อวิ๋นหว่านชิ่นยืนขึ้นเดินไปอยู่ด้านนอกผ้าม่านลูกปัด ทำเหมือนว่าพูดคุยกับฮ่องเต้จากตรงนี้
ไม่นานเสียงเท้ากระทบพื้นก็ดังขึ้น
เจี่ยงฮองเฮาพาไป๋ซิ่วฮุ่ยกับนางในหลายคนเดินเข้ามายังพระที่นั่ง พอเห็นอวิ๋นหว่านชิ่นนางจึงหยุดเดินและน้อมทักทายแก่ผู้ที่อยู่ด้านในผ้าม่านลูกปัด ถามไถ่อาการประชวรที่ผ่านมาของฮ่องเต้จากนั้นเปลี่ยนหัวข้อการพูด โดยพูดลอยๆ ขึ้นมาว่า “ถูกตักเตือนอยู่ที่พระที่นั่งซือฝาได้ครึ่งหนึ่ง ได้ยินว่าฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้เชิญพระชายาฉินมาพบ ไม่รู้ว่ามีเรื่องอันใดหรือเพคะ”
หนิงซีฮ่องเต้ตรัสตอบ “ก็ไม่มีเรื่องอะไรหรอก พอนึกขึ้นได้ข้าก็เลยสั่งให้คนไปเรียกนางมาถาม ดูว่าพระชายาอยู่ในอารามฉางชิงได้รับบทเรียนอะไรบ้าง ข้าก็คิดไม่ถึงว่าจะเรียกเวลาเดียวกันกับฮองเฮา” หันไปพูดกับอวิ๋นหว่านชิ่น “ในเมื่อฮองเฮามาแล้ว เจ้าออกไปก่อนเถิด ให้เจิ้งกูกูส่งเจ้ากลับฉางชิง”
“เพคะฝ่าบาท” อวิ๋นหว่านชิ่นจึงทูลลา
เมื่อเห็นว่าอวิ๋นหว่านชิ่นถูกฝ่าบาทเรียกมาพบจริงแล้วก็เห็นฝ่าบาทสั่งให้นางกลับอารามฉางชิงไป เท่ากับว่าวันนี้นางรอดไปได้ เจี่ยงฮองเฮาถึงกับขมวดคิ้วและจ้องเขม่นแผ่นหลังแผ่นนั้น นางพูดอย่างนิ่งเรียบว่า “ตอนนี้ฉินอ๋องกลายมาเป็นผู้มีความสามารถ เป็นเสาหลักของต้าซวน ฝ่าบาททรงใส่ใจพระชายามากเป็นพิเศษก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผลเพคะ”
หนิงซีฮ่องเต้รู้สึกหมดแรงจากการพูดคุยเมื่อครู่นี้จึงเอนพระวรกายไปยังหัวพระแท่นบรรทม
เจี่ยงฮองเฮารู้สึกเจ็บพระทัยบอกไม่ถูกว่าเกลียดชังหรือโศกเศร้าเมื่อเห็นท่าทีของฝ่าบาทเปลี่ยนไป เมื่อตอนพูดคุยกับอวิ๋นหว่านชิ่นดูพระองค์มีชีวิตชีวา แต่พอตนเข้ามากลับแสดงท่าทางเบื่อหน่ายไม่พูดไม่จา
แล้วยังตรัสว่าก็แค่เรียกมาถามไถ่เท่านั้น แท้จริงแล้วอยากพบหน้านางมากกว่ากระมัง นางกลายเป็นลูกสะใภ้แล้วเหตุใดถึงยังไม่ตัดพระทัยอีก
นางผู้เป็นถึงฮองเฮามาหาถึงที่นี่แต่กลับไม่ได้ยินประโยคที่สมบูรณ์เลยสักประโยค
ด้านนอกผ้าม่านลูกปัด เจี่ยงฮองเฮายังคงพูดต่อด้วยพระพักตร์อันงดงามที่มีบาดแผลความเจ็บปวดแต่ไม่มีใครสามารถเห็นได้กับน้ำเสียงที่คงความนิ่งเรียบ “…ฝ่าบาททรงเห็นแล้ว ความผิดอันใหญ่หลวงที่พระยาชาก่อขึ้นหลังออกเรือนไม่นาน ช่างไม่สอดคล้องกับมาตรฐานของการเป็นพระชายาในราชวงศ์เลยแม้แต่น้อย เมื่อเทียบกับผลงานและชื่อเสียงของฉินอ๋องแล้ว ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่นะเพคะ”
หนิงซีฮ่องเต้ฟังแล้วรู้สึกเหมือนนางอยากจะพูดอะไร จึงลุกขึ้นนั่งด้วยความฝืน “ฮองเฮาอยากพูดสิ่งใดก็พูดมาเถิด”
“เป็นหญิงสาวที่ไม่เหมาะสมกับการเป็นราชวงศ์ เกรงว่าอาจกระทบต่ออนาคตและชื่อเสียงของฉินอ๋องเพคะ”
หนิงซีฮ่องเต้คิ้วขมวด “ฮองเฮาหมายความว่าเช่นไร”
“การทำนายจากสำนักดาราศาสตร์ หม่อมฉันให้ไท่จื่อส่งมอบให้ฝ่าบาทแล้ว แต่ฝ่าบาทยังไม่ว่าอย่างไร หญิงสาวเช่นนางมีนิมิตไม่ดีทั้งยังทำผิดกฏในราชวงศ์หาใช่ดาวดีไม่เพคะ”
“เดี๋ยวนี้ข้าไม่ค่อยเชื่อการทำนายแล้ว” เมื่อได้ยินฮองเฮาพูดว่า “หาใช่ดาวดีไม่” คำเดียว ภายในใจเริ่มไม่สุข นี่เป็นคำพูดที่ส่อให้เห็นว่าจะถอนตำแหน่งพระชายาเอกของอวิ๋นหว่านชิ่นมิใช่หรือ ฮ่องเต้ปัดพระหัตถ์ไปมา “สำนักดาราศาสตร์ไม่ได้พูดด้วยหรือว่า เด็กในครรภ์ของพระชายารองในเว่ยอ๋องเป็นครรภ์มงคล แล้วตอนนี้เป็นอย่างไรล่ะ การทำนายไม่เชื่อไม่ได้แต่ก็เชื่อทั้งหมดไม่ได้เช่นกัน”
คำพูดของฮ่องเต้เหมือนกับอวิ๋นหว่านชิ่นไม่มีผิด พระทัยของเจี่ยงฮองเฮายิ่งเจ็บปวดเมื่อเห็นฮ่องเต้ปกป้องพระชายาฉินถึงเพียงนี้ แล้วมันก็ยิ่งทำให้นางตัดสินใจได้ทันที “เพคะ ไม่พูดถึงการทำนาย ไม่พูดถึงความผิด ฉินอ๋องเป็นหนุ่มที่มีความโดดเด่น เป็นผู้ได้รับความสำคัญจากฝ่าบาทและขุนนาง ท้ายเรือนเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญควรให้หญิงผู้มีความเหมาะสมไปดูแล หม่อมฉันก็เพียงแต่คิดเผื่อฉินอ๋อง แต่ฝ่าบาทจะปกป้องพระชายาฉินจนละเลยจวนขององค์ชายก็คงมิได้กระมัง”
หนิงซีฮ่องเต้โพล่งด้วยความโกรธ “แต่ก็ไม่ต้องถึงกับให้ฉินอ๋องหย่าเมีย!” ตรัสเสร็จฮ่องเต้ก็ไออย่างรุนแรง
เจี่ยงฮองเฮาเห็นฝ่าบาทไอจนไม่สบายตัวก็รู้สึกแย่ นางกำลังจะเปิดผ้าม่านเพื่อเข้าไปทุบที่หลังให้ ทันทีที่มือแตะโดนผ้าม่านลูกปัดฮ่องเต้ตะโกนขึ้นมาอย่างรีบร้อนว่า “อย่าเข้ามา! ข้าไม่เป็นอะไร!”
เป็นสามีภรรยาสิบกว่าปีฮ่องเต้ไม่เคยตะโกนกับนางแบบนี้มาก่อน เจี่ยงฮองเฮาดึงมือกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มฝืนจนแทบอยากหัวเราะตัวเอง ที่แท้อวิ๋นหว่านชิ่นมีความสำคัญกับเขามากถึงเพียงนี้ คำว่าถอนตำแหน่งพระชายาของนางเพียงคำเดียว ถึงกับทำให้เขาแสดงความโกรธออกมาขนาดนี้ ตอนนี้นางรู้สึกเกลียดชังมากกว่าเดิม
หนิงซีฮ่องเต้ทำไปเพราะกลัวนางเห็นสภาพนี้จึงใช้น้ำเสียงที่หนักไปหน่อย พออาการไอหยุดลงเขาก็พูดด้วยเสียงที่นุ่มนวลมากขึ้น “ฮองเฮาอย่าเข้ามาเลยนะ ข้ากลัวเจ้าจะติดไปด้วย”
ความรู้สึกที่เสียไปไม่สามารถทำให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้แล้ว ติดไปด้วยงั้นหรือ ให้สนมม่อคอยปรนนิบัตรอยู่ข้างกายพูดคุยกันอย่างมีความสุข ในตอนนั้นทำไมถึงไม่กลัวติดไปด้วยบ้างเล่า
เจี่ยงฮองเฮาไม่ได้รู้สึกดีขึ้นมีเพียงกดความเกลียดชังความโศกเศร้าไว้ที่ส่วนลึกของหัวใจ นางตรัสตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบอย่างไม่สนใจ “เพคะ หม่อมฉันสะเพร่าไปหน่อย แต่การแนะนำของหม่อมฉันได้โปรดฝ่าบาททรงเก็บไว้พิจารณาด้วยเพคะ หม่อมฉันไม่ได้คิดจะทำให้พระชายาฉินทำตัวลำบาก เพียงแต่ว่าการกระทำของนางไม่เหมาะสมกับตำแหน่งพระยาชาเอก” พูดเสร็จนางคุกเข่าลง
หนิงซีฮ่องเต้รู้สึกตกใจเมื่อเห็นเจี่ยงฮองเฮาคุกเข่าขอให้เห็นด้วย ฮ่องเต้ตรัสตอบอย่างแน่วแน่ “การถอนตำแหน่งพระชายาเอกไม่ใช่เรื่องเล็ก แม้ว่าพระชายาเอกมีความผิด แต่การหย่าภรรยาในราชวงศ์เป็นเรื่องน่าอับอายขายหน้าไร้เกียรติ ลูกสะใภ้ผู้มีดวงชะตาดีที่ราชวงศ์ข้ารับเข้ามาถูกหย่าในเวลาไม่กี่เดือน มีแต่จะทำให้คนทั่วฟ้าเยาะเย้ยว่าตระกูลซย่าโหวข้าไม่มีความสามารถในการเลือกคน! พระชายาฉินไม่ได้กระทำผิดใหญ่หลวงเท่าฟ้าไม่จำเป็นต้องทำถึงเพียงนี้ แม้แต่เหล่าทหารเหล่าผู้ประสบภัยพิบัตรยังยอมทิ้งตำแหน่งผลงานและชีวิตเพื่อขอความเห็นใจให้กับนาง ตอนนั้นเจ้ากับไทเฮาก็อยู่ในเหตุการณ์และพวกเจ้าไม่ใช่ว่าไม่รู้ ตอนนี้นางทบทวนตัวเองในอารามฉางชิง ประพฤติดีไม่มีที่ติ ทำผิดยอมแก้ไข หากทอดถอนตำแหน่งดาวดวงดีออกไป เกรงว่าจะสร้างความไม่พอใจแก่ทุกคนได้! ลุกขึ้นเถิดฮองเฮา เรื่องนี้ค่อยคุยกันวันหลังก็แล้วกัน”
คำว่าค่อยคุยกันวันหลังของฮ่องเต้หมายความว่า “ไม่ต้องคุยกันอีก” เป็นคำสุภาพคำหนึ่ง
เจี่ยงฮองเฮารู้ว่าการกล่อมให้ฮ่องเต้ถอนตำแหน่งของอวิ๋นหว่านชิ่นเป็นวิธีที่ใช้ไม่ได้อีกต่อไป หากบังคับต่อไปอาจเกิดความไม่พอใจขึ้นได้ แล้วเรื่องทั้งหมดก็จะพลิกกลับกันจนอาจทำให้นางไม่เหลืออะไรอีกเลยในสายตาของฮ่องเต้
นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและไม่ได้เกลี้ยกล่อมสิ่งใดต่อ แต่ยังคุกเข่าอยู่
“ฮองเฮาจะทำอย่างไรอีก” หนิงซีฮ่องเต้ถอนหายใจ
เจี่ยงฮองเฮาตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ตำแหน่งชายาเอกของตระกูลอวิ๋นมีทหารและผู้ประสบภัยคุ้มครองให้อย่างมั่นคง หม่อมฉันก็ไม่อยากให้ประชาชนพูดว่าดูแลวังหลังได้ไม่ดี! ฉินอ๋องหาใช่ลูกแท้ๆ ของหม่อมฉันและไม่เคยได้รับการเลี้ยงดูจากหม่อมฉัน และก็เพราะเหตุผลนี้หม่อมฉันจึงยิ่งต้องคิดเผื่อท้ายเรือนของฉินอ๋องให้มาก เพื่อที่ในภายหลังจะไม่มีคนกล่าวหาว่าหม่อมฉันขาดความรับผิดชอบ! หากฝ่าบาทยังให้หม่อมฉันดำรงตำแหน่งแม่ของแผ่นดินก็ทรงเห็นใจความลำบากของหม่อมฉันด้วยเพคะ!”
คำพูดนี้มากเกินไปหน่อยหากไม่ยอมตกลงฮองเฮาอาจถอดมุงกฎออก
หนิงซีฮ่องเต้ถาม “ฮองเฮาอยากทำอย่างไรล่ะ”
“อวิ๋นซื่ออายุน้อยกำลังมากไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร ประพฤติตนผิดจากตัวอย่างการเป็นราชวงศ์ ตำแหน่งชายาเอกดำรงต่อไว้ได้ แต่จวนอ๋องก็มีความจำเป็นต้องมีคนใหม่ที่เพียบพร้อมเข้าไปช่วยเหลือเพิ่ม” ฮองเฮาพูดหนึ่งคำเว้นหนึ่งคำ
หนิงซีฮ่องเต้คิดไม่ถึงว่านางคิดจะทำเช่นนี้และคงปฏิเสธต่อไปไม่ได้อีกจึงหันไปถามด้วยความสงสัย “ฮองเฮามีคนอยู่ในใจแล้วหรือ”
ไป๋ซิ่วฮุ่ยที่อยู่ด้านหลังเจี่ยงฮองเฮาเห็นฮ่องเต้เริ่มอ่อนข้อนางจึงรู้สึกโล่งอก
เหนียงเหนียงเดิมทีต้องการให้ผู้หญิงในตระกูลเจี่ยงเข้าไปแทนที่ตำแหน่งชายาเอกของฉินอ๋อง ในเมื่อทำไม่ได้ก็ส่งคนเข้าไปเป็นชายารองก็ใช่ว่าจะไม่ได้เสียหน่อย