บทที่ 268 เผชิญหน้านักฆ่าในความมืดอีกครั้ง
เยว่เว่ยหยางรู้ถึงสาเหตุการตายของฟางเจิ้นหรู่อยู่แล้ว
แต่บนศพคนตายมีลูกดอกซึ่งเป็นอาวุธประจำตัวหลินเป่ยเฉินอยู่ได้อย่างไร?
“เป็นไปไม่ได้”
เยว่เว่ยหยางคิดอย่างรอบคอบและพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ “หลินเป่ยเฉินไม่มีเวลาออกไปลงมือก่อเหตุฆ่าผู้ใดได้แน่นอน เขาอยู่ในการแข่งขันตลอดทั้งบ่าย แข่งเสร็จก็ไปกินเลี้ยงกับคนอื่นๆ ที่โรงเตี๊ยมหว่านเซิ่ง หรือต่อให้เขามีเวลาออกไปจริง หลินเป่ยเฉินก็ไม่ใช่คู่มือของฟางเจิ้นหรู่เด็ดขาด”
นักพรตหญิงชินพูดว่า “นั่นแหละ ข้าถึงได้นำลูกดอกนี้กลับมาด้วย ไม่ว่าลูกดอกนี้จะมาจากไหน แต่เห็นได้ชัดว่าคนที่ทิ้งมันไว้ตั้งใจจะใส่ร้ายหลินเป่ยเฉิน ยิ่งเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับพวกสาวกปีศาจด้วยแล้ว ถ้าเขาถูกกล่าวหาขึ้นมา รับรองว่าจะต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่”
เยว่เว่ยหยางพูดด้วยความร้อนใจ “ถ้าอย่างนั้น ศิษย์จะไปเตือนเขาเดี๋ยวนี้”
พูดจบ เด็กสาวก็ไม่รอให้นักพรตหญิงชินได้พูดอะไร นางหันหลังกลับและวิ่งหายไปในความมืด
นักพรตหญิงชินก้มหน้ามองลูกดอกเหล็กมิธริลที่อยู่บนฝ่ามือ ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะโคจรพลังลมปราณเผาผลาญลูกดอกเหล็กสลายหายไปในอากาศ
หลังจากนั้น นางก็คุกเข่าหน้ารูปปั้นเทพีกระบี่และเริ่มต้นสวดภาวนา
นักพรตหญิงชินไม่ทราบเช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หลายวันที่ผ่านมานี้ นางนั่งสวดมนต์อยู่แทบตลอดเวลา แต่เทพีกระบี่ไม่สื่อสารกับนางเลย
เหมือนกับว่าเหล่าเทพเจ้าได้หายตัวไป
สิ่งนี้ทำให้นักพรตหญิงชินเกิดความรู้สึกไม่ชอบมาพากลขึ้นแล้ว
…
“เพลง ‘ยอดคนไร้เทียมทาน’ เพิ่มพลังการต่อสู้เยอะกว่าเพลง ‘กระบี่ไร้เทียมทาน’ ถึง 2 เท่าเลยเหรอเนี่ย พอเปิดปุ๊บ ระดับพลังของเราก็เลื่อนขึ้นไปอยู่ที่ขั้นปรมาจารย์ระดับ 4 ทันที โคตรเฟี้ยวเลยเว้ยเฮ้ย!”
หลินเป่ยเฉินกระโดดโลดเต้นอยู่ในห้องนอนด้วยความดีใจ
ความสามารถใหม่ในแอปเล่นเพลงของเขามาได้ถูกเวลาเหลือเกิน
เมื่อมีบทเพลงยอดคนไร้เทียมทานคอยช่วยเหลือ การคว้าชัยชนะในรอบแบ่งกลุ่มชิงธงก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว
หลังจากเก็บโทรศัพท์มือถือ อารมณ์ของหลินเป่ยเฉินก็เริ่มคลายความตื่นเต้นลง
ก่อนหน้านี้ เด็กหนุ่มวางแผนการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เขาจึงได้ลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาเตรียมตัวเข้านอน แต่ในจังหวะนั้นเอง หูก็ได้ยินเสียงระเบิดเบาบางดังขึ้นในสนามหญ้าหน้าตำหนักไม้ไผ่
นั่นคือเสียงระเบิดอึของเจ้าหนูอากวง
หลินเป่ยเฉินคุ้นเคยกับเสียงนี้ดี
มีคนเจตนาบุกรุกเข้ามาที่ตำหนักไม้ไผ่อีกแล้วหรือ?
หลินเป่ยเฉินหัวใจกระตุกวูบ รีบกระโดดพุ่งตัวออกไปทางหน้าต่าง ยกมือขึ้นเตรียมยิงอาวุธลับในขณะที่กระโดดลงไปจากหลังคา
เมื่อทิ้งตัวลงมาอยู่บนพื้นดิน เด็กหนุ่มก็กวาดสายตามองโดยรอบ แน่นอนว่าพื้นที่ของสนามหญ้าหน้าตำหนักไม้ไผ่ในขณะนี้ กำลังมีควันสีเขียวลอยโขมง
ท่ามกลางควันพิษเหล่านั้น ปรากฏชายฉกรรจ์ในชุดดำ 3 คนล้มฟุบลงไปกับพื้นดิน
แต่ก็ยังมีชายฉกรรจ์ชุดดำอีกไม่ต่ำกว่า 8 คน พวกมันรีบหยิบหน้ากากขึ้นมาสวมใส่ ในจังหวะเดียวกันนั้นก็สะบัดมือขึ้น ยิงเชือกตะขอเกี่ยวกับขอบกำแพง เตรียมตัวหลบหนีด้วยความว่องไว
เป็นเจ้าพวกนี้อีกแล้วหรือ
หลินเป่ยเฉินจำคนชุดดำพวกนี้ได้ดี พวกมันเป็นนักฆ่ากลุ่มเดียวกับที่เคยมาเมื่อครั้งที่แล้ว
นี่พวกมันจะบุกมาสังหารเขาอีกแล้วใช่ไหม
จิตสังหารปะทุขึ้นในจิตใจของหลินเป่ยเฉินทันที
“หวังจง ดูแลตำหนักไม้ไผ่ด้วย” เขาตะโกนออกคำสั่ง
หลังจากนั้น เด็กหนุ่มก็ดาวน์โหลดธนูเหล็กไหลออกมาจากแอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์
หลินเป่ยเฉินน้าวคันธนูและยิงลูกศรมังกรบินออกไป
เขาลงมือด้วยความรวดเร็ว
ฟ้าว!
ลูกศรพุ่งเป็นเส้นตรง
ฟู่!
ลูกศรของเขาไม่พลาดเป้า ปักร่างของผู้บุกรุกคนหนึ่งตรึงติดอยู่บนพื้นดิน
หางของลูกศรที่แกะสลักเป็นลวดลายหางมังกรยังคงสะบัดไหวอยู่ในอากาศ
หลินเป่ยเฉินไม่เสียเวลาพูดคุย จัดการยิงลูกศรต่อไปไม่หยุดยั้ง
ฟ้าว! ฟ้าว!
ลูกศรพุ่งผ่านอากาศ สังหารผู้บุกรุกถึงแก่ความตาย
ถึงแม้ชายฉกรรจ์ชุดดำเหล่านี้จะมีฝีมือไม่ต่ำต้อย แต่ลูกศรมังกรบินของหลินเป่ยเฉินมีความรวดเร็วมากเกินไป พวกมันไม่ทันได้ฉากหลบ รู้ตัวอีกที ผู้บุกรุกทั้ง 7 คนนั้นก็ถูกลูกธนูปักตรึงอยู่กับกำแพงเรียบร้อยแล้ว
หลินเป่ยเฉินใช้วิชาตัวเบาวิหคดั้นเมฆ ลอยตัวไปยังกำแพงรั้วที่พัก
ถึงเขาจะรู้ดีว่าเจ้าหนูอากวงวางกับระเบิดเอาไว้ตรงไหนบ้าง แต่เด็กหนุ่มก็ไม่เสี่ยงเดินบนพื้นสนามหญ้า เพราะเดี๋ยวจะเหยียบกับระเบิดเองไม่รู้ตัว
หลินเป่ยเฉินจัดการถอดหน้ากากหนึ่งในศพชายชุดดำออก
ปรากฏว่าใบหน้าที่อยู่ใต้หน้ากากถูกทำลายจนเสียโฉม มองไม่เห็นเค้าโครงหน้าที่แท้จริงอีกแล้ว
มือสังหารในชุดดำทั้ง 7 คนนั้น ต่างก็มีสภาพเป็นเช่นนี้ทั้งหมด
หลินเป่ยเฉินดาวน์โหลดดาบศีลธรรมออกมาใช้งาน เขาตัดหัวและแทงหัวใจด้วยความคล่องแคล่ว ภาพเหล่านี้ทำให้บรรดานักฆ่าที่ยังซ่อนตัวอยู่ในความมืดถึงกับชะงักไปไม่น้อย
หลินเป่ยเฉินเป็นเพียงมือกระบี่รุ่นเยาว์ อายุ 14 – 15 ปี เหตุไฉนถึงได้มีจิตใจอำมหิตถึงเพียงนี้?
เมื่อหลินเป่ยเฉินจัดการตัดหัวแทงหัวใจครบทุกซากศพ เขาก็ชูดาบในมือขึ้นสูง “สหายที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด เหตุไฉนถึงไม่ปรากฏตัวออกมาอีก?”
ป่าไผ่ส่งเสียงดังแกรกกราก
แสงจันทร์สาดส่อง
ปรากฏเงาร่างคนคู่หนึ่งเดินออกมาจากความมืด
คนหนึ่งผอมสูง
อีกคนอ้วนเตี้ย
ทั้งคู่สวมใส่ชุดสีดำและมีหน้ากากทองเหลืองปิดบังใบหน้า
พวกมันไม่เอื้อนเอ่ยวาจา มีรังสีเย็นชาเหมือนคนตาย แสงจันทร์สาดส่องลอดลงมาจากหลังคาใบไผ่ เสริมสร้างบรรยากาศให้เหมือนการปรากฏตัวของภูตพรายสองตน ไม่มีสิ่งใดจะน่าขนลุกไปมากกว่านี้อีกแล้ว
“พวกเจ้าเป็นใคร?”
หลินเป่ยเฉินปักดาบศีลธรรมลงบนพื้นดิน พูดว่า “ทำไมต้องอยากลอบสังหารข้านักหนาฮะ?”
นักฆ่าอ้วนผอมไม่ตอบคำใด
แต่ไม่รู้พวกมันสะกิดปลายเท้าตอนไหน พลิ้วกายแค่พริบตาเดียว นักฆ่าคู่นี้ก็เข้ามาประชิดตัวหลินเป่ยเฉินได้แล้ว
ในมือของพวกมันปรากฏดาบเสี้ยวพระจันทร์คนละเล่ม
นี่คืออาวุธที่ไม่ค่อยมีใครใช้กันสักเท่าไหร่
“ถ้าจะเล่นกันอย่างนี้ พวกเจ้าก็คงต้องตายแล้วละ”
หลินเป่ยเฉินหมุนตัวตีลังกาหลบหนี ก่อนจะใช้วิชาศรมังกรคราส ยิงลูกศรออกไปด้วยความร้อนแรง
ลูกศรของเขาพุ่งผ่านความมืดราวกับสายฟ้าฟาด
ช่างรวดเร็วอย่างร้ายกาจ
นักฆ่าอ้วนผอมกะพริบตาทีเดียว ลูกศรเหล็กไหลก็มาถึงตรงหน้าแล้ว พวกมันทำได้เพียงยกดาบเสี้ยวพระจันทร์ขึ้นมาป้องกัน หมายจะปัดป้องลูกศรเหล็กไหลให้ลอยกระเด็นออกไป
ตู้ม!
พลัน เกิดเสียงระเบิดเหมือนมีคนยิงปืนใหญ่
เลือดสาดกระจายในความมืด
นักฆ่าอ้วนผอมที่กำลังจะใช้วิชาตัวเบาหลบหนี พลันร่วงตกลงมาจากกลางอากาศกระแทกพื้นอย่างแรง
มือของพวกมันทั้งสองคนมีเลือดไหลโชก กระดูกแตกหักหลายส่วน อาวุธประจำกายแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะอานุภาพของลูกศรมังกรบิน
ช่างรุนแรงเหลือเกิน
แต่ว่านักฆ่าอ้วนผอมคู่นี้เป็นถึงมือสังหารมืออาชีพ
ต่อให้อยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัส พวกมันก็ไม่ส่งเสียงร้องครวญครางเลยสักคำ มิหนำซ้ำ ยังลุกขึ้นยืนตะเกียกตะกายหลบหนีได้หน้าตาเฉย
ปรากฏว่าเด็กหนุ่มผู้เป็นเป้าหมายมีพลังสูงส่งกว่าข้อมูลที่พวกมันได้รับมา
พวกมันวางแผนผิดพลาด
หลินเป่ยเฉินเห็นดังนั้นก็คลี่ยิ้มเย็นชา
คิดจะมาก็มา คิดจะไปก็ไปอย่างนั้นหรือ?
เด็กหนุ่มน้าวคันธนูและประทับลูกศรลงไป 2 ดอก อาศัยแสงสว่างของดวงจันทร์เล็งเป้าหมาย และยิงลูกศรออกไปในที่สุด
ลูกศรเหล็กไหลพุ่งเป็นแสงสว่างกลางความมืดมิด
มือสังหารอ้วนผอมระวังตัวอยู่ก่อนแล้ว พวกมันได้รับบทเรียนว่าไม่ควรลงมือตั้งรับเด็ดขาด ทางรอดเดียวคือใช้วิชาตัวเบาขั้นสูงสุด เบี่ยงกายหลบวิถีลูกศรไปทางขวามือ
นับเป็นการหลบเลี่ยงที่ฉลาดมาก
แต่ในเวลาเดียวกันนั้น ศรมังกรบินกลับสามารถเปลี่ยนทิศทางได้กลางอากาศ และพวกมันก็พุ่งปักเข้าไปที่ขาของนักฆ่าอ้วนผอมไม่ผิดพลาด
ฟู่! ฟู่!
หลินเป่ยเฉินมีความแม่นยำไม่ต่างจากนักแม่นปืน ขาซ้ายของฝ่ายตรงข้ามระเบิดกระจายเป็นม่านหมอกเลือด เศษกระดูกปลิวกระจายในอากาศ นักฆ่าอ้วนผอมที่กำลังหลบหนีด้วยความเร็วสูงสุดพลันส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่ตัวคนจะตกลงมากระแทกพื้นและกลิ้งกระเด็นไปหลายตลบ
เมื่อสักครู่นี้เป็นหนึ่งในสามกระบวนท่าของวิชาศรมังกรคราส
ลูกธนูที่ถูกยิงออกไปสามารถเปลี่ยนทิศทางได้กลางอากาศ ทำให้ศัตรูยากต่อการหลบหนี
นี่คือครั้งแรกที่หลินเป่ยเฉินได้ลองใช้กระบวนท่านี้
“คิดว่าการลอบสังหารข้า มันจะง่ายดายเหมือนหั่นผักผ่าแตงโมหรือไง?”
หลินเป่ยเฉินมีระดับพลังสูงขึ้น การพูดจาของเขาจึงดูวางท่าใหญ่โตมากกว่าเดิม
เด็กหนุ่มใช้วิชาตัวเบาเข้าไปประชิดตัวนักฆ่าทั้ง 2 คน
เขาตั้งใจที่จะจับเป็นพวกมันมาสอบปากคำ
มือสังหารอ้วนผอมคู่นี้มีระดับพลังแข็งแกร่ง แสดงว่าสถานะคงไม่ต่ำต้อย
หลินเป่ยเฉินอาจจะได้ข้อมูลที่มีประโยชน์ก็เป็นได้
นี่คือเหตุผลที่เขาเลือกยิงขาของพวกมัน เพื่อที่มือสังหารคู่นี้จะไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้อีก
แต่ขณะที่หลินเป่ยเฉินทิ้งตัวลงไปยืนอยู่ข้างกายพวกมัน ได้ปรากฏบุคคลลึกลับพุ่งกระโจนออกมาจากเงามืด บุคคลผู้นั้นยิงพลังลมปราณใส่มือสังหารอ้วนผอม จัดการปลิดชีพพวกมันได้สำเร็จในพริบตา
หลังจากนั้น บุคคลลึกลับก็ใช้วิชาตัวเบาหลบหนีออกไปนอกสถานศึกษากระบี่ที่สาม
“แม่งอีกแล้วเหรอวะเนี่ย?”
หลินเป่ยเฉินจดจำเงาร่างเล็กจ้อยของบุคคลลึกลับผู้นี้ได้ดี ที่แท้มันก็คือมือสังหารร่างแคระ ที่ปลอมตัวเป็นเสี่ยวหลิงลอบสังหารเขาในหุบเขาชายแดนเหนือนั่นเอง
“คราวนี้ฉันไม่มีทางปล่อยให้แกรอดได้อีกแน่ๆ” หลินเป่ยเฉินคิดอยู่ในใจ สะกิดเท้าลงบนพื้นดิน ก่อนจะลอยตัวบนท้องฟ้าตามติดนักฆ่าร่างเล็กไปอย่างรวดเร็วด้วยวิชาตัวเบามัจฉาไร้เงาแยกร่าง
ครั้งก่อนที่เผชิญหน้ากัน หลินเป่ยเฉินมีฝีมือต่ำต้อยเกินไป นักฆ่าร่างแคระผู้นี้จึงสามารถหลบหนีไปได้สำเร็จ
แต่ครั้งนี้ เขาจะต้องจับตัวมันให้จงได้ !!!