บทที่ 293 – อึนยูริ (4)
ซอลจีฮูที่กำลังหอบหายใจแรงได้จ้องไปที่ศัตรูตรงหน้า
‘นับตั้งแต่เริ่มสู้ผ่านไปนานแค่ไหนแล้วนะ? สิบชั่วโมงได้หรือเปล่า?’
เขาได้ไอแห้งๆ และขมวดคิ้วขึ้น มีคราบเลือดอยู่รอบปาก แขนข้างซ้าย และจุดอื่นๆที่แสดงถึงการต่อสู้อันรุนแรงจนทำให้เขาอยู่ในสภาพเลวร้าย
ชุดวอร์มที่คิมฮันนาห์เพิ่งซื้อให้เขาได้กลายเป็นเศษผ้าไปนานแล้ว และเผยเห็นเห็นรอยฟกช้ำตามจุดต่างๆของร่างกายเขา จากสีข้างที่เป็นสีแดงดูเหมือนเขากำลังเลือดไหลอยู่อีกด้วย
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพย่ำแย่แบบนี้ เขาก็ยังไม่หยุดโจมตี
สามครั้ง นี่คือจำนวนครั้งที่เขาได้สร้างบาดแผลสาหัสให้กับโฮมุนครุสคลั่ง นั่นมันหมายความว่าอีกแค่สร้างความเสียหายรุนแรงให้กับมันอีกสองครั้ง เขาก็จะกำจัดมันได้
ยังไงก็ตามยิ่งจำนวนครั้งในการคืนสภาพของศัตรูลดลง ก็ยิ่งทำให้ซอลจีฮูรู้สึกถึงความห่างไกลในการฆ่ามัน นัน่ก็เพราะในทุกๆครั้งที่โฮมุนครุสคืนสภาพมันก็จะยิ่งแกร่งขึ้น
หลังจากรอดจากบาดแผลสาหัสได้ โฮมุนครุสก็จะทรงพลังขึ้นอย่างมหาศาล มันได้พัฒนาความสามารถใหม่เหมือนอย่างการยืดแขนขา หรือไม่การเคลื่อนไหวของมันก็กลายเป็นเฉียบคมยิ่งขึ้น
นี่ยังไม่หมดเท่านั้น ก่อนหน้านี้ไม่นานเขาได้ขว้างหอกมานาจำนวนมากใส่มัน ซึ่งโชคดีที่หอกมานาเล่มหนึ่งได้ปักเข้าจุดตายของโฮมุนครุส และฆ่ามันไป แต่หลังจากที่มันคืนสภาพกลับมา มันก็ไม่ยอมให้เขาได้โจมตีจุดเดิมอีกเลย
…ใช่แล้ว โฮมุนครุสคลั่งได้พัฒนาขึ้นจากการต่อสู้
จากเด็กไร้เดียงสาได้กลายเป็นนักรบเจนศึก
‘ไอ้สัตว์ประหลาดเอ้ย’
ซอลจีฮูได้สบถออกมาในใจโดยที่เริ่มรู้สึกถึงคำว่า ‘เป็นไปไม่ได้’
‘หากแค่ฉันมีหอกพิสุจธิ์…’
ไม่ต้องพูดถึงหอกเทพเลย แค่มีต่างหูเฟสติน่าหรือพรแห่งเซอร์คั่มก็ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นมากแล้ว
แต่ว่าคิดไปก็เปล่าประโยชน์ทำให้ซอลจีฮูได้รีบสลัดความคิดนี้
‘คงไม่มีทางเลือก’
ในท้ายที่สุดเขาได้เปลี่ยนใจมาใช้ยันต์อีกแผ่นหนึ่ง มันก็น่าเสียดาย แต่ว่าเขาไม่มีทางเลือกอื่น
เขาอยากจะฆ่าโฮมุนครุสด้วยมือตัวเอง แต่ว่าเขาก็ไม่ได้มั่นใจว่าจะฆ่ามันได้ห้าครั้ง
‘ฆ่ามันอีกสักครั้งแล้วกัน’
เขามีแผนแล้ว เดิมทีเขาวางแผนจะใช้แผ่นยันต์เพื่อคร่าชีวิตที่ห้าหรือก็คือชีวิตสุดท้ายของมัน
หลังจากคิดแบบนี้แล้ว ซอลจีฮูก็รีบหันกลับหลัง เมื่อเขาได้เผยแผ่นหลังไร้การป้องกัน มันก็เป็นดังคาดไว้…
“กรรรร!”
โฮมุนครุสได้ส่งเสียงร้องน่าขนลุกออกมา มันคงจะคิดว่าซอลจีฮูกำลังจะหนี ในเวลาเดียวกันสายลมรุนแรงก็ได้พักมาหาเขา
‘มันคงไล่ตามฉันมาเหมือนกระสุนแน่’ ซอลจีฮูได้พึมพำในใจก่อนที่จะดึงพลังมานามาใช้ประกายสายฟ้า
บางทีอาจจะเพราะเขาวิ่งเต็มกำลังทำให้เขาไปถึงสถานที่ที่หมายตาไว้ได้อย่างรวดเร็ว มันคือหน้าผาสูงชั้นที่ก่อขึ้นมาจากหินตะกอนสีแดง
ทันทีที่เขาเห็นที่นี่แล้ว เขาก็ค่อยๆลดความเร็วลงปล่อยให้โฮมุนครุสย่นระยะใกล้ เมื่อระยะห่างระหว่างทั้งคู่ได้ลดลงอย่างรวดเร็ว
จนกระทั่งเขามาอยู่ตรงหน้าผาสูง เขาก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างแหลมคมแทงเข้ามาที่คอของเขา แต่ว่าก่อนที่จะถูกมันบดขยี้ เขาก็ได้บิดแรงอย่างสุดกำลัง และถีบตัวออกไปสุดแรง
ซ่าาสสสห์! พร้อมๆกันกับเสียงสายฟ้า เส้นแสงที่กำลังพรุ่งตรงจู่ๆก็เบี่ยงไปทางซ้ายอย่างกระทันหัน ผลก็คือตะคอที่ควรจะเฉือนคอของเขาได้พลาดเป้า และกระแทกเข้ากับหน้าผา
ตูมมม! เสียงระเบิดรุนแรงได้ดังขึ้นมา ซอลจีฮูรู้ว่าเขาทำสำเร็จแล้ว เขาที่ทนกับความเจ็บปวดจากการบิดตัวได้หันกลับไปมอง เป็นอย่างที่คิดไว้ โฮมุนครุสได้กระแทกเข้ากับหน้าผาจนไหล่ของมันถูกฝังเข้าไปลึก
เมื่อเขาจินตนาการว่าหากเขาเป็นฝ่ายถูกโจมตีก็ทำให้เขาถึงกับตัวสั่น แต่ว่าเขาก็ไม่ได้อยู่กับความคิดนี้นานนะ เพราะนั่นจะทำให้เขาพลาดโอกาสที่หาได้ยากนี้ไป
ซอลจีฮูได้รีบเปลี่ยนท่าทาง และสร้างหอกมานาขึ้นมา เขาวางแผนจะโจมตีจุดตายของโฮมุนครุสในระหว่างที่แขนของมันยังติดอยู่ และไม่อาจจะหันมาป้องกันได้
อย่างน้อยที่สุดแผนนี้-
‘หืม?’
ขณะที่เขากำลังเตรียมพร้อมจะพุ่งเข้าไป ซอลจีฮูก็ต้องชะงัก
จู่ๆ โฮมุนครุสก็ได้หันหน้ามาหาซอลจีฮูพร้อมปากที่อ้ากว้าง ก่อนที่- ตูมมม! พลังงานลำแสงสีดำถูกยิงออกมา
เมื่อเห็นการโจมตีที่คล้ายกับลมหายใจมังกรได้ทำให้ซอลจีฮูต้องเบิกตากว้าง นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาเห็นการโจมตีแบบนี้ โฮมุนครุสได้ซ่อนไพ่ตายของมันเอาไว้เหมือนกับซอลจีฮู
‘เวรเอ้ย!’
ซอลจีฮูที่ตกใจได้รีบดึงพลังต่อต้านปีศาจออกมา ในเวลาเดียวกันกับที่แสงสีทองได้สว่างขึ้นรอบตัวเขา พลังงานสีดำก็ได้กลืนกินซอลจีฮูเหมือนคลื่นน้ำ
“กรอดดด!”
เขามองไม่เห็นอะไรเลย มันเหมือนกับว่าเขาถูกความมืดสนิทเข้าปกคลุม
ถึงแม้ว่าแก่นแท้แห่งพลังจะกำลังเผาผลาญพลังปีศาจ แต่พลังปีศาจมันก็มากเกินกว่าที่พลังต่อต้านปีศาจจะเอาชนะได้ สภาพของเขาในตอนนี้มันเหมือนกับปืนหนึ่งกระบอกกำลังสู้กับทหารนับหมื่น
‘ฉัน… ไม่ไหวแล้ว…!’
เมื่อรู้สึกได้ว่ามานาเขากำลังจะเหือดแห้ง ซอลจีฮูก็ล้มเลิกการโจมตี และหลบออกมาจากพลังงานมืด การมองเห็นของเขาได้กลับคืนมาอีกครั้งหลังจากหลบพ้นระยะการโจมตี ยังไงก็ตาม-
“!”
สิ่งที่รอซอลจีฮูอยู่ในตอนที่เขากระโดดมาด้านข้างนั่นก็คือตะกอที่ตกลงมาจากท้องฟ้าเหมือนกับจะแยกแผ่นดิน โฮมุนครุสคงคิดเอาไว้ว่าซอลจีฮูจะหลบออกมา และเหวี่ยงแขนเข้าใส่เขา
ซอลจีฮูได้รีบกลิ้งตัวไปกับพื้นตามสัญชาตญาณโดยไม่มีโอกาสได้พักหายใจเลยสักนิด
แคว๊กก! เสียงฉีกขาดได้ดังออกมาพร้อมความปวดแสบปวดร้อนที่แผ่นหลังของเขา โชคดีที่ซอลจีฮูยังหลบการโจมตีส่วนใหญ่มาได้ แต่ว่าเขาก็ยังคงกลิ้งกับพื้นไม่หยุด จากซ้ายไปขวา จากขวาไปซ้าย
ทำไมล่ะ? ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! นั่นเพราะโฮมุนครุสยังคงใช้มือที่เหมือนตะขอของมันโจมตีลงมาไม่หยุด
ซอลจีฮูได้กลิ้งจนกระทั่งเขาเริ่มเวียนหัว เขาไม่รู้เลยว่าตอนนี้เขากำลังกลิ้งไปอยู่จุดไหนจนกระทั่งร่างกายหยุดนิ่งอย่างกระทันหัน เขาได้มาถึงหน้าผาแล้ว เมื่อมองขึ้นไปอย่างสับสน เขาก็เห็นโฮมุนครุสกำลังยกแขนยาวของมันด้วยรอยยิ้ม ม่านตาของซอลจีฮูถึงกับสั่นเทาขึ้นมา
นี่เป็นในตอนที่อึนยูริได้กลับมาพร้อมกับอีกสองคน ทันทีที่เธอร่วมกลุ่มกับปาร์ควูรีและยูยอลมู เธอก็ได้รีบทิ้งผู้รอดชีวิตคนอื่น และมุ่งหน้ามาในจุดที่มีเสียงปะทะในทันที เมื่อพวกเธอมาถึงก็ต้องพูดไม่ออก
สะพานได้ขาดลง และมีรอยหลุมจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ตามพื้นจนเละเทะไปหมด มีต้นไม้ใหญ่นับไม่ถ้วนถูกโค่น ถอนราก และหินก็แตกกระจายเป็นเศษเล็กๆทั่วไปหมด มันดูไม่เหมือนกับการต่อสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่งเลยสักนิด มันเหมือนกับสงครามขนาดกลางที่โยนระเบิดเข้าใส่กันมากกว่าซะอีก
“อ่า ตรงนั้น!”
ในตอนนั้นเองปาร์ควูรีได้ตะโกนออกมาพร้อมชี้ไปทางหนึ่ง ไม่ไกลนักพวกเขาเห็นคนที่พวกเขากำลังตามหาอยู่ และก็ยังเห็นโฮมุนครุสกำลังยกแขนของมันขึ้นสูงเหนือชายคนนี้
“ดะ ดูเหมือนเขาจะอยู่ในอันตรายนะ…”
ปาร์ควูรีสะดุ้งขึ้นมาเมื่อเห็นภาพที่เหนือจินตนาการ มันไม่มีอะไรอีกแล้ว
“โยนเลย!!”
อึนยูริได้ตะโกนสุดเสียง และโยนบอลเวทย์ในมือออกไป เนื่องจากขนาดของโฮมุนครุส มันจึงไม่ยากเลยที่จะโยนให้ถูกตัวมัน
เมื่อบอลเวทย์สัมผัสถูกตัวมอนสเตอร์ก็เกิดเป็นประกายแสงเจิดจ้าขึ้นมา ปาร์ควูรีกับยูยอลมูที่รู้สึกตัวต่อมาได้รีบโยนบอลเวทย์ตามเข้าไปเช่นกัน
“กรร?”
โฮมุนครุสที่กำลังจะจบชีวิตซอลจีฮูได้ผงะไป แต่ด้วยแสงเจิดจ้าที่จู่ๆก็ปรากฏขึ้นมาได้พันรอบตัวมันไว้เหมือนกับใยแมงมุมทำให้มันขยับตัวไม่ได้ เมื่อหันกลับไปมอง มันก็เห็นบอลเวทย์อีกจำนวนมากกำลังลอยเข้ามา
“กรรรรรรรรร!”
แค่การสะบัดตัวเพียงครั้งเดียวได้ทำให้ใยแมงมุมหลุดลง แม้ว่าบอลเวทย์ที่ลอยตามเข้ามาจะทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าฟาด แต่โฮมุนครุสก็แค่ผงะเล็กน้อย และดูไม่ได้รับบาดเจ็บเลย จริงๆแล้วมันดูจะไม่เป็นไรเลยด้วยซ้ำ
โฮมุนครุสได้มองทั้งสามคนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปหาซอลจีฮู มันเหมือนกับจะบอกว่า ‘ฉันจะจัดการหมอนี่ก่อนจะไปจัดการพวกแกทีหลัง’
ในตอนนั้นเองปาร์ควูรีก็เบิกตาขึ้น
“จริงสิ!”
ทันใดนั้นเขาก็ดูโทรศัพท์ก่อนตะโกนว่า ‘ยูเรก้า’ และวิ่งเข้าไปพร้อมกระเป๋าหนัง
“นะ นายกำลังไปไหน?”
ยูยอลมูได้ตะโกนตกใจออกมา แต่ปาร์ควูรีก็ยังวิ่งต่อไปพร้อมตะโกนออกมา “คุ้มกันฉัน! คุ้มฉันกัน!”
อึนยูริได้ถือบอลเวทย์เอาไว้ในมือแน่น ตัดสินจากการที่เขาพกกระเป๋าหนังไปด้วยแล้ว เขาก็คงคิดที่จะส่งไอเทมให้ซอลจีฮูตรงๆ อึนยูริก็รู้สึกซาบซึ้งในการกระทำนี้ แต่เธอก็ไม่คิดว่าเขาจะไปถึงตัวซอลจีฮูได้ทันเวลา
เธอจะต้องซื้อเวลาให้ปาร์ควูรีเข้าไปรักษาซอลจีฮู และส่งมอบของให้เขา
“ฮ่าห์-”
หลังจากสูดหายใจ อึนยูริได้เม้มปากเล็กน้อย เธอได้ยื่นแขนออกไปข้างหน้า จากนั้นก็เพลิงตาโพล่ง เธอกำลังกัดฟันดึงพลังงานทุกๆส่วนของร่างกายออกมา
“ย๊ากกกกกกกกก-”
เหงื่อเม็ดเล็กๆได้ไหลอยู่บนหน้าผากของเธอราวกับเธอกำลังตั้งสมาธิอย่างหนัก ไม่นานนักอึนยูริก็ได้ดันบอลเวทย์ออกไปด้านหน้า แทนที่จะโยนมัน
ในเวลาเดียวกัน…
“พี่ชาย! พี่ชาย!”
ปาร์ควูรีได้ตะโกนเรียกซอลจีฮูซ้ำๆ ขณะวิ่งเขาเอาแต่มองซอลจีฮู โดยไม่แม้แต่เหลือบตามองโฮมุนครุสด้วยซ้ำ
“พี่ชาย นายมุทะลุปาร์คมาแล้ว!”
ปาร์ควูรีได้ตะโกนลั่นหลังจากที่มาถึงตัวซอลจีฮูได้สำเร็จ แต่ซอลจีฮูก็ไม่ได้เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดเลย ถึงแม้ว่าซอลจีฮูจะยังไม่ได้อาการหนักมาก แต่ว่าหูของเขากำลังอื้ออย่างรุนแรง สิ่งที่เขาได้ยินมีแต่เสียงระเบิดเท่านั้น
แต่ถึงแบบนั้นเขาก็เข้าใจว่าทำไมปาร์ควูรีถึงมาที่นี่ เพราะมือของฝ่ายตรงข้ามขยับเร็วพอๆ กับปากของเขา
“ผมบอกแล้วไงว่าผมจะตอบแทนบุญคุณ ผมเป็นคนแบบนี้แหละครับ”
เขาได้ยกกระเป๋าหนังออกมาวาง และเททุกๆอย่างออกมา จากนั้นก็กรอกขวดโพชั่นใส่ปากซอลจีฮู ทันทีที่มีของเหลวไหลลงคอ ซอลจีฮูได้เบิกตากว้างขึ้น
‘น้ำยารักษา’
เขาอยากจะบอกให้ปาร์ควูรีราดลงบนแผลเขาด้วย แต่แล้วเมื่อปาร์ควูรีจับขวดที่เหลือทั้งหมด และราดลงทั่วตัว เขาก็รู้ว่าไม่จำเป็นต้องพูดเลย
ผลของน้ำยาได้แสดงออกมาในทันที อาการบวมที่แขนซ้ายของเขาได้ลดลง อาการเจ็บปวดที่สีข้างได้หายไป และรวมถึงอาการหูอื้อด้วย ร่างกายของเขาที่กำลังกรีดร้องเจ็บปวดออกมาได้เริ่มดีขึ้น มันดูเหมือนจะมีน้ำยาพลังกายอยู่ด้วย
สมองของซอลจีฮูได้โร่งขึ้น ความเวียนหัวของเขาได้หายไปพร้อมลุกขึ้นยืน
“พี่ชาย!”
ในที่สุดเขาก็ได้ยินเสียงปาร์ควูรี ซอลจีฮูได้กระพริบตามองลงไปอย่างสับสน
‘อะไรกัน?’
ทำไมโฮมุนครุสถึงไม่ทำอะไรเลย? นี่มันแปลก
‘ได้ยังไงกัน?’
ซอลจีฮูเงยหน้าขึ้น และรู้สึกสงสัยในสิ่งที่เห็น โฮมุนครุสยังคงมองเขาพร้อมแขนขวาที่ติดอยู่กับหน้าผากอยู่ แต่มันก็ไม่ได้ขยับเลยสักนิด ไม่สิ-
“กรรรรร-”
มันได้ร้องเสียงแหบพร่า และดิ้นพล่าน จากนั้นมันก็เอนตัวไปพิงเข้ากับหน้าผา
‘นี่…’
จากภาพที่คาดไม่ถึงได้ทำให้ซอลจีฮูรู้สึกตกใจ มีแค่เหตุผลเดียวเท่านั้นที่ทำให้โฮมุนครุสมีปฏิกิริยาแบบนี้ นั่นก็คือในตอนที่มันได้รับบาดเจ็บสาหัส
“พี่ชาย! นี่ครับ!”
ในตอนนี้เองปาร์ควูรีก็ได้ยื่นบางอย่างมาให้เขา มันเป็นแท่งยาวที่มีปุ่มกดอยู่ด้านบน
…
[อัญเชิญอาวุธหนึ่งครั้ง – จำลอง]
กดปุ่มเพื่ออัญเชิญอาวุธในจินตนาการ อาวุธนี้จะใช้ได้แค่ในบทฝึกสอน และมีพลังของอาวุธจริงเพียง 70 เปอร์เซ็นต์
เมื่อถูกใช้งานแล้ว มันจะหายไปหลังผ่านไปสิบนาที
…
เมื่ออ่านจบ ตาของซอลจีฮูได้เป็นประกายขึ้น
“ขอบคุณมาก!”
เขาได้รีบรับอาวุธมาจากมือปาร์ควูรี และกดปุ่มลงไป จากนั้นแท่งไม้ก็ได้เรืองแสงออกมาก่อนที่จะกลายเป็นหอก
ถึงมันจะเป็นแค่แบบจำลอง แต่มันก็เป็นหอกพิสุจน์ที่เขาต้องการมานาน
‘สมบูรณ์แบบ’
แค่จับเพลาหอก ความรู้สึกพึงพอใจก็ถูกส่งมาที่มือของเขา
ตอนนี้เขามีอาวุธ และร่างกายก็ได้รับการรักษาแล้วด้วย…
“แก…”
ซอลจีฮูกัดฟันมองโฮมุนครุสด้วยความไม่ใจ ในเวลาเดียวกันโฮมุนครุสก็คืนสภาพกลับมา และกำลังจ้องมองซอลจีฮูอยู่
“กรรรร!”
มันได้เหวี่ยงกรงเล็บตะขอของมันอีกครั้ง แต่ว่าซอลจีฮูได้เปลี่ยนท่าร่างไปแล้ว
‘ฟัน’
ซอลจีฮูได้เหวี่ยงหอกตามทิศทางตะขอที่ฟาดลงมา และข้อมือของโฮมุนครุสก็ถูกตัดขาดเหมือนกับเนย แม้ว่าบริเวณนั้นจะกำลังทำการฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว แต่มันก็ต้องผงะไป สัญชาตญาณของมันกำลังบอกว่าตอนนี้มีบางอย่างที่ต่างออกไป ด้วยความกลัวทำให้มันรีบเหวี่ยงแขนอีกครั้ง
‘ฟาด’
แต่ว่าเมื่อซอลจีฮูฟาดหอกออกไปเต็มกำลัง ข้อมือของมันก็ถูกตีขึ้นไป แบบจำลองหอกเทพได้แสดงถึงพลังอันน่าสะพรึงในการต่อต้านปีศาจออกมา
ซอลจีฮูยิ้มอย่างมีความสุข
นี่แหละ ความรู้สึกนี้
นี่คือสิ่งที่เขาต้องการ
ในตอนเขาใช้มีดยาว เขารู้สึกเหมือนกับกำลังใส่ชุดที่ไม่พอดีตัว ในตอนนี้เขามีอาวุธแล้ว ทุกๆอย่างมันได้ดำเนินไปอย่างถูกต้อง
จนมาตอนนี้โฮมุนครุสได้เริ่มดึงแขนอีกข้างออกมาจากหน้าผาแล้ว
ซอลจีฮูยังไม่รู้ว่าเมื่อกี้โฮมุนครุสตายไปได้ยังไง แต่เขาก็ไว้ค่อยคิดมันทีหลัง ในตอนนี้หากโฮมุนครุสดึงแขนออกมาได้มีแต่จะสร้างปัญหาให้เขามากยิ่งขึ้น ซอลจีฮูไม่ใช่คนที่จะปล่อยเหยื่อที่ติดกลับไป
“พูด-”
ซ่าาาส์! ประกายสายฟ้าได้พุ่งออกมาจากร่างซอลจีฮูพร้อมกับปราณดาบที่พุ่งจากปลายหอก
“คำพูดสุดท้ายออกมา”
เมื่อเขาได้ใช้พลังมานา สูง (สูง) ทำให้กระแสสายฟ้าสีทองระเบิดออกมาผ่านผิวหนังของเขา และสร้างเป็นคลื่นอยู่รอบตัว ในสภาพนี้เคยทำให้จิรายุ แมทธิวต้องเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นระดับ 6 มาแล้ว
หลังจากนั้นไม่นานประสายแสงสีทองก็ได้พุ่งผ่านร่างโฮมุนครุสที่ติดกับ
***
ในเวลาเดียวกัน
“เกิดอะไรขึ้น?”
ขณะมองจออยู่ โฮราฮีก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
“ทำไมตอนนั้นมันส่ายไปมา? มีใครเห็นอะไรไหม?”
“มันโดนบอลเวทย์”
คาซุกิเป็นคนตอบกลับมา คิ้วของโฮราฮีขมวดคิ้ว
“บอลเวทย์? นายคิดว่ามันเป็นไปได้หรอ?”
“เป็นการโจมตีที่ผสานเวทย์หมอกพิษกับเวทย์เพลิง มันเป็นการผสานของเวทย์ที่แกร่งที่สุดที่บอลเวทย์จะใช้ได้แล้ว”
“แต่ถึงแบบนั้น… ฉันก็ไม่คิดว่าเจ้านั่นมันจะถูกจัดการด้วยแค่บอลเวทย์ธรรมดา”
“ตามปกติก็เป็นแบบนั้นแหละ”
คาซุกิได้พยักหน้าเห็นด้วย
“แต่ว่าโฮมุนครุสก็มีจุดอ่อนอยู่”
“จุดอ่อน”
“จุดตายน่ะ”
“นี่นายจะล้อฉันเล่นหรอ? มันมีจุดตายอื่นนอกจากหัวกับแกนกลางอีกหรอ?”
โอราฮีได้เถียงออกมาด้วยสีหน้าสับสน หากว่ามันโดนปราณดาบหรือหอกมานาที่มีพลังสูงโจมตีก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
“นายจะบอกว่าบอลเวทย์ทั้งสองที่มีพลังทะลุทะลวงน้อยได้เจาะผ่านผิวหนังชั้นนอก และโจมตีโดนจุดตายได้งั้นหรอ?”
คาซุกิได้ละสายตามาจากจอ เขาได้หันหน้ามามองโอราฮี พร้อมยกมือขึ้น จากนั้นก็ชี้มาที่หัวของเขา
“ตรงนี้”
พูดให้ถูกคือเขากำลังชี้ที่หู
“โจมตีผ่านตรงนี้”
“…อะไรนะ?”
“บอลเวทย์ได้ผ่านเข้าไปในหูของโฮมุนครุส จากนั้นก็ทำงานในนั้น”
เมื่อได้ยินแบบนี้สีหน้าโอราฮีก็แข็งทื่อไปครู่หนึ่ง
“ฮ่าฮ่า!”
ต่อจากนั้นเธอก็แค่นเสียงเหมือนกับได้ยินเรื่องตลก
“น่าสนใจ พวกเขามีหนึ่งในนักเบสบอลมีอาชีพหรือไงกัน?”
แน่นอนว่าโฮมุนครุสได้ได้กำลังขยับตัว แต่ว่าการโยนบอลเวทย์จากระยะไกลแบบนั้น แล้วทำให้มันเข้าไปในหูอย่างพอใจนี่?
โอราฮีกล้าพูดอย่างมั่นใจเลยว่ามันไร้สาระ
“เธอไม่ใช่นักเบสบอลมืออาชีพ”
คาซุกิได้พูดต่ออย่างสงบ
“แต่ฉันคิดว่าเธอใช้มานา”
“?”
“เธอไม่ได้โยนบอลเวทย์เลย เธอปล่อยมันเบาๆ และควบคุมพวกมันเข้าไปในหูของโฮมุนครุสด้วยตัวเอง”
โอราฮีที่รักษาหน้าตายมาตลอดได้เปลี่ยนสีหน้าไป
“แม้จะแค่ครู่เดียว แต่ฉันเห็นมันเปลี่ยนทางกลางอากาศ อะไรแบบนั้นมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยหากไม่ใช่การใช้มานา”
“…งั้นนายกำลังบอกว่า…”
โอราฮีพูดอย่างตกตะลึงราวกับเธอได้ยินอีกเรื่องไร้สาระหนึ่ง
“มีคนที่ไม่ได้ผ่านห้องปลุกพลังในเขตพื้นที่เป็นกลาง แต่ใช้มานาได้งั้นหรอ?”
“…”
“แล้วไม่ใช่แค่ใช้มานา แต่เธอยังควบคุมมันอีกด้วย”
คาซุกิยังคงเงียบ แม้ว่าเขาจะเป็นคนพูดมันออกมา แต่เขาก็รู้ว่ามันไร้สาระมาก
โอราฮีได้เชิดคางมองขึ้นไปบนเพดาน
“อายาเสะ คาซุกิ”
เธอได้ถอนหายใจออกมา
“ฉันผิดหวังมาก ฉันไม่คิดว่านายจะเป็นคนชอบเล่นมุกปัญญาอ่อนแบบนี้เลย”
“ฉันแค่พูดในสิ่งที่เห็น”
คาซุกิพยักไหล่ออกมา
“ฉันอยากจะรู้จริงๆเลยว่าเธอคนนั้นเป็นใครกันแน่”
อีกด้านหนึ่งคิมฮันนาห์ที่ฟังพูดเขาคุยกันได้หันไปมองจออีกครั้งหนึ่ง
แม้ว่าบทฝึกสอนมันจะจบลงไปแล้ว แต่เธอกำลังสบสน จากสามัญสำนึกปกติแล้วมันไม่แปลกเลยที่โอราฮีจะไม่เชื่อ แต่ว่าคาซุกิไม่ใช่คนที่จะโกหก
‘เกิดอะไรขึ้นกัน?’
คิมฮันนาห์ได้จ้องอึนยูริ นี่เป็นอิทธิพลของการที่เธอเคยปลุกพลังมาก่อนงั้นหรอ? หรือว่า…
‘เดี๋ยวก่อนนะ’
เมื่อความคิดนี้เขามา เธอก็ได้ไตร่ตรองกับตัวเอง
นอกเหนือจากแผ่นยันต์สามใบที่อึนยูริได้จากกล่องของจำเป็น…
‘ของอย่างแรกที่เธอได้รับคือ…’
จากนั้นเองเมื่อเธอกำลังจะนึกขึ้นได้ คิมฮันนาห์ก็รู้สึกว่าสร้อยของเธอถูกดึงลง
เมื่อมองลงไปที่ชี้ของซอลจีฮู จี้ก็กำลังส่ายไปมาตามหน้าจอ
“…โฟลน? อะไรงั้นหรอ…”
ก่อนจะได้พูดจบคิมฮันนาห์ก็ต้องเงียบลงไป นั่นก็เพราะเธอนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่นี้โฟลนกำลังร้องไห้อยู่
[นั่นแหละ!]
ใช่แล้ว โฟลนได้ออกมาจากจี้แล้ว
[ฆ่ามัน! ใช่แล้ว! หวดมันเลย!]
เมื่อเห็นซอลจีฮูวูบวาบไปมาบนหน้าจอ โฟลนก็ยกแขนส่งเสียงเชียร์ออกมา
คิมฮันนาห์ได้มองลงไปบนจี้อีกครั้ง เมื่อเธอย่อตัวลงมอง จี้ก็กำลังลอยไปทางหน้าจอที่ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงซอลจีฮู
ไม่เพียงแค่ลอยจนติดหน้าจอเท่านั้น แต่มันเหมือนกับจะทะลุจอไปให้ได้
มันเหมือนกับจี้ที่กำลังมองดูอึนยูริกำลังหอบหนัก