ตอนที่ 239

Black Tech Internet Cafe System

เวลาเดียวกันแทนที่ฟางฉีจะเสียเวลาเฝ้าดูการเล่นของมือใหม่ เขาหันกลับไปที่คอมพิวเตอร์ของเขาและเปิดเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพของตัวเอง

 

รวนหนิงเดินตามมาทางเขาและเอ่ยถาม “ท่าน! เกมนี้นี่มีพลังมากพอที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งในการฝึกฝนได้เลยหรอ?”

 

เธอได้เฝ้าดูและสังเกตเกมว่ามันสามารถฆ่าคนหรือสัตว์เพื่อรับไอเทมได้ แต่การเพิ่มความแข็งแกร่งตามที่หวังชานกล่าวนี่มันจริงหรือ? เธอคิดในหัว

 

สำหรับเธอแล้วการต่อสู้บางอย่างเป็นเพียงการสร้างสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมเท่านั้น

 

“ใช่!” ฟางฉีตอบรับ “เจ้าไม่ได้ยินหรอ?”

 

“แน่นอน ข้าได้ยินพวกเขา!” รวนหนิงพูดพลางเอามือเท้าเอวสวยๆ ของเธอ “และข้าก็ยังได้ยินอีกนะว่าพลังการฝึกฝนในเกมของพวกเขาโตขึ้นอย่างรวดเร็ว!”

 

“แม้ว่าข้าจะยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ข้ารู้สึกประหลาดใจที่เจ้าแสดงมันออกมาและให้ทุกคนได้สัมผัส เจ้ากล้าแบ่งปันความแข็งแกร่งแบบสบายๆ อย่างนี้ได้อย่างไร!?”

 

“ข้าเขาใจหลักการและสิ่งที่เจ้าพูดนะ” ฟางฉีกล่าว “ว่าแต่เจ้าต้องการเล่นเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพหรือไม่?”

 

รวนหนิงรู้สึกหัวของเธอกำลังจะระเบิด เพราะเมื่อเธอพูดอะไรกับผู้ชายคนนี้ไปเหมือนเขาไม่รับรู้อะไรราวกับว่าเธอกำลังสีซอให้หมาฟัง

 

“ไม่! ข้าไม่ต้องการ!” รวนหนิงพูด “ข้าจะไม่ช่วยหากมีคนมาปล้นเจ้า!”

 

อย่างไรก็ตาม … ความคิดในหัวของเธอก็ยังคงวกเวียนวนอยู่ดี เจ้าหนุ่มนี่สามารถฆ่าคนจากกลุ่มปีศาจดำได้ เขาจะต้องแข็งแกร่งมากแน่ ..

 

“ลืมมันซะ! มันไม่ใช่ธุรกงการอะไรของข้า ดังนั้นข้าไม่จำเป็นต้องไปกังวล!” เธอเดินกลับไปที่ร้านของเธอสายตาเหลือบไปเห็นร่าง

ที่ทำลับๆ ล่อๆ ในร้านของเธอ “เฮ้! เจ้ากล้ามาขโมยของจากร้านข้า ข้าจะฆ่าเจ้าซะ! หยุดนะ!”

 

 

เกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพเวอร์ชั่นที่ระบบสร้างขึ้นไม่มีช่องทางการสื่อสาร แต่ QQ เป็นสิ่งเดียวในตอนนี้ที่จะสามารถใช้สื่อสารและพูดคุยกันได้ทุกที่ทั่วโลก

 

ในขณะนี้ฟางฉีเปิด QQ และเห็นว่างเจียงเสี่ยวหยูยังคงออนไลน์อยู่

 

[เสี่ยวหยู เล่นกับเกมกันมั้ย?]

 

[??…] เมื่อฟางฉีเห็นอิโมจิหน้ายิ้มเรียงกันเป็นแถว เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

 

“อะไรวะนั่น!?”

 

“ฮ่าๆๆๆ ..” อีกด้านหนึ่งเจียงเสี่ยวหยูนั่งหัวเราะอย่างหนักจนท้องแข็ง

 

[หัวหน้า ท่านไม่คิดว่าอิโมจิหน้านี้มันตลกหรอ? ข้ารู้สึกขำทุกครั้งที่เห็นมัน!]

 

[ดูนี่หน้าตาเหล่ยิ้มของฉัน] ฟางฉีส่งหน้าตลกๆ ถึงเธอ [เล่นมั้ย?]

 

[เกมไหน?] เจียงเสี่ยวหยูถาม [ท่านหมายถึงเกมใหม่ที่ชื่อว่าเจ้ากระบี่ขั้นเทพน่ะหรอ? ข้ารู้สึกมันก็ธรรมดาๆ เมื่อเทียบกับเกมอื่นๆ]

 

[เอาละ ข้าจะเล่น!] เธอยอมเล่นหากเป็นคำขอของฟางฉี

 

[ดีมากเสี่ยวหยูข้าจะเพิ่มโบนัสให้สิ้นเดือนนี้] ฟางฉียิ้มอย่างมีความสุข เขาเลือกโลลิน้อยมาไม่ผิดคนจริงๆ

 

“จริงหรอ!?” เจียงเสี่ยวหยูเกือบจะกระโดดด้วยความดีใจ เกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพค่อนข้างต่างจาก Diablo สำหรับเธอเกมใหม่นี้ยังต้องใช้เวลาศึกษาอีกสักหน่อย

 

ส่วนด้านของฟางฉีนั้นเขาต้องการสร้างกิลด์การรวมคนและหาเพื่อนร่วมทีมจึงเป็นสิ่งสำคัญในเวลานี้

 

หลังจากเจ้าสู่เกมฟางฉีได้พิจารณามานานแล้วและสุดท้ายเขาก็เลือกอาชีพนักรบ แม้ว่าใจก่อนหน้าจะเขว่ไปทางอื่น แต่มันถือเป็นตัวเลือกที่ดีในก่อนต่อสู้แบบ PVP ในภายหลัง

 

แน่นอนเขาไม่รู้มาก่อนว่าระบบได้ทำการเปลี่ยนแปลงเวอร์ชั่นข้างในตัวเกมไปมากแค่ไหนและเขาเองเลือกตามความทรงจำครั้งเก่าที่เคยเล่นผ่านมา

 

[หัวหน้า! ข้าเลือกอาชีพไหนดี?] ฟางฉีที่เพิ่งสร้างตัวละครของเขาเสร็จได้รับข้อความจากเสี่ยวหยู

 

“เลือกลัทธิเต๋า!”

 

“ตกลง! ข้าก็คิดว่าลัทธิเต๋านั้นน่ารักดี” หน้าจอของเจียงเสี่ยวหยูตอนนี้ปรากฏร่างเด็กหญิงตัวน้อยในชุดของลัทธิเต๋าสีขาวพร้อมธนูบนหัวเธอ

 

[ข้าจะเอาอันนี้!]

 

ในไม่ช้าฟางฉีก็เห็นร่างเด็กสาวลัทธิเต๋าสวมชุดผ้าฝ้ายสีเทาอ่อน

 

“…” ฟางฉี

 

ขณะเดียวกันผู้คนจำนวนมากเริ่มเข้าสู่เกม ฟางฉีเองเห็นเต๋าหินเหล็กและซากุผู้พิทักษ์กำลังเดินทางออกจากหมู่บ้าน

 

“หวัง เจ้าอยู่ไหน?”

 

“ข้าไม่รู้!” หลังจากที่เขาตาย เขาได้เกิดใหม่ในเมืองเล็กๆ ที่แปลกตาไปจากเมืองเก่าหลังจากเดินทางออกจากเมืองทุกอย่างที่เขาเห็นในตอนนี้คือทะเลทราย

 

เขาไม่รู้ว่าหากฆ่าผู้เล่นคนอื่นตายตัวเองจะต้องไปเกิดใหม่ในเมืองชื่อแดง ซึ่งเมืองนี้ถูกสร้างขึ้นในรุ่นที่ระบบสร้างขึ้นเอง

(ผู้แปล : ในเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพนั้น หากใครฆ่าผู้เล่นอื่นหัวชื่อจะเป็นสีแดง สาเหตุที่เมืองเล็กๆ นี้ชื่อเมืองชื่อแดงเพราะผู้เกิดหัวแดง)

 

“รีบมา! เราอยู่ใกล้ระดับเจ็ดแล้ว!” เวลาเดียวกันเต๋าหินเหล็กและซากุกำลังเดินไปมาในหมู่บ้านและตะโกนคุยกัน

 

“ข้าเข้าใจแล้ว! แต่ข้าต้องหาข้อมูลเพิ่มก่อน” หวังชานเดินหายไป

 

“เจ้าจะมาหรือไม่?” ซากุใจร้อน

 

“ยามนั้นมีดาบด้วย ข้ายืมดาบเจ้าได้มั้ย?” ซากุถามยาม

 

ยาม NPC เมินเขา

 

“เฮ้! ทำไมเจ้าทำอะไรให้มันยาก!” คนจากหินเหล็กเต๋าบ่น

 

“ราคาเท่าไร? ข้าจะซื้อมัน!” เขาวางแผนที่จะนำมาฆ่าคนภายหลัง แต่ผู้คุมหรือยามก็ยังเมินและไม่สนใจในสิ่งที่มือใหม่พูดอยู่ดี

 

“ข้าต้องการมัน เจ้าทำให้มันเป็นเรื่องยากทำไม!” ซากุร่ายลูกไฟ

 

“อั๊ก!”

 

ฟางฉีที่เพิ่งถึงเพียงทางเข้าของหมู่บ้านพร้อมด้วยเจียงเสี่ยวหยูได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวน เขามองไปข้างหน้าพบว่ายามกำลังสับอย่างโหดร้าย .. ศพแยกเป็นสองส่วน

 

“บ้าเอ้ย! ข้าถูกฆ่า” ซากุโวยวาย

 

“เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!” เต๋าหินเหล็กแสดงท่าทางโกรธแทน

 

“อ๊ากกก!” เสียงกรีดร้องเสียงที่สองตามมา พวกเขาต่างกลับไปเกิดใหม่ซ้ำแล้วซ้ำอีก

 

“อ๊ากกก!”

 

“อ๊ากกก!”

 

“หัวหน้ามีคนถูกฆ่าตรงนั้น ..​ เราจะไปช่วยพวกเขามั้ย?” เจียงเสี่ยวหยูชี้นิ้วพลางเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าสองคนกำลังพยายามโจมตียามเฝ้าหมู่บ้าน

 

“อย่าไปสนใจพวกคนปัญญาอ่อน!” ฟางฉีทำหน้าหน่าย

 

“เราทั้งคู่ถูกฆ่า! มันแข็งแกร่งจริงๆ” ซกุและเต๋าหินเหล็กร้องลั่นคาเฟ่

 

“ไปเรียกพวกมา!” หวังชานตะโกน “เมื่อข้าออกไปข้าจะไปจัดการกับคนที่ทำร้ายพวกเข้า”

 

“แต่ก่อนอื่นส่งข้อความและขอให้สมาชิกของตระกูลหวังมาที่นี่!” หวังชานเอ่ยชวน

 

“ใช่! พวกเรามีมากกว่าสิบคน ข้าเชื่อว่าพวกเราต้องเอาชนะได้!” พวกเขาเห็นด้วย

 

“ว่าแต่ พวกเจ้าทั้งสองตอนนี้อยู่ที่ไหน? เจ้าไม่ได้ตามข้ามาหรอกหรอ?” หวังชานรู้สึกงุนงงหลังจากเขาปรากฏตัวขึ้นในสถานที่ประหลาดๆ

 

“ปีศาจที่นี่มีจุดแข็งและการเพาะปลูกที่ดี” หวังชานหวังจะได้ฆ่าเหล่ามอนเตอร์เพื่อได้รับค่าประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้น

 

“มันขึ้นเยอะกว่าปีศาจแมวเสียอีก” ในขณะนี้เขาพบภูเขาที่เต็มไปด้วยขุมทรัพย์ “ที่นี่เป้นของข้ามันลึกลับสุดยอดไปเลย!”

 

“พวกข้าจะไปยังที่ของท่านได้อย่างไร?”

 

“ข้าไม่รู้ .. ข้าตายแล้วก็ปรากฏตัวขึ้นที่นี่” หวังชานรู้สึกมีความสุขมากในตอนนี้เหมือนกับว่าสวรรค์ส่งที่นี่มาให้เขา

 

“เอางี้ พวกเจ้าทั้งสองไปตามสมาชิกของตระกูลหวังของเรามาเพื่อค้นหาเจ้าพวกฏง่ที่ฆ่าข้า ข้าจะฝึกซ้อมอยู่ที่นี่จนชำนาญ”

 

“ตกลง!”