เวลาเดียวกันแทนที่ฟางฉีจะเสียเวลาเฝ้าดูการเล่นของมือใหม่ เขาหันกลับไปที่คอมพิวเตอร์ของเขาและเปิดเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพของตัวเอง
รวนหนิงเดินตามมาทางเขาและเอ่ยถาม “ท่าน! เกมนี้นี่มีพลังมากพอที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งในการฝึกฝนได้เลยหรอ?”
เธอได้เฝ้าดูและสังเกตเกมว่ามันสามารถฆ่าคนหรือสัตว์เพื่อรับไอเทมได้ แต่การเพิ่มความแข็งแกร่งตามที่หวังชานกล่าวนี่มันจริงหรือ? เธอคิดในหัว
สำหรับเธอแล้วการต่อสู้บางอย่างเป็นเพียงการสร้างสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมเท่านั้น
“ใช่!” ฟางฉีตอบรับ “เจ้าไม่ได้ยินหรอ?”
“แน่นอน ข้าได้ยินพวกเขา!” รวนหนิงพูดพลางเอามือเท้าเอวสวยๆ ของเธอ “และข้าก็ยังได้ยินอีกนะว่าพลังการฝึกฝนในเกมของพวกเขาโตขึ้นอย่างรวดเร็ว!”
“แม้ว่าข้าจะยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ข้ารู้สึกประหลาดใจที่เจ้าแสดงมันออกมาและให้ทุกคนได้สัมผัส เจ้ากล้าแบ่งปันความแข็งแกร่งแบบสบายๆ อย่างนี้ได้อย่างไร!?”
“ข้าเขาใจหลักการและสิ่งที่เจ้าพูดนะ” ฟางฉีกล่าว “ว่าแต่เจ้าต้องการเล่นเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพหรือไม่?”
รวนหนิงรู้สึกหัวของเธอกำลังจะระเบิด เพราะเมื่อเธอพูดอะไรกับผู้ชายคนนี้ไปเหมือนเขาไม่รับรู้อะไรราวกับว่าเธอกำลังสีซอให้หมาฟัง
“ไม่! ข้าไม่ต้องการ!” รวนหนิงพูด “ข้าจะไม่ช่วยหากมีคนมาปล้นเจ้า!”
อย่างไรก็ตาม … ความคิดในหัวของเธอก็ยังคงวกเวียนวนอยู่ดี เจ้าหนุ่มนี่สามารถฆ่าคนจากกลุ่มปีศาจดำได้ เขาจะต้องแข็งแกร่งมากแน่ ..
“ลืมมันซะ! มันไม่ใช่ธุรกงการอะไรของข้า ดังนั้นข้าไม่จำเป็นต้องไปกังวล!” เธอเดินกลับไปที่ร้านของเธอสายตาเหลือบไปเห็นร่าง
ที่ทำลับๆ ล่อๆ ในร้านของเธอ “เฮ้! เจ้ากล้ามาขโมยของจากร้านข้า ข้าจะฆ่าเจ้าซะ! หยุดนะ!”
…
เกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพเวอร์ชั่นที่ระบบสร้างขึ้นไม่มีช่องทางการสื่อสาร แต่ QQ เป็นสิ่งเดียวในตอนนี้ที่จะสามารถใช้สื่อสารและพูดคุยกันได้ทุกที่ทั่วโลก
ในขณะนี้ฟางฉีเปิด QQ และเห็นว่างเจียงเสี่ยวหยูยังคงออนไลน์อยู่
[เสี่ยวหยู เล่นกับเกมกันมั้ย?]
[??…] เมื่อฟางฉีเห็นอิโมจิหน้ายิ้มเรียงกันเป็นแถว เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
“อะไรวะนั่น!?”
“ฮ่าๆๆๆ ..” อีกด้านหนึ่งเจียงเสี่ยวหยูนั่งหัวเราะอย่างหนักจนท้องแข็ง
[หัวหน้า ท่านไม่คิดว่าอิโมจิหน้านี้มันตลกหรอ? ข้ารู้สึกขำทุกครั้งที่เห็นมัน!]
[ดูนี่หน้าตาเหล่ยิ้มของฉัน] ฟางฉีส่งหน้าตลกๆ ถึงเธอ [เล่นมั้ย?]
[เกมไหน?] เจียงเสี่ยวหยูถาม [ท่านหมายถึงเกมใหม่ที่ชื่อว่าเจ้ากระบี่ขั้นเทพน่ะหรอ? ข้ารู้สึกมันก็ธรรมดาๆ เมื่อเทียบกับเกมอื่นๆ]
[เอาละ ข้าจะเล่น!] เธอยอมเล่นหากเป็นคำขอของฟางฉี
[ดีมากเสี่ยวหยูข้าจะเพิ่มโบนัสให้สิ้นเดือนนี้] ฟางฉียิ้มอย่างมีความสุข เขาเลือกโลลิน้อยมาไม่ผิดคนจริงๆ
“จริงหรอ!?” เจียงเสี่ยวหยูเกือบจะกระโดดด้วยความดีใจ เกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพค่อนข้างต่างจาก Diablo สำหรับเธอเกมใหม่นี้ยังต้องใช้เวลาศึกษาอีกสักหน่อย
ส่วนด้านของฟางฉีนั้นเขาต้องการสร้างกิลด์การรวมคนและหาเพื่อนร่วมทีมจึงเป็นสิ่งสำคัญในเวลานี้
หลังจากเจ้าสู่เกมฟางฉีได้พิจารณามานานแล้วและสุดท้ายเขาก็เลือกอาชีพนักรบ แม้ว่าใจก่อนหน้าจะเขว่ไปทางอื่น แต่มันถือเป็นตัวเลือกที่ดีในก่อนต่อสู้แบบ PVP ในภายหลัง
แน่นอนเขาไม่รู้มาก่อนว่าระบบได้ทำการเปลี่ยนแปลงเวอร์ชั่นข้างในตัวเกมไปมากแค่ไหนและเขาเองเลือกตามความทรงจำครั้งเก่าที่เคยเล่นผ่านมา
[หัวหน้า! ข้าเลือกอาชีพไหนดี?] ฟางฉีที่เพิ่งสร้างตัวละครของเขาเสร็จได้รับข้อความจากเสี่ยวหยู
“เลือกลัทธิเต๋า!”
“ตกลง! ข้าก็คิดว่าลัทธิเต๋านั้นน่ารักดี” หน้าจอของเจียงเสี่ยวหยูตอนนี้ปรากฏร่างเด็กหญิงตัวน้อยในชุดของลัทธิเต๋าสีขาวพร้อมธนูบนหัวเธอ
[ข้าจะเอาอันนี้!]
ในไม่ช้าฟางฉีก็เห็นร่างเด็กสาวลัทธิเต๋าสวมชุดผ้าฝ้ายสีเทาอ่อน
“…” ฟางฉี
ขณะเดียวกันผู้คนจำนวนมากเริ่มเข้าสู่เกม ฟางฉีเองเห็นเต๋าหินเหล็กและซากุผู้พิทักษ์กำลังเดินทางออกจากหมู่บ้าน
“หวัง เจ้าอยู่ไหน?”
“ข้าไม่รู้!” หลังจากที่เขาตาย เขาได้เกิดใหม่ในเมืองเล็กๆ ที่แปลกตาไปจากเมืองเก่าหลังจากเดินทางออกจากเมืองทุกอย่างที่เขาเห็นในตอนนี้คือทะเลทราย
เขาไม่รู้ว่าหากฆ่าผู้เล่นคนอื่นตายตัวเองจะต้องไปเกิดใหม่ในเมืองชื่อแดง ซึ่งเมืองนี้ถูกสร้างขึ้นในรุ่นที่ระบบสร้างขึ้นเอง
(ผู้แปล : ในเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพนั้น หากใครฆ่าผู้เล่นอื่นหัวชื่อจะเป็นสีแดง สาเหตุที่เมืองเล็กๆ นี้ชื่อเมืองชื่อแดงเพราะผู้เกิดหัวแดง)
“รีบมา! เราอยู่ใกล้ระดับเจ็ดแล้ว!” เวลาเดียวกันเต๋าหินเหล็กและซากุกำลังเดินไปมาในหมู่บ้านและตะโกนคุยกัน
“ข้าเข้าใจแล้ว! แต่ข้าต้องหาข้อมูลเพิ่มก่อน” หวังชานเดินหายไป
“เจ้าจะมาหรือไม่?” ซากุใจร้อน
“ยามนั้นมีดาบด้วย ข้ายืมดาบเจ้าได้มั้ย?” ซากุถามยาม
ยาม NPC เมินเขา
“เฮ้! ทำไมเจ้าทำอะไรให้มันยาก!” คนจากหินเหล็กเต๋าบ่น
“ราคาเท่าไร? ข้าจะซื้อมัน!” เขาวางแผนที่จะนำมาฆ่าคนภายหลัง แต่ผู้คุมหรือยามก็ยังเมินและไม่สนใจในสิ่งที่มือใหม่พูดอยู่ดี
“ข้าต้องการมัน เจ้าทำให้มันเป็นเรื่องยากทำไม!” ซากุร่ายลูกไฟ
“อั๊ก!”
ฟางฉีที่เพิ่งถึงเพียงทางเข้าของหมู่บ้านพร้อมด้วยเจียงเสี่ยวหยูได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวน เขามองไปข้างหน้าพบว่ายามกำลังสับอย่างโหดร้าย .. ศพแยกเป็นสองส่วน
“บ้าเอ้ย! ข้าถูกฆ่า” ซากุโวยวาย
“เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!” เต๋าหินเหล็กแสดงท่าทางโกรธแทน
“อ๊ากกก!” เสียงกรีดร้องเสียงที่สองตามมา พวกเขาต่างกลับไปเกิดใหม่ซ้ำแล้วซ้ำอีก
“อ๊ากกก!”
“อ๊ากกก!”
“หัวหน้ามีคนถูกฆ่าตรงนั้น .. เราจะไปช่วยพวกเขามั้ย?” เจียงเสี่ยวหยูชี้นิ้วพลางเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าสองคนกำลังพยายามโจมตียามเฝ้าหมู่บ้าน
“อย่าไปสนใจพวกคนปัญญาอ่อน!” ฟางฉีทำหน้าหน่าย
“เราทั้งคู่ถูกฆ่า! มันแข็งแกร่งจริงๆ” ซกุและเต๋าหินเหล็กร้องลั่นคาเฟ่
“ไปเรียกพวกมา!” หวังชานตะโกน “เมื่อข้าออกไปข้าจะไปจัดการกับคนที่ทำร้ายพวกเข้า”
“แต่ก่อนอื่นส่งข้อความและขอให้สมาชิกของตระกูลหวังมาที่นี่!” หวังชานเอ่ยชวน
“ใช่! พวกเรามีมากกว่าสิบคน ข้าเชื่อว่าพวกเราต้องเอาชนะได้!” พวกเขาเห็นด้วย
“ว่าแต่ พวกเจ้าทั้งสองตอนนี้อยู่ที่ไหน? เจ้าไม่ได้ตามข้ามาหรอกหรอ?” หวังชานรู้สึกงุนงงหลังจากเขาปรากฏตัวขึ้นในสถานที่ประหลาดๆ
“ปีศาจที่นี่มีจุดแข็งและการเพาะปลูกที่ดี” หวังชานหวังจะได้ฆ่าเหล่ามอนเตอร์เพื่อได้รับค่าประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้น
“มันขึ้นเยอะกว่าปีศาจแมวเสียอีก” ในขณะนี้เขาพบภูเขาที่เต็มไปด้วยขุมทรัพย์ “ที่นี่เป้นของข้ามันลึกลับสุดยอดไปเลย!”
“พวกข้าจะไปยังที่ของท่านได้อย่างไร?”
“ข้าไม่รู้ .. ข้าตายแล้วก็ปรากฏตัวขึ้นที่นี่” หวังชานรู้สึกมีความสุขมากในตอนนี้เหมือนกับว่าสวรรค์ส่งที่นี่มาให้เขา
“เอางี้ พวกเจ้าทั้งสองไปตามสมาชิกของตระกูลหวังของเรามาเพื่อค้นหาเจ้าพวกฏง่ที่ฆ่าข้า ข้าจะฝึกซ้อมอยู่ที่นี่จนชำนาญ”
“ตกลง!”