายหนุ่มที่ยังสงสัยได้เดินเข้าไปเตะก้อนหินเบาๆ จากนั้นก็เบิกตากว้าง

“เห็นไหมล่ะ? เหรียญไงล่ะ”

ชายหนุ่มได้รีบเก็บเหรียญทั้งหมดขึ้นมา และมองไปที่ยูยอลมูด้วยสีหน้าสับสน

“นายรู้ได้ยังไงกัน?”

ยูยอลมูได้โยนกระดาษในมือออกไปแทนที่จะตอบกลับ ชายหนุ่มได้รีบรับเอาไว้ และขมวดคิ้วขึ้น

“นี่…”

มีลายมือหวัดๆน่ารักเขียนเป็นรายการสถานที่ซ่อนเหรียญเอาไว้อยู่

“นายพูดถูกอยู่เรื่องหนึ่ง ผู้ถูกเชิญแตกต่างไปจากผู้ทำสัญญา มันชัดเจนมากว่าพวกเขาได้รับสิทธิพิเศษที่มีประโยชน์ตั้งแต่เริ่ม”

ชายหนุ่มได้กัดฟันแน่น

“เชี้ย ฉันรู้อยู่แล้ว นี่มันหลอกลวงกันทั้งนั้น”

เขาได้แสร้งยิ้ม จากนั้นก็เหล่มองมาทางยูยอลมู

“การที่นายให้พวกเขารู้เรื่องนี้… นี่นายอยากจะร่วมมือกับเรางั้นหรอ?”

“ฉลาดมาก ฉันชอบคนแบบนาย”

ยูยอลมูพูดด้วยรอยยิ้ม

“ได้ ฉันจะร่วมมือกับนาย แต่บอกฉันมาก่อนว่านายวางแผนอะไรไว้?”

“ยังต้องถามอีกหรอ? เราวางแผนที่จะตามพวกนั้น แล้วก็-”

“หากคิดว่าจะแย่งสิทธิพิเศษมาได้ นายคิดผิดแล้ว”

ยูยอลมูได้ขัดขึ้นโดยไม่ให้โอกาสชายหนุ่มได้พูดจบ

“ลองคิดอย่างใจเย็นดูสิ ถ้ามันเป็นไปได้ ถ้างั้นฉันจะอยู่กับพวกเขานานขนาดนั้นหรอ? แล้วทำไมฉันต้องมาร่วมมือกับพวกนาย”

ยูยอลมูพูดถูก และชายหนุ่มได้เงียบลงไป

“น่าเสียดายที่สิทธิพิเศษมันแย่งชิงกันไม่ได้ มันจะปรากฏออกมาในเชิงข้อความเท่านั้น”

“ข้อความ?”

“ใช่ เหมือนอย่างหน้าต่างสถานะไงล่ะ นั่นมันหมายความว่าเราทั้งมองไม่เห็นแล้วก็สัมผัสมันไม่ได้”

ชายหนุ่มได้สบถออกมากับเรื่องที่คาดไม่ถึงนี่

“แล้วยังไงล่ะ? เราจับตัวเธอมาคอยถามข้อความไม่ได้งั้นหรอ?”

หนึ่งในเพื่อนของชายหนุ่มถามออกมา?

“เธอจะทำให้เธอพูดยังไงล่ะ?”

“ก็… ข่มขู่เธอไง หรือไม่ก็…”

เธอลังเล และยูยอลมูได้แค่นเสียงออกมา

“เธอมั่นใจงั้นหรอ?”

“อะไรนะ?”

“ยัยนั่นดูเป็นคนปากแข็ง หากว่าเธอไม่ยอมพูด เราจะทำอะไรได้ล่ะ?”

หญิงสาวเงียบลงไป หลังจากกัดริมฝีปากอย่างเป็นกังวล ชายหนุ่มก็พูดขึ้นอีกครั้ง

“นายมีแผนอะไรไหม?”

“มีอยู่”

ยูยอลมูยิ้มออกมา

“มานั่งนี่สิ”

เขาได้หยิบแผนที่เกาะออกมาจากกระเป๋า และกางมันออกมาบนพื้น

“แผนที่?”

“มันอยู่ในกระเป๋าหนังของฉัน พวกเรามีเวลาไม่มาก เพราะงั้นฉันจะพูดตรงๆเลยนะ นายรู้ถึงสถานการณ์ดีใช่ไหม?”

ยูยอลพูดได้รีบเร่ง และชายหนุ่มก็ลงมานั่งข้างๆเขา

“ก่อนอื่นฉันขอบอกแผนของเรา… ไม่สิ ของเธอก่อน ยัยนั่นอยากที่จะล้มบอสสุดท้าย”

“อะไรนะ? นั่นมันเป็นไปได้ด้วยหรอ?”

“แน่นอนว่าไม่ได้”

ยูยอลมูยิ้มอย่างขมขื่น

“เธอบอกฉันว่าชายที่เป็นผู้ถูกเชิญกำลังใช้สิทธิพิเศษของเขาซื้อเวลาให้พวกเราอยู่… แต่ฉันไม่เชื่อเรื่องไร้สาระนั่น หากว่าแผนของเธอเป็นการรวบรวมเหรียญให้มากที่สุด และเปิดใช้งานประตูมิติ ฉันก็จะไม่ทรยศเธอหรอก แต่เธอมันหัวรั้นเกินไป”

“พวกเราก็แค่หาทางรอดกันเท่านั้นเอง นี่ก็พอเป็นข้อแก้ตัวได้แล้วล่ะ บอกแผนนายมาเถอะ นายกำลังจะทำอะไร?”

“ดูนี่นะ นายเห็นเส้นทั้งหมด และก็ตัวเลขบนแผนที่ไหม?”

บนแผนที่มีเส้นที่ถูกปากกาขีดเป็นรูปขดหอย และตัวเลขถูกเขียนไว้เป็นลำดับบนแผนที่จากน้อยไปมากอย่างที่เขาบอกจริงๆ

“นี่มันคืออะไร?”

“เส้นได้แสดงถึงเส้นทาง ตัวแรงคือจุดรวมพล”

“อธิบายหน่อย”

ยูยอลมูได้แตะลงบนแผนที่

“แผนของเธอก็ง่ายมาก ฉันจะเคลื่อนที่ไปตามเส้นทาง และเก็บเหรียญเอาไว้ จากนั้นทุกๆครั้งที่จุดนัดพบ ฉันก็จะส่งมอบเหรียญทั้งหมดให้กับเธอ”

“ทำไมล่ะ?”

“ก็นะ มันเป็นธรรมดา เธอไม่ได้ไว้ใจฉันมากจนจะมอบเหรียญทั้งหมดให้ฉัน และเธอก็มีสิทธิ์ไม่เชื่อใจ ดูสิว่าตอนนี้ฉันกำลังทำอะไรอยู่”

“ยัยนั่นฉลาดเป็นบ้า”

“เพราะงั้นมันก็เลยแย่หน่อย แต่เราก็ยังได้เปรียบอยู่”

ยูยอลมูยิ้มออกมา

“เธอจะรวบรวมเหรียญให้ได้มากที่สุด และจากนั้นจะไปใช้งานเครื่องสุข นั่นคือเวลาที่เราจะเข้าจู่โจม”

สีหน้าชายหนุ่มได้กลายเป็นชั่วร้าย

“…งั้นที่่นายกำลังจะบอกก็คือ-”

เขาเลียริมฝีปากออกมา

“พวกเราควรจะช่วยผู้ถูกเชิญเก็บรวบรวมเหรียญ”

“ถูกแล้ว พวกนายแค่ตามเราเงียบๆ และเมื่อไหร่ที่ฉันได้รายการที่ซ่อนมา นายก็จะช่วยฉันหาเหรียญ นี่คือวิธีการค้นหาที่ใช้เวลาน้อยที่สุด”

“และเมื่อเราหาเหรียญทั้งหมดเจอ…”

เขาได้เหลือบไปมองบนแผนที่ ถัดจากเครื่องสุ่มกาชาตรงที่เส้นสิ้นสุดมีตัวเลข 20 อยู่

“…พวกเราจะหักหลังเธอ และแย่งเหรียญทั้งหมดมา”

“ใช่แล้ว นี่มันถูกต้องเลย”

ยูยอลมูได้หัวเราะปรบมืออย่างมีความสุข

“พวกเรามองไม่เห็นแล้วก็แตะต้องสิทธิพิเศษไม่ได้ แต่เหรียญพวกนั้น…”

ยูยอลมูตั้งใจพูดไว้แค่นี้ ไม่ว่าใครต่างก็คิดออกว่าคำพูดต่อมาคืออะไร มุมปากของชายหนุ่มได้ค่อยๆโค้งเป็นรอยยิ้มขึ้น

“ฉันแค่ต้องการพอจ่ายค่าผ่านทาง… แต่นี่มันดีกว่า”

“เราจะสอยดาวกันสินะ? มันไม่ได้มีกฎข้อห้ามไว้ใช่ไหม?”

“ไม่เลย”

ชายทั้งคู่ได้ยิ้มให้กัน

“เยี่ยม ตอนนี้บอกเรื่องกลุ่มนายได้แล้ว พวกนายมีกันกี่คน”

“รวมฉันแล้วก็ที่นี่ก็มีห้าคน”

ชานหนุ่มได้ตอบกลับโดยเหลือบมองไปด้านหลัง

“แล้วก็มีอีกสามคนที่กระท่อมของเรา รวมคือแปดคน”

“แปดคน… เข้าใจแล้ว เราน่าจะลองหาคนเพื่อนอีก ด้วยวิธีนี้มันจะเร็วกว่า”

“มากกว่านี้อีกหรอ?”

“ฟังนะ ฉันรู้ว่านายอยากจะได้เหรียญให้มากที่สุด แต่มองความเป็นจริงด้วย หากว่ามอนสเตอร์นั่นเข้ามากินเราระหว่างค้นหาอยู่ พวกเราได้ซวยกันหมดแน่”

ชายหนุ่มดูจะสงสัยอยู่

“ฉันไม่รู้สิ แต่แปดคนยังไม่พออีกหรอ? หากว่าพวกเราหาได้เร็วเกินไป ถ้างั้นเธออาจจะสงสัยเอาได้นะ”

“ฉันจะการเอง ยังไงแล้วเธอก็กำลังรีบอยู่ เธอบอกว่าแผนของเธอมันเป็นไปได้ และทุกๆอย่างจะออกมาดี แต่ว่า… หากเป็นแบบนั้นทำไมเธอถึงดูรีบด้วยล่ะ?”

“อืมม…”

ยูยอลมูได้แย้งด้วยคำพูดที่ดูมีเหตุผลทำให้ท้ายที่สุดชายหนุ่มก็ยอมรับ ยูยอลมูได้พูดขึ้นอีกครั้ง

“สรุปเลยนะ หลังจากเราได้เหรียญมาจากเธอแล้ว เราจะใช้ 666 เหรียญเพื่อเครื่องสังเวย จากนั้นก็แบ่งเหรียญกันเองเท่าๆกัน แล้วทีนี้ใครจะทำอะไรก็เรื่องของใครของมัน จะสุ่มกาชา ใช้เป็นค่าผ่านทางหรืออะไรก็ตามแต่ใจเลย เข้าใจนะ?”

“โอเคๆ”

“เยี่ยม ถ้างั้น-”

ยูยอลมือได้ยื่นมือที่มีขนาดใหญ่และหนาออกมา ชายหนุ่มได้ยิ้มเยาะและวางเหรียญลงบนฝ่ามือของยูยอลมู

และดังนั้นจำนวนคนที่ค้นหาเหรียญก็ได้เพิ่มขึ้นจากสามคนเป็นสิบเอ็ดคน