ตอนที่ 812 ลงใต้

Elixir Supplier

“คุณชาย เวลาที่ติดตามฝึกฝนกับอาจารย์ คุณชายควรปล่อยวางเรื่องอื่นไปก่อนและจดจ่อแค่กับการฝึกเพียงอย่างเดียว” อาหาวพูด

“ใช่ ฉันยังตั้งใจไม่มากพอ” ซุนหยุนเชิงพูด “เวลาที่ฝึกการหายใจจากอาจารย์ฉันกลับอดคิดถึงเรื่องอื่นไม่ได้”

“ตอนนี้ คุณชายเป็นลูกศิษย์ของเชียนเชิงแล้ว” อาหาวพูด “มันจะเป็นการดีที่สุดหากคิดในมุมมองของลูกศิษย์คนหนึ่งแทนที่จะคิดในฐานะของคนตระกูลซุนเรื่องนี้สําคัญมากพูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือคุณจะคิดแต่เรื่องผลประโยชน์จากเรื่องนี้ไม่ได้!”

ซุนหยุนเชิงใช้เวลาคิดเพิ่นนาน ในที่สุดเขาก็พูดว่า “ใช่ คําพูดของนายมีเหตุผลที่สุดฉันคอยแต่คิดเรื่องผลประโยชน์ของตระกูล แม้แต่เรื่องที่เขียนเชิงรับฉันเป็นลูกศิษย์ด้วยสิ่งที่ฉันให้ความ สําคัญก็คือความสามารถการรักษาที่ยอดเยี่ยมและเส้นสายของเขาโดยไม่ได้นึกถึงความสัมพันธ์ที่แท้จริงทุกอย่างมีแต่เรื่องของผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย”

สําหรับคนคนหนึ่ง ความคิดเรื่องบุญคุณ,กําไร,และผลประโยชน์เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ความวุ่นวายของโลกเกิดจากผลประโยชน์และความวุ่นวายของโลกจากไปก็เพื่อผลประโยชน์

ทุกคนมีความคิดในเรื่องผลประโยชน์ต่างกัน ในสังคมวัตถุนิยม คนส่วนใหญ่ถูกครอบงําด้วยความต้องการในเรื่องผลประโยชน์อยู่ตลอดเวลาพวกเขาเลือกที่จําร่ำไห้อยู่ในรถบีเอ็มมากกว่าที่จะหัวเราะร่าอยู่บนรถจักรยานความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์เป็นไปในทางที่ได้ประโยชน์ร่วมกันแม้แต่ความสัมพันธ์ฉันเพื่อนและสัมพันธ์กับคนในครอบครัวก็เปลี่ยนไปมันช่วยไม่ได้สังคมเป็นเหมือนกับถังน้ําใบใหญ่ที่ถูกย้อมสีมันเป็นเรื่องยากที่จะแตกต่าง

ในครอบครัวใหญ่อย่างตระกูลซุน ซุนหยุนเชิงต้องแบกหลายอย่างเอาไว้บนบ่ามันเป็นเรื่องยากที่เขาจะสลัดทิ้งความคิดเรื่องผลประโยชน และจดจ่ออยู่กับการฝึกตน

“ฉันจะพยายามให้ดีที่สุด” ซุนหยุนเชิงพูด

ค่ำคืนนั้น บนเนินเขาหนานชาน เปลวไฟลุกไหม้อีกครั้ง ในเมื่อเขาจะต้องเดินทางไปยูนนานใต้พรุ่งนี้หวังเข้าจึงต้องการต้มยาในคืนนี้

คืนนั้น เขาเตรียมยาแก้พิษ, ซุปเปุ๋ยหยวน, และยาฟื้นฟูกล้ามเนื้อ เขาเตรียมสมุนไพรไปให้มากพอเพื่อที่เขาจะได้ต้มยาเมื่อไปถึงที่กองทัพเวลาล่วงเลยไปจนกระทั่งตี 3 เขาจึงดับไฟเพื่อพักผ่อน

เช้าวันต่อมา หวังเย้าลูบหัวซานเซียนและพูดว่า “ซานเซียน ฉันจะไม่อยู่สักพักนะที่นี้คงต้องฝากนายดูแลแล้ว”

โฮ่งโฮ่ง! ซานเซียนเห่ารับ

“ดี” หวังเย้าพูด “ต้าเซียด้วยนะ”

พรึ่บ! อินทรีย์ที่เกาะอยู่บนยอดไม้กระพือปีก

เขาลงจากเขาและไปบอกกับคนที่บ้าน

“จะเดินทางอีกแล้วเหรอ?” แม่ของเขาถาม

“ครับ อาจจะนานสักหน่อย สักสองสามอาทิตย์” หวังเย้าพูด “แม่กับพ่อคงต้องล่าบากดูแลเรื่องบนเขาหน่อยนะครับ”

“เข้าใจแล้วจ๊ะ” แม่ของเขาพูด

“เวลาขึ้นไปบนเขาแม่ต้องระวังเรื่องที่ผมเคยบอกให้ดีนะครับ”หวังเย้าพูด“ผมต้องค่ายกลเอาไว้บนเขาถ้าแม่กับพ่อลืมแค่ตะโกนเรียกออกไปซานเซียนก็จะมาพาเข้าไปเองนะครับ”

เขาบอกพ่อกับแม่ของเขาเรื่องที่เขาตั้งค่ายกลเอาไว้บนเขาแล้ว พร้อมทั้งบอกวิธีเข้าออกและวิธีแก้ไขต่างๆเขาบอกไปแล้วหลายครั้งและยังพาพวกเขาเข้าออกอีกหลายรอบด้วย

“เราจ่าทุกอย่างได้แล้ว” แม่ของเขาพูด

“อ้อ ถ้าอย่างนั้นก็ดีครับ” หวังเฝ้าพูด “ถ้ามีเรื่องอะไร แม่ก็ไปหาหลิวชวนได้ผมบอกเขาไว้
แล้ว”

“ได้ เดินทางปลอดภัยนะจ๊ะ” แม่ของเขาพูด

“ครับ” หวังเย้าพูด

“อย่าลืมล่ะ ว่าพี่สาวของลูกแต่งงานวันที่ 1 ตุลา ลูกต้องกลับมาก่อนหน้านั้นนะจ๊ะ”แม่ของเขาพูด

“ผมรู้ครับ” หวังเย้าพูด

เขานั่งแท็กซี่ไปเมืองเตและขึ้นเครื่องที่นั่น หลังจากเครื่องลงจอด เขาก็เช่ารถคันหนึ่งและเดินทางไปถึงที่ค่ายตอนสองทุ่มกว่า

“ยินดีต้อนรับ ยินดีต้อนรับ ยินดีต้อนรับอย่างยิ่ง” ซูจองและมู่เฉิงโจวที่หวังเย้าเคยพบที่ปักกิ่งมาต้อนรับเขาที่ค่ายทหารด้วย

“ทหารที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ที่ไหนเหรอครับ?” หวังเย้าถาม

“พวกเขาอยู่ในโรงพยาบาลทหาร” มู่เฉิงโจวพูด

“เราจะไปที่นั่นเมื่อไหร่ดีครับ?” หวังเย้าถาม

“เมื่อไหร่ก็ได้” มู่เฉิงโจวพูด

“เราเตรียมอาหารเย็นไว้รอแล้ว” ซูจือจึงพูด “เราไปกินข้าวกันก่อนดีไหม?”

“เราไปดูคนไข้กันก่อนดีกว่าครับ” หวังเย้าพูด

“ก็ได้ ฉันจะพาไปเอง” มู่เฉิงโจวพูด

พวกเขานั่งเฮลิคอปเตอร์เดินทางออกจากกองทัพไปยังโรงพยาบาลทหารในค่ำคืนที่มืดมิดการนั่งเฮลิคอปเตอร์ โดยเฉพาะของกองทัพในยามค่ำคืน
ไม่ใช่เรื่องที่คนธรรมดาจะทําได้

หลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง พวกเขาก็มาถึงโรงพยาบาลทหาร

“ที่นี่แหละ” ซูจือฉิงพูด

เจ้าหน้าที่กําลังรอเขาอยู่

มีทหารเจ็บหนักสามนาย คนหนึ่งได้รับบาดแผลจากกระสุน เขาถูกยิงเข้าที่หน้าท้องสองครั้งอีกคนได้รับบาดเจ็บจากมีดและพิษ คนที่สามค่อนข้างพิเศษเขาติดเชื้อจากแมลงชนิดหนึ่ง

“เอาให้พวกเขากินคนละเม็ดนะครับ” หวังเย้าหยิบขวดกระเบื้องที่บรรจุยาเอาไว้เก้าเม็ด

ถึงเจ้าหน้าที่ทุกคนจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่สีหน้าประหลาดใจของพวกเขาก็ปิดไม่มิดหรือบางคนก็ไม่คิดจะเก็บท่าที

“เขายังเด็กอยู่เลย!”

“นี่คือคนที่พวกเรากําลังรออยู่งั้นเหรอ?”

พวกเขาได้รับคําสั่งลงมาว่า จะมีแพทย์พิเศษเดินทางมารักษาทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็ บทั้งสามนาย พวกเขาได้รับคําสั่งให้ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ แต่พวกเขาไม่คิดว่า คนที่มาจะ อายุน้อยขนาดนี้

“หมอหวัง พวกเขากินยาแล้วค่ะ” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพูด

หวังเย้าพยักหน้าและเริ่มต้นการรักษา เขารักษาทหารที่ได้รับพิษก่อน การล้างพิษเป็นเรื่องยากสําหรับเจ้าหน้าที่เหล่านี้เพราะมันคือพิษที่พวกเขาไม่รู้จักแต่มันกลับเป็นเรื่องง่ายสําหรับหวังเย้า

อยู่ๆเขาก็นึกขึ้นได้ว่า ซูจือฉิงได้เอายาแก้พิษไปจากเขาก่อนหน้านี้ เขาจึงถามขึ้นมาว่า “ทําไมพี่ไม่ใช้ยาแก้พิษที่เอาไปครั้งก่อนล่ะครับ?”

“เอ่อ เราใช้หมดแล้วน่ะสิ” ซูจือฉิงตอบ

“หมดเลยเหรอครับ? ทําไมถึงเร็วขนาดนี้?” หวังเย้าตกใจ

เขาได้ให้ยาไปทั้งหมดสองขวดใหญ่ ทําไมถึงได้ใช้หมดเร็วขนาดนี้?

“เราไปเจอพืชมีพิษตอนฝึกซ้อมครั้งหนึ่ง”ซูจือจึงพูด“พิษรุนแรงมาก ยาสองขวดที่ได้มาเลยหมดไปตอนนั้นมันเหลือแค่นิดเดียว เราเอาให้เขากินถึงได้รอดมาได้จนถึงตอนนี้ยังไงล่ะ

หวังเย้าคิด ใช้กันเก่งจริงๆ!

“เอาล่ะ ผมเข้าใจแล้ว” หวังเย้าหยิบยาแก้พิษที่เตรียมมาและเอาให้คนไข้กิน “รอสักพักเราไปดูคนไข้อีกคนก่อน”

หลังจากรักษาคนไข้อีกเตียงและยืนยันจนแน่ใจแล้วว่าชีพจรของเขาปกติหวังเย้าก็ลุกขึ้นและ ไปดูอาการของคนไข้ที่ได้รับบาดเจ็บจากกระสุนเขาบอกได้ทันทีว่าอวัยวะภายในของคนไข้รายนี้เสียหายอย่างหนัก

“ทุกคนออกไปก่อนครับ” หวังเย้าพูด

“อะไรนะ?” เจ้าหน้าที่ต่างตกตะลึง

“ออกไป ออกไปให้หมด” มู่เฉิงโจวนําทุกคนออกไป

หวังเย้าเป็นเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในห้อง

“อะไรกัน? ทําไมต้องทําเป็นมีลับลมคมในด้วย?” นางพยาบาลบ่นเสียงเบา

แพทย์ที่รับหน้าที่นี้ไม่ได้พูดอะไรเขามองออกว่ามู่เฉิงโจวและซูจือจึงให้ความเชื่อใจชายหนุ่มคนนี้เป็นอย่างมากซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมาก

แผลที่หน้าท้องได้รับการรักษาไปแล้ว แต่อวัยวะภายในที่ได้รับความเสียหายไม่สามารถรักษาได้ด้วยการแพทย์ของที่นี่

หวังเย้าหยิบขี้ผึ้งตัวนชื่อออกมาจากช่องเก็บของของระบบสําหรับบาดแผลชนิดนี้มีเพียงยาตัวนี้เท่านั้นที่สามารถใช้รักษาได้เขาควักขี้ผึ้งออกมาเล็กน้อยและทาลงไปบนแผลจนทั่วขี้ผึ้งเป็นเหมือนยาวิเศษมันซึมเข้าสู่บาดแผลของคนไข้รวดเร็วจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า หลังจากนั้นเขาก็พันแผลเอาไว้

เขาอยู่ภายในห้องคนไข้เกือบหนึ่งชั่วโมง เมื่อดูจากชีพจรของทหารทั้งสามนายพวกเขาถือได้ว่าพ้นขีดอันตรายแล้ว หวังเย้าเปิดประตูห้องและพูดว่า “ต่อไปครับ”

ถ้าหากแพทย์ยังพอมีทางรักษาทหารสองนายแรกอยู่บ้าง ถ้าอย่างนั้น พวกเขาก็ไม่มีหนทางให้รักษาทหารคนที่สามได้เลยเพราะเขาติดเชื้อจากแมลง

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบเจอเคสแบบนี้ ถ้าพวกเขาไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง คงไม่มีใครเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงและไม่ใช่เรื่องที่ถูกสร้างขึ้นมาจากนิยายหรือภาพยนต์

มันเป็นเรื่องที่หวังเย้าสามารถจัดการได้ หญ้าพิษเพียงหนึ่งใบก็เพียงพอที่จะจัดการกับพิษจากแมลงได้ทุกชนิด

“ทุกคนออกไปก่อนนะครับ” หวังเย้าพูด

เจ้าหน้าที่พากันออกไปจากห้องหวังเย้าใช้ครึ่งหนึ่งของยาจากหญ้าพิษและป้อนซุปเปยหยวนให้เขาเล็กน้อยเขากลัวว่าหญ้าพิษจะรุนแรงเกินไปเขาจึงใช้ซุปเป่ยหยวนเข้าช่วยเพื่อให้ร่างกายของคนไข้ทนรับไหว

“เรียบร้อย!”

เขารักษาคนไข้ทั้งสามด้วยยาทั้งหมดสี่ชนิด