หลังจากที่ หยูรู่ป้อนอาหารหยวนเสร็จแล้วเธอก็พูดกับเขาว่า

“โอเคพี่ชายตอนนี้ห้องของพี่ได้รับการทำความสะอาดแล้วหนูจะให้พี่นอนคนเดียวอีกครั้งนะ”

ไม่กี่อึดใจหยูรู่ก็อุ้มหยวนขึ้นรถเข็นก่อนจะพาเขากลับไปที่ห้องของตัวเอง

“คืนนี้พี่อยากเล่นไหม” หยูรู่ถามเขา

เมื่อเธอรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขาในฐานะผู้เล่นหยวนแล้ว เธอก็เต็มใจที่จะให้เขาเล่นมากขึ้นเพื่อที่เขาจะได้ก้าวหน้าต่อไปให้ได้มากที่สุด

“เปล่าไม่เป็นไร อันที่จริงพี่จะหยุดพักจากเล่นเกมสักสองสามวันจนกว่าการสอบวิหารแก่นมังกรจะเริ่มขึ้น” หยวนพูดกับเธอ

“ห๊ะ? พี่หยุดพักทำไม?” หยูรู่ถามเขาด้วยสีหน้าตกตะลึงบนใบหน้าของเธอ

แม้ว่าการหายไปสองสามวันสำหรับเขาจะไม่สำคัญมากนัก เพราะความก้าวหน้าของเขาเทียบได้กับผู้เล่นที่เล่นมาหลายเดือนแล้ว หรือแม้กระทั่งหลายปี แต่ก็ยังไม่สมเหตุสมผลว่าทำไมเขาถึงต้องการหยุดพักอย่างกะทันหัน

“วันนี้มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า หรือนั่นคือสาเหตุที่พี่หยุดพัก” หยูรู่ถามเขา

“ไม่เป็นไรนะ ถ้าพี่มีอะไรพี่สามารถที่จะพูดกับหนูได้พี่ชาย”

“ไม่ๆ มันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเกมจริงๆแล้ว พี่แค่อยากพักสมองและเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเข้ารับการสอบ”

“การเตรียมสอบ…ในโลกแห่งความเป็นจริง?”

หยูรู่ไม่เข้าใจเจตนาของเขา แต่เนื่องจากหยวนยืนกรานที่จะหยุดพักจึงไม่มีอะไรที่เธอสามารถทำได้ ท้ายที่สุดแล้วเธอก็ไม่สามารถบังคับให้เขาเล่นเกมได้

“โอเคงั้นหนูจะปล่อยพี่ไว้คนเดียวละกันนะ ราตรีสวัสดิ์พี่ชาย” หยูรู่ปิดไฟในห้องก่อนที่จะปล่อยให้หยวนอยู่คนเดียว

เมื่อเขาอยู่คนเดียวหยวนก็เริ่มฝึกฝนทันทีและเขาจะไม่หยุดพักตลอดทั้งคืน

ในเช้าวันรุ่งขึ้นหยวนสามารถพัฒนาได้อีกครั้งจนไปถึงผู้ฝึกวิญญาณระดับสี่

“ฮ่าฮ่า…มันใช้เวลานานกว่าเกมมาก ถ้าโลกนี้มีแกนมอนสเตอร์หรืออะไรที่เทียบเท่ากันที่จะทำให้ฉันเพิ่มการฝึกฝนได้เร็วขึ้นละก็…” หยวนถอนหายใจ

ในเวลาต่อมา หยูรู่เข้าไปในห้องของเขาเพื่อทำความสะอาดใบหน้า และแปรงฟันก่อนที่จะป้อนอาหารเช้าแก่เขา

หลังจากที่หยวนกินซุปทั้งสามชามแล้วหยูรู่ก็เช็ดริมฝีปากด้วยผ้าเปียกก่อนออกไปโรงเรียน

เมื่อเขาอยู่คนเดียวอีกครั้งหยวนกลับไปสู่การฝึกฝน แม้ว่าความคืบหน้าอาจจะช้า แต่อย่างน้อยเขาก็ก้าวหน้าได้บ้าง

หยวนทำขั้นตอนนี้ซ้ำในอีกสองวันข้างหน้า และนอกจากการกิน และการฝึกฝนแล้วเขาก็ไม่ได้ทำอะไรอีกเลย ไม่แม้แต่จะนอน

เมื่อถึงเวลาที่วิหารแก่นมังกรเริ่มการสอบเพื่อรับศิษย์ของพวกเขา หยวนก็มาถึงดินแดนฝึกหัดวิญญาณระดับที่ห้า

“หยูรู่พี่จะกลับไปที่ Cultivation Online วันนี้วิหารแก่นมังกรน่าจะเริ่มการสอบเพื่อรับศิษย์ของพวกเขาในวันนี้” หยวนพูดกับเธอหลังอาหารเช้า

“โอเค โชคดีนะพี่ชาย หนูแน่ใจว่าพี่จะสอบผ่านโดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆเลยละ” หยูรู่หัวเราะเบา ๆ

แล้วเธอก็พูดว่า

“โอ้! หนูรู้ว่าพี่กำลังเป็นที่สนใจอยู่ ดังนั้นพยายามอย่าเปิดเผยตัวตนของพี่ในฐานะผู้เล่นหยวนล่ะ พี่ไม่รู้หรอกว่ามีผู้เล่นกี่คนที่กำลังมองหาพี่ในตอนนี้ ถ้าพวกเขารู้ถึงตัวตนของพี่ชีวิตของเราจะไม่สงบสุขอีกต่อไป”

“พี่เข้าใจ…” หยวนตอบด้วยน้ำเสียงกวนๆ

ในเวลาต่อมาหยวนกลับสู่โลกแห่งการฝึกฝน

“ยินดีต้อนรับกลับมาพี่หยวน” เสี่ยวฮัวเป็นคนแรกที่ปรากฏตัวต่อหน้าเขา

“พี่กลับมาแล้ว การสอบเข้าเป็นศิษย์วิหารแก่นมังกร คือวันนี้ใช่มั้ย?” หยวนถาม

“ถูกต้อง” เสี่ยวฮัวพยักหน้าจากนั้นเธอก็หันไปมองไปยังทิศทางของวิหารแก่นมังกร

“มีคนมารวมตัวกันเยอะแล้ว”

“งั้นไปกันเลย!”

อย่างไรก็ตามเสี่ยวฮัวส่ายหัว และพูดว่า

“พี่หยวน เสี่ยวฮัวจะยังคงอยู่ในสร้อยคอจนกว่าพี่จะตัดสินใจออกจากนิกาย หรือต้องการความช่วยเหลือด้วยวิธีนี้พี่หยวนจะสามารถสัมผัสกับโลกแห่งการฝึกฝนในแบบที่ตั้งใจไว้ หากพี่ต้องการคำแนะนำเสี่ยวฮัวจะพูดกับพี่โดยใช้สัมผัสเทพ เหมือนกับฟีนิกซ์สีเลือดนั่น“

หยวนพยักหน้าและพูดว่า

“มันจะรู้สึกเหงาที่ไม่มีเธออยู่เคียงข้างพี่ตลอดเวลา แต่พี่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงทำแบบนี้”

หลังจากที่เสี่ยวฮัวกลับไปที่สร้อยคอหยวนก็เริ่มวิ่งไปที่วิหารแก่นมังกร

‘โอ้ใช่ … จะมีผู้คนมากมายเข้าร่วมในการสอบนี้ ทั้ง NPC และผู้เล่นเหมือนกัน เพื่อรักษาตัวตนของฉันให้ปลอดภัยอย่างน้อยฉันก็ควรซ่อนหน้าไว้ ‘

เมื่อคิดอย่างนั้นหยวนก็หยุดเคลื่อนไหว และดึงหน้ากากหยกดำมาสวมบนใบหน้าของเขา เขาซ่อนทุกอย่างไว้เว้นแต่ดวงตาที่สดใสและไร้เดียงสาของเขา

“นี่น่าจะดีพอแล้ว” หยวนพยักหน้ากับตัวเองก่อนที่เขาจะวิ่งต่อไปยังวิหารแก่นมังกร

ในเวลาต่อมาหยวนก็มาถึงวิหารแก่นมังกร และตามที่เขาคาดไว้มีกลุ่มคนจำนวนมากมารวมตัวกันที่นั่นแล้ว

‘ว้าว…นี่คือความรู้สึกเหมือนไปโรงเรียนวันแรกเลยใช่ไหม?’ หยวนสงสัยในตัวเองขณะที่เขาเดินตามฝูงชน

หลายนาทีต่อมาพวกเขามาถึงเทือกเขาที่ไม่มีอะไรเลย นอกจากภูเขาและต้นไม้ข้างประตูขนาดใหญ่ที่ขอบฟ้าซึ่งมีป้ายอันงดงามที่มีคำว่า ‘วิหารแก่นมังกร’ อยู่

‘เราจะสอบที่นี่งั้นหรอ?’ หยวนเลิกคิ้ว

หลังจากรออีกสองสามนาทีชายวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมหลากสีก็ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาด้วยการกระโดดขึ้นไปบนประตู

“ยินดีต้อนรับสู่การสอบเพื่อเข้าเป็นศิษย์แห่งวิหารแก่นมังกร! ก่อนที่เราจะเริ่มการสอบเราต้องตรวจสอบว่าท่านมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะอยู่ที่นี่จริงหรือไม่!” ชายวัยกลางคนพูดกับพวกเขาด้วยน้ำเสียงที่ดังและได้ยินไปไกลถึงทุกๆคน

“ด้านล่างของข้า คือประตูขนส่งที่จะพาพวกเจ้าไปยังห้องสอบจริง อย่างไรก็ตามเฉพาะผู้ที่มีโทเค็นการสอบของวิหารแก่นมังกรเท่านั้น ที่จะถูกส่งไปยังห้องสอบ และจะถูกส่งแบบสุ่มไปยังเทือกเขาที่อยู่ด้านหลังของข้า และมีมอนสเตอร์วิเศษที่ทรงพลังมากมาย เดินเตร็ดเตร่อยู่บริเวณนั้น ดังนั้นหากเจ้าคิดว่าจะแอบเข้าไปสอบ ขอให้ทบทวนการตัดสินใจใหม่ เพราะเราจะไม่รับผิดชอบต่อสิ่งทีเกิดขึ้นกับเจ้าในภายหลัง”