กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 518
ต่อให้ตามหมอหญิงมาได้แล้วอย่างไร?

สามารถพานางขึ้นไปบนหุบเขาพิศวิญญาณได้เดี๋ยวนี้เลยหรือไม่?

“ข้าน้อยคารวะแม่นางกู้ ขอให้แม่นางกู้โชคดีและสุขภาพแข็งแรง ไม่ทราบว่าแม่นางกู้เจ็บแผลอีกหรือไม่?”

หมอหญิงคารวะด้วยความเคารพ และพูดปลอบโยน “แม่นางกู้มีบาดแผลเยอะมาก และเป็นบาดแผลที่ลึก ข้าน้อยแนะนำว่าควรนอนพักอยู่บนเตียงเป็นเวลาหนึ่งเดือน และข้าน้อยจะจ่ายยาแก้ปวดให้แม่นางกิน”

หมอหญิงนับถือนางมาก อย่าว่าแต่ผู้หญิง แม้แต่ผู้ชายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ ก็ยังต้องร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด แต่ตอนที่รักษาบาดแผลให้นาง นางเพียงแค่กัดฟัน และไม่มีเสียงรองด้วยความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย

ความอดทนเช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปสามารถทำได้

กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างอ้างว้าง

นางคิดถึงเรื่องที่ต้องนอนอยู่บนเตียงเป็นเวลาหนึ่งเดือน แต่น่าเสียดายที่นางไม่มีเวลาเช่นนั้น

“ข้าไม่เจ็บ เจ้านั่งลงก่อน พูดคุยเป็นเพื่อนข้าหน่อย”

“นี่……ขอบคุณแม่นางกู้”

หมอหญิงนั่งลงบนเก้าอี้อย่างประหม่า และไม่รู้ว่ากู้ชูหน่วนจะพูดคุยอะไรกับนาง

หรือว่าต้องการให้นางช่วยพาออกจากไปจากเผ่าปีศาจ?

นี่เท่ากับเป็นการทรยศ นางไม่กล้าทำ

“เจ้าชื่ออะไร?”

“ข้าน้อยชื่อเจินเอ๋อร์”

“เจินเอ๋อร์ เจ้าเป็นคนของเผ่าปีศาจหรือไม่?เจ้าเข้ามาในเผ่าปีศาจตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“ข้าน้อยเป็นเด็กกำพร้า และเรียนรู้วิชาแพทย์กับท่านอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก เมื่อหลายปีก่อนท่านอาจารย์ของข้าก็จากโลกนี้ไป และบังเอิญว่ามีหัวหน้าเผ่าคนหนึ่งของเผ่าปีศาจได้รับบาดเจ็บ ข้าน้อยจึงรักษาอาการบาดเจ็บให้เขา หลังจากนั้นเขาก็พาข้าน้อยมาที่เผ่าปีศาจ และให้ที่พักพิงแก่ข้าน้อย”

“อ้อ…แล้วเจ้ารู้เรื่องเกี่ยวกับเผ่าปีศาจเยอะหรือไม่?”

“นี่……ไม่มากนัก……แม่นางกู้อยากถามอะไรข้าน้อยหรือไม่?” หมอหญิงลองถามดู

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเผ่าปีศาจมีสถานที่พิเศษอะไร หรือว่าหุบเขาอวิ๋นฉีมีสถานที่พิเศษอะไร ?”

“สถานที่พิเศษ?”

“ใช่”

“คือว่า……ข้าน้อยก็ไม่แน่ใจนัก แต่ข้าน้อยได้ยินมาว่าเมื่อหลายปีก่อนหุบเขาอวิ๋นฉีเป็นสำนักใหญ่ของเผ่าปีศาจ ต่อมาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สำนักใหญ่ถึงย้ายไปอยู่ที่หุบเขาพิศวิญญาณ”

ความผิดหวังของกู้ชูหน่วนดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาในทันที

“เมื่อครู่เจ้าพูดว่าอะไรนะ เมื่อหลายปีก่อนหุบเขาอวิ๋นฉีเป็นสำนักใหญ่ของเผ่าปีศาจ?”

“ใช่เจ้าค่ะ”

“แล้วมีสถานที่ต้องห้ามหรือสถานที่แปลก ๆ บ้างไหม?”

“มีสถานที่ต้องห้ามอยู่ที่หนึ่ง ผู้นำไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าไป และบอกว่ามีเพียงจอมมารเท่านั้นที่จะสามารถเข้าไปได้ ส่วนคนอื่น ๆ หากเข้าไปจะต้องตาย”

กู้ชูหน่วนขมวดคิ้วด้วยความน่าสนใจ

“ขอบคุณเจินเอ๋อร์ จริงสิ จอมมารล่ะ ทำไมถึงไม่เห็นเขาเลย?”

ไม่ใช่ว่าถูกนางดุจนหนีหายไปแล้วนะ

“พี่หญิง ท่านคิดถึงข้าแล้วหรือ?”

เมื่อพูดถึงก็มาพอดี

มีเสียงอันไพเราะดังก้องเหมือนเสียงสวรรค์อยู่ข้างนอกประตู จากนั้นชายชุดแดงที่มีนัยน์ตาต่างกันก็ผลักประตูเข้ามา

ชายผู้นั้นรูปร่างสูงและสมส่วน นัยน์ตาของเขามีเสน่ห์เย้ายวน

ผิวของเขาละเอียดอ่อนเกลี้ยงเกลา อวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าได้สัดส่วน มุมปากมีรอยยิ้มอ่อนโยน และใบหน้าที่ซีดขาวของกู้ชูหน่วนสะท้อนอยู่ในแววตาของเขา

หมอหญิงคุกเข่าลง “ข้าน้อยคารวะจอมมาร”

“เจ้าออกไปเถอะ”

“เจ้าค่ะ”

จอมมารค่อย ๆ เดินช้าไปหากู้ชูหน่วน และสงสัยว่ากู้ชูหน่วนโกรธอยู่หรือไม่ “พี่หญิง ท่านไม่โกรธข้าแล้วใช่หรือไม่?”

ทำให้อาการบาดเจ็บของนางสาหัสมากเช่นนี้ และทำให้การตามหาไข่มุกมังกรต้องล่าช้า นางจะไม่โกรธได้อย่างไร

การมีชีวิตการอยู่ในมือของเขา ถือว่าเป็นวาสนาของนาง

หากต้องการเข้าไปในสถานที่ต้องห้าม อาจจะต้องมีกุญแจรูปดาว กู้ชูหน่วนจึงอดทนอดกลั้น

นางยิ้มอย่างงดงาม

“ข้ารู้ว่าเจ้าอยากรักษาอาการบาดเจ็บให้ข้า เดิมทีคิดว่ามันจะดีขึ้นแต่กลับกลายเป็นแย่ลง ข้าจะโกรธเจ้าได้อย่างไร”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ จอมมารก็รู้สึกสบายใจในทันที

เขานั่งลงตรงหน้ากู้ชูหน่วน เขาลูบผมสีดำอันนุ่มสลวยของเขาและยิ้ม “พี่หญิงเข้าใจข้าก็ดีแล้ว ท่านไม่ต้องห่วง ต่อไปข้าจะตั้งใจเรียนวิธีควบคุมพลัง และจะไม่ทำให้พี่หญิงต้องบาดเจ็บอีก หากไม่เชื่อ ครั้งหน้าตอนที่ทำแผล พี่หญิงจะลองทดสอบฝีมือของข้าดูก็ได้”

รอยยิ้มบนใบหน้าของกู้ชูหน่วนแข็งทื่อ

ครั้งก่อนนางก็เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด

แล้วครั้งหน้านางจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?

“อาม่อ เจ้าเป็นผู้นำของเผ่าปีศาจ จะให้เจ้าทำเรื่องหยุมหยิมเช่นนี้ได้อย่างไร ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหมอหญิงเถอะ และเจ้าก็ไม่ต้องฝึกการควบคุมพลังแล้ว มันไม่คุ้มค่า”

“คุ้มสิ หากสามารถทำแผลให้พี่หญิงได้ อาม่อเต็มใจ หมอหญิงบอกแล้วว่าพรุ่งนี้ต้องเปลี่ยนยาอีกครั้ง ข้าจะทำแผลให้เอง พี่หญิงวางจได้ ข้าจะทำอย่างอ่อนโยน”

เจ้าหมาน้อยตัวนี้ ไม่ถอดใจจากนาง เขาจะไม่ยอมแพ้งั้นหรือ?

“เรื่องพรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที”

“ได้ พี่หญิง ข้าต้มโจ๊กรังนกมาให้ท่าน ท่านลองชิมดูสิ ยังร้อน ๆ อยู่”

“เจ้าทำเองหรือ?”

กู้ชูหน่วนไม่อยากจะเชื่อ

เขาเป็นจอมมารของเผ่าปีศาจไม่ใช่หรือ?ทำไมถึงทำอาหารเช่นเดียวกับเยี่ยจิ่งหาน?

“แน่นอนว่าข้าต้มด้วยตนเอง และใช้เวลาต้มอยู่่นาน” ไฟนั่นเล็กมากเกินไป จนเขาก็ใช้กำลังภายในการทำให้มันเดือด เพื่อไม่ให้พี่หญิงต้องรอนานเกินไป

กู้ชูหน่วนหยิบโจ๊กรังนกขึ้นมา ดูจากภายนอกแล้วใช้ได้เลย

แต่ดูเหมือนว่าจะมีกลิ่นไหม้

“ท่านลองชิมดูสิ”

กู้ชูหน่วนสะอิดสะเอียน

แต่เมื่อนึกถึงสถานที่ต้องห้าม นางก็จำต้องกัดฟัน

อาจจะแค่ไหม้นิดหน่อย รสชาติอาจจะดีก็ได้

หลังจากกินแล้ว กู้ชูหน่วนก็แทบอยากจะคายออกมา

เค็ม

เค็มมาก ๆ

เขาเทเกลือลงไปทั้งโถหรืออย่างไร?

ใบหน้าของกู้ชูหน่วนมีรอยย่น

เธอรู้สึกว่าเค็มมากจนนางเจ็บแผลอีกครั้ง

จอมมารมองไปที่นางด้วยความตื่นเต้น “เป็นอย่างไรบ้าง อร่อยหรือไม่?”

กู้ชูหน่วนอยากจะคายออกมา แต่เมื่อเห็นท่าทางที่ตื่นเต้นของเขาแล้ว นางก็กลืนมันลงไปในทันที

“อร่อย……อร่อยมาก”

“อร่อยจริง ๆ หรือ?ข้าก็คิดว่ามันต้องอร่อยแน่ ๆ นักฆ่าโลหิตบอกว่าข้าใส่เกลือมากเกินไป เจ้าเด็กนั่นไม่รู้ว่าอะไรเรียกว่าหอมหวานอร่อย”

กู้ชูหน่วนกลั้นหายใจไส้และไม่อยากตอบ

หอมหวานอร่อย?

นี่หอมหวานแล้วหรือ?

เห็นได้ชัดว่าทั้งเค็มทั้งไหม้?

“พี่หญิง ท่านกินที่เหลือให้หมดสิ”

“มันร้อนนิดหน่อย ข้อรอให้มันเย็นลงก่อน แล้วค่อยกิน”

“ก็ดี เช่นนั้นต่อไปนี้ข้าจะต้มให้ท่านกินทุกวัน”

“อัก……”

กู้ชูหน่วนเกือบจะพ่นออกมา

ต้มให้นางกินทุกวัน?

นางยังอยากมีชีวิตอยู่อีกนาน ๆ

“เป็นอะไรไป ท่านกลัวว่าข้าจะลำบากเกินไปหรือ?ไม่ต้องกังวล ได้ต้มโจ๊กรังนกให้ท่านกิน ข้าไม่ลำบากเลยแม้แต่น้อย”

กู้ชูหน่วนไม่อยากคุยเรื่องนี้กับเขาแล้ว นางจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง

“เมื่อครู่เจ้าบอกว่าข้าเป็นผู้หญิงของเจ้า?”

“ใช่”

“หากข้าเป็นผู้หญิงของเจ้า ข้าจะสามารถเดินเล่นไปที่ไหนในเผ่าปีศาจก็ได้ใช่หรือไม่?”

“ใช่”

“ได้ยินมาว่าหุบเขาอวิ๋นฉีเคยเป็นที่ตั้งสำนักใหญ่ของเผ่าปีศาจ เช่นนั้นที่นั่นจะต้องมีโบราณสถานทางประวัติศาสตร์มากมาย ข้าชอบประวัติศาสตร์ เจ้าช่วยพาข้าไปดูโบราณสถานเหล่านั้นได้หรือไม่?”

“โบราณสถาน?”

จอมมารพึมพำกับตัวเอง

แม้ว่าหุบเขาอวิ๋นฉีจะเคยเป็นที่ตั้งสำนักใหญ่ของเผ่าปีศาจ แต่หลังสงคราม ที่นี่ก็ไม่เหลืออะไร

มีโบราณสถานที่ไหนกัน?