กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ ตอนที่ 517
รู้สึกเหมือนมีบางอย่างกัดอยู่บนตัว กู้ชูหน่วนจึงรีบก้มลงดู

นางมิก้มลงไปดูก็ดีอยู่แล้ว พอก้มลงไปเท่านั้นละ สีหน้าของนางแทบจะเขียวทั้งยังตกใจอย่างมากด้วย

ดอกลำโพงแต่ละดอกที่บานสะพรั่งราวกับว่ามีขาอย่างไรอย่างนั้น ปีนขึ้นบนตัวของนางไม่หยุด หลังจากนั้นก็กลายร่างเป็นเขี้ยวฟันและกัดเข้าที่ผ้าพันแผลของนาง

“ซือม่อเฟย เจ้าทำอะไรน่ะ?”กู้ชูหน่วนตกใจ

จอมมารแสดงสีหน้าไร้เดียงสา “มีเงื่อนตายมากเกินไป ข้ามิสามารถแก้ได้ในทันที จึงต้องให้ดอกไม้ของข้าช่วยน่ะ”

กู้ชูหน่วนวิงเวียนศรีษะไปครู่หนึ่งและหวนนึกถึงภาพดอกลำโพงที่งดงามถึงขีดสุดกำลังอ้าปากกว้างแล้วกลืนกินมนุษย์ตัวเป็น ๆ ลงไปทั้งตัว

ยังมีโครงกระดูกมือคงกระพันนั้นอีก เมื่ออยู่ในดงดอกไม้ที่ “อ่อนแอ” แล้ว ก็ถูกดอกลำโพงกลืนกินทีละคำราวกับเป็นเต้าหู้อย่างไรอย่างนั้น

นางขนลุกซู่

ขนาดโครงกระดูกมือ พวกมันยังแทะกินราวกับเป็นเต้าหู้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือ นางเป็นเพียงแค่มนุษย์คนหนึ่ง หากพลาดกลืนกินนางเข้าไปจักทำเช่นไร

“เจ้ารีบสั่งให้พวกมันหยุดบัดเดี๋ยวนี้”

“หื้ม…?”จอมมารสับสน “พี่หญิงรู้สึกว่าพวกมันชักช้าไปอย่างนั้นหรือ? ดูเหมือนจะชักช้าจริงด้วย เช่นนั้นข้าจักลงมือเองแล้วกัน”

เขาดีดนิ้วไปครั้งหนึ่ง ดอกลำโพงนับร้อยดอกก็หายไปในพริบตาและมิอาจรู้ว่าหายไปที่ใดกันแน่

จากนั้นก็มีเพลิงไฟพ่นออกมาแทน

กู้ชูหน่วนตกใจจนหัวใจเต้นถี่ ๆ

“ซือม่อเฟย เจ้าบังอาจใช้ไฟเผาข้าอย่างนั้นรึ โอ๊ย…เจ็บเหลือเกิน”

ให้ตายเถิด…

เจ้าหนุ่มน้อยคนนี้จงใจแกล้งนางเล่นใช่หรือไม่

เมื่อก้มมองดู ผ้าพันแผลบนตัวนางก็ถูกเผาไปมาก แต่ทว่าผิวหนังของนางก็ถูกเผาไปด้วยเช่นกัน

จอมมารขมวดคิ้ว

“ดูเหมือนว่าไฟจะแรงไปหน่อยน่ะ”

“ไร้สาระสิ้นดี เจ้าดูผิวหนังข้าสิ ถูกเผาจนแดงไปหมดแล้ว”

“เช่นนั้น เดี๋ยวข้าช่วยทำให้ท่านตัวเย็นลงเอง”

กู้ชูหน่วนกำลังจะปฏิเสธ แต่ช้าไป

มิรู้ว่าจอมมารทำได้อย่างไร อุณหภูมิในห้องลดลงทันที ร่างกายของนางราวกับถูกแช่แข็งปานนั้น

เป็นบาดแผลที่มีรอยแผลเป็นตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ผ่านความเย็นและร้อนอย่างหนักมาสองวัน อาการบาดเจ็บก็ยิ่งรุนแรงขึ้น

กู้ชูหน่วนอ้าปากค้างด้วยความเจ็บปวด

“เจ็บเหลือเกิน หนาวเหลือเกิน”

“ฮะ…ควบคุมอุณหภูมิไม่ดีอีกแล้วหรือเดี๋ยวข้าเพิ่มอุณหภูมิให้ท่านอีก”

“ซือม่อเฟย หากเจ้าแตะต้องตัวข้าอีกครั้ง ข้าเอาเจ้าตายแน่”กู้ชูหน่นโกรธและจ้องเขาเขม่งด้วยดวงตากลมคู่นั้น

ใบหน้าเล็ก ๆ ของจอมมารห่อเหี่ยว

“ข้าฆ่าคนเป็นอย่างเดียว มิเคยช่วยคนมาก่อนและยิ่งมิเคยรักษาผู้ใดมาก่อนด้วย ข้าพยายามควบคุมพลังอย่างสุดฤทธ์แล้ว แต่มันก็ยังคงขาดอีกนิดเดียวตลอด”

นั่นเรียกว่านิดเดียวงั้นรึ?

ผิวหนังของนางเฟอะฟะไปหมดแล้ว

“ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เจ้าห้ามแตะต้องตัวข้าอีกและห้ามรักษาข้าซี้ซั้วอีก ข้ายังมิอยากตายน่ะ”

กู้ชูหน่วนพูดจบ ผ้าพันแผลก็เสียงดังป๊อกแป๊ก และฉีกขาดในที่สุด เพราะผ่านร้อนและเย็นอย่างหนักเป็นเวลาสองวัน

ผิวหนังที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นของกู้ชูหน่วนถูกเผยต่อหน้าจอมมาร

ซี๊ด…

กู้ชูหน่วนชะงัก

จอมมารเองก็ชะงักไปด้วย มองเรือนร่างอันงดงามแต่กลับเต็มไปด้วยบาดแผลของนางโดยตรง

“อ๊า…”

มิรู้ว่าใครเป็นคนส่งเสียงร้องออกมา จอมมารรีบดึงผ้ามาคลุมไว้บนร่างของนาง

สีหน้าของเขาแดงเล็กน้อยและมีความคิดที่ไม่ปกติ “ในเมื่อข้าเห็นเรือนร่างของท่านแล้ว ข้าจักรับผิดชอบต่อท่าน บัดนี้เป็นต้นไป ท่านคือผู้หญิงของข้า”

กู้ชูหน่วนอารมณ์เสียจนสีหน้าเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวซีด

“ออกไป ออกไปให้พ้น”

“เช่นนั้น บาดแผลบนร่างกายท่านจักทำเช่นไร?”

“ออกไปให้พ้น”

“นี่มัน…ก็ได้…”

จอมมารทำหน้าบึ้งและถูกไล่ออกไป

เหล่าทหารยามที่เป็นผู้นำกองธงด้านนอก มิอาจเชื่อหูของตนได้

มีคนกล้าหยาบคายต่อจอมมารของพวกเขาเพียงนี้ทั้งยังกล้าไล่ให้จอมมารออกมาอีกด้วย

ยิ่งไปกว่านั้นคือ จอมมารเองก็มิฆ่านางงั้นรึ?

ภายในห้อง

กู้ชูหน่วนเจ็บปวดจนขมวดคิ้วทันที

เดิมทีก็บาดเจ็บหนักอยู่แล้ว ถูกซือม่อเฟยทำเช่นนี้เข้า หากไม่ถึงครึ่งเดือนกับอีกสิบวันก็อย่าคิดเชียวว่าบาดแผลของนางจะหายดี

ครึ่งเดือนกับอีกสิบวันอย่างนั้นหรือ…

นางจักไปมีเวลารอคอยเพียงนั้นได้อย่างไรกัน

เหลือเวลาอีกเพียงสิบสองวันก่อนพระจันทร์จะเต็มดวงแล้ว

สิบสองวันนะ นางต้องรีบตามหาไข่มุกมังกรที่เหลือมาให้ได้โดยเร็ว

อยากได้ไข่มุกมังกรหนึ่งลูก ก็ต้องรวบรวมกุญแจเยอะเพียงนั้น ถึงจักเปิดเข็มทิศได้ สุดท้ายก็ไปตามหาไข่มุกมังกรตามที่เข็มทิศชี้แนะ

เพียงแค่สิบสองวัน นางจักตามหาได้อย่างไรกัน

กู้ชูหน่วนหยิบยารักษาแผลออกจากแหวนเก็บสะสม และอดทนล้างแผลของตัวเองเบา ๆ แล้วจึงทายาใหม่

ร่างกายเจ็บปวดมาก แต่หัวใจนางเจ็บยิ่งกว่า

กู้ชูหน่วนหยิบผ้ามาผืนหนึ่งกัดไว้ในปาก แล้วกลืนเสียงร้องเพราะความเจ็บปวดทั้งหมดไว้ในท้อง

บาดแผลเฟอะฟะ ตอนล้างแผล กู้ชูหน่วนแทบจะสลบไป

นางบาดเจ็บมากเพียงนี้ คาดว่าเยี่ยจิ่งหานเองคงมิดีไปกว่านางเท่าไรนัก

แผลใหม่ทับแผลเก่า เลือดไหลออกมาอีกครั้ง

ด้านนอกห้องจอมมารยืนอยู่ข้างภูเขาเทียมลูกหนึ่งและเห็นภาพทั้งหมดที่กู้ชูหน่วนกำลังรักษาบาดแผลด้วยตัวเองผ่านช่องว่างบนหน้าต่าง

ความอดทน ความเจ็บปวด ความเข้มแข็งและหยาดเหงื่อของนาง ทั้งหมดนี้ทำให้จอมมารประหลาดใจ

เขาคิดไม่ตกว่าสตรีคนหนึ่ง เมื่อเผชิญกับความเจ็บปวดเพียงนี้แล้ว ยังคงแน่วแน่มั่นคงได้เช่นนั้น และยังถือมีดอย่างเหี้ยมโหด เพื่อเอาเนื้อเน่าๆ ออกมา

บาดแผลด้านหน้านางสามารถจัดการได้ แต่บาดแผลด้านหลังนางมิสามารถจัดการได้

จอมมารโบกมือ ส่งสัญญาณเรียกหมอหญิงเข้าไปช่วยเหลือ มือต้องเบา อย่าทำให้นางเจ็บ

จอมมารถอนหายใจและพึมพำกับตนเอง “นักฆ่าโลหิต เจ้าว้าข้ามันโง่เขลาจริงๆ ใช่หรือไม่ เพียงแค่ทำแผลข้าก็ยังทำไม่เป็น ทั้งยังทำให้พี่หญิงเจ็บปวดมากขึ้นไปอีก”

นักฆ่าโลหิตอยู่ด้านข้าง จากมุมของเขามิอาจมองเห็นภาพในห้องได้ แต่ทว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องเมื่อครู่ เขากลับทราบดี

นักฆ่าโลหิตกุมมือและก้มหัวกล่าว “นายท่าน ฐานะของท่านสูงส่งและมีเกียรติ เรื่องทำแผลเรื่องเล็กๆ พวกนี้มิต้องถึงมือของท่านหรอก แม่นางกู้เป็นคนจิตใจงาม เข้าใจผู้คน นางมิโกรธเคืองท่านหรอกขอรับ”

“งั้นหรือ…แต่ทำไมเมื่อครู่ข้าถึงรู้สึกว่านางโกรธจริง ๆ ล่ะ?”

“นั่นเพราะว่าแม่นางกู้สงสารท่านผู้เป็นถึงจอมมาร ยังต้องลงมือทำแผลและทายาให้นางเอง นางรู้สึกตื้นตันใจขอรับ”

จอมมารเรียนรู้ท่าทางจากกู้ชูหน่วน และใช้มือจับคาง

เป็นเช่นนี้จริงหรือ?

“พี่หญิงเสียเลือดมาก เจ้าไปสั่งในครัวให้เตรียมอาหารบำรุงโลหิตให้นางที”

“ขอรับ”

“ช่างเถิด พี่หญิงเพิ่งฟื้น คงจะมิค่อยอยากอาหารเท่าไรนัก ข้าลงมือทำอาหารเองให้นางกินดีกว่า”

นักฆ่าโลหิตตกใจ “นายท่าน ท่านจักลงมือทำอาหารเองอย่างนั้นหรือขอรับ?”

นายท่านมิเคยเข้าครัวมาก่อน เขาทำกับข้าวเป็นงั้นรึ?

อีกอย่างนายท่านเป็นใครกัน จักเข้าครัวทำอาหารได้อย่างไร

“พี่หญิงได้กินอาหารที่ข้าทำ ต้องดีใจอย่างแน่นอน”

แสงสีแดงกระพริบ ไม่มีเงาร่างของจอมมารอยู่ตรงหน้าอีก

นักฆ่าโลหิตทำได้เพียงตามไปที่ครัว หัวใจว้าวุ่นไปหมด

ใช้เวลาทำแผลไปทั้งยามบ่ายถึงจักทำเสร็จหมด

กู้ชูหน่วนแทบจะเสียไปครึ่งชีวิต

แม้แต่จะลุกจากเตียงยังมิสามารถ อย่าว่าแต่ไปตามหากุญแจรูปดาวเลย

“คนด้านนอกเข้ามา”

“แม่นาง มิทราบว่ามีเรื่องอันใดให้รับใช้หรือขอรับ”

“ข้าอยากถามเจ้าว่า หุบเขาอวิ๋นฉีนี้คือหุบเขาพิศวิญญาณหรือไม่?”

“ตอบแม่นาง หุบเขาพิศวิญญาณนั้นเป็นสำนักใหญ่ของเผ่าปีศาจ ที่นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของเผ่าปีศาจเช่นเดียวกันขอรับ”

“เช่นนั้น ที่นี่ห่างจากสำนักใหญ่ของเผ่าปีศาจเท่าไรกัน?”

“เรื่องนี้…ประมาณไม่กี่พันลี้ขอรับ”

ไม่…ไม่กีพันลี้งั้นหรือ…

ไกลเพียงนี้เชียวหรือ?

“แม่นาง ท่านรู้สึกไม่สบายใช่หรือไม่ ข้าน้อยจักไปเรียกหมอหญิงมาเดี๋ยวนี้”