ตอนที่ 182 แนะนำผู้หญิง (4)

ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

เมื่อคิดได้เช่นนั้นไป๋ซิ่วฮุ่ยรู้สึกกังวลน้อยลง นางรู้ว่าแหนียงเหนียงเคยฝากคนไปถามญาติในตระกูลเจี่ยงอยู่หลายคน แต่หญิงวัยออกเรือนที่ยังไม่ได้แต่งออกไปมีน้อยแทบนับจำนวนได้ คนที่อายุพอกับฉินอ๋องและเป็นหญิงคู่ควรยิ่งมีน้อย มีคนคนเดียวเท่านั้นที่ยังพอเป็นตัวเลือกได้นั่นก็คือหลานสาวคนโตของเมียรองของคุณลุงของเจี่ยงฮองเฮา สถานะยังพอคู่ควรกับฉินอ๋องได้แต่อายุเพิ่งครบสิบสอง สุขภาพไม่ดีเท่าไหร่ มีอาการป่วยอิดออดมานานหลายปีเหมือนไก่ป่วย ไม่รู้เหมือนกันว่าฮ่องเต้จะทรงเปลี่ยนการตัดสินใจหรือไม่…แต่หญิงเช่นนางเป็นหญิงตรงตามความต้องการของเหนียงเหนียง——ควบคุมง่าย

ไป๋ซิ่วฮุ่ยฟังอย่างตั้งใจ เจี่ยงฮองเฮาทูลตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ “ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันมีตัวเลือกแล้วเพคะ”

“หืม เป็นหญิงตระกูลไหนกัน” หนิงซีฮ่องเต้ตรัสถาม

เจี่ยงฮองเฮาพูดชื่อและชื่อตระกูลยาวพรืดออกมา หนิงซีขมวดคิ้วคล้ายว่ามีความสงสัย

ไป๋ซิ่วฮุ่ยเองก็อึ้งตะลึงเหมือนกัน เหตุใด——เหนียงเหนียงถึงเปลี่ยนคนกะทันหัน

คนที่เจี่ยงฮองเฮาแนะนำหาใช่หญิงสาวตระกูลเจี่ยงไม่

“ถ้าเป็นเช่นนั้น หญิงสาวผู้นั้นไม่เพียงแต่อายุพอกับฉินอ๋องแต่ยังเคยพบหน้าฉินอ๋องอยู่หลายครั้ง ที่สำคัญได้ยินว่าหลังจากได้พบหน้า หญิงผู้นั้นก็มิอาจลืมฉินอ๋องได้เลยนางคิดถึงจนไม่สบาย หญิงสาวเขินอายมิอาจกล้าพูดออกมา เมื่อได้ยินฉินอ๋องแต่งงานก็ยิ่งเก็บเรื่องนี้ไว้ข้างในใจส่วนลึกจนล้มป่วยอยู่หลายครั้ง หม่อมฉันเองก็บังเอิญได้ยินเรื่องนี้จากท่านลุงท่านป้า ได้ข่าวว่าจนถึงทุกวันนี้ หญิงผู้นั้นยังคงเฝ้ารอฉินอ๋อง เรื่องแต่งงานที่คนในเรือนจัดให้นางก็ไม่ยินยอม ถ้าหากครั้งนี้นางได้เข้าจวนฉินอ๋องก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีนะเพคะ ที่สำคัญหญิงสาวคนนี้รู้จักพระชายาฉินด้วย หากดูแลสามีคนเดียวกันก็คงจะเข้ากันได้เป็นอย่างดีเพคะ” เจี่ยงฮองเฮาทูลตอบพร้อมกับยิ้มอ่อน

หนิงซีฮ่องเต้ฟังจนเริ่มมีความสนใจและไม่อยากปฏิเสธฮองเฮาอีก วันนี้ที่ตะโกนใส่ฮองเฮาเขายังรู้สึกผิด จึงตรัสตอบเพียง “ฮองเฮาไปจัดการเถิด แต่ก็ต้องส่งคนไปดูการวางตัวและนิสัยของหญิงผู้นั้นเวลาอยู่ในเรือนของเขาด้วย”

เจี่ยงฮองเฮาตรัสตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “เพคะฝ่าบาท” เมื่อเห็นสีพระพักตร์ของฝ่าบาทซีดลงกว่าเมื่อตอนเข้ามาใหม่ๆ จึงขอทูลลา “ฝ่าบาทพักผ่อนเถิด หม่อมฉันไม่รบกวนแล้วเพคะ”

เสียงของผู้ชายที่อยู่อีกด้านหนึ่งของผ้าม่านลูกปัดดังขึ้นเมื่อตอนที่นางกำลังจะลากลับ “ข้าล้มป่วย งานเฉลิมพระชนมพรรษาของฮองเฮาเมื่อหลายวันก่อนจึงไม่ได้จัดขึ้น” น้ำเสียงที่พูดคล้ายว่ารู้สึกผิด

พระชรรษาของฮองเฮาในปีนี้เป็นปีที่เวียนมาครบสิบปี ในสายตาของชาวฮั่นเป็นปีที่มีความสำคัญมาก เดิมทีงานเฉลิมฉลองได้จัดเตรียมไว้แล้ว สองสามีภรรยาทูตจากต้าซื่ออยู่ต่ออีกหลายวันก็เพื่อรอเข้าร่วมงานเฉลิมพระชนมพรรษาของแม่ของแผ่นดิน แต่คาดไม่ถึงเลยว่าพอฉางชวนเกิดเรื่องขึ้นฮ่องเต้ล้มป่วย งานเฉลิมฉลองของเจี่ยงฮองเฮาก็หยุดชะงักไม่ได้จัด

เจี่ยงฮองเฮานิ่งไปแวบหนึ่งแล้วตรัสว่า “พระวรกายของฝ่าบาทสำคัญกว่า งานฉลองพระชนมพรรษาของหม่อมฉันเรื่องเล็กน้อยเพคะ”

หนิงซีฮ่องเต้ส่ายศีรษะ “ข้าบอกเหยาฝูโซ่วแล้วว่าให้จัดงานฉลองย้อนหลังให้กับฮองเฮา”

เจี่ยงฮองเฮาใจเต้นฟังฮ่องเต้ตรัสต่อ “…เพียงแค่ว่าไทเฮาเป็นหวัดเพราะเกิดจากสภาพอากาศในช่วงนี้จึงไม่สะดวกเป็นคนจัดงาน ไท่จื่อต้องทำหน้าที่ผู้ดูแลแทนยุ่งจนอาจไม่มีเวลา ข้าเลยคิดว่างานเฉลิมฉลองครั้งนี้ให้องค์ชายสามเป็นคนจัดการแล้วให้องค์ชายแปดคอยช่วยเหลือ ลูกชายที่ทำงานได้ดีของข้ามีอยู่ไม่กี่คน บ้างก็ถูกส่งไปอยู่ที่อื่นบ้างก็ถูกลงโทษให้จำคุก อย่างไรเสียก็ต้องบ่มเพาะเลี้ยงดูออกมาสักคนสองคน ข้าจึงใช้โอกาสงานเฉลิมฉลองให้พวกเขาสร้างความสัมพันธ์อันดีกับเหล่าขุนนาง เวลาจะทำอะไรในภายภาคหน้าอย่างน้อยก็จะได้ราบรื่นและทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี”

เจี่ยงฮองเฮาใจหล่นตุบสีหน้าเปลี่ยน นางจิกฝ่ามือด้วยความเจ็บปวด เมื่อครู่นี้บอกว่าจัดงานฉลองย้อนหลังให้ แต่แท้จริงแล้วจัดเพื่อฝึกเหล่าองค์ชาย

เสียดายความรู้สึกซาบซึ้งเมื่อครู่นี้

เจี่ยงฮองเฮาน้อมรับไว้และออกจากพระที่นั่งหย่างซินเตี้ยน

ไป๋ซิ่ยฮุ่ยเห็นว่าเดินออกมาไกลแล้วนางจึงกระซิบถามด้วยความสงสัย “เหตุใดเหนียงเหนียงถึงไม่แนะนำคุณหนูของเรือนรองในตระกูลเจี่ยงหรือเพคะ”

เจี่ยงฮองเฮาเพิ่งได้สติจากการผิดหวังเมื่อครู่ “หญิงคนนั้นในบ้านของข้าน่ะหรือ นางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพระชายาฉินหรอก สภาพนั้นจะอยู่จนพ้นอายุยี่สิบหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ข้าเปลี่ยนคนดีกว่า”

จวนฉินอ๋อง

ตั้งแต่ท่านอ๋องรบชนะและยังได้รับของกำนัล จวนอ๋องก็ได้รับการบูรณะใหม่โดยคนก่อสร้างจากวังหลวง และยังรับบ่าวรับใช้และขันทีเพิ่มไม่น้อย ตอนนี้จวนอ๋องมีความใหม่กว้างขวางกว่าเดิมมาก มีสวนหย่อมและห้องโถงเล็กใหญ่เพิ่มขึ้นไม่น้อย

จวนฉินอ๋องเดิมทีเงียบเหงาไร้ผู้คนไม่มีแขกมาเยี่ยมเยียน ตอนนี้เหล่าขุนนางผู้ลากมากดีต่างพากันมาเยี่ยมไม่เคยขาด

ด้านหน้าบันไดของประตูจวนเริ่มมีรถม้าจอดยาวเป็นหางว่าว ล้วนแต่เดินทางมาเพราะคำสั่งของเจ้านาย แต่เหล่าพ่อบ้านและบ่าวรับใช้ที่ถือของขวัญมาสร้างความสัมพันธ์ส่วนใหญ่กลับต้องเดินทางกลับพร้อมกับของที่นำมาด้วย

บ่าวรับใช้ทุกคนในจวนอ๋องต่างก็ถูกเกาจ๋างซื่อสั่งเอาไว้ว่าให้ปฏิบัติทุกอย่างเหมือนเดิม ห้ามผู้ใดทำตัวหยิ่งผยองเพียงเพราะฉินอ๋องทำผลงานได้เด็ดขาด และเพราะเรื่องนี้กำลังเป็นที่จับตามองก็ยิ่งต้องทำตัวให้นิ่งยิ่งกว่าเดิม

แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรบ่าวรับใช้ทุกคนต่างก็รู้สึกยินดีชอบใจกันใหญ่ แต่ในความยินดีก็ยังมีความเป็นห่วงพระชายาเอกที่ยังถูกทำโทษอยู่ในวังหลวง

โดยเฉพาะชูซย่า เจินจู ชิงเสวี่ยแล้วก็ชุยอินหลัวจากเรือนตะวันตก ตั้งแต่พี่ชายกลับเข้าจวน นางเข้าไปถามพี่ชายทุกวันว่าพี่สะใภ้จะกลับมาเมื่อไหร่ พอถามสาเหตุที่หนึ่งเสร็จสาเหตุที่สองก็ตามมาเรื่อยๆ ไล่อย่างไรก็ไล่ไม่ไป ยิ่งรู้ว่าถูกขังในวังหลวงสามเดือนก็ยิ่งโวยวายจะเข้าวังให้ได้

หลังผ่านไปครึ่งวัน ชุยอินหลัวคำนวณว่าพี่ชายน่าจะเสร็จกิจราชการกลับเข้าจวนแล้ว นางพาเหอมอมอเข้าไปยังเรือนเอกโดยใช้เส้นทางทางเล็กจากเรือนตะวันตก

เพิ่งเข้ามาถึงลานกว้างชุยอินหลัวก็เห็นผ่านหน้าต่างว่าพี่ชายกำลังทำงานอยู่ในห้องหนังสือ กำลังจะพุ่งเข้าไปแต่เกาจ๋างซื่อออกมาจากด้านในพอดี

เกาจ๋างซื่อรู้ว่าคุณหนูจะมาถามเรื่องพระชายาเอกจึงทำการปิดประตูและเดินเข้าไปหา “คุณหนู ช่วงนี้ท่านอ๋องทรงงานหนักมาก หลายวันนี้ท่านอ๋องเตรียมจัดงานเฉลิมฉลองครบพรรษาให้กับฮองเฮา คุณหนูอย่าเพิ่งเข้าไปกวนเลยนะขอรับ”

ชุยอินหลัวเห็นเกาจ๋างซื่อขวาง นางทำปากจู๋บ่นพึมพำอยู่สองสามคำแล้วเดินจากไป

พอออกจากเรือนเอกชุยอินหลัวคิดจะทิ้งเหอมอมและเดินไปทางประตูด้านข้าง นางยังไม่ทันหันไปทางนั้นก็พบหญิงหน้าคุ้นคนหนึ่งกำลังยกถาดน้ำชา บนถาดมีกาน้ำชาปิดฝาอยู่หนึ่งกาดูก็รู้ว่ายังเป็นชาหอมที่ยังร้อนอยู่ นางคนนั้นกำลังเดินมาคล้ายว่าจะเดินไปยังเรือนเอก

หญิงสาวหน้าตาสดใสสองแก้มแดงระรื่อไม่รู้เป็นเพราะลมพัดหรืออะไร ผมเผ้าเปียเป็นสองข้างแบบหญิงยังไม่ออกเรือน สวมใส่กระโปรงสีเขียวคู่กับชุดคลุมสีฟ้า เดินไปพร้อมกับฮัมเพลงเบาๆ ไป เสียงร้องนั่นเป็นทำนองของนอกเมืองหลวง แต่ก็ว่าไม่ได้เพราะเสียงร้องนั่นสดใสมีเสน่ห์และน่าดึงดูดมาก

“เอ๊ะ คนนั้นเป็นสาวรับใช้ของเราเหรอคะ” ชุยอินหลัวถามด้วยความสงสัย

เหอมอมอมองดูและตอบว่า “คุณหนู หญิงคนนั้นฉินอ๋องพากลับมาจากเยี่ยนหยางเจ้าค่ะ ได้ยินมาว่าเป็นน้องสาวของหลี่ว์ปาที่ทำผลงานทดแทนความผิด เคยช่วยฉินอ๋องกับพระชายา นางชื่อว่าชีเอ๋อร์ ได้ยินใต้เทาซือพูดว่าพระชายาพานางกลับมาด้วยเพราะจะหาบ้านให้นางอยู่เจ้าค่ะ แต่พอกลับมาถึงพระชายาก็ถูกนำตัวไปขังเอาไว้เลยยังไม่ได้จัดการให้นางเจ้าค่ะ นางก็เลยต้องอาศัยในจวนฉินอ๋องไปก่อนชั่วคราวรอให้พระชายากลับมาจัดการอีกทีเจ้าค่ะ”

อ่อ ชุยอินหลัวพยักหน้าหงึกๆ เหมือนนึกขึ้นได้

ถึงว่าหน้าตาคุ้นๆ เมื่อหลายวันก่อนเห็นนางยกน้ำชาเข้าเรือนเอกอยู่เป็นประจำแต่ตอนนั้นไม่ได้สนใจเท่าไหร่