ภาค 3 ธาตุแท้ของวีรบุรุษ บทที่ 251 ไม่ใช่มหาปรมาจารย์ ก็จงอย่ารนหาที่ตาย

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอถีบเท้าหนึ่ง กำแพงด้านนอกที่พักบรรพชนตระกูลหวังจนเกิดเป็นรูโหว่รูหนึ่ง

ระหว่างที่ฝุ่นควันฟุ้งตลบ ฉับพลันนั้นมีประกายดาบวามวาบ ฟันมาทางชายหนุ่ม

ประกายดาบดุจภูเขา สูงและเต็มไปด้วยอันตรายราวกับยอดเขามหัศจรรย์ อีกทั้งทอดยาวเหยียดเฉกเช่นเทือกเขา ชั่วพริบตาเดียวก็โอบล้อมเยี่ยนจ้าวเกอไว้

ชายหนุ่มไม่แม้แต่จะมอง เขาชกหมัดหนึ่งออกไปทะลุผ่านประกายดาบ กดอัดอีกฝ่ายจนกระเด็นออกไปโดยพลัน

คนผู้หนึ่งลอยออกไป ประกายดาบเบื้องหน้ากลับเรืองโรจน์กว่าเดิมด้วยซ้ำไป มีศัตรูมากยิ่งกว่าเดิมขับเคลื่อนวิชาดาบทิวเขาอันเป็นวิชาสืบทอดของตระกูลหวัง สังหารมาทางเยี่ยนจ้าวเกออย่างมืดฟ้ามัวดิน

ทันใดนั้นเอง ภายในประกายดาบที่เหมือนกับขุนเขานี้ มีลมหนาวสะท้านอันมืดมนสายหนึ่งโชยมา จู่โจมมายังเยี่ยนจ้าวเกอเช่นกัน

วิชาลับสืบทอดของสำนักเขานิมิตทมิฬ วิชากระบี่ตามวายุ!

กระบี่นามว่าตามวายุ ว่องไวยิ่งกว่าลม กระบี่เร็วที่มีอยู่น้อยนิดในใต้หล้า เพียงพอจะทัดเทียมวิชากระบี่สายฟ้าเจ็ดสิบสองกระบวนท่า วิชาสืบทอดของตำหนักอัสนีสวรรค์ได้

ประกายกระบี่ริบหรี่กลุ่มหนึ่ง ปล่อยทีหลังถึงก่อน ขนาบข้างอยู่ใต้กำบังประกายดาบ ทำให้คนไม่อาจป้องกันได้ทัน!

เยี่ยนจ้าวเกอยื่นมือข้างหนึ่งออก นิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือรวบเข้าด้วยกัน คีบปลายกระบี่ของอีกฝ่ายไว้

ชั่วเสี้ยววินาที ประกายกระบี่สูญสิ้น ลมกระบี่สงบนิ่ง กระบี่ยาวที่ถูกสองนิ้วเยี่ยนจ้าวเกอหนีบไว้นั้น จะขยับก็ไม่อาจขยับได้

ทันใดนั้น ทั่วสรรพางค์กายเยี่ยนจ้าวเกอก่อเกิดปราณจิตราทันใด เขายืนอยู่กับที่ไม่เขยื้อน เพียงกลายสภาพปราณจิตราอันทรงให้เป็นลมพายุ พาให้ประกายดาบมืดฟ้ามัวดินสั่นไหวเลือนหายไปพร้อมกัน!

ปฏิกิริยาของจอมยุทธ์สำนักเขานิมิตทมิฬเบื้องหน้าผู้นั้นก็เร็วรี่เช่นกัน ปล่อยกระบี่ยาวในมือที่ถูกเยี่ยนจ้าวเกอหนีบไว้ทันควัน

หากแต่ไม่ว่าจะเปลี่ยนกระบวนท่ารุกโจมตี หรือแม้กระทั่งถอยร่นในทันใด เขายังไม่ทันได้ขยับสักก้าว ก็ประหลาดใจที่พบว่าด้ามกระบี่ยาวเล่มนั้น ย้อนกลับมาปะทะทางตนเองผู้เป็นเจ้าของคนนี้!

เสียงดัง ‘แควก’ พร้อมทั้งด้ามกระบี่ที่ไร้ปลายกระบี่ ประหนึ่งคมกระบี่อันเฉียบแหลมอย่างไรอย่างนั้น ทลายปราณจิตราคุ้มกายของจอมยุทธ์สำนักเขานิมิตทมิฬผู้นี้ออก แทงเข้าทรวงอกของเขาโดยตรง

ผู้คนรอบข้างมองดูเยี่ยนจ้าวเกออย่างตะลึงพรึงเพริด เพราะชายหนุ่มหนีบคมปลายกระบี่ยาวไว้ด้วยนิ้วมือทั้งสอง จากนั้นส่งแรงแขนไปข้างหน้าอย่างเบามือ ใช้ด้ามกระบี่เป็นคมกระบี่ แทงสังหารจอมยุทธ์สำนักเขานิมิตทมิฬผู้นั้น

สีหน้าท่าทางเยี่ยนจ้าวเกอเรียบเฉยเช่นปกติ เขาชักแขนกลับ ดึงด้ามกระบี่ยาวออกมาจากทรวงอกอีกฝ่าย

จากนั้นชายหนุ่มก็หนีบปลายคมกระบี่ด้วยสองนิ้วโดยไม่เปลี่ยนมือ ราวกับจะจบชีวิตตนเอง ใช้ด้ามกระบี่ทำเป็นคมกระบี่ ออกแรงอย่างไม่ยุ่งยาก กลับเอาชนะกระบี่ของปรมาจารย์ใต้หล้ามากมายอย่างเด็ดขาด ฟันสังหารจอมยุทธ์ที่เข้าใกล้เพื่อล้อมโจมตีตนเองทั้งหมด

กำแพงล้อมรอบถล่มเปิดออกส่วนหนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอเข้าไปภายในลาน ชั่วเสี้ยววินาทีฟันปลิดชีพคนมากมาย กวาดล้างพื้นที่โดยรอบไปส่วนหนึ่ง นอกจากเขาแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดมีชีวิต

สายตาเยี่ยนจ้าวเกอสงบเยือกเย็น เขาขว้างกระบี่ยาวในมือไปด้านข้าง ชั่วพริบตาเดียวมันกลายสภาพเป็นประกายกระบี่ราวกับสายฟ้าแลบสายหนึ่ง

ภายในหมอกดำ จอมยุทธ์คนหนึ่งกำลังพยายามอาศัยความมืดมิดอำพรางร่างแอบเข้าใกล้เยี่ยนจ้าวเกออย่างเงียบๆ แต่ผลสุดท้ายถูกกระบี่หนึ่งเล่มนี้ปักสังหารสิ้นใจอยู่บนพื้นโดยพลัน

ยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ของศัตรูก็กำลังเข้าใกล้อย่างฉับไว เตรียมอุดกั้นช่องที่เยี่ยนจ้าวเกอจะบุกทะลวงไว้

เยี่ยนจ้าวเกอฟาดฝ่ามือหนึ่งสังหารปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาระยะท้ายผู้หนึ่งด้วย ก่อนจะส่ายศีรษะ “ไม่ใช่มหาปรมาจารย์ ก็จงอย่ารนหาที่ตาย”

ขณะกล่าว เขาก็หมุนกาย ยกฝ่ามือขึ้นกั้นหมัดที่คนผู้หนึ่งเหวี่ยงเข้ามาไว้

คนผู้นี้มีรูปหน้ายาวอย่างกับม้า ปราณจิตราก่อเกิดทั่วร่างฉับพลัน เหนือศีรษะมีรัศมีแสงทะลุตรงสู่ท้องฟ้าเฉกเช่นเยี่ยนจ้าวเกอ นั่นหาใช่ภาพลวงตาไม่ หากแต่เป็นลำแสงโชติช่วงจริงแท้ เป็นยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุด ขั้นฝ่านภาเช่นเดียวกัน!

ผู้มาเยือนดูเหมือนว่าอายุก็ไม่มากนัก ท่าทางอายุสามสิบต้นๆ เขากลืนปราณจิตราแล้วคายออกมากลายสภาพเป็นลมดำหลากสาย แจ่มชัดว่าคือวิชาสืบทอดของสายสำนักเขานิมิตทมิฬ

นัยน์ตาเขาทั้งสองเริ่มเป็นสีเหลือง ก่อนจะสาดประกายโลหิต เขาที่กลายเป็นมารเรียบร้อยใช้ดวงตาคู่นั้นจ้องเยี่ยนจ้าวเกอเขม็งไม่วางตา เปี่ยมด้วยความอาฆาตเกลียดชังและความพยศ

“คนที่ออกมาจากเขากว่างเฉิง ล้วนแต่สมควรตาย!”

ชายรูปหน้ายาวผู้นี้ร้องตะโกนเสียงดังครั้งหนึ่ง ปราณจิตราทั่วกายพุ่งพล่าน ควบแน่นกลายเป็นโลกลวงตา ระหว่างฟ้าดินเต็มไปด้วยพายุลมงวงสีดำเต็มไปหมด

พายุลมงวงสีดำน่าประหวั่นพรั่นพรึง บีบอัดรวบกระชับเล็กลงตลอดเวลา สุดท้ายกลายเป็นหอกยาวสีดำหลากสายประหนึ่งของจริง และปลายหอกชี้ตรงไปที่เยี่ยนจ้าวเกอ!

ทว่าขณะที่จุดลมปราณทั่วกายเยี่ยนจ้าวเกอเปิดปิดนั้น พลังปราณบริสุทธิ์ทุกสายก็กระจายออกไปทั้งสี่ด้าน มโหฬารดุจท้องฟ้า

พายุลมงวงสีดำคล้ายกับหอกยาวของอีกฝ่ายร่วงเข้าสู่ภายในนั้น สูญสลายไปไม่พบเห็นโดยพลัน

ทันใดนั้น เยี่ยนจ้าวเกอคว้าหมัดของอีกฝ่าย พลังปราณจิตรากลางฝ่ามืออันน่าพรั่นใจพ่นออกมาฉับพลัน

ชายรูปหน้ายาวผู้นั้นเพียงรู้สึกถึงปราณจิตราที่เหมือนกับมังกรเพลิงหลายตัว ทะลักเข้าสู่เส้นลมปราณไปตามแขนของตนในพริบตา ก่อเกิดความรู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกฉีกเนื้อและแผดเผา

มังกรเพลิงทุกตัวพุ่งพรวดเข้าสู่ภายในร่างกายเขาอย่างบ้าคลั่ง ส่วนปราณจิตราภายในร่างกายเขาหมดหนทางต่อต้านโดยสิ้นเชิง

ชั่วเสี้ยววินาที อวัยวะภายในชายรูปหน้ายาวราวกับลุกไหม้ เลือดเนื้อเส้นเอ็นกระดูกและเส้นลมปราณที่ผ่านการบ่มเพาะด้วยปราณจิตราอย่างโชกโชน เริ่มระเบิดแหลกอย่างต่อเนื่องเป็นลูกโซ่

เขายืนแน่นิ่งอยู่ที่เดิม บริเวณศีรษะใบหน้าและแขนที่โผล่พ้นเสื้อผ้า ปรากฏเป็นสีแดงอันแปลกประหลาดออกมา

ราวกับกุ้งและปู โดนนึ่งอย่างไรอย่างนั้น

ครั้นเยี่ยนจ้าวเกอคลายมือ ร่างกายของชายรูปหน้ายาวผู้นี้ก็ไร้เรี่ยวแรง ล้มลงบนพื้นราวกับดินโคลน

“อายุเท่านี้ ฝึกปรือจนถึงขั้นฝ่านภา สำหรับดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว นับเป็นระดับความสามารถของศิษย์สืบทอดหลัก” เยี่ยนจ้าวเกอส่ายศีรษะ “สภาพสิ้นหวังท้อแท้ของสำนักเขานิมิตทมิฬในปัจจุบันนี้ ยังคัดเลือกรับศิษย์มีพรสวรรค์เช่นนี้ได้ หาได้ยากจริงๆ น่าเสียดายที่เจ้าอุทิศตนให้นพยมโลกแล้ว”

เยี่ยนจ้าวเกอใช้ปีกเซียนกระเรียนบินฉวัดเฉวียนพุ่งเข้าแทง ความเร็วฉับไว ถึงเวลานี้แล้ว กลุ่มคนอาหู่ถึงค่อยตามขึ้นมา

อาหู่เพิ่งเข้ามา นิ้วทั้งห้าก็คว้าทะลุยอดกะโหลกของศัตรูคนหนึ่ง

ทิศทางอื่นในลานกว้าง เหล่าจอมยุทธ์เขากว่างเฉิงกลุ่มหนึ่งต่างก็ตีฝ่าเข้าสู่ลานกว้างเช่นกัน พร้อมทั้งไล่สังหารลึกเข้าไปในลานกว้าง

ปฏิบัติการครานี้ สำนักเขากว่างเฉิงมีการเตรียมการไว้นานแล้ว ระดมกำลังติดอาวุธพร้อมกำลังใจก็ฮึกเหิม โหมโจมตีจนทำให้อีกฝ่ายยากต้านทาน

อย่าว่าแต่จอมยุทธ์ของตระกูลหวังเลย ต่อให้ในนั้นยังมีจอมยุทธ์ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตคนอื่นที่อาศัยผู้เหลือรอดสำนักเขานิมิตทมิฬเป็นผู้นำ ก็ยากจะขัดขวางรูปการณ์บุกโจมตีของเขากว่างเฉิงได้

เทียบกับศัตรูในตอนนี้แล้ว กลับจะเป็นควันหลงจากด้านบนที่สือเถี่ยกับสือหม่าฉุยประมือจนถาโถม ที่ทำให้กลุ่มของเยี่ยนจ้าวเกอต้องระมัดระวัง ป้องกันจะโดนพายุไต้ฝุ่นกวาดพัดไป สิ้นใจไม่รู้เนื้อรู้ตัวเสียยิ่งกว่า

ทีแรกสือเถี่ยยึดความได้เปรียบ กดอัดจนสือหม่าฉุยถอยร่นไม่เป็นกระบวนท่า ยากจะรับมือ เขาสามารถควบคุมการพลิกผันสถานการณ์ต่อสู้ไว้ได้ เพื่อทิ้งช่องว่างให้กลุ่มคนเยี่ยนจ้าวเกอ

ถัดมาไอมารเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่นำมาซึ่งภัยอันตราย ก็ขวางกั้นควันหลงจากการประมือของพวกสือเถี่ยเช่นกัน

นี่ทำให้กลุ่มคนเยี่ยนจ้าวเกอสามารถวางใจอาจหาญได้ ตีฝ่าเข้าสู่ใจกลางมหาค่ายกลแดนมารในลานกว้างโดยตรง

ผ่านสงครามทะเลสาบปิดนภาคราก่อนมาได้ บัดนี้เยี่ยนจ้าวเกอคุ้นเคยกับมหาค่ายกลแดนมารมากยิ่งขึ้น จึงมุ่งตรงเบื้องหน้าตลอดทาง

ขณะนี้มหาค่ายกลยังไม่ได้ก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ ม่านพลังไอมารก็ยังไม่ได้ก่อตั้งอย่างมั่นคงเช่นกัน

กลุ่มคนปฏิบัติการอยู่ที่นี่ แม้จะได้รับผลกระทบ ทว่าก็ยังนับว่าราบรื่นอยู่

มีเพียงพลังปราณน่าหวาดผวาที่ยั่วยุก่อกวนจิตใจคนที่ค่อยๆ รุนแรงขึ้น

เยี่ยนจ้าวเกอก็รู้สึกได้ว่าความต้องการสังหารในใจตนแก่กล้าขึ้นไม่หยุด มันเพิ่มขึ้นตามการมุ่งสังหารตลอดทางของเขา ก้นบึ้งหัวใจคล้ายกับมีเสียงหนึ่งกำลังบอกตนเอง ว่าจงเข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตทั้งมวลตรงหน้าให้หมดสิ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด

“เฮ้ย!” สายตาเยี่ยนจ้าวเกอหนักแน่น ทำจิตใจของตนเองให้มั่นคงอีกครั้ง

ครั้นเงยหน้าขึ้นทอดมองไป บริเวณที่ไม่ไกลนัก เจดีย์ทองที่ผู้ใดพบเห็นก็รู้สึกคุ้นตาตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้น และบนยอดเจดีย์ก็ปรากฏประตูแสงสีแดงสาย กำลังฉายเงาลงมาเบื้องล่าง

ชายหนุ่มพลันกระโจนตัว ถลันพุ่งไปยังเจดีย์สูงสีทอง กางแขนทั้งสองออกราวกับอินทรีย์ใหญ่สยายปีก เจตจำนงกระบี่วาดผ่าน พาเอาศีรษะมากมายทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า!

———————-